[WordPress Plugin] SimpleReach Slide เพิ่มความสนใจให้คนอยู่ในบล็อกนานขึ้น

ไปเจอ plugin สำหรับ WordPress ตัวหนึ่ง ชื่อ SimpleReach Slide เมื่อติดตั้งมันจะสร้าง Slide แนะนำโพสที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังเปิดอยู่ให้ เมื่อเราเลื่อนอ่านเนื้อหาจนสุดด้านล่าง หรือจะ scroll ลงไปเลยก็ได้นะ มันจึงจะโผล่ออกมา

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ มันจะยังไม่โผล่มาจนกว่าคนใช้จะเลื่อนลงไปข้างล่างจนจบเนื้อหาที่เปิดอ่านอยู่ แต่เมื่อมันปรากฏขึ้นมาแล้วเวลาเราเลื่อนหน้าเว็บขึ้นมันก็จะหุบให้เล็กลง(แต่ไม่หายไปนะ) ถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่ามันแสดงผลยังไงก็ดูตัวอย่างรูปด้านล่าง หรือไม่ก็เลื่อนหน้านี้ลงไปให้สุดด้านล่าง แล้วสังเกตุที่มุมขวาล่าง นั้นแหละความสามารถของมัน

เรียกได้ว่าถูกใจมากเลย จึงเอามาบอกต่อครับ

SimpleReach Slide ปลั๊กอินสำหรับ WordPress

ที่ดาวน์โหลดปลั๊กอิน SimpleReach Slide

Developer เขียนในคำอธิบายว่ามันจะเพิ่มจำนวน pageviews กับ time on site ให้เว็บไซต์ของคุณได้ พอดูแล้วก็อาจช่วยได้ส่วนหนึ่งเพราะตอนที่มันเด้งขึ้นมา ทำได้น่าสนใจทีเดียว เหมือนมีอะไรตอบสนองตอนเราเลือนจอ สรุปว่าชอบก็แล้วกันครับ

การออกแบบ หน้าแรกของ 7 เว็บไซต์ข่าวเทคโนโลยี

ตอนที่จะเปลี่ยนธีมใหม่ให้บล็อก มีอย่างหนึ่งที่อยากรู้คือส่วนใหญ่แล้วเว็บไซต์ดังๆเขาออกแบบหน้าแรกยังไง เว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่เข้าไปดูเป็นประจำก็คงหนีไม่พ้น 7 เว็บไซต์นี้ คือ AllThingsD, Engadget, Gizmodo, Mashable, SlashGear, TechCrunch และ The Verge ซึ่งสิ่งที่สนใจคือ หน้าแรกที่เราเปิดเข้ามาเจอเลย โดยที่ยังไม่เลื่อนลงด้านล่าง

ก็ใช้เครื่องตัวเองเป็น reference คือ แสดงผลใน Google Chrome ขนาดจอ 1280 x 800  ดังนั้นเอาทั้ง 7 เว็บไซต์มาดูทีละอัน ซึ่งเว็บไซต์ที่ชอบหน้าแรกมากที่สุด ขอยกให้ AllThingsD ส่วนเว็บไซต์อันอื่นดูดีในแบบของตัวเอง แต่ที่ชอบน้อยที่สุดก็ขอยกให้ SlashGear ที่ไม่ค่อยมีเอกลักษณ์มากนัก

ลองมาดูหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์

AllThingsD

AllThingsD หน้าแรกเป็นแบบเรียบง่าย ไม่มีโฆษณามารบกวนสายตา มีโพสเด่นสุดอยู่อันหนึ่ง กับลิงค์บทความอื่นๆด้านข้างอีก 3 อัน มีลิงค์หมวดต่างๆด้านบน มีช่องค้นหา เป็นหน้าแรกที่มีทุกอย่างที่ควรจะมีโดยที่ไม่ต้องเลื่อนดูด้านล่างก็ได้พอที่จะรู้ว่าเว็บนี้มีอะไรอยู่บ้าง จึงทำให้ชอบมากที่สุดเมื่อเทียบกับเว็บไซต์อื่นๆ

TechCrunch

TechCrunch มีโพสที่เป็นเรื่อง Hot Topic ให้เลือกคลิกอยู่ 4 เรื่อง แล้วก็เหลือบเห็นหัวข้อของโพสด้านล่างโผล่มานิดหน่อย ด้านบนยังมีเมนู และหมวดหมู่ให้คลิกได้ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือทำส่วนของโฆษณาได้ลงตัวกลมกลืนไปกับเนื้อหา ดูมีช่องว่าง ไม่แออัดจนเกินไป

The Verge

The Verge  เป็นอีกเว็บหนึ่งที่ชอบ ทำหน้าแรกออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจ มีหัวข้อที่เป็นฟีเจอร์อยู่ด้านหน้ามีภาพประกอบโพสและสีพื้นหลังจางๆ มีหัวข้อให้คลิก มีช่องค้นหา ไม่มีโฆษณาให้เห็น

Gizmodo ดูเรียบๆ มองเห็นโพสอันใหญ่โดดเด่นอันเดียว มีโฆษณาเด่นที่ด้านขวา มองเห็นโพสล่าสุดด้านขวาประมาณ 3 อัน เป็นหน้าแรกที่เรียบและดูดีทีเดียว

Mashable

Mashable เน้นเรื่องการแชร์มาก แทบทุกโพสจะมีลิงค์แชร์ บางครั้งทำให้ดูรกตาไปหน่อย แต่มีโพสจุดเด่นอันใหญ่อันหนึ่ง กับอีกสองอันด้านข้าง มีลิสต์ของ Most shared ให้เห็น มีโฆษณาชัดเจนเป็นแบนเนอร์ด้านบนแต่ค่อนข้างกลมกลืน

Engadget

Engadget มีส่วนของแบนเนอร์โฆษณาที่อยู่ด้านบนเหมือนเป็นส่วนเกินของเว็บไซต์ไปเลย แต่ค่อนข้างดึงดูดให้คนดูเป็นพิเศษ และยังกระตุ้นให้ต้องเลื่อนลงข้างล่างด้วยสิ แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก ความฉลาดในการออกแบบอีกอย่าง นั้นคือการเอาโพสมาเป็นส่วนเฮดเดอร์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีเมนูหมวดหมู่ให้คลิก มี Top Stories ให้เลือก

SlashGear

SlashGear คล้ายกับ Engadget มีโฆษณาอยู่ด้านบนอย่างชัดเจน แต่ไม่น่าดึงดูดเท่า มีฟีเจอร์โพสเรียงกันให้เลื่อนซ้ายขวาได้ มีเมนูของหมวดหมู่ และมองเห็นหัวข้อใหญ่ของโพสล่าสุดโผล่มานิดหน่อย

สรุป 
แต่ละเว็บมีแนวทางของตัวเองชัดเจน มีสีเฉพาะตัว มีโพสที่น่าสนใจไว้เด่นที่สุด เป็นกรณีศึกษาที่ดีได้ทั้งสิ้น แล้วเอามาปรับใช้กับเว็บของตัวเองต่อไป

แนะนำบล็อกเกี่ยวกับ Medical Microbiology ของคนใกล้ตัว

Noobnim.in.th

ขอแนะนำบล็อกคนใกล้ตัวครับ Noobnim.in.th บล็อกของ @ac_nim แม้ว่าตอนแรกจะพยายามชักชวน ชักจูงยังไง ไม่เคยจะสนใจเขียนเลย(แรงดึงดูดไม่พอ!) สุดท้ายต้องขอบคุณบล็อกของ @khajochi https://www.khajochi.com ที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาเขียนบล็อกของตัวเองบ้าง (ก็ทั้งหวานและโรแมนติกซะขนาดนั้น) ผมเลยได้เป็นหน่วย support ให้อย่างเต็มที่ ทั้ง Domain และ Hosting ก่อนหน้าที่จะมาเป็นบล็อกส่วนตัว ให้ลองไปเขียนบน WordPress.com ก่อน ซึ่งเคยเตรียมไว้ให้นานแล้วเหมือนกัน ตอนแรกคิดว่าคงจะเห่อแค่พักๆ แต่ผ่านมา 4 เดือนกว่าแล้ว ยังเขียนอยู่เป็นระยะๆ แสดงว่าคงจุดติดไปแล้ว ในฐานะผู้สนับสนุนเลยจะช่วยโปรโมทให้อีกทางครับ

Noobnim.in.th เรื่องที่เธอเขียนเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเธอโดยเฉพาะ(ก็มันบล็อกส่วนตัวนิ) แต่ที่เน้นสุดคงจะเป็นเรื่อง จุลชีววิทยา ทางการแพทย์ (Medical Microbiology) ในระดับ Advanced สุดๆ เอาไว้อ่านเตรียมสอบกันเลยทีเดียว แต่คนที่สนใจทั่วไปรู้เรื่องชีววิทยาบ้างก็อ่านสนุกได้เหมือนกันครับ บางเรื่องที่น่าสนใจผมก็ขออนุญาติเอาไปลงไว้ที่ Biomed.in.th เหมือนกัน แต่เราๆท่านๆอาจจะต้องทำความเข้าใจเป็นพิเศษสำหรับบ้างเรื่อง แต่ผมว่านี้คือสิ่งสำคัญนะ เมื่อบล็อกมันก็เหมือไดอารี่ส่วนตัวของเรา เราเน้นเขียนเตือนความจำตัวเอง พูดง่ายๆคือ เขียนให้ตัวเองอ่าน ส่วนการเปิดให้คนอื่นเข้ามาอ่านได้ จนกระทั้งมีคนคอยติดตามอ่านตลอดนั้นเป็นผลพลอยได้ต่างหาก ยังไงซะจะต้องมีคนสนใจในเรื่องที่เราเขียน แม้มันจะเฉพาะทางมากๆก็ตาม

ส่วนเรื่องเบาๆที่น่าติดตาม เช่น ฟุตบอล หนัง นิยาย หนังสือ ก็มีให้อ่านเหมือนกันครับ

ตัวอย่างโพสที่น่าสนใจ

ขอเชิญชวนให้ติดตาม Noobnim.in.th ได้ที่

  1. URL:  www.nobnim.in.th
  2. Feed: https://feeds.feedburner.com/noobnim
  3. Twitter: @ac_nim

ปล. ใครอยากลุกขึ้นมาเขียนบล็อกของตัวเองบ้าง ผมยินดีให้คำปรึกษาเต็มที่เลยนะครับ สนับสนุนเต็มที่

บทความ “ทำเงินบนโลกไอที (84) : So.cl อีกทางเลือกที่ไม่ใช่เฟซบุ๊ก”

เป็นบทความที่ได้เขียนไว้กับทาง CyberBiz : ผู้จัดการ Online ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 ยังไม่ได้เอามาบันทึกไว้ในนี้เลย ก็เลยมาเขียนถึงสั้นๆเก็บไว้

นั่งเล่น so.cl อยู่หลายวัน พยายามหาแง่มุมต่างๆของมัน เขียนส่งไปทั้งข้อความรวมกับภาพประกอบ 8 หน้ากระดาษ A4 เลยทีเดียว น่าจะยาวสุดเท่าที่เคยเขียนอะไรแนวนี้แล้วล่ะ กว่าจะเขียนออกมาได้ใช้พลังงานไปเยอะพอสมควรเลย ได้ค่าเรื่องมากินขนมนิดหน่อย แต่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ ตอนตอบตกลงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีค่าเรื่องให้ด้วย แต่รู้สึกดีที่ได้ทำมากกว่า ขอบคุณ @goople ที่ให้โอกาสได้ทำครับ

ตัดมาแปะไว้บางส่วน ตามไปอ่านต้นฉบับได้ที่ ลิงค์นี้ ครับ

ทำความรู้จัก So.cl สังคมออนไลน์เพื่อการศึกษาของไมโครซอฟท์

       ***ทำความรู้จัก So.cl สังคมออนไลน์เพื่อการศึกษาของไมโครซอฟท์
(บทความโดย พงษ์ศักดิ์ สาระภักดี)

ก่อนที่เราจะหาช่องทางทำเงินจากเว็บไซต์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคงต้องรู้ก่อนว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่ละส่วนนั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ถูกสร้างมาเพื่อจุดประสงค์อะไร ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้ง่ายต่อการนำไปต่อยอด หรือนำไปใช้ประโยชน์กับธุรกิจของเราให้แข็งแกร่งขึ้นได้ยังไง ดังนั้นการแนะนำสิ่งต่างเหล่านี้ก่อน น่าจะเป็นการชี้นำสู่ช่องทางทำเงินที่ดีที่สุด ดังนั้นเรามาทำความรู้จัก So.cl กันก่อนดีกว่าครับ

 So.cl (อ่านว่า “social”) เป็นสังคมออนไลน์จากไมโครซอฟท์ที่เปิดให้คนทั่วไปได้ใช้งานเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 ที่ผ่านมา หลังจากที่ปล่อยให้ใช้ในวงจำกัดมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 ไมโครซอฟท์ออกตัวชัดเจนว่าไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแข่งกับ Facebook หรือ Twitter ที่ถือว่าเป็นสองเว็บไซต์สังคมออนไลน์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลกในตอนนี้

Facebook/Twitter ถูกเรียกว่าเป็น ”เครือข่ายทางสังคม”(social networking) ซึ่งเราค่อนข้างคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เราสร้างสัมพันธ์กับคนรอบข้างด้วย ข้อความ คอมเม้นท์ ภาพถ่าย เกม ฯลฯ แต่ไมโครซอฟท์วางตัวให้ So.cl เป็น “สังคมแห่งการค้นหา” (social searching) กล่าวคือ สังคมออนไลน์ที่ผู้ใช้งานจะปฏิส้มพันธ์กันด้วยการแชร์ผลการค้นหาในสิ่งที่ตัวเองสนใจให้กันและกัน จะเห็นได้ว่าทั้งสองอย่างนี้มีจุดเหมือนและจุดต่างกันอยู่ในตัว

So.cl เกิดขึ้นจาก FUSE Labs ของไมโครซอฟท์ (ตัวอย่างผลงานของแล็บนี้ เช่น Docs.com, CompanyCrowd, Bing Social, Montage, Spindex เป็นต้น) เราจะเห็นว่าในปัจจุบันนั้นเว็บไซต์สังคมออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นในวัยเรียน ทางทีมงานของ Fuse Labs มองเห็นถึงศักยภาพของสังคมออนไลน์เป็นอย่างดี จึงพยายามที่จะเปลี่ยนเว็บไซต์ในลักษณะนี้ให้เข้าไปอยู่ในห้องเรียนให้ได้

So.cl จึงถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสังคมออนไลน์สำหรับนักเรียน/นักศึกษาโดยเฉพาะ เป็นสังคมออนไลน์ที่จะแชร์ประสบการณ์ทางด้านการศึกษา ว่าในขณะนั้นพวกเขากำลังเรียนรู้อะไร อย่างไรบ้างโดยสามารถที่จะโพสเนื้อหาที่มีองค์ประกอบได้หลายอย่างพร้อมกัน เช่น ผลการค้นหา รูปภาพ วิดีโอ ข้อความ ลิงค์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนมากที่สุดให้เพื่อนๆในกลุ่ม หรือในชั้นเรียนของตัวเอง เพื่อให้เกิดเป็นศูนย์รวมของการเรียนรู้ร่วมกัน โดยที่นักเรียน/นักศึกษาสามารถที่จะสร้างและปรับแต่งชุมชนออนไลน์ใน So.cl ให้เหมาะสมกับความสนใจของตัวเองและเพื่อนๆได้เอง

เปลี่ยนธีมอันใหม่ให้บล็อก

ธีมตัวเก่า Wide Blog Happens Theme โดย @imenn

ธีมตัวเก่าใช้มาเกือบจะ 4 ปี แล้ว ใช่ว่าไม่อยากเปลี่ยนธีมใหม่ให้ทันสมัยนะ แต่เหตุผลหลักๆที่ทำให้ไม่ได้เปลี่ยนสักที พอสรุปได้ดังนี้ครับ

  • Hard code ลงในธีมเยอะมาก ทั้งใน header.php , page.php, post.php จะเปลี่ยนทีต้องใช้เวลานานพอสมควรเลย
  • ภาพที่ใช้ประกอบในบล็อก ค่อนข้างทำ size ให้เหมาะกับธีมเดิม ต้องหาธีมที่กระทบกับโพสอันเก่าให้น้อยที่สุด คงไม่มีทางมานั่งแก้โพสเกือบ 500 โพสให้เข้ากับธีมใหม่แน่ๆ ตัวเลือกเลยน้อยลงไปอีก
  • โพสอันเก่าไม่ได้ทำ feature image ไว้เลย แต่ใช้ plugin เป็นตัวช่วยดึงมา ธีมสมัยใหม่จะใช้ข้อมูลอันนี้เกือบหมดแล้ว เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่จะทำให้โพสอันเก่ามีปัญหา
  • คิดว่าธีมอันเก่านั้นค่อนข้างโอเคในระดับที่ยังยอมรับได้อยู่

แล้วเหตุใดจึงต้องเปลี่ยนธีมใหม่

  • อยากได้ Responsive theme ซึ่งจะทำให้บล็อกเปลี่ยนเลเอาท์ให้เหมาะสมกับขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่เปิดใช้งาน คิดว่าตอนนี้คนเข้าดูเว็บไม่ได้ดูผ่านทางคอมพิวเตอร์อย่างเดียวแล้ว แม้จะมี plugin ช่วยอยู่ก็ตาม แต่คิดว่าสู้ Responsive theme ไม่ได้หรอก เท่กว่าเยอะ
  • คิดว่าถ้าทิ้งปัญหาต่างๆของด้านบนไว้นานๆจะยิ่งทำให้การเปลี่ยนธีมในอนาคตทำได้ยากขึ้นอีก
  • บล็อกเก่ามีติด Google Adsense ไว้ใต้หัวข้อโพสก่อนจะเริ่มเนื้อหา เป็นตำแหน่งที่ตัวเองก็ไม่ชอบนัก แต่เป็นตำแหน่งที่ทำให้คลิกเยอะสุดแล้วเมื่อเทียบกับตำแหน่งอื่นๆ อยากจะเปลี่ยนแปลงตรงนี้ แต่ไม่กระทบรายได้ของบล็อกมากนัก (แต่เพราะมันเป็นตัวหล่อเลี้ยงเว็บไซต์อื่นๆที่ทำตามใจอีกกว่า 5 เว็บไซต์) ซึ่งธีมใหม่ถือว่าช่วยได้ในระดับที่น่าพอใจเลย
  • ธีมเก่าไ่ม่มี feature post เลย เคยพยายามทำแล้ว แต่ทำยังไงก็ออกมาดูไม่ดีเลย เปลี่ยนธีมใหม่ไปเลยน่าจะเป็นคำตอบ

เกณฑ์ในการเลือกธีมใหม่

  • ต้องเป็น Responsive theme
  • เลือกแบบฟรีก่อน แต่ถ้าถูกใจจริงๆจะซื้อก็ได้ แต่จะไม่เอาธีมอันที่คนอื่นทำขายมาใช้ฟรี
  • มีตำแหน่งของการติดแบนเนอร์ที่เหมาะสมไม่รบกวนตรงเนื้อหามากเกินไป
  • ต้องมีตำแหน่ง feature post ที่ดี
  • ดูดี เข้าถึงโพสล่าสุดได้ง่าย เน้นให้คล้ายแมกกาซีน หรือเว็บข่าว

พอตั้งเกณฑ์ได้ประมาณนี้เลยช่วยให้ค้นหาและเลือกธีมที่มีอยู่มากมายได้ง่ายมากขึ้น พอค้นเจอก็ลองเปิดดู demo theme นั้นก่อน ซึ่งส่วนใหญ่เว็บแจกธีมมักจะมีตัวอย่างให้ดูอยู่แล้ว พอเข้าข่ายก็ดาวน์โหลดเก็บไว้ จากนั้นติดตั้งเข้าไปเลย ตอนแรกเลือกมาประมาณ 15 ธีม แล้วก็ลองเปิดพรีวิวดูในบล็อกของตัวเอง แล้วค่อยตัดตัวเลือกออกทีละตัวจนเหลือ 3 ตัวสุดท้าย แล้วลอง activate ธีมนั้นดู ลองปรับแต่งสักเล็กน้อยดูว่าเหมาะแค่ไหน แล้วจึงเลือกเอาอันที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด

สุดท้ายก็เลือกธีม Oxygen 

ธีมใหม่ของบล็อก

เกี่ยวกับ Oxygen theme

เป็นธีมที่ใช้ Hybrid Core framework รองรับการทำ child themes ออกแบบมาสำหรับเว็บไซต์แนวแมกกาซีน ซึ่งตัวเองดูแล้วค่อนข้างชอบ เป็นธีมฟรี แต่ฟรีไม่สมบูรณ์แบบนัก เพราะถ้าอยากได้รายละเอียดในการติดตั้ง การปรับแต่งต่างๆ จะต้องสมัครเป็นสมาชิกแบบจ่ายตังค์ของเว็บไซต์ที่เป็นคนแจก หลังๆเห็นธีมใช้โมเดลนี้เยอะเลย แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ยากเกินไปนักที่จะปรับแต่งตามใจต้องการ ดูโค้ดธีมประกอบพอช่วยได้

รายละเอียดของการติดตั้งธีมใหม่ 

  • ลดการใช้ hard code ให้ได้มากที่สุด เน้นใช้ plugin ช่วย
  • ไม่เอา Feature post อันใหญ่ของธีม เพราะขาดใหญ่มาก คิดว่าอาจเสียเวลาโหลดนานเกินไป
  • Feature post ด้านบนใช้ Plugin WP Featured Content Slider แล้วแก้ไข css เองอีกนิดหน่อย
  • Ralated Post ใช้ Plugin Related Posts Thumbnails
  • ปรับแต่ง css อีกนิดหน่อย

ใช้เวลานานพอสมควรเลยกว่าจะออกมาได้ประมาณนี้ ตอนนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์เต็มที แต่ส่วนตัวคิดว่าโอเคแล้ว อาจจะต้องปรับอีกนิดหน่อย

ว่าแล้วก็ เชิญติชมธีมใหม่ได้เลยครับ

BEST OF APPS แนะนำโปรแกรมที่สุดยอดของทุกแพลตฟอร์ม

BEST OF APPS

ในเว็บไซต์ makeuseof จะมีอยู่หัวข้อหนึ่งชื่อ BEST OF APPS เป็นหน้ารวมโปรแกรมที่ยอดเยี่ยมในหมวดต่างๆของแต่ละแพลตฟอร์มที่ใช้ๆกันอยู่ปัจจุบัน รู้สึกว่าทำได้ดีจังเลย เขาจัดทำมานานแล้วล่ะ หลายโปรแกรม หลายเว็บไซต์เราก็เจอจากหัวข้อนี้ ลองดูว่าเขาจัด BEST OF APPS ของอะไรไว้บ้าง

  • BEST WEBSITE
  • BEST WINDOWS SOFTWARE
  • BEST LINUX SOFTWARE
  • BEST MAC APPS
  • BEST ANDROID APPS
  • BEST IPHONE APPS
  • BEST IPAD APPS
  • BEST CHROME EXTENSIONS
  • BEST FIREFOX ADDONS
  • BEST WORDPRESS PLUGINS
  • BEST PORTABLE APPS
  • BEST LINUX DISTROS

เรียกได้ครบทุกแพลตฟอร์มที่สามารถติดตั้งโปรแกรมหรือส่วนเสริมลงไปได้เลยทีเดียว เมื่อคลิกเข้าไปเราจะพบรายการของ Apps ที่แยกเป็นหมวด เช่น เกี่ยวกับ ภาพ เพลง หนัง เอกสาร ป้องกันไวรัส เป็นต้น ในแต่ละ Apps มีคำอธิบายสั้นๆไว้ให้พร้อมกับลิงค์ไปดูรีวิวแบบเต็มและลิงค์ดาวน์โหลดโปรแกรม ถ้าเพื่อน ได้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเครื่องใหม่มา แล้วถามว่า “จะลงโปรแกรมอะไรบ้าง” สามารถแนะนำหน้านี้ให้ได้เลยครับ

ลิงค์ไปที่หน้า BEST OF APPS

มาเล่นตัวต่อ LEGO บนเว็บกันดีกว่า [3D]

LEGO กับ Google ร่วมกันทำเว็บไซต์ Buid with Chrome (buildwithchrome.com) โดยมีตารางบนแผนที่ของออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เราสามารถกดเข้าไปสร้างอะไรก็ได้บนพื้นที่แปลงหนึ่ง ด้วยตัวต่อ  LEGO 1 พันชิ้น จากนั้นก็แชร์สิ่งก่อสร้างของคุณต่อไป มีข้อจำกัดอีกนิดหน่อย เช่น พื้นที่มีจำกัดใครมาก่อนได้สร้างก่อน หมดแล้วหมดเลย เมื่อเริ่มสร้างแล้วต้องทำให้เสร็จในคราวเดียว และต้องแน่ใจว่าเสร็จสมบูรณ์แล้วค่อยเผยแพร่ หากปิดเว็บไปมันไม่บันทึกให้นะ และยังมีข้อแนะนำอีกนิดหน่อยลองอ่านดูที่ลิงค์ https://www.buildwithchrome.com/static/legal

ส่วนใครไม่อยากอ่านข้อกำหนดต่างๆให้วุ่นวาย ก็ขอให้ตั้งใจสร้างให้สุดฝีมือ แล้วค่อยกดแชร์

LEGO Build with Chrome (ฝีมือห่วยๆของผมเอง)

การเข้าใช้งานเว็บไซต์ต้องใช้บราวเซอร์ที่รองรับ HTML5 ใช้งานได้ดีกับ Google Chrome

พอเล่นไปเริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ ไม่น่าเชื่อว่าตัวต่อไม่กี่แบบมันจะทำอะไรได้เยอะแยะขนาดนี้ เป็นการตลาดที่ดีเลยละ เพราะเล่นไปสักพักผมก็อยากได้ LEGO ของจริงขึ้นมาเลยทีเดียว

เริ่มเล่น LEGO กันได้เลยที่ https://www.buildwithchrome.com/

via: https://www.howtogeek.com

picplz เตรียมปิดตัว เปิดให้ดาวน์โหลดภาพของตัวเองในทีเดียวแล้ว

picplz เตรียมปิดตัว ในวันที่ 3 ก.ค. 55 นี้แล้ว

picplz เตรียมปิดตัว อันนี้มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้แล้ว เวลาที่จะปิดตัว คือ 3 ก.ค. 2555 ที่จะถึงนี้ ล่าสุด picplz ก็เพิ่งจะออกตัวช่วยให้เราโหลดภาพของเราได้ในคราวเดียว

picplz เป็นบริการที่เหมือนกับ instragram ใช้ได้ทั้ง iPhone และ Android  รวมทั้งคอมพิวเตอร์ก็ใช้งานได้ แต่คงจะสู้ instragram ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่ไม่ได้ เลยจำต้องปิดตัวไป ใครที่เคยใช้งานก็อย่าลืมไปดาวน์โหลดภาพของคุณเก็บไว้ก่อนวันที่ 3 ก.ค. ที่จะถึงนี้นะครับ ไม่งั้นภาพของคุณอาจจะหายไปอย่างไม่มีวันหวนคืนมา

เข้าไปดาวน์โหลดภาพของตัวเองจาก picplz ได้ที่ https://picplz.com/yourphotos/ คลิก Download All Pics

วิธีใช้ Dropbox สองบัญชีพร้อมกันในเครื่องเดียว สำหรับเครื่อง Mac

Dropbox

ผมมี Dropbox อยู่สองบัญชี อันแรกเป็นตัวที่ใช้บ่อย ทำงานต่างๆบนตัวนี้เป็นหลัก(24 GB) ส่วนอีกบัญชี(13 GB) ไฟล์ที่นานๆจะถูกเรียกใช้งานสักครั้งจะถูกเก็บไว้ที่นี้ ตอนใช้ Windows จะใช้วีธีตามลิงค์นี้ในการเปิดใช้งานสองบัญชีพร้อมกัน ส่วนการใช้บน Mac OS X ทำได้ง่ายกว่ามาก ดังนี้ครับ

วิธีใช้ Dropbox สองบัญชีพร้อมกันในเครื่องเดียว สำหรับเครื่อง Mac

  1. เปิดโปรแกรม Terminal
  2. พิมพ์คำสั่ง
    bash

    กด enter

  3. ใช้คำสั่ง(copy ไปวาง)
    HOME=$HOME/.dropbox-alt /Applications/Dropbox.app/Contents/MacOS/Dropbox &

    กด enter

  4. dropbox อีกบัญชีจะโชว์ขึ้นมาบน menu bar แล้ว
    Dropbox สองบัญชีรันพร้อมกัน

ข้อมูลจาก: https://www.makeuseof.com/

Exit mobile version