วิธีติดตั้ง iCloud ในเครื่อง Mac และ Windows

iCloud เปิดให้ใช้งานวันนี้แล้ว 12 ต.ค. 2011 นิยามง่ายๆของมันคือ “เก็บทุกอย่างไว้บนเมฆ เรียกใช้งานได้ทุกที่” เช่น ถ่ายรูปด้วย iPhone แล้วไปเปิดดูที่ iPad หรือ Mac ได้เลย มันอัพโหลดขึ้นเองอัตโนมัติ รวมทั้งปฎิทิน แอพพลิเคชั่น เพลง หนังสือ อีเมล เบอร์โทร Bookmark หน้าเว็บ จะเพิ่มลดข้อมูลที่ไหน ระบบจะทำให้ข้อมูลทุกที่ถูกอัพเดตให้เหมือนกัน การจะเริ่มใช้งานจะต้องตั้งค่านิดหน่อย ซึ่งรองรับอุปกรณ์หลัก 3 ตัว คือ กลุ่มของ iOS, OSX, Windows แบบฟรีมีพื้นที่ให้ 5 GB

วิธีติดตั้ง iCloud

วิธีติดตั้ง iCloud ใน Mac OSX Lion

  1. อัพเดต Mac OSX Lion ล่าสุดก่อน
  2. เข้าไปที่ System Preferences ในส่วนของ Internet & Wireless เลือก iCloud (ถ้ายังไม่อัพเดตจะไม่มีนะ)

    ติดตั้ง iCloud ใน Mac OSX

  3. ล็อกอินด้วย Apple ID

วิธีติดตั้ง iCloud ใน Windows

  1. ดาวน์โหลด iCloud Control Panel for Windows มาติดตั้ง

    การติดตั้ง iCloud ใน Windows

  2. ล็อกอินใช้งานด้วย Apple ID

วิธีติดตั้ง iCloud ใน iPhone & iPad & iPod touch

  1. อัพเดตให้เป็น iOS 5
  2. เปิดเครื่องครั้งแรก เครื่องจะให้ตั้งค่า หรือถ้าเข้าไปตั้งที่ setting ใน Tab iCloud

    การติดตั้ง iCloud ใน iOS devices

เมื่อเราติดตั้งผ่านทางอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่งแล้ว เราจะสามารถเข้าใช้งานผ่านทางหน้าเว็บได้ที่ www.iCloud.com

iCloud.com

ข้อมูลจาก: https://www.apple.com/icloud/setup/

ซื้อ Macbook มาวันที่ 3 มิ.ย. ก็อัพเดตเป็น OS X Lion ฟรี

ผมซื้อตัว Macbook Pro จาก U-Store ที่จุฬาฯ มาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2011 ตัดสินใจซื้อตอนนั้นเพราะได้ข่าวว่า Apple จะเปิดตัว OS X Lion ในวันที่ 6 มิ.ย. 2011 ซึ่งปกติแล้ว Apple จะให้อัพเดตฟรีสำหรับใครที่ซื้อก่อนภายใน 30 วัน ตอนนั้นคิดว่า OS X Lion มันจะขายวันนั้นเลยหรือก็ไม่นานจากนั้นมาก แต่ผิดคาด Apple บอกจะเปิดขายผ่านทาง Mac App Store ในเดือนถัดไป แถมจะอัพเดตให้เฉพาะคนที่ซื้อหลังวันที่ 6 มิ.ย. 2011 ตอนนั้นผิดหวังนิดๆ แต่ดีหน่อยที่มันไม่ได้แพงมากนัก ราคา $29.99 หรือประมาณ 900 บาท (เทียบกับ Windows 7 ราคาประมาณ 4 พันกว่าบาท) ตอนนั้นก็ลืมเรื่องการอัพเดตฟรีไปแล้วจนถึงวันที่มันปล่อยออกมา

วันนี้(20 มิ.ย. 2011) Apple ปล่อยตัว OS X Lion ให้ดาวน์โหลดแล้ว ผมก็กดโหลดไปแล้วด้วย แต่พอไปเจอบล็อกของคุณ @kafaak บ่นเรื่องการอัพเดตผ่าน Up-to-date ไม่ได้ ทั้งๆที่ซื้อหลังวันที่ 6 มิ.ย. 2011 (รู้สึกว่าจะมีปัญหากับเครื่อง custom built เพิ่มฮาร์ดดิส,แรม) ในโพสเพื่อนของเขาได้ให้ลิงค์ของ Up-to-date ระบบที่จะทำให้เราอัพเดตได้ฟรีของโซนเอเชียไว้ให้ ลิงค์ Mac OS X Lion Up-to-Date

ผมก็เข้าไปทำตามขั้นตอนของ Up-to-date ไปเรื่อยๆ ต้องใช้ข้อมูลพวก Serial Number, ที่อยู่ ปรากฎว่า validate ผ่านด้วย ได้อัพเดตเป็น OS X Lion ฟรี!!! 

OS X Lion Free

เมื่อเราทำขั้นตอนต่างๆ(ผมไม่ได้จับภาพไว้ให้ดู T_T) เสร็จแล้วระบบจะให้โค้ดมา Mac OS X Lion Content code: xxxxxxxxxxxx (12 หลัก)

จากนั้นให้เข้าไปที่ ลิงค์นี้ กรอกรหัสลงไป แล้วคลิก Redeem (รหัสใช้ได้ครั้งเดียวนะ!)

Mac App Store Redeem

แล้วระบบจะนำเข้าไปหน้า Mac OS X Lion จากนั้นเราก็คลิกโหลดได้เลย (ผมกดโหลดค้างอยู่ก่อนแล้ว มันก็บอกว่ากำลังโหลดอยู่ หวังว่ามันจะไม่เรียกเก็บเงินจากอันแรกที่ยังไม่ได้ทำ Up-to-date นะ)

Oder ที่ Apple ส่งมาให้

ผมไม่รู้ว่าการตรวจเช็ควันซื้อสินค้าของ Apple มีขั้นตอนยังไงนะครับ แต่คิดว่าการซื้อที่ร้าน Authorized Resellers น่าจะทำให้วันซื้อที่จะถูกบันทึกในระบบมี delay อยู่บ้างเล็กน้อย ใครที่ซื้อในช่วงก่อนวันที่ 6 มิ.ย. 2011 อยากให้ลองไปใช้ระบบนี้ดูก่อนนะครับ อาจจะได้อัพเดตฟรีก็ได้นะ!!

สุดท้าย ขอขอบคุณ @kafaak ที่อัพบล็อก Apple Up-to-date ทำให้ผมได้ลองเข้าไปใช้งาน และทำให้ประหยัดเงินไปได้ 900 บาท

ประสบการณ์ใช้งาน Macbook Pro ในหนึ่งสัปดาห์

Macbook Pro

ตอนนี้ใช้ Macbook Pro เข้าสัปดาห์ที่สองแล้ว เลยขอเขียนถึงมันหน่อย ตัวที่ใช้เป็น Macbook Pro รุ่นจอ 13 นิ้ว CPU เป็น Core i5 เขียนแบบนึกอะไรออกก็เขียนเลยนะ

  • แน่นอน! มันสวยมาก เครื่องแบบ Unibody ทำให้รู้สึกว่ามันแข็งแรงดี และทำความสะอาดง่าย ไม่ค่อยมีช่องรูเล็กๆ
  • การเปลี่ยนจาก Windows เป็น Mac OS X ไม่ยากเย็นอะไร ใช้ไปสัก 2-3 ชั่วโมงก็คุ้นเคยแล้ว โดยเฉพาะการใช้ TouchPad รู้สึกว่าใช้งานได้ดีกว่า Windows อยู่นิดหน่อยในแง่ของการควบคุมการทำงาน มีวิธีใช้เป็นวีดีโอให้ดูใน System Preference
  • ส่วนหนึ่งที่ทำให้การย้ายจาก Windows มาเป็น Mac OS X ทำได้ง่าย เพราะเราใช้ Freeware, Open source ในการทำงานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้ มีเวอร์ชั่นที่รองรับใน Mac OS X อยู่แล้ว ทำให้ตัวที่ใช้บ่อยๆ มาครบเกือบหมด อีกอย่างคือเคยใช้ Ubuntu อยู่พักหนึ่ง มีหลายส่วนที่เหมือนกัน
  • ตัว Port ต่างๆที่มากับเครื่อง ที่รู้สึกว่ายังไม่มีประโยชน์นะตอนนี้ คือ Thunderbolt มันคงมีประโยชน์ในบ้านเราน้อย ตัว USB 3.0 ดูจะเหมาะสมมากกว่า  อุตสาห์ซื่อ Ext HDD  USB 3.0 มา เครื่อง Macbook Pro ไม่รองรับ USB 3.0 ในขณะที่คู่แข่งฝั่ง PC ใส่มาหมดแล้ว Apple คงดัน Thunderbolt เต็มที แต่ต้องดูไปสักพักว่าจะเปลี่ยนไปใช้ USB 3.0 เมื่อไหร่ อย่างน้อยก็ต้องเปลี่ยนตัว 2.0 ให้เป็น 3.0 อุปกรณ์ต่างๆพวกเครื่องปรินต์วันหนึ่งคงต้องเปลี่ยนเหมือนกัน
  • Mac OS X เขียน Ext HDD ที่เป็น NTFS ไม่ได้ ต้องเข้าไปแก้ไขไฟล์ System บางตัว หรือง่ายกว่าคือลงโปรแกรมเสริม
  • หน้าสั่งปรินต์ใช้งานยากกว่าใน Windows มาก เพราะมันตั้งค่าได้ละเอียดมาก ต้องเลือกทีละเมนูไม่สะดวกเลย (ทางออกคือตั้งค่าไว้แล้ว save การตั้งค่าไว้ใช้ภายหลัง)
  • ถ้าคิดจริงๆแล้วราคามันไม่ต่างจาก PC เท่าไหร่ ถ้าเวลาซื้อโน๊คบุ๊คทั่วไปคุณบวกค่า Windows OS เข้าไปด้วย แต่ยังไงก็ถือว่าเป็นโน๊ตบุ๊คในกลุ่มราคาสูงอยู่ดี ใช้บริการของ U-Store ที่จุฬาฯ ทำให้ได้ราคาถูกลงเยอะพอดูเลย
  • แบตเตอรีอยู่ได้ 7 ชั่วโมงจริงๆ Apple ไม่ได้โม้แต่อย่างใด โน๊คบุ๊คที่เคยใช้มาไม่มีเครื่องไหนอยู่ได้เกิน 3 ชั่วโมงเลย
  • อันนี้แปลกใจหน่อยๆ เวลาซื้อโน๊ตบุ๊คของ Apple ทำไมร้านต้องถามว่าจะติดฟิล์มหน้าจอไหม? ทีซื้อโน๊คบุ๊คทั่วไป(ราคาเท่ากัน)ไม่เห็นมีร้านไหนถามเรื่องติดฟิล์มเลย สองมาตรฐานชัดๆ
  • สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดของการเปลี่ยนจาก Windows ที่ใช้มาตลอดมาเป็น Mac OS X คือโปรแกรมหลักที่ใช้ทำงานว่าซับพอร์ต Mac OS X หรือไม่ และตัวที่น่าจะเป็นปัญหามากที่สุดคืองานเอกสารพวก MS Office แม้จะมี Office for Mac แต่ทำงานร่วมกันกับ Windows  ได้ห่วยมาก ทางออกของการแก้ไขปัญหานี้คือ ใช้ Parallel ลง Windows แล้วไปใช้งาน MS Office บน Windows  แทน
  • จากที่ลองใช้งานโปรแกรมทางด้าน Office พบว่าตัว LibreOffice ทำงานได้ดีกว่า OpenOffice ในหลายๆอย่าง โดยเฉพาะการจัดรูปแบบ
  • ชุดโปรแกรม iWork ห่างชั้นจาก MS Office อยู่มาก พอจะสูสีหน่อยก็ Keynote กับ Power Point
  • ผมหาตัวโปรแกรมดูภาพแบบ Picasa Photo Viewer แบบใน Windows ที่ถูกใจไม่ได้เลย ที่อยากได้คือเมื่อเราเปิดโฟล์เดอร์รวมรูปขึ้นมา แล้วเปิดดู สามารถเลื่อนดูรูปต่อไปได้ แก้ไขได้เล็กน้อยเช่นหมุนภาพ ตัว Preview(เลื่อนดูรูปต่อไปไม่ได้) กับ iPhoto(ต้องคอย import เข้าไป) ทั้งสองตัวไม่ตอบโจทย์ของผม แต่มีตัวที่พอจะแก้ไขได้บ้างคือ Xee แต่ยังสู้ตัว Picasa Photo Viewer ไม่ได้
  • อันนี้ดี ตัวแชร์เน็ตผ่าน Wifi แบบที่โปรแกรม Conectify ใน Windows 7 พบว่าใน Mac OS X ทำได้ง่ายกว่ามาก
  • โปรแกรม Paint ที่ใช้ในการแต่งรูปเล็กน้อยๆเวลาจะเขียนบล็อก ใน Mac OS X ใช้ Paintbrush แทนได้ดี
  • App Store ของ Mac OS X มีโปรแกรมเยอะ ส่วนใหญ่ที่น่าใช้เป็นโปรแกรมเสียตังค์ทั้งนั้น(แหงอยู่แล้ว)
  • เล่น iOS emulator ได้แล้ว ว่างๆจะลองเขียน App ง่ายๆลองดู
  • ใช้เวลาบูธนานกว่า Windows 7 64 bit ใน Dell เครื่องก่อน แต่ตอนปิดเครื่องทำได้เร็วกว่า

โดยรวมตอนนี้ก็แฮปปี้ดีกับ Macbook Pro เครื่องนี้ คงจะอยู่กับเราไปอีกนาน ส่วนใครมีอะไรแนะนำ Mac user มือใหม่อย่างผม เชิญเขียนคอมเมนต์ด้านล่างได้เลยนะครับ

คู่มือสอนการใช้งาน iPad 2

คู่มือสอนการใช้งาน iPad 2

Apple เปิดขาย iPad 2 ไปเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 (ตอนนี้ที่มาบุญครองก็มีขายบ้างแล้ว ราคาสูงกว่าราคาจริงอยู่มาก) และได้ทำคู่มือการใช้งาน iPad 2 ในรูปแบบวีดีโอให้คนที่สนใจได้ศึกษาการใช้งาน มีตั้งแต่การใช้งานเบื้องต้น ไปจนถึงการใช้งานโปรแกรมพิเศษ อย่างเช่น GarageBand และ iMovie ส่วน iPad เวอร์ชั่นแรก ก็คงใช้งานได้เช่นกัน ยกเว้นบางอันเช่น FaceTime

คู่มือการใช้งาน iPad 2

มีอยู่ทั้งหมด 14 อัน ดังนี้

  1. FaceTime การใช้งาน Video call สนทนาแบบเห็นหน้า
  2. Mail การใช้งานอีเมล
  3. Safari การเปิดเว็บไซต์
  4. iBooks การใช้งานร้านขายหนังสือ
  5. Videos การเปิดหนังและวิดีโอ
  6. Photos การใช้งานดูภาพ
  7. Find My iPad บริการหา iPad เมื่อถูกขโมย
  8. iPod การใช้งานโปรแกรมเล่นเพลง
  9. iTunes การใช้งาน iTunes โหลดเพลง โหลดวีอีโอ
  10. App Store การใช้งานโหลด Application เพิ่มเติม
  11. Maps การใช้แผนที่
  12. AirPlay การใช้งานการเชื่อม iPad กับอุปกรณ์อื่น
  13. GarageBand การใช้งานโปรแกรมทำเพลง
  14. iMovie การใช้โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ

ดูข้อมูลได้ที่ https://www.Apple.com/ipad/guided-tours/

5 เหตุผล ซื้อหรือไม่ซื้อ iPad 2

iPad 2 ซื้อหรือไม่ซื้อ

ไปเจอบทความของ Cnet เขียนถึง 5 เหตุผลที่จะซื้อ iPad 2 กับ 5 เหตุผลที่จะไม่ซื้อ iPad 2 เลยเอามารวมไว้เป็นอันเดียว อ่านแล้วจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะซื้อ iPad 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปดีหรือไม่ ที่จริงมีหลายสำนักข่าวเขียนไว้เหมือนกัน แต่พบว่าที่นี้เขียนถูกใจสุดแล้ว อาจจะย่อลงบ้าง ใครอยากอ่านเต็มๆ ไปอ่านได้ที่ต้นฉบับ และอีกอย่างต้นฉบับเป็นเหตุผลของชาวออสเตรเลียแต่ผมคิดว่ามันปรับเข้ากับคนไทยได้เช่นกัน

5 เหตุผลที่ควรซื้อ iPad 2

  1. iPad 2 แตกต่างจาก iPad
    สเปคของ iPad 2 ได้รับการอัพเกรดเยอะพอควร ทั้งน้ำหนักที่เบาขึ้น บางลง เมื่อเทียบกับ iPad และยังเพิ่มประสิทธิภาพของ Processor เป็น A5 dual-core และเพิ่มความสามารถการประมวลผลทางด้านกราฟิกด้วย ผู้ใช้จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเมื่อดูหนังที่มีความละเอียดสูง หรือเล่นเกม 3D อีกทั้งยังเพิ่มกล้องด้านหน้า-หลัง เพิ่มเข้ามาด้วยทำให้สามารถใช้ FaceTime ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ด้วย
  2. HDMI Port
    การต่อ iPad 2 กับจอแสดงผลอื่นๆเช่น TV จะทำให้เพิ่มประโยชน์การใช้งานได้กว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งใน iPad รุ่นแรกแม้จะมี VGA port แต่สามารถแสดงผลได้แค่บางโปรแกรมเช่นแสดงภาพ หรือวีดีโอ ไม่ใช่ mirror display จะเห็นประโยชน์ชัดเจนกับกลุ่มที่ใช้ iPad ในการนำเสนอผลงาน หรือใช้ในการเรียนการสอน
  3. App เยอะกว่า
    หลังจาก iPad ตัวแรกเปิดตัวไปได้ 1 ปี ขณะนี้มี App ที่ได้ทำขึ้นมาเฉพาะ iPad ประมาณ 65,000 ตัว ในขณะคู่แข่งอย่าง Android มี App สำหรับ Tablet โดยเฉพาะเพียง 100 App แม้ปัจจุบันนี้นักพัมนาจะมุ่งไปที่ Android แต่ระยะห่างจะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน โดยเฉพาะ App ที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมกับ iPad 2 อย่าง Garageband กับ iMovie ถือว่าทำให้ iPad ทำอะไรได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างชัดเจน
  4. iPad 2 ราคาถูกกว่า
    iPad มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นทำให้สามารถปรับราคาให้ต่ำกว่าได้ เมื่อเทียบกับ Motorola Xoom หรือ Galaxy Tab 10.1 จนผู้ผลิตรายอื่นที่ประกาศราคาออกไปแล้วต้องกลับมาพิจาณาราคาของสิ้นค้าตัวเองใหม่ ราคาของ iPad รุ่น Wifi ราคาเริ่มต้นที่ $499 ส่วนตัว Motorola Xoom ราคา $799 เมื่อเทียบกับรุ่นที่สเปคใกล้เคียงกันกับ iPad 2 มีราคาแพงกว่า iPad 2 ถึง $70
  5. จะถูกนำเข้ามาขายก่อน
    ในบทความเขาเขียนว่าจะถูกนำเข้ามาขายในออสเตรเลียก่อนรายอื่น ผมคิดว่าจะในประเทศไทยก็น่าจะเป้นแบบนั้นเช่นกัน ข้อดีของสินค้า Apple มักจะเปิดตัวเมื่อสินค้าพร้อมจะขายแล้ว ต่างจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น PlayBook ของ RIM เปิดตัวก่อนมานาน กำหนดขายยังไม่แน่นอน และ Motorola Xoom หรือ Galaxy Tab 10.1 ยังไม่รู้จะเข้าไทยเมื่อไหร่

5 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ iPad 2

ชม iPad 2 ไปแล้ว คราวนี้มาดูว่า มีเหตุผลใดบ้างที่ต้องชั่งใจว่าจะไม่ซื้อ

  1. เหมือนกับ iPad ตัวเดิม
    iPad 2 ไม่มีความแตกต่างชัดเจนกับ iPad รุ่นแรก ในแง่ของฟีเจอร์ ตัวที่เห็นชัดเจนคือ FaceTime นั้นอาจจะไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อ อีกทั้ง iPad เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2010 นี้เอง การซื้อของใหม่ในขณะที่ใช้อันเดิมยังไม่คุ้มเงินนั้นถือว่าไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
  2. คุณไม่ต้องการมัน
    iPad 2 ถูกมองว่าเป็นส่วนเกิน ความสามารถของมันถูกแทนด้วยอุปกรณ์ตัวอื่นได้อยู่แล้ว ปกติการใช้งาน iPad โดยทั่วไปคือ อ่านหนังสือพิมพ์ แมกกาซีน อีบุ๊ค เล่นเน็ตเปิดเว็บไซต์ เล่นเกมส์ และดูหนังฟังเพลง ซึ่งพบว่า content ต่างๆเหล่านี้ที่เป็นใช้งานได้ในไทยยังมีน้อย โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีน ถ้าจะอ่านอีบุ๊คใช้ Amazon’Kindle ดูจะราคาถูกกว่าและมีหนังสือเยอะกว่ามากเมื่อเทียบกับ iBookstore หรือถ้าจะใช้อินเทอร์เน็ตเปิดเว็บไซต์ ฟังเพลง ดูหนัง ทำไมไม่ใช้มืออย่างเช่น iPhone, BB ซึ่งสะดวกในการพกพาและมีกันอยู่แล้ว
  3. ตัวอื่นก็มี
    อย่างเช่น Motorola, HTC, Samsung และ LG ที่เปิดตัว Tablet ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียง หรือเหนือกว่า iPad ก็มีเหมือนกัน ถ้าไม่รีบจนเกินไปในกลางปีน่าจะเปิดตัวขาย โดยเฉพาะคู่แข่งระบบปฎิบัติการอย่าง Android (Honeycomb) ที่ได้รับคำชมจากสื่อมากมายถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม และมีหลายฟีเจอร์ที่ iPad ไม่มี เช่นการใช้งาน Flash บนเว็บไซต์ กล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงกว่า
  4. ราคามันแพง
    ถ้าตัดสินใจจะใช้ tablet แล้ว การเลือกใช้ iPad 2 นั้นถือว่าคุ้มค่าจริงหรือ ราคาของ iPad 2 รุ่นราคาต่ำสุดคือ iPad 2 wifi ราคา $449 ซึ่งได้ความจุ 16 GB ไม่สามารถใช้ 3G ได้ ในขณะเลือกจ่ายแค่ $269 เพื่อซื้อ Optus My Tab (ในไทยไม่รู้มีขายหรือปล่าว?)ซึ่งมีฟังชั่นการใช้งานเหมือน iPad 2 เช่น อ่านอีเมล อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง คุณสามารถให้ลูกหิ้วไปโรงเรียนหรือนำไปเล่นในช่วงวันหยุดได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องพังจนเกินไป แล้วทำไมต้องจ่ายสองเท่าเพื่อ iPad 2
  5. คุณจะกลายเป็นสาวก
    อันนี้อ่านแล้วตลกนิดๆคือ ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple คุณจะถูกกล่อมจาก Steve Jobs ให้ซื้อของใหม่ในทุกๆปี และจะถูกดูดให้ใช้ระบบปิดของเขาตลอดไป จะถูกบิดเบือนข้อมูลบางอย่างเพื่อผลิตภัณฑ์ของตนเอง ในตลาดของ Mobile Device บริษัท Apple กำลังจะเป็นเหมือนกับ Microsoft เมื่อปลายปี 90s ที่เคยควบคุมตลาดของ PC ของโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ตลาดขาดการแข่งขัน คุณอยากให้เป็นแบบนั้นจริงหรือ?

ที่มา-five reasons to buy an ipad 2five reasons not to buy an Apple ipad 2

iPhone 5 กับ 5 คุณสมบัติที่จะต้องมี

iPhone 5

iPhone มีการอัพเดตออกตัวใหม่ทุกปี คิดว่า iPad ก็น่าจะใช้โมเดลแบบเดียวกัน ปีที่แล้ว iPad เปิดตัวในวันที่ 27 มกราคม 2010 ช่วงนี้จึงเริ่มมีข่าวหลุดของ iPad 2 ออกมาเรื่อยๆ คงเปิดตัวไม่เกินต้นเดือนกุมภาพันธ์แน่นอน

ส่วน iPhone ปกติจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนมิถุนายน ด้วยความฮิตของมัน ก็มีหลายเว็บมักจะออกมาเก็ง ว่ามันจะมีเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ที่น่าจะถูกจับยัดใส่ใน iPhone 5 ในโพสนี้เลยหยิบการวิเคราะห์จาก cnet มาให้ดู เป็น 5 ฟีเจอร์ที่น่ามีใน iPhone 5

  1. Dual-core processing หน่วยประมวลผลแบบ 2 แกน
    หน่วยประมวลผล 2 แกน เพิ่มความสามารถในการประมวลผลการทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น ปัจจุบันเทรนด์ของตลาดมือถือกำลังจะก้าวเข้าสู่หน่วยประมวลผล 2 แกน อย่างเช่น Nvidia Tegra 2 ยากยิ่งที่ Apple ผู้ผลิตมือถือสมาร์ทโฟนแถวหน้า จะปฏิเสธเทคโนโลยีนี้ Apple นั้นต้องการที่จะผลิตชิปเป็นของตัวเอง แต่มันต้องมีประสิทธิภาพที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่ามือถือสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนของฝั่ง Android ถ้ายังต้องการรักษาฐานลูกค้าทั้งใหม่และเก่า ในระบบประมวลผล 2 แกน ยังมีข้อดีเรื่องประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย Tegra 2 ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าหน่วยประมวลแบบ 1 แกนอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ทำงานต่ำๆ สมาร์ทโฟนที่ใช้หน่วยประมวลผล 2 แกน ปัจจุบันมี LG Optimus 2X, Motorola Atrix ใช้ Nvidia Tegra 2 เป็น Andriod OS ส่วน HTC ก็มีแผนที่จะออกสมาร์ทโฟน แบบ 2 แกนเหมือนกัน แต่จะใช้ CPU dual-core Snapdragon processors ของ Qualcomm จึงคาดการณ์ได้ว่า iPhone 5 จะต้องมีหน่วยประมวลผลเป็นแบบ 2 แกน
  2. HDMI connectivity เชื่อมต่อการแสดงผลบนจอทีวี
    HDMI Port แสดงผลบนจอ TV ขนาดใหญ่ เป็นเทรนด์ที่มาแรงในปีนี้ที่ แม้ว่า iPhone จะมีขนาดที่บาง แต่ Apple จะต้องหาทางใส่มันเข้าไป หรืออาจจะต้องทำเป็น adapter เชื่อมต่อขึ้นมา แม้ว่า iPhone จะมี AirPlay ที่เชื่อมต่อแบบไร้สายแล้วก็ตาม แต่การเชื่อมต่อด้วย HDMI จะได้อะไรมากกว่าการแสดงเฉพาะพวกมีเดีย แต่จะได้สัมผัสกับทุกแง่มุมของมือถือไม่ว่าจะเป็นการเล่นเว็บ การทำเอกสาร เล่นเกม นี้จึงเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของปีนี้ที่มือถือสมาร์ทโฟนระดับสูงต้องมี
  3. Desktop-like application ทำตัวเหมือนคอมพิวเตอร์
    ถ้า Apple คิดทำการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่มีจอขนาดใหญ่ มันก็จะทำตัวเหมือนคอมพิวเตอร์ทั่วไป อย่างเช่น ในงาน CES ที่เราได้เห็นสมาร์ทโฟน Motorola Atrix 4G ที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อแสดงผลบนจอ Notebook ได้ ระบบนี้จะทำให้มือถือของเราเป็นเหมือนศูนย์กลางของการทำงานทางด้านดิจิตอลของเราอย่างแท้จริง และมีประสิทธิภาพมาก เพราะตอนนี้เราก็ใช้ iPhone ทั้งเปิดเว็บ อ่านอีเมล เพื่อความบันเทิง เล่นบนรถ ในห้องนั่งเล่น หรือบนโต๊ะที่ทำงาน ซึ่ง iPhone 5 ต้องทำจุดนี้ได้
  4. Larger display จอใหญ่ขึ้น
    นี้เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ cnet บอกว่าจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ แต่การซื้อมือถือสมาร์ทโฟนที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก จอขนาด 3.5 นิ้วของ iPhone เริ่มจะถูกมองว่าเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับจอขนาด 4 นิ้วขึ้นไปของ Samsung, HTC หรือเจ้าอื่นๆ
  5. Gorilla glass เครื่องที่ทนทานมากขึ้น
    iPhone 4 แม้จะมีการบอกว่ากระจกของมันทนทาน มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อสารเคมี เป็นกระจกชนิดเดียวกับที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ หรือกระจกด้านหน้ารถไฟฟ้าความเร็วสูง แต่มันก็มีข่าวกระจกแตก กระจกร้าวออกมาเป็นระยะ แสดงว่ามันไม่ได้ทนทานตามคำโฆษณา ไม่ว่า Apple จะใช้ Gorilla glass ที่ได้ขึ้นชื่อว่าทนทาน และได้รับความนิยมมากในการนำมาใช้กับสมาร์ทโฟน หรือจะหาวัสดุอื่นมาแทนกระจกหน้าหลังของเครื่องหรือไม่ แต่แน่นอนว่า Apple จะต้องหาบางสิ่งบางอย่างมาเป็นจุดขายเพื่อจะบอกว่ามันแข็งแรงกว่าตัวเก่า

โดยรวมเป็นการมองว่า iPhone 4 มีจุดด้อยตรงไหนบ้างที่ควรปรับปรุง รวมกับแนวโน้มของเทคโนโลยีที่กำลังจะมาในปีนี้ อีกอย่างที่น่าสนใจคือ iPhone 5 จะเป็นสมาร์ทโฟน ที่รองรับทั้งระบบ CDMA กับ GSM ในเครื่องเดียวกันเลยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่น่าสนใจ คิดว่า Apple คงไม่อยากแยกผลิต iPhone แบบ CDMA ให้ Verizon กับ GSM ให้ AT&T อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นแน่แท้

Apple แจก Ebook 6 เล่ม สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมบน MAC และ iOS

Ebook for Mac and iOS developer

ช่วงคริสต์มาสนี้ Apple ใจดีแจก EBook 6 เล่มฟรี สำหรับนักพัฒนาทั้ง MAC และ iOS ดังนี้ครับ

  • Cocoa Fundamental’s Guide
  • The Objective-C Programming Language
  • iOS Application Programming Guide
  • Object Oriented Programming With Objective-C
  • iOS Technology Overview
  • iOS Human Interface Guidelines

สามารถดาวน์โหลด EBook เหล่านี้ได้แล้ว ด้วย iPhone, iPod touch หรือ iPad ผ่านทาง iBookstore ครับ ที่จริงมันไม่ใช่ของใหม่อะไร เพียงแต่มันเพิ่งถูกเอาขึ้น iBookstore เท่านั้นเอง สามารถหาอ่านแบบออนไลน์หรือดาวน์โหลด PDF ได้จาก https://developer.Apple.com/ ได้เช่นกัน

via: https://www.cultofmac.com

หนึ่งสัปดาห์กับ iPhone 4

iPhone 4

เล่น iPhone 4 มาได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว เลยขอเขียนอะไรเกี่ยวกับมันหน่อย จะเขียนรวมทั้งตัวเครื่องและ App รวมๆกัน App ที่พูดถึงทั้งหมดเป็นแบบฟรีทุกตัวครับ

  • ไม่ใช่เครื่องของผม พี่สาวใจดีท่านหนึ่งให้มาใช้ฟรีหนึ่งอาทิตย์ แลกกับการ setting และลงโปรแกรมต่างๆ อาจรวมถึงวิธีใช้เบื้องต้นด้วย
  • เมื่อต่อกับ iTunes ครั้งแรกจะมีให้ลงทะเบียนกับ Apple และจะมีอัพเดต Carrier ให้ เครื่องที่ผมเล่นเป็นเครื่องจากศูนย์ AIS ก่อนลงทะเบียน มันจะเคื่อข่ายเป็น TH_GSM เมื่อลงทะเบียนแล้วจะเปลี่ยนเป็น AIS ไม่แน่ใจว่ามัน setting เรื่อง EDGE  ให้ด้วยเลยหรือปล่าวเพราะก่อนลงทะเบียนเล่นไม่ได้
  • สามารถเปิดปิด Edge ได้ ถ้าเปิดทั้ง wifi และ data cellular มันจะเลือกใช้ wifi เป็น 1st priority ถ้ามีสัญญาณทั้งคู่
  • เกี่ยวกับ social network แน่นอนว่า มันมีครบทุกตัว และทำออกมาได้ดี ใช้ได้สะดวก ตัวที่ได้ใช้แล้วประทับใจคือ foursqure, Facebook, TweetDeck
  • App เกี่ยวกับ Cloud เจ๋งมาก ได้แก่ Dropbox, Evernote ทำงานได้ประทับใจมาก
  • ถ่ายโหมดปรกติทำงานเร็ว ถ่ายดับเบิ้ลชอร์ตได้สบาย แต่ถ้าถ่ายภาพแบบ HDR on จะประมวลผลภาพนานพอควร ถ่ายต่อเนื่องไม่ได้ คงไม่เหมาะที่จะตั้งเป็น default ของการถ่ายภาพ และ App อื่นๆ ที่เรียกใช้กล้องภาพ ไม่มี icon HDR ขึ้นมาด้วย เลยคิดว่ามันน่าจะใช้ไม่ได้ใน App อื่น
  • กล้องซูม digital ได้ ตอนที่เราเปิดไปดูรูปที่ถ่ายล่าสุด พอกลับมาหน้าพร้อมถ่ายรูปมันจะกลับไปเป็นซูมเริ่มต้น ซึ่งมันน่าจะค้างไว้ที่ซูมเดิมมากกว่า เหมือนเรายังไม่ได้ปิดลงไป
  • Twitter ตัว official ทำ  push notification ได้ เมื่อมี mention แต่แทรกไฟล์แบบตัวอื่นไม่ได้
  • คีย์บอร์ดตอนแรกใช้ยาก พอใช้ไปสักพักจะรู้ว่ามันพิมพ์ง่าย 3 แถว 4 แถว คิดว่ามันไม่น่าจะต่างกันมาก
  • Touch Screen ของมันแม่นดี วาดรูปได้สบายๆ แม้จอจะเล็กๆ เมื่อเทียบกระดาษที่ใช้วาดรูปเล่น ใช้ DrawCast วาดง่ายสุดแล้ว ฟรีด้วย ดูผลงานได้ที่ design.amphur.in.th
  • เกมไม่ค่อยได้เล่นมากนัก แต่เท่าที่ลองเล่นดู เกมที่สนุกที่สุดของผมคือ Tab Tab Revenge 3, Angry Bird
  • เรื่องแบตเตอรี่ ใช้งานแบบหนักๆได้ราวครึ่งวัน แต่ใช้แบบธรรมดา เล่น Facebook, Twitter, Foursquare,  ถ่ายรูปบ้าง ใช้ตลอดทั้งวันได้สบาย แต่ถ้าเป็นงาน event ต่างๆนอกสถานที่ ใช้ถ่ายรูป tweet ตลอดต้องเตรียมที่ชาร์ตไปด้วย
  • Facetime ใช้ง่าย ถือว่าน่าใช้ สลับกล้องหน้า-หลัง ได้สะดวก และภาพไม่ได้ละเอียด สวยงามอย่างในโฆษณา
  • GPS มันแม่นมากใช้นำทางได้ ใช้ร่วมกับ Google Map วิ่งตามรถสบายๆ และทำให้รู้ว่าสีของจราจรบนแผนที่ เชื่อมันมากไม่ได้
  • รูปร่างข้างนอก ถือไม่ค่อยถนัด มันเป็นเหลี่ยมไม่กระชับมือ เวลาถือต้องล็อคด้านบนเพิ่มอีกนิ้ว
  • มันอ่านไฟล์หนังสือที่เป็น PDF ได้ ซูมแล้วคม มีความละเอียดสูง แต่ใช้อ่านจริงๆคงไม่เหมาะเพราะหน้าจอเล็ก แต่ดูเว็บโอเคเลยเพราะซูมแล้วมันไม่แตก ไฟล์ PDF Magazine ภาพกราฟิคที่เอาเข้าไปใน iPhone มันเยี่ยมมาก ดูเพลินเลยทีเดียว
  • DC comic บน iPhone มันเยี่ยมมาก ได้อารมณ์มากกว่าอ่านบนกระดาษ เพราะเราได้อ่านทีละช่องจริงๆ รับรองไม่สับสนเหมือนอ่านบนกระดาษ
  • iPhone 4 ตลอดการเล่น ใช้เป็นโทรศัพท์นับครั้งได้เลย ส่วนใหญ่เล่น Application มากกว่า
  • สิ่งหนึ่งที่ทำให้ iPhone 4 เป็นมากกว่าโทรศัพท์ และผมชอบมาก คือ iTunes U โหลดมาแล้ว Sync เข้า iPhone เปิดดูตอนไหนก็ได้ เยี่ยมมาก
  • มัน Sync ข้อมูลเร็วมาก หนังเป็น GB มัน Sync เข้าเครื่องแป๊บเดียว หนัง add subtitle ได้ด้วย อันนี้ชอบมาก
  • อีกอย่างที่ชอบคือ cover flow ของ iPod มันทำออกมาดีจริงๆ แนวตั้งเป็นรายชื่อ กลับแนวนอนกลายเป็นปก คลิกปกมีรายชื่อเพลง เจ๋งดี
  • ถ้าต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ ความสามารถลดลงมากกว่าครึ่ง และเครื่องจะค้างๆติดๆ เมื่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตโหลดช้า เป็นอุปกรณ์ที่ไม่เหมาะกับ EDGE/GPRS คิดว่ามันเข้าได้ดีกับ Wifi และ 3G มากกว่า
  • App เกี่ยวกับ Social รู้สึกว่า ส่วนใหญ่มันโทนสีน้ำเงิน สีฟ้า
  • Multitasking ของ iPhone เป็น Pseudo (เทียม) เป็นการค้างสถานะไว้ไม่ได้รันต่อ แม้แต่ขณะอัพโหลดไไฟล์อยู่มันยังหยุด แต่บาง Application ก็ทำงานอยู่ด้านหลังได้ เท่าที่เห็นมี iPod, Skype และการไล่ปิด app ที่ค้างอยู่เป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก น่าจะมีปุ่มปิดที่ปิดไปเลยในโปรแกรมที่เราไม่ต้องการ freeze ไว้ รู้สึกว่าแบบ jailbreak มีโปรแกรมช่วยอยู่นะ
  • เหมาะที่จะเล่นบนรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT มากกว่ารถเมล์เพราะ รถเมล์ไม่มีการบอกสถานีทำให้ลงผิดป้ายได้ (วัฒนธรรม face down)
  • App บน Store ขยะเยอะมาก บางตัวที่เป็น Lite ทำอะไรไม่ได้เลย สรุปว่าต้องซื้อถึงจะทำงานได้
  • App เกี่ยวกับ Dictionary ไทย-Eng มีให้เลือกเยอะ ผมชอบของ Longdo

เวลาสำหรับบล็อกหนึ่งอาทิตย์ เอาไปเล่น iPhone ซะเกือบหมด โดยรวมเป็น Gadget ที่น่าใช้ แต่ราคามันก็สูงด้วยเช่นกัน ถ้าจะซื้อคงคิดหนัก เพราะผมคิดว่าราคาของมือถือมันน่าจะอยู่ราวหนึ่งหมื่น อายุการใช้งานก็ควร 3 ปีขึ้น iPhone มีวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง ที่ทำให้หนึ่งปีผ่านไป รุ่นก่อนหน้าจะกลายเป็นของตกยุคได้ทันที คิดจะซื้อต้องพิจารณาให้ดี

ราคา iPhone 4 ของทั้ง 3 ค่าย TrueMove, dtac, AIS

หลายคนชอบมาถาม ราคา iPhone 4 ของแต่ละค่าย ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ อันไหนคุ้ม ประหนึ่งว่าเราต้องรู้ ไหนๆก็ต้องรู้แล้ว จับภาพราคาของแต่ละค่าย มารวมกันไว้ เปิดดู แล้วลองพิจารณาดูว่าอันไหนเหมาะกับท่าน ราคาเครื่องเท่ากันทั้งแบบเครื่องเปล่าและแบบพร้อมแพ็คเก็จ ไปสู้กันที่โปรโมชั่นและการบริการ ทุกค่ายมีฟรีรายเดือนสำหรับคนที่ซื้อพร้อมแพ็คเก็จรายเดือน ละเอียดการจองคลิกดูในลิงค์ได้เลยครับ

iPhone 4 by TrueMove ข้อดีของค่ายนี้คือมี 3G และ wifi ให้เล่นด้วย

iPhone 4 by TrueMove (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

iPhone 4 by dtac จุดเด่นคือมี Buddy คอยแนะนำรายละเอียดการใช้ แนะนำ App ที่เหมาะกับคุณ สำหรับลูกค้าซิมแบบเติมเงินให้ใช้อินเตอร์เน็ตฟรี 100 MB ต่อเดือน เป็นเวลา 1 ปี

iPhone 4 by dtac (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

iPhone 4 by AIS น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดขาย จุดเด่นคงเป็นเครือข่ายต่างจังหวัดที่ครอบคลุมมากสุด

iPhone 4 by AIS (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

สรุปว่าทำให้คนอื่นดู ผมไม่มีปัญญาซื้อหรอก ยังไม่รวย

iPod shuffle, iPod nano, iPod touch เวอร์ชั่นใหม่

iPod shuffle เวอร์ชั่นใหม่

iPod shuffle เวอร์ชั่นใหม่ หลังจากรุ่นที่แล้วเอาปุ่มออกสั่งงานด้วยเสียง

  • ตัวใหม่เอาปุ่มกลับมาและยังสั่งงานด้วยเสียงได้
  • มีให้เลือก 5 สี
  • iPod shuffle ความจุ 2GB ราคา $49(1,527 บาท)
  • เล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 15 ชั่วโมง

iPod nano เวอร์ชั่นใหม่

iPod nano เวอร์ชั่น มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ

  • เอาปุ่มกดออก สั่งงานด้วยจอสัมผัสหน้าจอ 1.5 นิ้ว สี่เหลี่ยมจัตุรัส ความละเอียด 240×240 px
  • เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ด้วย 30-pin connector
  • มีให้เลือก 7 สี
  • มีคลิปมาด้วยเหมือน iPod shuffle
  • มีวิทยุ
  • เชื่อมกับ Nike+ ได้เหมือนเดิม
  • ไม่มีกล้องแล้ว
  • ราคา iPod nano วามจุ 8GB $149(4,644 บาท) และ ความจุ 16GB $179(5,579 บาท)
  • เล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 24 ชั่วโมง
iPod touch เวอร์ชั่นใหม่

iPod touch เวอร์ชั่นใหม่ มีการอัพเกรดเยอะพอควร (คิดว่าคุ้มแล้วที่จะซื้อ)

  • ใช้ Retina display และ CPU Apple A4 เหมือนกับ iPhone 4
  • มีกล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
  • ใช้ FaceTime คุยแบบเห็นหน้า ได้ทั้งระหว่าง iPod touch ด้วยกัน หรือคุยกับ iPhone 4 ก็ได้
  • ถ่ายวีดีโอระดับ HD 720p และรองรับการตัดต่อวีดีโอด้วย iMove for iPhone
  • เซนเซอร์ 3 แกน (3-axis Gyro)
  • Game Center ที่มาพร้อมกับ iOS 4.1
  • iPod touch ความจุ 8GB ราคา $229 (7,137 บาท)
  • iPod touch ความจุ 32GB ราคา $299 (9,319 บาท)
  • iPod touch ความจุ 64GB ราคา $399 (12,436 บาท)
  • เล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 40 ชั่วโมง

นอกจาก iPod ที่มีการอัพเกรดใหม่แล้ว ยังมี iTunes 10+Ping และ iTV ไม่เขียนนะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.aple.com

Exit mobile version