ดาวน์โหลดธีม Windows 7

Windows 7 themes

คิดว่าหลายๆคนคงชอบการตั้งภาพแบคกราวด์ของ Windows 7 ให้เป็นแบบเปลี่ยนตามเวลา ทำให้เวลาเปิดคอมพิวเตอร์ใช้งานนานๆ เวลามันเปลี่ยนภาพพื้นหลังไปเรื่อยๆทำให้คนใช้ไม่เบื่อ ความชอบนี้ส่งถึง Gmail เหมือนกันคือตั้ง ธีมให้เป็น random ทำให้แต่ละวันได้เจอหน้าตามันเปลี่ยนไปทุกวัน

Microsoft ทำธีมของ Windows 7 ให้เราเลือกดาวน์โหลดหลายตัว ตอนนี้มีประมาณร้อยกว่าตัว ลองเข้าไปเลือกๆดู วิธีติดตั้งก็ง่ายๆ แค่ดาวน์โหลดลงเครื่องแล้วดับเบิ้ลคลิกไฟล์ ระบบจะติดตั้งเอง มันจะเข้าไปอยู่ส่วนของ My Themes ของเราเอง ในธีมจะมีการปรับแต่งบาร์และมีภาพพื้นหลังมาด้วยชุดหนึ่ง

แต่ธีมของ Windows 7 ใช้ได้กับ Windows 7 รุ่น Home Premium, Professional, Enterprise, Ultimate เท่านั้น หรือพูดง่ายๆคือรุ่น Basic ใช้ไม่ได้

เข้าไปโหลด Windows themes ได้ที่ https://windows.microsoft.com/en-US/windows/downloads/personalize/themes

ผมชอบชุดของ Nature มากที่สุด มันสวยดี

เปลี่ยนภาษาใน Google Chrome Dev Channel v.10

Google Chrome Sittings

ผมใช้ Google Chrome เวอร์ชั่น Dev Channel มันจะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆมาให้เล่นก่อนตัวอื่น(ยังช้ากว่า Canary) ซึ่งแน่นอนว่ามันจะมี bug พ่วงมาด้วยเยอะเช่นกัน วันนี้นึกอยากลองกลับไปใช้ Stable ดูเพราะ Dev V.10 เกิดอาการหน้างอบ่อย แต่พอติดตั้ง Stable ซึ่งเป็น  V.8 มีบ้างอันที่เคยใช้ใน V.10 ใช้ไม่ได้ สุดท้ายก็เลยตัดใจใช้ Dev Channel อย่างเก่าดีกว่า

วิธีติดตั้งก็เข้าไปที่ https://www.Google.com/Chrome/eula.html?extra=devchannel เหมือนทุกครั้ง ตอนติดตั้งมันเป็นภาษาไทย ก็คิดว่าติดตั้งเสร็จค่อยไปเปลี่ยน interface ของมันเป็นภาษาอังกฤษภายหลังก็ได้ เมื่อติดตั้งเสร็จเข้าไปที่ ตัวเลือก(options) หน้าตาของตัวเลือกเป็นแบบรูปด้านบน เป็น page ไม่ได้เป็น pop up เหมือนรุ่นก่อน แต่เจ้ากรรม! หาที่เปลี่ยนภาษาของ UI ไม่เจอ เปิดดูอย่าละเอียดก็ไม่เจอ ไม่คุ้นเคยกับเมนูภาษาไทย เลยลองค้นดูพบว่า มันเป็น bug หรือตั้งใจเอาออกก็ไม่รู้ มีคนเจอปัญหานี้เยอะเหมือนกัน

วิธีแก้ไขง่ายมาก แต่อาจจะไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ คือ ลบภาษาไทยทิ้งไปเลย เข้าไปที่ C:\Users\Name\AppData\Local\Google\Chrome\Application\10.0.634.0\Locales

แล้วหา th.dll ลบทิ้งไปเลย มันจะกลับมาใช้ภาษาอังกฤษเอง

เปรียบเทียบ Canon EOS 550D กับ Sony Alpha DSLR-A580

Compare the Canon EOS 550D vs Sony Alpha DSLR-A580

วันนี้พี่สาวบอกว่ากำลังดูกล้อง DSLR ตัวหนึ่งไว้ คือ Sony Alpha DSLR-A580 ส่วนตัวไม่ได้เป็นเซียนกล้องแต่อย่างใด แต่พอรู้เรื่องกล้องบ้าง เคยเล่นกล้อง SLR ตั้งแต่รุ่นฟิล์ม ไม่มีกล้อง SLR เป็นของตัวเองนะ แต่เล่นของรุ่นพี่มาตลอด รู้หลักการบ้าง เข้าอบรมบ้าง เคยจับ Nikon กับ Canon ตัวที่เล่นจนชินมือปัจจุบันเป็นกล้อง Canon EOS 450D ดังนั้นพอได้ยินกล้อง DSLR ของ Sony จึงฟังขัดๆหู ไม่ค่อยคุ้น ส่วนใหญ่ได้ยินแต่ Nikon กับ Canon เลยลองค้นดูสเปค พร้อมราคา ของมัน Body รวมเลนส์ ของ Sony Alpha DSLR-A58o ราคาอยู่ราว 3 หมื่นต้นๆ เมื่อเห็นสเปคของเจ้า A580 ทันใดนั้นในหัวคิดถึง Canon EOS 550D ขึ้นมาทันที

จากนั้นผมก็ลองค้นดูเว็บไซต์ เจอหลายเว็บที่มีเปรียบเทียบกัน แต่มีเว็บหนึ่งที่ผมว่ามันเจ๋งมาก นั้นคือ snapsort.com เลือกดูการเปรียบเทียบได้ 3 แบบ คือ High level, Specifications, Score ส่วนที่ชอบที่สุด คือเมนู High level มันบอกว่า กล้องแต่ละตัวมันดีกว่าอีกตัว ตรงจุดไหนบ้าง เหมือนกันตรงไหน และส่วนหนึ่งที่เว็บทั่วไปที่เอาสเปคมาเปรียบเทียบมักไม่มี คือจำนวน lenses available ซึ่งผมว่ามันมีประโยชน์มาก

ประเด็นของโพสนี้จึงไม่ใช้การเปรียบเทียบระหว่าง Canon EOS 550D กับ Sony Alpha DSLR-A580 แต่เป็นเว็บ snapsort ที่ทำการเปรียบเทียบกล้องแต่ละตัวได้ดี ใครจะเปรียบเทียบรุ่นไหน ยี่ห้ออะไรใส่ชื่อเข้าไปได้เลย ดูการเปรียบเทียบเต็มๆ ระหว่าง Canon EOS 550D กับ Sony Alpha DSLR-A580

แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ระหว่าง Canon EOS 550D กับ Sony Alpha DSLR-A580 ผมก็เลือก Canon EOS 550D เหตุผลเพราะ เมนู ตำแหน่งปุ่มต่างๆ เราคุ้นกับ Canon มากกว่า ราคาถูกกว่าในคุณภาพใกล้เคียง น่าจะหาเลนส์อื่นเพิ่มได้ง่ายกว่า

Chrome Notebook, Chrome OS, Chrome browser ในความคิดของผม

Google Chrome

บล็อกตอนนี้เขียนค้างไว้นานแล้ว วันนี้เลยกัดฟันเขียนต่อให้จบ ขาดๆ เกินๆ ขออภัยด้วยครับ

Chrome OS เปิดตัวมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีโน๊ตบุ๊คออกมา ให้ชื่อแปลกๆว่า Cr-48 ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นรหัสอะไร ในบล็อกตอนนี้ อยากจะเขียนถึง Chrome Notebook ก่อน แล้วก็จะพูดถึง Chrome OS พูดในฐานะคนใช้ ไม่ใช่ expert ทางด้านเทคโนโลยี จึงขอพูดในแบบบ้านๆ เหมือนนั่งคุยกัน มันมีผลิตภัณฑ์ที่รวมกันอยู่ที่อยากจะแยกส่วนของมัน คือ 1.ตัวเครื่องโน๊คบุคและ Chrome OS 2.ตัวโปรแกรม Chrome browser  ขอพูดถึงเป็นส่วนๆไป

Google Chrome Notebook

Chrome Notebook หรือ Cr-48 กับ Chrome OS มีสโลแกนแบบเท่ๆว่า “Nothing but the web”  ผมแปลแบบที่เข้าใจว่า “ไม่อะไรนอกจากเว็บ” อธิบายให้เข้าใจคือมันเป็น Cloud Computer ของจริง ทุกอย่างทำงานบนเว็บ ต้องขอพูดรวมกันเพราะทั้งสองต้องทำงานร่วมกัน มันเป็นเครื่องที่ต้องรัน Chrome OS เครื่องเดียว ณ ขณะนี้ มี spec ดังนี้

  • Intel Pine Trail processor
  • 12.1 inch display
  • Flash storage
  • full size keyboard without function key and cap lock key
  • oversized touchpad
  • Build-in 3G chip
  • 802.11n dual-band WiFi
  • 8 hours battery life of active use
  • Webcam
  • Weight 3.8 pounds (1.72KG)

มันรันด้วย Google Chrome OS สามารถ boot พร้อมใช้งานได้ภายในเวลาประมาณ 10 วินาที ข้างในไม่มีอะไรของจาก Chrome browser ให้เปิดโปรแกรมต่างๆทางอินเทอร์เน็ต ใช้งานกับเครื่องข่าย 3G หรือ Wifi เครื่องสามารถทำงานแบบ Offline ได้ในบางโปรแกรมที่รองรับ จุดเด่นที่เขาโฆษณาของตัวนี้คือ มันเป็น Cloud computing อย่างแท้จริง โปรแกรม พื้นที่เก็บข้อมูลอยู่บนเว็บหมด จึงไม่ต้องกลัวว่าเมื่อโน๊ตบุคพังจะทำให้ข้อมูลหาย เราจึงได้เห็นวีดีโอโฆษณาที่โชว์จุดเด่นนี้คือ พังโน๊ตบุคโชว์กันเลย ไม่ต้องกลัวข้อมูลสูญหาย

คนอื่นที่จะใช้เครื่องเราสามารถใช้ในหมวด incognito ได้ เมื่อปิดทุกอย่างก็จะถูกลบไป เครื่องตอนนี้ไม่มีขาย แต่ Google แจกให้ทดลองใช้ เฉพาะในอเมริกาที่สามารถลงทะเบียนของทดลองใช้ มีคนแอบเอามาขายใน ebay ด้วย ซึ่ง Google ก็บอกว่าผิดกฏหมายนะ ห้ามซื้อ-ขาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเคสนี้จบยังไง

มีหลายคนออกมาวิเคราะห์เรื่องนี้มากมายว่า Chrome OS จะอยู่รอดหรือไม่ โดยเฉพาะ Paul Buchheit คนที่เคยอยู่เบื้องหลัง Gmail บอกว่ามันจะล่ม ผมเห็นด้วยกับเขานะ ผมว่ามันอยู่สายเดียวกับ Netbook หรือ Tablet อะไรแนวนั้น คือเป็นเครื่องเสริมมากกว่าเครื่องหลัก โดยไอเดียของมันแล้วจะใช้เป็นเครื่องหลักก็คงไม่สะดวกมากหนัก (ตอนนี้พนักงานบางกลุ่มของ Google ใช้เป็นเครื่องหลักในการทำงานแล้ว) ณ ตอนนี้ยังใส่ข้อมูลผ่านทาง USB ไม่ได้ด้วย แต่เขาบอกว่าเครื่องที่จะมีการผลิตจากบริษัทผลิตเครื่องรายอื่นจะใช้ได้นะ ถ้าให้ซื้อโน๊คบุ๊คที่เปิดได้แค่ Chrome browser ตัวเดียวโปรแกรมอื่นๆใช้บนเน็ตหมด คิดกลุ่มคนที่สามารถทำแบบนี้ได้น่าจะมีอยู่น้อย ยังไงก็ต้องมีอีกเครื่อง ใช้ tablet ไปเลยดีไหม เล่นโปรแกรมอย่างอื่นได้ด้วย

ยิ่งตอนนี้ Android 3.0 ที่ออกแบบมาสำหรับ Tablet โดยตรงได้เปิดตัวแล้ว ยิ่งเห็นชัดว่ามันทับกันอยู่ ถ้า Android รัน Chrome browser ได้แล้ว ทุกอย่างก็ครบสมบูรณ์ คือ Android ทำงานฝั่งของ Chrome OS ได้แต่ Chrome OS ทำงานในฝั่งของ Android OS ไม่ได้ เป็นคุณจะเลือกอะไร ผมก็ตอบแทนได้เลยว่า เลือก Android OS ดีกว่า

Chrome OS and Android OS

อันที่จริงปัญหาเรื่องทับกันของผลิตภัณฑ์เคยถูกถามตั้งแต่ตอนเปิดตัว Google Chrome OS แล้ว ในตอนนั้น Google บอกว่าสุดท้ายแล้วมันจะเชื่อมกัน (หรืออันหนึ่งถูกยุบไปเลย?) แม้จะบอกว่า Netbook กับ Tablet มันคนละตลาดกัน แต่ผมว่ามันไม่ใช่ ถ้า Tablet เกิด Netbook ก็ถูกแย่งตลาดแน่นอน อาจรวมไปถึงโน๊ตบุคด้วยซ้ำไป

ขอพูดถึง Chrome browser บ้าง และยอดคนใช้ก็โตวันโตคืน แม้จะเปิดตัวไม่นานเมื่อเทียบกับเจ้าอื่น พบว่ามันพัฒนาเร็วมาก อีกทั้งการพัฒนาของ Google ดูเหมือนจะเร็วกว่าเจ้าอื่นๆ ตอนนี้มัน V.10 แล้วนะ (Dev channel) ออกอัพเดตแทบจะทุกสัปดาห์ อันแหละที่ผมว่ามันเป็นจุดแข็ง จะเรียกว่า Chrome มันมาปฎิวัติการวงการ web browser เลยนะ(พูดตามจริง ไม่ได้อวย) อย่างน้อยก็หน้าตา tab อยู่ด้านบน มีช่อง address bar รวมกับช่อง search มีตัว web store มาเสริมอีก ทำให้มันน่าใช้มากยิ่งขึ้น

เขียนมายาวแล้ว สรุปเลยแล้วกันในความคิดผม ผมว่า Chrome OS อาจจะตอบโจทย์ของผู้บริโภคในขณะนี้ได้น้อย มันเป็นคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ เหมือนจะมาเร็วไปนิด คิดว่ามันจะเกิดได้แต่ต้องใช้เวลาไม่เปรี้ยงตอนนี้ ใจจริงอยากให้มันเป็นที่นิยม เพราะผมคิดว่ามันคืออนาคตของโลกคอมพิวเอตร์ที่จะมาอันใกล้นี้ ส่วนตัว Chrome browser มันจะยังคงรุ่งต่อไป และเพิ่มส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Wedding Presentation ของนิน่ากับแบงค์

คู่รัก ต้นปี 2011 นิน่ากับแบงค์ เรียกว่าคู่รักทวิตเตอร์+ลิเวอร์พูล คงมิผิด เข้าพิธีวิวาห์เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2554 วันนั้นผมนั่งดูการถ่ายทอดสดผ่าน https://live.fukduk.tv เป็นวันที่มียอดคนดู live สูงสุดตั้งแต่เคยดูมาเลยนะคือ >400 คน (เกือบแตะ 500)

ผมเคยมีประสบการณ์ทำ wedding presentation อยู่ประมาณ 4-5 งาน เมื่อตอนเรียน ป.ตรี ทั้งสนุกทั้งเหนื่อย ไม่ค่อยได้ดู Presentation มากนัก ที่ทำส่วนใหญ่ก็ทำจากภาพนิ่ง มีการ์ตูนเล่าเรื่อง แต่เห็นตัวนี้แล้วชอบเลยนะ ภาพสวยมาก มีบทเหมือนดูหนังสั้น หรือ MV เพลงดีๆสักเพลง ดูแล้วเข้าใจ ไม่เยินเยอ ตอนสัมภาษณ์บอกว่าถ่ายทำแค่ไม่กี่ชั่วโมง ผมว่าหลายๆคนคงอยากได้ Presentation แบบนี้ในงานของตัวเองบ้าง

มีเซอร์ไพร์จากนิน่าร้องเพลงให้คุณแบงค์ อีกอัน อันนี้ก็ซึ่งไม่ใช่น้อย ทำเอาคนดูอิน น้ำตาซึมเลย

ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เห็นคนอื่นเขามีความสุข เราก็สุขใจ ความรักทำให้โลกสดใสครับ

นิน่า กับ แบงค์

BME Journal & News Subscription

เมื่อปลายปีที่แล้วได้จัดงาน BME CONCEPT ขึ้น แล้วก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก(เกินคาด) ผมก็ได้ร่วมนำเสนอด้วย ผมเสนอเรื่องใกล้ตัวที่ผมทำเป็นเรื่องปกติ แต่คิดว่าหลายคนยังไม่รู้ นั้นคือ การอ่านเว็บไซต์ที่เสนอข่าวสารเกี่ยวกับ วิศวกรรมชีวเวชฯ ที่มีอยู่มากมาย ก็เคยเขียนไว้แล้วใน Biomed.in.th ตอนที่ 1,  ตอนที่ 2 บังเอิญวันนี้เปิดไปเจอสไลด์ของตัวเอง เลยคิดว่าเอามาลงไว้ในบล็อกดีกว่าเผื่อมีคนสนใจ

Journal & News Subscription

ผมบอกไปเรื่อยๆว่าเว็บนี้มีข้อดีอย่างไรบ้าง น่าสนใจตรงไหน รวมถึงเว็บฐานข้อมูลงานวิจัยที่ใช้บ่อยๆอย่าง Sciencedirect และ Pubmed เท่าที่บอกไปก็มีอยู่ราว 20 เว็บไซต์ ปัญหาที่ตามมาคือเราจะไปตามอ่านทุกวันได้ยังไง เสียเวลาทำงานอย่างอื่นหมด คำตอบของปัญหานี้คือใช้ RSS Reader ช่วย เป็นวิธีที่เหล่า Bloger หรือ Geek เขาทำกัน ให้มันดึงเนื้อหาเฉพาะอันที่อัพเดตมา เราก็จะได้ติดตามอ่านอย่างไม่พลาดเนื้อหาใหม่ๆ และไม่ต้องเสียเวลาไปตามอ่านทุกเว็บ วันหนึ่งหรือสองสามวันค่อยเข้ามาเช็คเหมือนเช็คอีเมล อีกอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์คือมันแชร์ให้เพื่อน ใส่คอมเม้นท์เพิ่มเติมส่งให้เพื่อนในกลุ่มได้ด้วย

แต่พิเศษกว่านั้น ปกติเราจะเลือก subscript แต่ blog เป็นส่วนใหญ่ แต่น้อยคนที่รู้ว่า เว็บอย่าง Sciencedirect หรือ Pubmed ก็มี RSS ของ Journal งานวิจัยต่างๆเหมือนกัน

Sciencedirect: สามารถเลือก Journal ที่เราสนใจได้เลย อาจไม่มีทุกอันแต่เล่มที่ใหญ่ Impact สูงๆ มี RSS อยู่แล้ว เนื้อหาที่ถูกดึงมาเป็น abstract  แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะดูว่า บทความนั้นทำอะไร ถ้าสนใจค่อยคลิกเข้าไปดู เข้าไปโหลด

Pubmed: สามารถเลือก subscript เฉพาะคีย์เวิร์ดที่เราสนใจได้เลย เช่น ชื่อโรค ชื่อเชื้อไวรัว หรือการทดลอง ฯลฯ ใส่คีย์เวิร์ด คลิก search แล้วไอคอน RSS จะโผล่ขึ้นมาเอง

ผมว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับผม และคิดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นด้วย ตอนท้ายงานมีคนมาของสไลด์หลายคนเลยทีเดียว (แสดงว่าเราคิดถูก ที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่น)

Ignite Thailand++ ครั้งที่ 3

Ignite Thailand ครั้งที่ 3

งาน Ignite เป็นงานที่ผมประทับใจทั้งรูปแบบ และแนวคิดที่ได้จากงานทุกครั้งที่ได้ร่วมเข้าฟัง เหมือนจะเสพติดงานแนวนี้ไปแล้ว Ignite Thailand++ ครั้งที่ 3 จะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม 2554 (เวลา 18.00-21.00 น.) ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า จะได้พบกับ Igniter 22 ท่าน

จัดในโรงภาพยนต์พื้นที่น่าจะจำกัด ล่าสุดผมเข้าไปดูพบว่าพื้นที่สำรองที่นั่งเต็มแล้ว และปิดลงทะเบียนไปแล้ว แต่โชคดีที่ผมลงทะเบียนไปก่อนหน้านี้ ก็คิดว่าจะเข้าไปเก็บภาพและบันทึกเก็บไว้เหมือนทุกครั้งที่เคยไป ให้คนที่ไม่ได้ไปได้มีโอกาสได้เสพความคิดด้านบวกของ Igniter แต่ละท่าน รวมถึงผมด้วยที่จะได้ทบทวนสิ่งได้กลับมา อันที่จริงเขามีบันทึกวีดีโอด้วย แต่ผมว่าเขียนมันเข้าหัวมากกว่าดู ใครสนใจอยากอ่านบันทึกครั้งก่อนๆเข้าไปดูได้ใน https://www.amphur.in.th/tag/ignite

คนที่พลาดครั้งนี้ ในครั้งหน้าจะมีการจัดอีกครั้งที่โรงภาพยนต์สกาล่าเหมือนเดิม ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ รอติดตามข่าวสารให้ดีครับ

ดูกำหนดการและรายละเอียดของ Igniter ได้ที่ https://www.ignite.in.th/

Exit mobile version