ลูกติดสบาย ไม่อดทน ปราบด้วยเกมจิ๊กซอว์

จิ๊กซอว์ เป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของใครหลายคน นอกจากนิยมใช้เล่นยามว่างแล้ว ภาพสวย ๆ ยังกลายเป็นของสะสม ของตกแต่งบ้านได้อีกด้วย ความจริงแล้วการต่อจิ๊กซอว์ไม่ได้เหมาะกับผู้ใหญ่เท่านี้ แต่ยังเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการให้เด็ก ๆ ด้วย เพราะอะไร ตามมาหาคำตอบพร้อม ๆ กัน

ย้อนกลับไปในยุคกรีกโบราณ จิ๊กซอว์ถูกประดิษฐ์ขึ้นจากนักคณิตศาสตร์คนหนึ่งโดยนำภาพแปะลงบนแผ่นไม้แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนจะเริ่มเล่นด้วยการประกอบภาพขึ้นใหม่จากชิ้นส่วนเล็ก ๆ นั้น ต่อมาในศตวรรษที่ 16 นักทำแผนที่ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์แผนที่ประเทศของตนเองด้วยการนำแผ่นกระดาษวาดเป็นแผนที่ของแต่ละเมือง ก่อนประกอบกันเป็นแผนของประเทศอังกฤษทั้งหมด จากนั้นจิ๊กซอว์นำมาเป็นเครื่องมือในการเรียนการสอนเรื่อยมาก่อนจะถูกพัฒนาให้มีลักษณะเป็นจิ๊กซอว์ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน

บ้านไหนมีปัญหาลูกติดมือถือ ติดสบาย ขาดความอดทน คุณพ่อคุณแม่สามารถแก้ได้ด้วยการชวนให้ลูกน้อยเริ่มหัดเล่น จิ๊กซอว์ได้ตั้งแต่อายุราว 3 ขวบ เพื่อฝึกสมาธิ การสังเกต ประสาทสัมผัส การใช้มือและสายตาให้สัมพันธ์กัน โดยเริ่มต้นจากจิ๊กซอว์แผ่นโตจำนวนไม่เกิน 10 ชิ้นและภาพง่าย ๆ ก่อนชิ้นจิ๊กซอว์ให้มากขึ้น ภาพมีความละเอียดขึ้นตามความสามารถของลูก

ระหว่างเล่นจิ๊กซอว์ ลูกยังได้โอกาสซึบซับความสวยงามของศิลปะ ต่อยอดจินตนาการ และได้ใช้เวลาคุณภาพระหว่างพ่อแม่ลูก โดยไม่ตั้งความคาดหวังหรือกดดันให้ลูกต้องทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อให้ลูกสนุกกับการต่อจิ๊กซอว์และพัฒนาฝีให้ดีขึ้นได้ทุกวัน

สุดยอดจิ๊กซอว์น่าเล่น เอาใจเด็กทุกวัย

จิ๊กซอว์มีให้เลือกหลายแบบ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกไม่ถูกว่าจิ๊กซอว์แบบไหนบ้างที่เหมาะกับลูกน้อย ต่อสนุก ไม่เบื่อง่าย สวยงามน่าเก็บสะสม เรามีคำแนะนาจิ๊กซอว์ดี ๆ มากฝากกัน

  1. จิ๊กซอว์การ์ดคำศัพท์
    เหมาะใช้เป็นของเล่นเสริมภาษาอังกฤษ ที่เด็กๆ จะได้สนุกกับภาพสัตว์ พร้อมกับเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษ คำอ่าน และคำแปล นำมาต่อเป็นจิ๊กซอว์ขนาดเหมาะมือ ทำจากวัสดุคุณภาพ ไม่หักง่าย ไม่มีส่วนแหลมคมที่เป็นอันตรายกับลูก แถมยังสร้างทัศนคติที่ดีกับการเรียนภาษาอังกฤษด้วย
  1. จิ๊กซอว์จากการ์ตูนดิสนีย์ อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ
    ที่เด็กๆชื่นชอบ ภาพคมชัด สีสันสดใส เหมาะกับเด็กอายุ 3 ขวบขึ้นไปที่สนใจนิทานก่อนอน คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้จิ๊กซอร์ประกอบการเล่านิทานเรื่องอะลาดินกับตะเกียงวิเศษให้ฟังก่อนนอน ช่วยให้เด็กๆ สนุกกับเรื่องเล่ามากขึ้น
  2. กับจิ๊กซอว์ 3 มิติ
    แฟนคลับสตรอว์เบอร์รี่ชอร์ตเค้กต้องไม่พลาด กับจิ๊กซอว์ 3 มิติของบ้านหลังน้อย ๆ ทรงสตรอว์เบอร์รี่ของตัวการ์ตูนในเรื่อง เหมาะกับเด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป ต่อเองได้ไม่ยากโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์มีคม จึงปลอดภัยกับเด็กทุกคน เมื่อต่อเสร็จเด็กๆจะได้บ้านสวยๆแบบเดียวกับที่อยุ่ในการ์ตูนเลย
  3. จิ๊กซอว์แม่เหล็ก ธีมชุดแต่งตัว
    จิ๊กซอว์แม่เหล็ก ธีมชุดแต่งตัว อีกหนึ่งรูปแบบขอจิ๊กซอว์ที่เล่นสนุก เหมาะกับเด็กที่เริ่มหัดเล่นครั้งแรก เพราะแม่เหล็กช่วยให้ต่อได้ง่ายขึ้น แถมยังได้เรียนรู้เรื่องการแต่งกายในแต่ละโอกาส และชุดของคนหลายๆอาชีพด้วย รับประกันคุณภาพด้วยจิ๊กซอว์แบรนด์ดัง Mindeer จึงแข็งแรง ทนทาน เล่นได้หลายครั้งไม่รู้เบื่อ
  4. จิ๊กซอว์ภาพต่อใหญ่ แผนที่ประเทศไทย
    ชวนลูกมารู้จักประเทศไทยให้มากขึ้นด้วย จิ๊กซอว์ภาพต่อใหญ่ แผนที่ประเทศไทย ให้น้องๆฝึกสังเกตและเรียนรู้จังหวัดแต่ละภาคของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน แถมต่อเสร็จแล้วยังนำไปใช้ประกอบการเรียน การสอนของลูกน้อยวัยประถมได้อีกด้วย

สำหรับคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ที่ไม่อยากเสียเงินซื้อเกมส์จิ๊กซอว์ตามที่แนะนำด้านบนนี้ ปัจจุบันการต่จิ๊กซอว์นั้นสามารถเล่นได้หลายรูปแบบและวันนี้เราจะมาแนะนำ แอปเกมส์ต่อจิ๊กซอว์ต้องแอปต่อจิ๊กซอว์อย่าง jigsawpuzzles.games นี่เลยค่ะ ที่มีคลังภาพจิ๊กซอว์ที่ใหญ่ที่สุดบนมือถือกว่า 20,000 ภาพ พร้อมอัปเดตเพิ่มทุกวัน

วันนี้เราขอนำเสนอเกมส์จิ๊กซอว์รูปนี้ GENIE168 ซึ่งมีจำนวนเข้าเล่นมากที่สุดในสัปดาห์นี้เป็นเกมส์จิ๊กซอว์ที่มาในรูป อะลาดินกับตะเกียงวิเศษ ที่เด็กๆชื่นชอบภาพคมชัด สีสันสดใส และยังเล่นได้อย่างผ่อนคลายเหมาะกับเด็ก และสมาชิกในบ้านช่วยกันเล่น เพราะจิ๊กซอว์รูปนี้มาในระดับความยากที่มีจำนวนจิ๊กซอว์ 168 ชิ้น สามารถเล่นได้อย่างสนุกและผ่อนคลาย

รูปชิ้นส่วนแยกขยาย GENIE168
เกมส์จิ๊กซอว์ภาพ GENIE168

เพลิดเพลินไปกับจิ๊กซอว์ที่ผ่อนคลายเพื่อฝึกสมองและสงบความวิตกกังวลของคุณ เล่นเกมจิ๊กซอว์ HD หลายพันเกมฟรีสนุกสนานโดยไม่มีชิ้นส่วนที่ขาดหายไป ยินดีต้อนรับสู่โลกจิ๊กซอว์ที่ jigsawpuzzles.games เว็บเกมปริศนาจิ๊กซอว์ ระดับ HD สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ เป็นเกมปริศนาที่พร้อมยินดีต้อนรับให้เล่นและน่าติดตามได้บน jigsawpuzzles.games คุณสามารถดาวน์โหลดปริศนาจิ๊กซอว์ฟรี

ศิลปะอันงดงาม แอนิเมชั่นที่สวยงาม บรรยากาศอันมหัศจรรย์ นี่คือศิลปะแห่งปริศนา! ดื่มด่ำไปกับจักรวาลแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส ตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ และทิวทัศน์อันน่าทึ่ง! เกมที่ไม่เหมือนใครที่รวมตัวต่อและสมุดระบายสีเข้าด้วยกัน: รวบรวมชิ้นส่วนรูปภาพที่น่าทึ่ง โดยแต่ละชิ้นส่วนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในเทพนิยาย

ในเกมไขปริศนารูป GENIE168 สิ่งที่คุณต้องทำคือไขปริศนาจิ๊กซอว์ รับเหรียญ และรับสิ่งทันสมัยล้ำสมัยโดยในแต่ละรูปภาพจะมีให้เลือกเล่นมากมายหลายเลเวล คุณต้องเริ่มจากภาพแรกและเพื่อปลดล็อคภาพถัดไป เกมส์ปริศนาเป็นหนึ่งในเกมเพื่อความบันเทิง การพัฒนา และการศึกษาที่ต้องใช้ความอุตสาหะ ความแม่นยำ ความอดทน และที่สำคัญที่สุด ความเอาใจใส่ และเมื่อกดเข้ามาในเกม จะเจอกับหน้าหลักของเกมซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ตัวเลือก ว่าผู้เล่นจะเลือกที่จะต่อจิ๊กซอว์ในระดับใด

คุณมี 3 โหมดสำหรับแต่ละภาพ :

ง่าย 49 ชิ้น
ปานกลาง 89 ชิ้น
ยาก 168 ชิ้น

รีวิว Humble Pi, คณิตคิดพลาด: รวมเรื่องวายป่วงในวันที่คณิตศาสตร์รู้พลั้ง

Humble Pi โดย Matt Parker (คณิตคิดพลาด: รวมเรื่องวายป่วงในวันที่คณิตศาสตร์รู้พลั้ง แปลโดย สกุลรัตน์ บวรสันติสุทธิ์) เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมากและให้ข้อมูลที่น่าสนใจของความผิดพลาดของคำนวณคณิตศาสตร์ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเสียหายในระดับเล็กน้อยไปจนถึงความเสียหายในระดับหายนะ

สไตล์การเขียนของคนเขียนเน้นเล่าเรื่องให้สนุกและมีอารมณ์ขันแทรกเข้ามาอยู่ตลอด ยกตัวอย่างเช่น เรื่องของการคำนวนที่ผิดพลาดทางคณิตศาสตร์ที่ง่าย ๆ ก็สามารถนำไปสู่หายนะอันใหญ่หลวง ตั้งแต่สะพานถล่ม กระจกจากตึกสูงเกิดการรวมแสงแล้วเผารถยนต์ที่จอดอยู่ถนนฝั่งตรงข้าม หายนะของสายการบิน หรือความผิดพลาดของกระสวยอวกาศสำรวจดาวอังคาร โดยเขายกเคสมาจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นจากหลายแหล่ง รวมถึงประสบการณ์โดยตรงของเขาเองด้วย

คณิตคิดพลาด: รวมเรื่องวายป่วงในวันที่คณิตศาสตร์รู้พลั้ง

จุดเด่นของคนเขียนคือเขาเป็นนักคณิตศาสตร์และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ที่เก่งมาก ทำให้เรื่องคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเข้าถึงได้ง่ายและน่าสนใจสำหรับผู้อ่านทุกระดับ

สรุปว่าใครก็ตามที่สนใจที่จะเข้าใจบทบาทของคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันและศักยภาพของคณิตศาสตร์ทั้งในด้านความช่วยเหลือและอันตราย ควรอ่าน Humble Pi อย่างยิ่ง สนุกจริง ยกให้เป็นหนังสือที่ชอบมากเล่มแรกที่ได้อ่านของปีนี้

Review Dale Carnegie’s “How to Win Friends and Influence People”

Dale Carnegie’s “How to Win Friends and Influence People” is a timeless classic in the self-help genre, commonly found on lists of essential reading materials. Originally published in 1936, the edition I read was an updated version with added content.

How to Win Friends and Influence People

The author provides practical advice on enhancing social abilities and building relationships with others, with a strong emphasis on the significance of active listening, expressing genuine interest in others, and being cautious when using criticism and negativity. The principles outlined in the book are drawn from a range of sources, including the author’s personal experiences. Despite its age, the book remains relevant and applicable to modern-day situations, as human nature has evidently not changed. I highly recommend “How to Win Friends and Influence People” to anyone seeking to improve their social skills and gain a deeper understanding of human nature.

รีวิวหนังสือ ปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ

ผลงานของฮิงาชิโนะ เคโงะ มีเรื่องเด่นอย่างหนึ่งที่ทำได้สุดยอดมากๆคือ เราจะถูกดึงให้อ่านต่อแบบหยุดไม่ได้ตั้งแต่อ่านได้แค่ 10-20 หน้าแรกของนิยายความยาวระดับ 500 หน้า 

“เรื่องปาฏิหาริย์ร้านชำของคุณนามิยะ” เป็นผลงานเล่มแรกที่เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติของฮิงาชิโนะ เคโงะ ที่เราได้อ่าน (นี่ฉันสปอยรึเปล่านะ?) ก่อนหน้านี้จะได้อ่านแค่แนวสืบสวนฆาตกรรมซะเป็นส่วนใหญ่ 

ส่วนเนื้อนั้นเป็นเรื่องของร้านชำในแบบยุคเก่า แต่นามิยะเจ้าของร้านกลับเปิดบริการรับปรึกษาปัญหากลุ้มใจ ลูกค้าของคุณนามิยะจะส่งจดหมายมาขอให้เขาช่วยตอบปัญหาหนักใจ 

เรื่องราวปัญหาของลูกค้าแต่ละคนมีทั้งง่ายๆ ไปจนถึงหนักหนาสาหัส แต่เรื่องราวของตัวละครก็มีความสอดคล้อง เกี่ยวข้องกันอย่างลึกซึ้ง มีเรื่องราวที่อบอุ่น และเศร้าปนกันไป 

เราจะได้ติดตามชีวิตของแต่ละคนที่ได้รับคำปรึกษาจากเจ้าของร้าน พวกเขาได้ทำตามคำแนะนำอย่างไรบ้างและมันจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขาไปในทิศทางไหนได้บ้างนั้น คนอ่านจะได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน 

เป็นอีกเล่มที่อ่านสนุก และขอแนะนำให้ได้อ่านกันครับ

รีวิว What if? 2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

what if2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

หนังสือ what If? 2 ถ้าชอบเล่มหนึ่งแล้ว คิดว่าจะชอบเล่มสองด้วยแน่นอน Randall Monroe ตอบปัญหาที่กวนส้นได้สนุกและบันเทิงสุดๆ ความแตกต่างที่เรียกว่าเป็นสิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเล่มแรกมีหลายอย่าง เช่น นอกจากจะมีการตอบคำถามหลักที่ยาวและละเอียดแบบเล่มแรก ยังมีแทรกการตอบคำถามแบบสั้นๆไว้ด้วย เหมือนให้เราได้พักเบรคจากคำถามหลัก แต่คำถามก็น่าสนใจและบ้าบอเหมือนกัน

อีกอย่างใน what if? 2 เล่มนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจและจริงจังกับการหาคำตอบให้กับคำถามกวนๆมากขึ้น เราจะได้เห็นการใส่อ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากหลายแหล่งมากขึ้น รวมทั้งการได้ไปคุยกับผู้เชียวชาญเฉพาะในเรื่องนั้นๆโดยตรง แทนที่จะพยายามจะตอบคำถามด้วยตัวเองคนเดียว เราจึงได้เห็นการตอบคำถามที่หลากหลายมากกว่าแค่แนวฟิสิกส์ที่เขาเชี่ยวชาญ

หนังสือ What if? 1-2 ของ Randall Monroe เป็นหนังสือที่ตอบโจทย์อ่านเอาสนุก เอาฮา หรืออ่านเอาวิธีคิดในการหาคำตอบที่มีชั้นเชิงโดยอิงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่ข้อควรระวังคือเราจะเอาความจริงจังและความถูกต้องมากไปไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบแค่ในเชิงสมมุติฐาน ไม่มีการทดลองจริง (ก็แน่สิ คำถามบ้าบอสุดๆ) แต่ก็ไม่ใช่การตอบแบบมั่วๆเพราะยังอิงกับความรู้และข้อมูลที่มีในปัจจุบันอยู่ด้วย มันจึงเป็นหนังสือที่อ่านสนุกแบบไม่ไร้สาระและก็ไม่จริงจังเกินไป รวมทั้งมีการ์ตูนประกอบยิ่งทำให้อ่านเข้าใจง่ายและสนุกเพิ่มขึ้นอีก

เยี่ยมชมห้องคลีนรูม สำหรับทำงานวิจัยที่ Forschungszentrum Jülich (FZJ) เยอรมนี อย่างอลังการ

สัปดาห์ก่อนได้ไปที่ Forschungszentrum Jülich (FZJ) ข้อมูลเบื้องต้นคือ เป็นสถาบันวิจัยระดับชาติของเยอรมันที่ทำวิจัยหลายด้านมาก มีพนักงานประมาณ 6,800 คน มีสถาบัน 10 แห่งและสถาบันย่อย 80 แห่ง ถือเป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ข้างในเปรียบเหมือนเป็นเมืองอีกหนึ่งเลยทีเดียว มีโรงพยาบาล มีสถานีดับเพลิง และสิ่งจำเป็นอื่นๆอยู่ภายใน

เราไปทำธุระอย่างอื่น แต่เนื่องจากว่าเพื่อนร่วมงานเคยทำงานที่นั้นและคุ้นเคยกับคนที่นั้นอย่างดี เขารู้ว่าเราสนใจงานทางด้าน Miro and Nanofabrication เลยอาสาพาทัวร์ตึกคลีนรูมของที่นั้น

Helmholtz Nano Facility (HNF) คือห้องคลีนรูมขนาด 1200 ตร.ม. ตามมาตรฐาน ISO 1-3 ทำงานตามมาตรฐาน VDI DIN 2083 และ DIN EN ISO 14644 ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ที่ศูนย์รับทั้งงานร่วมวิจัยภายในองค์กร และรับบริการภายนอกด้วย มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเคยเข้ามาทำงานในนี้และบางบริษัทก็ยังเช่าห้องอยู่เพื่อทำงานวิจัยโดยใช้ Facility ของศูนย์ในการทำงาน หลายๆกลุ่มวิจัยก็ใช้ที่นี้สร้างชิพสำหรับควอนตัมคอมพิวเตอร์

ห้องคลีนรูมอธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือห้องที่ควบคุมให้ห้องมีฝุ่นน้อยที่สุด การสร้างชิพหรือวงจรที่มีความละเอียดในระดับนาโน อนุภาคที่ปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้อุปกรณ์ที่สร้างอยู่เสียหายได้ จึงจำเป็นต้องสร้างห้องที่มีฝุ่นปนเปื้อนในอากาศให้น้อยที่สุด (ความจริงควบคุมหมดทั้ง อนุภาค ความชื่น อุณหภูมิ แรงดัน ทิศทางและการไหลของอากาศ)

คลีนรูมของที่นี้ต้องเรียกว่าอลังการมาก อาจเรียกได้ว่าทั้งตึกเป็นส่วนหนึ่งของคลีนรูม โดยสร้างตึกขึ้นมาครอบตึกอีกทีเพื่อให้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในได้ดียิ่งขึ้น เราจึงสามารถเดินชมห้องได้โดยรอบผ่านตรงจุดเชื่อมตึกที่ครอบและตึกด้านใน ด้านบนเป็นระบบควบคุมอากาศและอุณหภูมิ ชั้นกลางคือส่วนของห้องคลีนรูม ที่แบ่งย่อยเป็นห้องตามจุดประสงค์ในการทำงาน ด้านล่างเป็นส่วนของซัพพลาย เช่น ไฟฟ้า น้ำ แก๊ส ปั๊ม ฯลฯ เป็นระบบที่ออกแบบมาได้ดีมากๆ ลิสต์เครื่องมือมีพร้อมทุกอย่าง ตามไปดูในลิงค์ ภายในนี้สามารถออกแบบ ผลิตชิพ และร่วมทั้งทดสอบ งานจบได้ในที่นี่ เครื่องมือค่อนข้างใหม่มาก จนหลายคนที่นี้เรียกกันขำๆว่า โชว์รูมของ Oxford Instructions (บริษัทที่ออกแบบและผลิตอุปกรณ์งานทางด้านซิมคอนดักเตอร์) การได้เดินทัวร์ดูอุปกรณ์และระบบที่ออกแบบมาอย่างดีถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว คาดว่าน่าจะได้มีโอกาสเข้าไปใช้ Facility ของที่นี่ในอีกไม่นาน

เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังประมาณนี้แล้วกันครับ

ปล. อยากเห็นศูนย์วิจัยของ TSMC จริงๆว่าจะอลังการขนาดไหนนะ

ข้อมูลเบื้องต้น
Wet bench
E-Beam Lithography
Surface characteristic
Air flow and temperature control center
ICP RIE, PECVD, SPUTTER
ปั๊มและเครื่องทำความเย็นแยกออกมาอยู่ด้านล่างของห้อง

Old enough วาไรตี้การทำธุระครั้งแรก ของเด็กวัยอนุบาลญี่ปุ่น

Old Enough! วาไรตี้ชมได้ทาง Netflix

Old enough เป็นรายการวาไรตี้ญี่ปุ่น ดูได้ทาง Netflix รูปแบบรายการเป็นลักษณะสารคดี ตามติดการทำธุระด้วยตัวเองเพื่อช่วยครอบครัวของเด็ก ๆ ก่อนวัยเรียน เช่น ออกไปซื้อของชำ จัดส่งพัสดุ ส่งข้าวกลางวัน เป็นต้น ตอนละ 10 กว่านาทีเอง

รีวิวสั้น ๆ น่ารัก สนุก และดีมาก ๆ เด็ก ๆ ตัวนิดเดียวแต่เก่งมาก ๆ น่าทึ่งสุด ๆ

ส่วนตัวได้แต่อิจฉาวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมของญี่ปุ่นที่เอื้อให้เด็กสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวคนเดียวได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ในรายการจะมีคนของรายการดูแลความปลอดภัยให้ตลอดก็เถอะ แต่ก็รู้สึกว่าปลอดภัยกว่าบ้านเมืองเราอยู่ดี

สิ่งที่เห็นชัด ๆ เช่น การข้ามถนน ที่ถูกฝึกอบรมมาตั้งแต่เด็ก ๆ และเด็ก ๆ ก็ทำตามอย่างเคร่งครัดมาก ๆ

สรุปว่า ดูเลย สนุก คอนเฟิร์ม รอชมซีซั่นต่อไปไม่ไหวแล้ว

ปล. เด็ก ๆ ในรายการจะน่ารักและเก่งแตกต่างกันไป พ่อๆแม่ๆ อย่าเอามาเปรียบเทียบกับลูกหลานตัวเองเด็ดขาด เด็ก ๆ แต่ละคนโตมาแตกต่างกัน มีความน่ารัก และเก่งในแบบของตัวเอง

The Lord of the Rings ไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งได้อ่าน

หนังสือชุด The Lord of the Rings ที่มี 3 เล่มจบ

เพิ่งจะอ่านหนังสือชุด The Lord of the Rings เล่มที่ 1 จบ ซึ่งปกติจะเป็นคนที่ทั้งอ่านและฟังไปพร้อมกัน เล่มนี้ audio book อ่านโดย Andy Serkis (คนที่แสดงเป็นกอลลั่มในฉบับหนัง) ซึ่งเขาก็ทำผลงานออกมาได้ดีมาก ๆ ทั้งร้องเพลง อ่านบทกวี ดัดเสียงตามตัวละคร จังหวะการอ่านดีมาก ๆ รวมแล้วประมาณ 22 ชั่วโมง ความจริงถ้าอ่านเองอาจจะใช้เวลาเร็วกว่านี้มาก แต่ได้ฟังเสียงไปด้วยมันเพลินมาก ไม่ปรับความเร็วด้วย

ส่วนเนื้อหาของหนังสือเล่มแรกของชุด 3 เล่มจบ The Fellowship of the Ring พบว่าเป็นหนังสือที่ดีงามมาก ๆ การเล่าเรื่อง ความแฟนตาซี ปรัชญา บทเพลง บทกวี ภาษาและอักขระเฉพาะ การเดินทางผจญภัย ความสัมพันธ์ของตัวละคร และโครงสร้างจักรวาลถูกวางและเขียนไว้ได้ดีมาก ๆ นี้คือหนังสือที่ควรอ่านสักครั้ง

คำถามต่อมาคือเราไปอยู่ไหนมาทำไมเพิ่งจะได้อ่านนะ (ดูแต่หนัง จำนวนรอบนั้นนับไม่ได้แล้ว)

หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับภาพประกอบ

หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีเขียนภาพประกอบโดย Jim Key

Harry Potter and the Philosopher’s Stone: Illustrated Edition

ภาพประกอบโดย Jim Kay

เป็นหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีเขียนภาพประกอบโดยจินตนาการตามตัวอักษรในหนังสือ หลายอันอาจจะไม่ได้เหมือนฉบับภาพยนตร์ที่เราคุ้นเคย (ซึ่งจริงๆหนังก็ตีความได้ดีมากเหมือนกัน)

ฉบับภาพประกอบของ Jim Kay ทำออกมาได้สวยมากๆ น่ามีเก็บไว้บนตู้หนังสือมาก ๆ ที่เห็นอยู่ในภาพเป็นฉบับ ebook ใน kindle ภาพมีแอนนิเมชั่นนิดๆ ขยับตัวได้ด้วย

สรุปว่าดูภาพประกอบตัวอย่างบางส่วนเอาแล้วกันสวยแค่ไหนตอนนี้ทำออกมายังไม่ครบทั้ง 7 เล่มนะ เล่ม 5 จะออกราวๆ กลางปีนี้ เล่มต่อไปคงจะทยอยตามเรื่อย ๆ ฉบับ hardcover ราคาประมาณ 25€

หนังสือ The Handmaid’s Tale ฉบับ Graphic novel

เมื่อวานได้แนะนำหนังสือ หนังสือ To kill a mockingbird ฉบับ Graphic novel ไปแล้ว วันนี้มีอีกเล่มที่อยากแนะนำต่อ นั้นคือ The Handmaid’s Tale ฉบับ Graphic novel เหมือนกัน ดัดแปลงและวาดภาพโดย Renee Nault ตีพิมพ์เมื่อปี 2019 ภาพสีทั้งเล่มและน่าสะสมมาก

หนังสือ The Handmaid’s Tale ฉบับ Graphic novel

ทำความรู้จักกับหนังสือเล่มนี้ในเบื้องต้น
The Handmaid’s Tale เป็นนวนิยายแนวดิสโทเปีย โดย Margaret Atwood นักเขียนชาวแคนาดา ตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 1985 แต่ถึงปัจจุบันก็ยังยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยม ขอจัดอยู่ในกลุ่มหนังสือคลาสสิคแนวเดียวกับ 1984, Fahrenheit 451 ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมยุคที่ถูกกดขี่จากระบอบเผด็จการ ในหลาย ๆ สำนักถ้าจัดหนังสือหมวดดิสโทเปียที่ต้องอ่านจะต้องมีเล่มนี้ติด 1 ใน 5 แน่นอน

มาที่เนื้อหาในหนังสือ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้หลังสงครามกลางเมืองของอเมริกา ผลคือเมืองถูกปกครองโดยระบอบเผด็จการทหารแบบเบ็ดเสร็จ และยังมีภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมและอัตราการเกิดที่ลดลงเข้ามาเสริมด้วย เผด็จการทหารได้บังคับใช้บทบาททางสังคมที่เข้มงวดและคลั่งศาสนาสุด ๆ ใช้ระบบที่มีผู้ชายเป็นใหญ่ ส่วนผู้หญิงถูกกดขึ่และถูกบังคับให้ทำงานในบทบาทที่จำกัด แต่ละกลุ่มมีหน้าที่แตกต่างกัน มีชุดที่สวมใส่ที่แตกต่างกันด้วย ผู้หญิงบางกลุ่มที่ถูกเรียกว่า “Handmaid; สาวใช้” จะถูกบังคับให้ทำหน้าที่ผลิตเด็ก เพื่อเพิ่มประชากรป้องกันการสูญพันธ์ุ(โดยเฉพาะเผ่าพันธุ์ของคนระดับสูง) สาวใช้จะไม่อนุญาติให้มีทรัพย์สินหรือแม้แต่ชื่อตัวเอง แต่จะถูกเรียกว่า เป็นของใคร (Of-) เช่น ออฟเฟรด (Of-fred หมายถึง เธอเป็นของผู้บัญชาการชื่อเฟรด) ตัวเอกของเรื่องก็เป็นหนึ่งในคนใช้ มีหน้าที่ต้องผลิตลูกให้กับผู้บัญชาการคนหนึ่งของกลุ่มเผด็จการทหาร

ชีวิตของกลุ่มสาวใช้จะต้องอยู่ในเขตกักกัน พวกเธอจะออกไปทำหน้าที่ตามบ้านของเจ้าหน้าที่ระดับสูงตามเวลาที่กำหนด มีหลาย ๆ ฉากของการทำหน้าที่ของเธอ ที่อ่านแล้วสะเทือนใจอย่างมาก เช่น ขั้นตอนการทำหน้าที่ผสมพันธุ์ที่ทำเหมือนเป็นหนึ่งในพิธีกรรม ต้องมีภรรยาของผู้ชายผู้กระทำอยู่ในขั้นตอนนั้นด้วย ถูกปฏิบัติเหมือนเครื่องจักรผลิตเด็ก ส่วนใครที่พยายามหลบหนีจะถูกทำโทษอย่างรุนแรงต่อหน้าคนใช้คนอื่น ๆ แต่หลายคนก็ไม่ยอมจำนนและพยายามที่จะหลบหนีให้ได้

ปัจจุบัน The Handmaid’s Tale มีฉบับซี่รี่ย์ให้ได้ชมแล้ว สร้างตั้งแต่ปี 2017 ตอนนี้มี 4 ซีซั่นแล้ว (ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน)

ฉบับ Graphic novel ที่เห็นอยู่นี้ ดัดแปลงและวาดภาพโดย Renee Nault ทำออกมาได้ดีมาก อ่านง่าย ภาพสวยมีสไตล์เฉพาะตัว แต่ฉากความรุนแรงนั้นไม่ได้ลดลงเลย (เห็นเป็นภาพสีสวยก็จริง แต่ไม่เหมาะกับเด็กเล็กนะ)

ขอแนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อเก็บสะสมในหมวดหนังสือที่ต้องอ่านครับ

รายละเอียดหนังสือ The Handmaid’s Tale ฉบับ Graphic novel
ราคา 16 ยูโร สั่งมาจาก Amazon.de
Publisher ‏ : ‎ Nan A. Talese; Illustrated edition (26 Mar. 2019)
Language ‏ : ‎ English
Hardcover ‏ : ‎ 240 pages
Dimensions ‏ : ‎ 16.69 x 2.26 x 24.18 cm

Exit mobile version