เรื่องย่อ ลุงบุญมีระลึกชาติ

เมื่อนานมาแล้ว ได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง “ดอกฟ้าในมือมาร” ของคุณเจ้ย เป็นหนังขาวดำ ออกแนวสารคดี ที่สัมภาษณ์คนไปเรื่อยๆ โยงเรื่องไปถึง ครูดอกฟ้า มันไม่มีบท ถ่ายทำไปเรื่อย ดูวิว ดูวิถีชีวิตของคนไทยไปเรื่อยๆ ผมไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังของคุณเจ้ย ดูบางเรื่อง ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ต้องตามมาอ่านบทวิจารณ์ที่คนอื่นพูดถึงจึงจะเข้าใจมากขึ้น หนังเรื่องล่าสุดของของคุณเจ้ย “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ อดคิดไม่ได้ว่านอกจากคุณภาพของหนังแล้ว มีเรื่องของการเมืองเข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ เป็นเหมือนอีกแรงใจให้คนไทยได้มีกำลังใจ และเป็นที่สนใจของชาวโลก

เมื่อดูตัวอย่างแล้ว ใช้ภาษาถิ่น เป็นเรื่องปกติของหนังเขาอยู่แล้ว คนอีสานน่าจะดูได้อินกว่าคนอื่นๆ

ลุงบุญมีระลึกชาติ : Uncle Boonmee who can Recall his Past Lives (Lung Boonmee Raluek Chat)
โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

เรื่องย่อ
ลุงบุญมี พำนักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเลย เขาทำสวนมะขามซึ่งรายล้อมด้วยภูเขา ลุงบุญมีป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานาน เขาจึงรู้จักร่างกายของตัวเองว่าเขากำลังจะตายภายใน 48 ชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกให้ญาติห่าง ๆ ของเขาคือ เจนจิรา มารับเขาจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปตายที่บ้านสวน

เจนจิรามาจากกรุงเทพพร้อมกับศักดิ์ดา ซึ่งเป็นเพื่อนของเธอที่แสดงภาพยนตร์มาด้วยกัน ที่นั่นพวกเขาได้เจอกับวิญญาณของฮวย ซึ่งเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้วของลุงบุญมี   เธอปรากฏร่างขึ้นเพื่อมาดูแลสามีที่ป่วย ไม่เพียงแต่ภรรยาที่กลับมาเท่านั้น บุญส่ง ลูกชายของลุงบุญมีที่หายสาบสูญไปหลายปีก็กลับมาที่บ้านด้วย เขาออกมาจากป่าในร่างของมนุษย์ลิง ลูกชายของเขามีเมียเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักกันในตำนานพื้นถิ่นว่า ‘ลิงผี’ และอาศัยอยู่ด้วยกันในป่ามานาน ระหว่างอาหารมื้อเย็นลุงบุญมีเล่าให้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของการนั่งสมาธิ ซึ่งทำให้เขาระลึกชาติได้ เขาใช้เวลายามค่ำคืนเล่าเรื่องต่างๆในอดีตชาติให้แขกผู้มาเยือนฟัง และในคืนที่สองเมื่อเขาเล่าเรื่องจบลง

ลุงบุญมีก็ตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ที่ภรรยาของเขาพูดถึงคือบนภูเขาสูงลิบ ทุกคนออกเดินทางเข้าไปในป่ากลางดึก ป่าที่เต็มไปด้วยสรรพสัตว์และวิญญาณ และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถ้ำบนยอดเขา ลุงบุญมีจำได้ว่าถ้ำนี้เป็นที่ที่เขาเกิดในชาติแรกที่เขาสามารถระลึกได้ จากนั้นเขาก็เสียชีวิต

เจนจิราและศักดิ์ดานำศพลุงบุญมีมาทำพิธีในเมือง เรื่องราวของลุงบุญมีได้ปิดฉากลงพร้อมกับความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดแก่ชายหญิงสองวัยผู้ซึ่งกำลังจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ

ภาพประกอบ

ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ

ที่มา : https://www.thaicinema.org/kits229lung.asp
https://www.animateprojects.org/films/by_date/2010/uncle_boonmee

คำสอนจากหนังเรื่อง ขงจื้อ

https://www.youtube.com/watch?v=YgiM1ubNCYc

ได้ดูหนังเรื่อง ขงจื้อ[1](Confucius)[2] พบว่ามีคำสอนมากมายในหนังเรื่องนี้ เอาไว้เตือนใจได้ ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร ทำให้คำพูดดูคล้องจอง ฟังแล้วจับใจ ดูไปทวีตไปด้วย สุดท้ายเลยรวมเอามาไว้ในบล็อกเก็บไว้อ่าน และแบ่งปันได้ท่านอื่นที่สนใจได้อ่านบ้าง

  • ถ้าเรานำผู้สัตย์ซื่อมารับราชการ เหล่าคนพาลก็จะหมดสิ้นไป-ขงจื้อ
  • ผู้รักตัวรักครอบครัว ย่อมรักผู้อื่นได้เช่นกัน-ขงจื้อ
  • จงจำสุภาษิต 2 บทนี้ไว้ตลอดชีวิต จงเห็นบ้านเมืองสำคัญกว่าชีวิตเรา และ อุปสรรคมีมากมาย จงสำรวมใจให้เข้มแข็ง-ขงจื้อ
  • ยอมสูญเสียก่อน แล้วจะได้มา-เล่าจื้อ
  • ขงจื้อผู้เป็นอาจารย์ถามศิษย์ตัวเอง “เจ้าลองบอกข้าสิ ข้าผิดพลาดตรงไหนบ้าง”-ขงจื้อ
  • ถ้าเรามิอาจเปลี่ยนโลก ถ้าหากเรามิอาจเปลี่ยนสิ่งที่อยู่รอบตัวเราได้ เราก็ควรกลับมาเปลี่ยนที่ตัวเองจากข้างใน-ขงจื้อ
  • ไม่มีหลักจริยะในการปกครอง บ้านเมืองมีแต่ความวุ่นวาย-ขงจื้อ
  • ข้าไม่เคยพบใครที่นึกถึงเรื่องจริยะ ก่อนเรื่องตัณหาเลย-ขงจื้อ
  • กวี ตำรา จริยะ ดนตรี เราต้องมั่นเรียนรู้-ขงจื้อ
  • ฤดูหนาว ต้นสน ยืนหยัดให้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง-ขงจื้อ
  • ขุนนางนั้นก็แค่ใส่ชุดเป็นขุนนาง นิสัยสะท้อนถึงจิตใจ อย่าลืมเด็ดขาด อย่าชายตามอง หรือฟัง หรือพูด หรือทำสิ่งใดที่ผิด-ขงจื้อ
  • “ผู้กล้า” เมื่อถึงคราวตายต้องตายเยี่ยงบุรุษผู้สง่างาม-ขงจื้อ
  • ข้าต้องการสอนหนังสื้อเท่านั้น ขออย่าให้พวกเขาเอาปัญหาการเมืองมาสุ่มหัวให้ข้าอีก-ขงจื้อ
  • หากโลกจะรู้จักข้า ก็ให้ผ่านบันทึกนี้เทิด หากตำหนิข้าก็ให้เพราะบันทึกเล่มนี้-ขงจื้อ

เปิดตัวแล้ว Google TV ทีวีที่เล่นเน็ตได้

Google TV

Google เปิดตัว Google TV ในงาน Google I/O ในวันที่ 2 ช่วงแรกของงานเปิดตัว Android 2.2 Froyo เป็นที่ฮือฮาของผู้ร่วมงาน มีแจก HTC EVO 4G ที่ติดตั้ง Android 2.1 และจะเป็นตัวที่สองรอง Nexus One ที่จะถูกอัพเดตเป็น Android 2.2 Froyo ให้ผู้ร่วมงานทุกคนอีกด้วย ใจปั้มจริงๆ แต่ความสนใจของผมอยู่ที่ Google TV อยากรู้ว่า Google จะไปอยู่ในทีวีได้อย่างไร ขอบันทึกเป็นข้อๆดังนี้ครับ

  • โม้ว่านี้คือการเปลี่ยนแปลงอนาคตของการดูทีวี
  • มีสถิติเกี่ยวกับทีวีของคนอเมริกาที่น่าสนใจดังนี้ ใช้เวลาดูทีวีเฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง ,มูลค่าโฆษณา 70 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ,ทั่วโลกมีผู้ใช้ประมาณ 4 พันล้าน
  • มีสโลแกนเท่ๆว่า Google TV -TV meets web. Web meets TV คือการเชื่อมทั้งสองเข้าด้วยกัน อยากดูรายการทีวีก็ดูได้ อยากดูเว็บก็เปิดดูได้  ในจอเดียวกัน สโลแกนนี้เคยได้ยินมาแล้วในตอนเปิดตัว Nexus One -Web meets phone (เพื่อนใน twitter พูดถึงผมจำ user ไม่ได้ใครรู้ตัวว่าเป็นคนทวีต แจ้งด้วยครับ)
Google TV : TV meets web. Web meet TV
  • สิ่งที่่ Google TV ทำได้
    ความสามารถของ Google TV

    ดูที่คำเน้นคือ ใช้เวลาค้นหาน้อย เพิ่มเวลาดู ควบคุมและปรับแต่งตามใจ ทำเนื้อหาทีวีของคุณให้น่าสนใจมากขึ้น และอื่นๆ ที่ทีวีทั่วไปทำไม่ได้ (อยากแต่งเป็นกลอนแต่งคิดไม่ออก)

  • ช่วงของการสาธิตการทำงาน ระหว่างเปิดทีวีอยู่นั้น เราสามารถค้นหา รายการทีวีที่เราสนใจโดยพิมพ์คำ ผ่านทางคีย์บอร์ด ลงใน Quick Search box ที่จะโผล่ขึ้นมาด้านบนหน้าจอ ซึ่งจะค้นหาทั้งรายการในทีวีและในเว็บไซต์ด้วยทีวีออนไลน์ เช่น Fox, Hulu, Amazon
    Quick Search box ใช้การ input ผ่านทางคีย์บอร์ด

    ด้านขวาของการค้นหาจะบอกเป็นข้อความสั้นๆว่า รายการที่เราสนใจจะมาเมื่อไหร่ หรือตอนนี้กำลังเล่นอยู่ และค้นหาคำนี้ในเว็บ

    สั่งอัดรายการโปรดได้เลย

    เมื่อค้นพบว่ารายการที่เราสนใจยังมาไม่ถึง สามารถสั่งอัดรายการนั้นในวันเวลาที่กำหนดได้เลย

  • หน้า Home screen ของ Google TV มีเมนู Bookmarks ,Applications และสามารถปรับแต่งส่วนที่ชอบเข้ามาใส่ได้ เช่น วีดีโอจาก Amazon , Netflix

    Home screen ของ Google TV

  • สาธิตเข้าใช้งานเว็บไซต์ Youtube ,Yahoo,Flickr
  • การเปิดใช้งาน youtube บน Google TV

    Yahoo! sport

  • Google TV จะมีอุปกรณ์ต่างๆดังนี้ Google TV box มี WiFi / ethernet built-in สำหรับเชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต ช่องต่อสัญญาณ เคเบิลหรือดาวเทียม ต่อเข้ากับทีวีด้วย HDMI พอร์ต มีคีย์บอร์ดและ pointing devices (น่าจะเป็นเมาส์)  ใช้มือถือ Android เป็นรีโมทได้ผ่านทาง WiFi และสามารถใช้เสียงสั่งการค้นหาผ่านทางมือถือได้ด้วย

    ส่วนประกอบของ Google TV

  • ในส่วนของซอร์ฟแวร์ Google TV ทำงานด้วย 3 องค์ประกอบ คือ Android 2.1 ,Google Chrome browser และ Flash 10.1

    Google TV Software

  • Google TV สามารถใช้งาน Applications ของ Android ที่อยู่ใน Market ได้บางส่วน ถ้า apps นั้นไม่ได้กำหนดให้ใช้เฉพาะมือถือได้เท่านั้น เช่น พวกที่ต้องใช้ GPS , กล้อง ฯลฯ แสดงตัวอย่างเมนู Applications

    เมนู Applications

  • Google TV SDK และ APIs จะปล่อยมาให้ใช้เร็วๆนี้
  • แสดงตัวอย่าง Apps สำหรับ Google TV เช่น YouTube app,NBA.com app
  • Google listen & watch ยังอยู่ใน Labs เป็นการรวมวีดีโอแบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้ให้เลือกดู และติดตามได้

    Google listen & watch

  • Translation app สามารถแปล subtitle ให้ด้วย อันนี้เยี่ยมเลย
  • Android และ Google Chrome ที่มีการปรับแต่งสำหรับ Google TV จะทำเป็น opensource
  • อุปกรณ์ต่างๆมีพาร์ทเนอร์ช่วยผลิตดังนี้ ทีวี โดย Sony ยัด Blu-ray player มาให้ด้วย ,Logitech ผลิต companion box,ใช้ CPU intel Atom ทั้งทีวีและ box, Dish Network ดูแลสายเคเบิล, Best Buy เป็นคนขาย จะเริ่มขายในช่วงปลายปีนี้ (สิงหาคม-ธันวาคม)
  • กำหนดการต่างๆของ Google TV  เปิด SDK และ APIs ต้นปีหน้า และ Open source หน้าร้อนปีหน้า
  • กำหนดการต่างๆของ Google TV

คลิปแนะนำ Google TV

ไม่อยากวิจารณ์เลย เพราะคาดการณ์ไม่ออกว่าจะปฎิวัติการดูทีวีได้ไหม แต่ที่แน่ๆคือ Google ได้ตลาดใหม่เพิ่มอีกที่ ที่อยู่คู่มนุษยชาติมานาน ดูกันทุกบ้านติดกันงอมแงม แม้เราจะได้เห็น Apple TV ที่เอาไว้ซื้อหนัง ซื้อทีวีโชว์ มิวสิกวีดีโอ มาก่อนก็เถอะแต่ฟังก์ชั่นมันต่างกัน เครื่องเกมที่เล่นเน็ตได้ก็มี แต่นี้คือทีวีที่เล่นเน็ตได้ของจริง อาณาจักรของ Google เริ่มบุกรุกชีวิตประจำวันเรามากขึ้น มือถือ คอมพิวเตอร์ ทีวี และในต่อไปจะเป็นเครื่องครัว เหมาะกับคนอเมริกาที่มีทีวีหลายช่อง bookmark ไว้บ้างคงสะดวก

ที่มา : https://www.engadget.com
https://www.youtube.com/Googledevelopers
https://phandroid.com
https://www.Google.com/tv

ความขัดแย้งของสังคมไทย วู้ดดี้ถาม ท่าน ว.วชิรเมธี ตอบ

พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี

รายการวูดดี้ เกิดมาคุย แขกรับเชิญ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปรกติ หลายคน วิตกกังวล ผวา กลัว  สับสน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ฟังคำตอบจากหลายๆคำถามที่คาใจเราอยู่ เหมือนได้ปลดล็อกออกมาได้ ทำให้สบายใจมากขึ้น จึงอยากให้ทุกท่านได้ชม ได้ฟังบ้าง เช่นเดิม ใครอยากอ่านผมนั่งถอดออกมาเป็นข้อๆเลยทีเดียว ไม่มีอะไรมาก อยากบันทึก และจะทำให้ได้ฟัง ได้คิด และได้เขียนละเอียดขึ้น ใครอยากดูโดยตรง สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้

https://www.youtube.com/view_play_list?p=C2D853E113AF22DF

วู้ดดี้ : ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยเห็น อารมณ์ ความรู้สึกของคนในประเทศ แตกแยกรุนแรงขนาดนี้
ท่าน ว.วชิรเมธี : ประวัติศาสตร์ มันจะซ้ำร้อยเสมอ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในเวลาคือตัวละคร โลกทุกวันนี้ถูกครอบงำด้วยกระแสโลภาภิวัฒน์ คือ โลภ + โลกาภิวัฒน์  โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยความ โลภ เราอยู่ในโลกของการแข่งขันที่มีศัพท์หรูๆว่า ทุนนิยม ทุนนิยมไม่ใช่ว่าไม่ดี ทุนนิยมที่เป็นปัญหาคือทุนนิยมที่หวังแต่ผลกำไรสูงสุด ไม่สนว่าจะเกิดผลกระทบอะไร

วู้ดดี้ : ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น หลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ หรือศาสนาใดก็ตาม จะใช้ในโลกปัจจุบันได้จริงหรือ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : มันต้องใช้ได้สิ ถ้าใช้ไม่ได้ศาสนาพุทธก็เจ๊งนะสิ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใช้ได้หรือไม่ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่เราไม่หยิบมาใช้

วู้ดดี้ : หลายคนมองว่า ท่าน เลือกฝั่งถ้ามีคนถามท่าน ท่านจะตอบอย่างไร?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ใช่แค่พระอาจารย์ที่ถูกบอกว่าเลือกข้าง พระในกระแสหลักก็ถูกบอกว่าเลือกข้าง ไม่อยู่ในกระแสก็บอกว่าเลือกข้าง เหลืออยู่องค์เดียวที่ยังไม่มีข้างคือพระประทาน  ตอนนี้ไม่มีใครที่ถูกบายสีว่าเลือกข้าง พอพระอาจารย์ไปออกทีวีของรัฐ ก็บอกว่าเลือกข้างนั้น พอไปออกในรายการเคเบิลทีวีก็บอกว่าเลือกฝ่ายนั้น แต่สิ่งที่อันตรายกว่าการเลือกข้างคือ คนในประเทศไทยตัดสินกันง่ายๆ เพียงเพราะว่าเขาไปออกทีวีบางช่อง หรือสวมเสื้อบางสี อันตรายที่คนไทยเลือกที่จะไม่ใช้ปัญญา

วูดดี้ : มีบางคนบอกว่า พระอาจารย์เลือกสีแล้ว เพราะพระอาจารย์ห่มเหลือง พระอาจารย์รู้สึกอย่างไร กับคำพูดเหล่านั้น?
ท่าน ว.วชิรเมธี : คนที่พูดแบบนี้ค่อนข้างอ่อนปัญญา ไม่ใช่ปัญญาอ่อน ปัญญาออ่อนคือไม่มีปัญญา แต่อ่อนปัญญา คือ มีปัญญาแต่ไม่ใช้ปัญญาเลย ทำไมคุณไปตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก  ถ้าคิดอย่างนั้นให้คุณเอาผ้าสีเหลืองอันหนึ่ง กับผ้าแดงอันหนึ่งไปผูกไว้ที่ตอ แล้วบอกว่า ตอนี้เลือกข้างแล้ว

วูดดี้ : เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ จะเลือกใส่อะไรก็ไม่ได้ กลัวออกไปข้างนอกแล้วคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นยังไง ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดอะไรเลย
ท่าน ว.วชิรเมธี : เรื่องนี้สะท้อนว่าถ้าเราเต็มไปด้วยอคติ ถึงมีปัญญาเราก็จะไม่ใช้ เมืองไทยตอนนี้ป่วย คือ มองคนไม่เห็นเป็นคน เพราะสายตาเราเลือกข้างไปแล้ว เราจึงมองคนไทยไม่เห็นเป็นคนไทย มองเห็นแต่เสื้อที่สวมใส่ มองไม่เห็นว่าเป็นคนไทย แม้ตอนนี้ใครจะมาเตือนก็ยากที่เราจะได้เห็นได้ยิน ได้ฟัง

วู้ดดี้ : เวลาที่ผ่านมา คนเลือกข้างเริ่มใช้การโต้ตอบ ว่ากล่าวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง อะไรทำให้เขาเปลี่ยนแปลงขาดนั้น ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เลย ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ แต่เราอยู่ในบรรยากาศของมัน สภาพแวดล้อมมันเต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง ตื่นมาเปิดโทรทัศน์ก็เจอ เปิดหนังสือพิมพ์ก็เจอ  ถ้ามว่าทำไมเราต้องด่าทอด้วยล่ะ ทำไม่เราต้องเลือกข้างด้วยล่ะ ลึกๆเราตกเป็นทาสขออคติ อคติของความลำเอียง ความลำเอียงมี 4 ประการ พระอาจารย์คิดว่าคนไทยตอนนี้มีครบทุกข้อเลย
1) ฉันทาคติ คือ ลำเอียงเพราะรัก ทำให้คนๆหนึ่งเป็นเทวดาได้ โดยไม่สนใจข้อบกพร่องของเขา
2) โทสาคติ คือ ลำเอียงเพราะชัง ทั้งๆที่คนๆหนึ่งมีคุณงามความดี สามารถเสกให้เขาเป็นภูษผีปีศาจได้
3) โมหาคติ คือ ลำเอียงเพราะเขลา เรารับข่าวสารข้อมูลมาไม่ครบ คนไทยมีนิสัยเชื่อมากกว่าที่จะหาความรู้ คนไทยจึงตกเป็นเหยื่อเพราะลำเอียงเพราะเขลาเพราะรับข่าวสารด้านเดียว ได้ข้อมูลมาก็เชื่อไม่มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ในเมืองไทยถ้าต้องการทำร้ายใคร ก็เขียนใส่ร้ายป้ายสี ส่ง forward mail ส่งไปทาง facebook twitter ส่งไปทาง BB คนนั้นก็หมดอนาคตแล้ว เพราะอุปนิสัยคนไทยชอบเชื่อมากกว่าชอบศึกษา คนไทยตกเป็นทาสของอคติตัวนี้มาก วันหนึ่งมีคนป้อนข้อมูลขยะต่างๆให้ คนเชื่อแล้วเสี่ยมให้ฆ่ากันเอง สุดท้ายรู้ว่าโดนหลอก จะเหลือคนไทยให้เสียใจไหม เพราะทุกฝ่ายเข้าสู่สงครามประชาชนไปกันหมดแล้ว ระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง
4) ภยาคติ คือ ลำเอียงเพราะกลัว

วู้ดดี้: งั้นเราควรบล็อก งดรับสื่อเลยไหมครับ?
ท่าน ว.วชีรเมธี : ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สื่อ ปัญหาอยู่ที่การใช้สื่อ และการบริโภคสื่อ ถ้าปิดหมดจะยิ่งแย่ไปใหญ่เลยนะ ยิ่งจำกัดเสรีภาพของสื่อ ยิ่งสะท้อนความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะฉนั้นใช้สื่อถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาคือ ศักยภาพในการรับสื่อของเรา ต้องใช้ปัญญาให้เป็น คนไทยตอนนี้ใช้อารมณ์มากกว่าการใช้ปัญญา สื่อ ชื่อเต็มคือสื่อสารมวลชน คือสื่อสิ่งที่เป็นแก่นสารไปหามวลชน ตอนนี้มันกลายเป็นสื่อมอมชน คือมอมให้คนมาทะเลาะกัน ถ้าสื่อเลือกข้างไปแล้วก็แสดงว่าประเทศนี้ไม่มีหลักประกันเหมือนกัน  มีผู้กล่าวว่าในสงครามสิ่งที่จะถูกทำลายก่อนคือ ความจริง ตอนนี้ในเมืองไทย ความจริงถูกทำร้ายอย่างน่าเศร้าใจ

วู้ดดี้ : บ้างครั้งเราไม่อยากออกความเห็นเพราะเราอาจมีความกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเราเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง กลุ่มเงียบเหล่านี้ผิดไหม?
ท่าน ว. วชีรเมธี : กลุ่มเงียบ กับกลุ่มเลือกข้าง สุดท้ายคุณได้ผลกระทบไหม ขอตอบผ่านพุทธปรัชญาเรื่อง ตีนกับตา ตีนกับตาอยู่ด้วยมานานวันหนึ่งเกิดความขัดแย้งกัน ตาบอกว่า ตีนไปไหนมาไหนได้เพราะตามองทางให้ แต่ตีนก็บอกว่าที่ตาได้ไปไหนมาไหน ได้มองเห็นสิ่งต่างๆเพราะตีนพาไป สุดท้ายตายื่นคำขาดถ้าคิดว่าตีนดีนักจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของตีน ฉันไม่มอง ตาก็หลับตาลง ตีนก็แน่ฉันเดินเองก็ได้ สุดท้ายเดินตกเหวร่างกายแตกละเอียด แต่ส่วนตัวอยู่เฉยๆไม่เคยทะเลาะก็แหลกละเอียดด้วย ลุกขึ้นมาโอดโอย ฉันเกี่ยวอะไรด้วย! ถ้าบ้านเมืองหายนะ เราได้รับผลกระทบด้วย แทนที่เราจะเป็นพลังเงียบเราควรเป็นพลังชนิดหนึ่งชนิดใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเหลือง เป็นแดง เป็นรัฐ หรือพลังผู้ชุมนุม เรามาร่วมกันเป็นพลังแห่งสติได้ไหม แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยก็ของเราเหมือนกัน และเราไม่อนุญาติให้ใครทำร้ายประเทศ

วู้ดดี้ : ถ้าเรามีความคิดที่อยากจะเห็นประเทศชาติสงบสุข พัฒนาต่อไป เราต้องทำยังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ต้องระวังตัวเองอย่าให้สูญเสียสติ และปัญญา อย่าตกเป็นทาสของการกระตุ้นเร้า โดยสื่อหรือใครก็แล้วแต่ เพราะถ้าเสียสติไปแล้วก็จะใช้อารมณ์ พอใช้อารมณ์ถึงมีปัญญาก็ไม่ใช้แล้ว ต้องใช้ปัญญาอย่าไปใช้ความรุนแรง นี้คือในส่วนตัว ในส่วนสังคมต้องทำอะไรสักอย่างเช่น ลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาคุย เป็นศิลปินแต่งเพลงก็ได้ เป็นนักธุรกิจตั้งวงคุยกันในกลุ่มว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ทุกๆคนทุกๆวงการพร้อมใจกันส่งเสียงสติ เสียงนั้นก็จะดังขึ้นมา บางครั้งเราไม่ยอมส่งเสียงอะไรเลยเพราะเรากลัว ถ้าเรากลัวมากๆสุดท้ายเราจะได้อยู่แต่ในประเทศที่มีแต่ความกล้ว แต่ถ้าเราลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนของเราความกลัวจะมาเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากไป เราจะเลือกว่าจะอยู่ในประเทศที่มีแต่ความกลัวหรอประเทศที่มีความสุข คนไทยทุกคนเป็นคนออกแบบ

วู้ดดี้ : กลัวแล้ว ผิดตรงไหน?
ท่าน ว.วชิรเมธี : กลัวมันไม่ผิดหรอก แต่มันไม่ควร เพราะถ้าคุณกล้วแสดงว่าคุณยอมให้สิ่งต่างๆที่ไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยดุสดี

วู้ดดี้ : หลายคนบอกว่าเราควรใช้สันติวิธี เราเห็นสันติพิธี ไม่เห็นทางออกที่แท้จริง
ท่าน ว.วชิรเมธี : เราต้องช่วยกันให้สันติวิธีนี้เป็นเรื่องจริง สันติวิธี กับสันติพิธี ต่างกันที่ สันติวิธีเริ่มที่ความจริงใจ ส่วนสันติพิธีเริ่มต้นที่ความลวง แต่ละฝ่ายที่อยากเจรจา ถามว่าคุณจริงใจกับประเทศนี้ไหม ทุกกลุ่มทุกฝ่ายอ้าง อหิสา บุคคลหนึ่งที่ถูกอ้างมากคือ มหาตมะ คานธี เวลามีม๊อบที่ไหนถูกอ้างตลอด สันติวิธีของ คานธี มีหลักอยู่ว่า ไม่ว่าจะถูกกระทำแค่ไหน ก็ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง และไม่กล้วที่จะถูกจับ ตานธีเคยพูดไว้ว่า สำหรับ นักสันติวิธีแบบมหาตมะ คานธี การเดินเข้าคุกอย่างมีศักดิ์ศรี นั้นคือเกียรติยศของพวกเรา ถ้าเราอ้างว่าใช้สันติวิธี เราต้องใช้จริงๆ ไม่งั้นมันก็เป็นแค่น้ำยาบ้วนปาก บ้วนแล้วก็ทิ้งไม่มีใครกลืน

วู้ดดี้ : สันติวิธีที่มีอยู่ทั่วโลก ในอินเดีย ในแอฟริกา อีกตัวอย่างเช่น เนลสัน มันเดลลา จะประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้จริงหรอ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าใช้ได้ กรณีของเนลสัน มันเดลลา น่าเรียนรู้มากนะ ในแอฟริกาใต้เขามีปัญหามากนะ รัฐบาลผิวขาวมาปกครองคนผิวดำ และครอบงำเบ็ดเสร็จมายาวนาน มันเดลลาเป็นหนึ่งในกองโจรรักชาติ เรียกว่าเป็นกบฏรักชาติก็ว่าได้ ใช้ยุทธวิธี สั่งอาวุธสงครามเข้ามาเลย เข่นฆ่าคนในชาติ แต่แล้วก็ไม่ยุติ ในที่สุดถูกจับไปขังคุกโดยรัฐบาลผิวขาว 27 ปีเต็ม เนลสัน มันเดลลา ได้บทสรุปจากการถูกจำคุกว่า ความรุนแรงมีแต่จะก่อให้เกิดความรุนแรงไม่จบสิ้น เมื่อควารุนแรงไม่ใช่คำตอบมันต้องใช้สันติวิธี จึงมีการเจรจากับรัฐบาลและได้ข้อสรุปว่า ต้องพบกันครึ่งทาง และจัดให้มีการเลือกตั้ง คนที่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิปบดีกลับเป็น เนลสัน มันเดลลา ที่เป็นคนผิวดำ ท่ามกลางรัฐบาลผิวขาว ประเทศก็เกิดสันติ และได้รับรางวัลโนเบล แต่สันติภาพในแอฟริกาใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเนลสัน มันเดลลา เพียงคนเดียว แต่เป็นการร่วมมือกันของ อดีตประธานธิบดีคนเก่าด้วย จึงได้รับรางวัลร่วมกัน  จะเห็นได้ว่าสันติภาพเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากใครอีกคนหนึ่ง สันติภาพจะเกิดขึ้นได้โดยทุกฝ่ายมาร่วมกัน

วู้ดดี้ : กิจของสงฆ์ มีสิทธิจะแสดงออกทางการเมืองหรือไหม?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ต้องมานิยามคำว่า กิจของสงฆ์ บ้างแล้วนะ เพราะเวลาเราไม่อยากให้พระงสงฆ์มาย่งเรื่องไหน เราก็จะยกคำนี้มาใช้ กิจของสงฆ์ คือ ศึกษา ปฎิบัติ สัมผัสผล เผยแพร่ แก้ไข การเผยแพร่เป็นกิจของสงฆ์ การออกมาเทศน์มาสั่งสอนเป็นกิจของสงฆ์ หลายคนบอกพระอย่ามายุ่ง อย่ามาเทศน์ในกิจการบ้านเมือง เราแยกกิจการบ้านเมืองไว้ก้อนหนึ่ง เราแยกกิจของสงฆ์ไว้อีกก้อนหนึ่ง พอเราไปแยกพระสงฆ์ออกจากการเมือง ว่าแย่แล้วนะ แต่เราไปแยกธรรมะออกจากนักเมืองแย่ยิ่งกว่า คุณแยกพระสงฆ์ออกจากการเมืองเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ถ้าไปแยกธรรมะออกจากการเมืองหายนะทันที และนี้ต้นต่อของวิกฤตการณ์เมืองของไทยในทุกวันนี้เลย บทบาทของพระสงฆ์นั้นมีหน้าที่ให้ธรรมะแก่นักการเมืองได้ แต่ไม่มีหน้าที่ลงไปเล่นการเมือง ถ้าทำแค่นี้พระยังเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ลงไปตะลุมบอนกับเขา อันนี้เลยพระธรรมวินัย ถือว่าไม่ถูกต้องแล้ว แสดงว่าท่านไม่ได้ลงไปสอน แต่ท่ากำลังเล่นการเมือง อันนี้พระวินัยไม่อนุญาติเด็ดขาด

วู้ดดี้ : บางคนบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากกรรมเก่า ชะตาบ้านเมืองไม่ดี  เราจะบอกกับเขาว่ายังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : วิธีอธิบายของคนไทยฟังดูประหลาดนะ ถ้าเป็นเรื่องของกรรมเก่าทำได้อย่างเดียวคือยอมรับ แก้โดยทำบุญประเทศ ปล่อยวัว ปล่อยควาย วัวควาย มันจะรู้อะไร สู้ปล่อยคนที่จะไปปล่อยวัวควายดีกว่านะ เพราะวิธีอธิบายของเราบอกว่าเป็น กรรมเก่า มันไม่ได้ช่วยอะไรนะ เราบอกว่าวิกฤตของบ้านเมืองเป็นเรื่องของกรรมเก่า แสดงว่าเราต้องยอมจำนน แก้ไม่ได้นะ เพราะกรรมเก่ามันชาติที่แล้ว คุณแก้ไม่ได้ คุณต้องรับอย่างเดียว คราวนี้บอกว่าเป็นเคราะห์ แสดงว่าเราต้องสะเดาะห์เคราะห์อย่างเดียวสิ เห็นมาตลอด ยิ่งสะเดาะห์เท่าไหร่ยิ่งแย่ลงไปทุกที ดวงเมืองไทยไม่ดี แล้วถามว่าทำไมดวงไม่ดีต่อเนื่องขนาดนี้ ทำไมมันไม่ดีขึ้น ถ้าบอกว่าดวงเมืองไม่ดี จะเกิดอะไรขึ้น นั้นคือ คนไทยไม่ต้องรับผิดชอบ เป็นความผิดของดวงเมือง พออธิบายอย่างนี้มนุษย์เลยไม่ต้องทำอะไรเพราะปัญหาเป็นเรื่องนอกตัวเราทั้งหมด วิธีคิดแบบนี้ปัญญาชนรับไม่ได้ พุทธศาสนาก็รับไม่ได้  พระอาจารย์ขอบอกว่า กรรมเก่า ไม่ใช่ของชาติที่แล้ว แต่เป็นกรรมเก่าในชาตินี้ ที่เราร่วมกันคิด ร่วมกันพูด ร่วมกันทำ เป็นเหตุปัจจัยของเราสะสมมาเป็นเวลาสามสิบสี่สิบปี ไม่ใช่กรรมเก่าแต่ชาติที่แล้ว ถ้าเรานิยามว่า กรรมเก่า เป็นกรรมในชาตินี้ ทางแก้ก็เป็นไปได้ เรามีค่านิยมวิปริตว่า สองมาตรฐานเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในเมืองไทย การที่เราเชื่อว่าการโกงก็ได้นะขอให้แบ่งกัน ถ้าโกงแล้วไม่แบ่งไม่ดี ถ้าโกงแล้วแบ่งนะดี เรียกว่า มโนกรรม กรรมเก่าในระดับค่านิยม ถ้าคนไทยมีค่านิยมแบบนี้ฝั่งหัวอยู่ก็จะส่งผลมาในทางด้านพฤติกรรมเช่น ก็จะมีแต่คนที่คอยที่จะละเมิดกฎหมาย ในประเทศที่พัฒนาแล้วใครที่ละเมิดกฏหมายเขาก็มองว่าเป็นคนที่ด้อยการศึกษา แต่ในเมืองไทยใครละเมิดกฎหมายเรามองว่าเท่ เรามองว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน มันสะท้อนถึงวิธีคิดของเรา ว่าค่านิยมเราวิปริตพฤติกรรมเราก็จะวิปริตไปด้วย และถ้าเรามีค่านิยมที่บอกว่าโกงก็ได้ขอให้แบ่งกัน การโกงการคอรั่ปชั่นเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ที่อันตรายยิ่งกว่าคือการมีทัศนะคติให้มีการโกงได้ โดยมองเห็นว่าไม่มีความผิด สิ่งนี้ต่างหากที่มีการอธิบายให้การโกงมีความชอบธรรม มันอัตรายยิ่งกว่าการโกงโดยตรงเสียอีก นี้คือกรรมเก่าของเรา ถ้าเรามีค่านิยมที่วิปริต ทำไมเมืองไทยมันจะไม่วิปริตล่ะ ฉนั้นกรรมเก่าที่เราสะสมมาเป็นเวลายี่สิบ สามสิบปี ที่เราทะเลาะกันอยู่นี้เป็นแค่ปรากฎการณ์ เพราะไม่ใช่คนกลุ่มเราเท่านั้นที่สะสมกรรมเก่าเช่นนี้  คนไทยสั่งสมมากันหลายชั่วคน แล้วผลมันมาแสดงรุ่นเรา ในเมื่อมันเป็นกรรมเก่าในชาตินี้ เราทุกคนจะต้องแก้ในชาตินี้ ไม่ใช่ในชาติหน้า

วู้ดดี้ : ถ้าสมมุติว่าแกนนำฟังอยู่ตอนนี้ ลึกๆภายในใจอ่อนแอกันหมดแล้ว ไม่รู้จะไปในทางไหน ทั้งๆที่เบื้องหน้ายังแสดงว่ายังมั่นใจอยู่ดี เขาควรตั้งสติอย่างไร เพื่อหาทางออก?
ท่าน ว.วชิรเมธี : การที่เราไม่สามารถใช้ปัญญาอย่างเป็นกลาง และมองไม่เห็นทางออก เพราะเราก้าวไม่ข้ามสามเรื่องต่อไปนี้
1) ไม่สามาถก้าวข้ามเสื้อเหลือง 2) เราไม่สามารถก้าวข้ามเสื้อแดง  3) เราไม่สามารถก้าวข้ามรัฐบาลปัจจุบัน ถ้าเราก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้เราจะเห็นประเทศไทยโดดเด่นอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เรามองไม่เห็นประเทศไทยเลย พอเลือกตั้งใหม่ แดงมาเหลืองก็ค้าน พอเหลืองมาแดงก็ค้าน พอรัฐบาลปัจจุบันมาทั้สองฝ่ายก็ค้าน ประเทศก็ไปไหนไม่ได้หรอก งั้นเรามาก้าวข้ามมันทั้งสามนี้แหละ แล้วเรามาบริหารจัดการประเทศกันใหม่ เราอย่าไปยึดติดสิว่าคนเก่งมีแค่สามกลุ่มนี้ พระอาจารย์คิดว่า วูดดี้ ก็เป็นนายกได้นะ เรามักคิดว่าคนเก่งมักจะเป็นคนอื่น นั้นเป็นเหตุผลที่เรารอ รอให้คนเก่งมาช่วยเรา เราแทบไม่คิดเองแล้วนะ เดี๋ยวเราก็รอฟังคนนั้น เดี๋ยวเราก็รอฟังคนนี้ แต่เราไม่เคยฟังเสียงของหัวใจตัวเองเลย ปัญหามันหมักหม่มไว้ เพราะเรามั่วแต่ไปฝากไว้กับคนนั้น ฝากไว้กับคนนี้ ถ้าเราไม่ลืมประวัติศาสตร์ ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาตัวละครที่ขัดแย้ง เป็นตัวเดิมทั้งหมดเลย ทุกคนเป็นกลุ่มเดิมที่ขัดแย้งกันอยู่แค่นี้ล่ะ ถ้าคนไทยลุกขึ้นมาแล้วเชื่อมั่นในสติปัญญาของตัวเอง ไม่ยอมให้ใครจูงจมูกกันง่ายๆ เมื่องไทยจะเข้มแข็งกว่านี้มาก พระอาจารย์สงสัยว่าคนไทยถูกออกแบบให้อ่อนแอหรือปล่าว เราจึงไม่ได้ดูรายโทรทัศน์ที่เติมรอยยักในสมอง เราจึงไม่มีรายการวิทยุที่เติมรอยยักในสมอง เราจึงไม่ค่อยได้อ่านสื่อดีๆที่มีบทความที่เขียนโดยผู้ปัญญาที่มีอิสระเสรี เพราะแบบนี้หรือป่าวที่ออกแบบทำให้คนไทยมีความอ่อนทางปัญญา ระบอบประชาธิบไตยที่เป็นหลักมั่นคงให้ระบอบนี้ที่สุด คือระดับสติปัญญาของประชาชน ถ้าระดับสติปัญญาของประชาชนไม่เข้มแข็ง ประชาธิปไตยก็จะอ่อนแอมาก ในอนาคตถ้าเราจะมีประชาธิปไตยสิ่งที่เราจะถามหาไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่คือ คุณภาพของการเลือกตั้ง ถ้าเราได้การเลือกตั้งที่มีคุณภาพเราจะได้รัฐบาลที่มีคุณภาพ ถ้าการเลือกตั้งไม่มีคุณภาพเราก็จะกลับมาที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่จบไม่สิ้น

วู้ดดี้ : ผมเป็นคนตัวเล็กที่รักประเทศชาตินี้มาก แต่มืดแปดด้านไม่รู้จะช่วยยังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าวู้ดดี้เป็นสื่อนะ อยากช่วยประเทศ พระอาจารย์ขอสองอย่าง 1) ขอให้มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่จะลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนของสื่อบ้าง ไม่ใช่สื่อเองก็กล้ว แล้วประชาชนจะมีช่องทางไหนล่ะ เราแทบจะไม่เหลือช่องทางแล้ว ช่องทางของสื่อเป็นอีกช่องทางของประชาชนจะได้ใช้เป็นหลักประกันของบ้านเมือง 2) ขอให้สื่อที่นำเสนอเป็นความจริง ไม่ใช่ความจริงที่ฉันอยากให้เป็น ถ้าคุณทำสองอย่างนี้ช่วยชาติได้แล้ว

วู้ดดี้ : เชื่อว่าคนไทยมีปัญญา แต่ขาดสติ เพราะมันอาจจะมืด เพื่อเป็นแนวทาง สำหรับตยที่สั่น ผวา กลัว งง สับสน หลงทางอยู่ขณะนี้ ในพรุ่งนี้ให้เขาตื่นขึ้นมา เขาควรปรับความอย่างไงครับ ชีวิตเขาจะได้เปลี่ยน ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : เบื้อต้นเราจะต้องไม่ดูถูกตัวเอง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนเล็กๆ แต่โลกไม่เคยเปลี่ยน เพราะคนใหญ่ๆ คนโตๆ พวกนี้เปลี่ยนเพราะคนเล็กๆที่ไม่ดูถูกตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นเราอย่าไปดูถูกตัวเองว่าเราจะช่วยอะไรไม่ได้  และประการต่อมาคือ อยากให้มองว่า เราแต่ละคนช่วยกันส่งเสียงว่า เราไม่อยากเห็นเมืองไทย เราสู่กลียุค เราไม่อยากเห็นเมืองไทยมีแต่ควารุนแรง เราไม่อยากเห็นเมืองไทยมีสงครามกลางเมือง ช่วยกันส่งเสียงเสียงเล็กๆของแต่ละคน มันก็เหมือนหิงห้อยที่บินมารวมกันเป็นฝูง ก็มีแสงสว่างไม่น้อยไปกว่าสปอร์ตไลท์ได้เหมือนกัน ฉะนั้นเราในฐานะเจ้าของประเทศ จะทำอาชีพไหนก็ได้ คุณจะอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ แต่นะเวลานี้คุณต้องไม่ลืมว่า คุณเป็นเสื้อเหลือง คุณเป็นเสื้อแดง คุณเป็นเสื้อหลากสี แต่ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนไทย และจุดร่วมตรงนี้ล่ะที่เราคนไทย ส่งสัญญาณเพื่อเรียกเอาสติของคนไทยกลับคืนมาว่า เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นเราไม่ควรมาทำให้คนไทยต้องบาดเจ็บล่มตายกัน เพราะขัดแย้งทางการเมือง ส่งเสียงแห่งสติ ส่งเสียงแห่งปัญญาแบบนี้ออกไปให้มากที่สุด ใครส่งเสียงทางไหนได้ก็ส่งเสียงทางนั้น ถ้าเราทำได้นี้คือจุดร่วมที่เราจะพบกันได้ ถ้าเราไม่อนุญาติให้ใครมาทำร้ายประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามนะ เสียงเล็กจะเป็นเสียงที่มีพลังแน่นอน

ที่มา : รายการวูดดี้ เกิดมาคุย แขกรับเชิญ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี  ช่อง 9 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553
อัพโหลดคลิปโดย : thinkjaden

อ็อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ในงานประกาศรางวัลนาฏราช

https://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw

คลิปพงษ์พัฒน์ ในงานประกาศรางวัลนาฏราช

อ็อฟ -พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ได้รางวัลจากนาฎราช จากละครพระจันทร์สีรุ้ง ในบทพ่อของบี้ เดอะสตาร์ ตอนขึ้นไปรับรางวัลได้กล่าวขอบคุณสั้นๆ และพูดเรื่อง พ่อ ฟังในคลิปได้ ถ้าใครอยากอ่านผมถอดคำพูดมาให้คำต่อคำ

“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้รางวัลนี้เลยครับ กราบขอบพระคุณสำหรับ สมาพันธ์ สมาคมผู้ประกอบการวิทยุโทรทัศน์ ขอบคุณทุกๆคน พี่ๆในวงการและก็เป็นรางวัล ที่ได้จากบทบาทเกี่ยวกับพ่อ ขออนุญาติพูดเกี่ยวกับ พ่อ นิดหนึ่งก็แล้วกันครับ

พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่ หลังใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมาในบ้านหลังนี้ก็สวยงามมากเลย สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมา

พ่อคนนี้ ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครสักคน โกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่ออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกคนๆ นั้นว่า

ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ (ทุกคนเริ่มปรบมือ) เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน ขอบคุณครับ “

ทุกคนยืนปรบมือ เสียงดังยาวนาน….

ขอแถมอีกคลิป ความฝันอันสูงสุด

คลิปอัพโหลดโดย b2v2b และ gnixanon

ไปดูมาแล้ว องค์บาก 3

องค์บาก 3

องค์บาก 3 ภาคจบของการเล่าเรื่องที่มาของ “องค์บาก”  ไปดูมาหลายวันแล้ว วันนี้เลยขอบล็อกเป็นข้อๆอีกครั้ง อาจจะไม่ตรงใจท่านอื่นบ้างแต่นี้คือมุมมองของผมนะครับ

  • ต้องตามมาดูให้จบ เพราะภาค 2 ทำอารมณ์ค้าง
  • เปิดเรื่องได้งงสุดๆแม้จะได้ดูภาค 2 มาก่อนก็ตาม
  • อารมณ์แรกที่รู้สึกได้คือ เหมือนละครช่องเจ็ดที่เรตตี้ดี คุณแดงสั่งยืด เพิ่มตอน จึงมีภาพพระเอก นางเอก คิดเรื่องเก่าๆ ภาพเก่าๆ น้ำเยอะ เนื้อน้อย ในช่วงต้นๆเรื่อง
  • บางตอนไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ โดยเฉพาะการหลุดจากการประหารของเทียน(จา พนม) มีราชองค์การจากอโยธยาให้ปล่อยตัว มาได้ไง? และสั่งนักฆ่าตามไปฆ่าทีหลัง
  • ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องที่ไม่ประทับใจ สิ่งประทับใจผมมาก คือการรำของ พิม (จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม) ดูแล้วเหมือนนางอัปสรมาก ท่ารำคล้ายทางรำตอนชมรมอีสานจุฬาฯ ไปค่ายที่บุรีรัมย์ ตอนรำคู่กับเทียนที่ทำตัวสั่นๆเก็งๆหลังจากพยายามทำกายภาพบำบัดตัวเอง ดูสมจริงมาก ดูกลมกลืนกันดี

    เทียน กับ พิม

  • ฉากที่เกิดรอยบากบนพระพุทธรูป ไม่ค่อยประทับใจผมเท่าไหร่ น่าจะเป็นตัวเอกที่ทำให้เกิดรอยบากมากกว่าจะเป็นแค่ลูกกระจ๊อกที่ฟันพลาดไปโดน
  • ท่าการต่อสู้แบบใหม่ของ จา พนม ที่ประยุกต์มาจากโขน ดูเท่ เป็นเอกลักษณ์มาก  จำได้แค่ท่าหมุนหัว กับท่าเดินขาแข็ง ตอนกระดูกหัก และพยายามเดิน พยายามดัดตน แสดงได้น่าทึ่งมาก
  • ท่าต่างๆที่เราได้เห็นใน ต้มยำกุ้ง จะโผล่แว็บๆเข้ามาไม่แน่ใจว่าตั้งใจให้โยงถึงกันหรือปล่าว ฉากการต่อสู้ดูสมจริงดี มองไม่เห็นเป็น step by step เหมือน จีจ้า ดื้อ สวย ดุ

    การต่อสู้บนหลังช้าง

  • อีกความประทับใจคือน้ำเสียงของ ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ช่างนุ่มลึก น่าเลื่อมใส ฟังแล้วสบายใจ
  • พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) คำพูดของเขาติดหูผมเลยแฮะ  “ป่นกระดูกมันให้ละเอียด!!”
  • ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) หน้าคล้าย จา พนม มาก แยกเกือบไม่ออกนึกว่าคนเดียวเล่นสองบท และผมไม่ชอบเสียงเอฟเฟ็กที่ทำให้เสียงฟังไม่รู้เรื่อง
  • หนังเลือดสาด หัวขาด แทงทะลุ หนังสำหรับ 18+ เด็กนั่งดูเพียบเพราะ จา พนม เป็นขวัญใจเด็กๆ
  • ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กม๊ก) มีมุกแทรกให้ฮาบ้าง
  • visual effect ในเรื่องไม่สมจริง ทั้งกา ทั้งคนนอนตาย ทั้งหัวครุฑยักษ์ที่หล่นลงมาไม่ค่อยเนียน ที่จริงฉากอลังการ และสวยมากอยู่แล้ว ไม่ควรใส่พวกนี้เข้ามามากนัก
  • ผมยังมองว่า องค์บาก ภาค 3 คือส่วนต่อของภาค 2 ที่ควรจะรวมกัน เป็นภาคเดียวจะเจ๋งมาก เพราะในภาคสามมันดูเกินๆ ยัดๆเข้ามา ไม่เพียงพอจะเป็นภาค 3

ถ้าถามว่าควรดูไหม? ต้องตอบว่า “ควรดู” ผมยกให้ จา พนม + พันนา ฤทธิไกร เป็นผู้กำกับคิวบู๊ ออกแบบท่าต่อสู้ ได้น่าดูที่สุดในโลกแล้วในตอนนี้

แชมป์ THE STAR 6 คือใคร?

กัน เดอะสตาร์ 6 หมายเลข 3

คนที่ได้เป็น the star คนที่ 6 คือ กัน ผู้เข้าแข่งขันหมายเลข 3
ด้วยความสามารถทางด้านการร้องที่ตรึงใจผู้ฟังได้อย่างดี แชมป์เดอะสตาร์ 6 จึงเป็นหนุ่มจากสุพรรณคนนี้ “กัน-นภัทร อินทร์ใจเอื้อ”

ประวัติส่วนตัว
  • นภัทร อินทร์ใจเอื้อ  Napat Injaiuea
  • วันเกิด : 23 ตุลาคม 2533
  • ภูมิลำเนา : สุพรรณบุรี
  • ส่วนสูง/ น้ำหนัก : 174 Cm / 62 Kg
  • การ ศึกษา : ปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์
  • อุปนิสัย : ร่าเริง  สนุกสนาน
  • คติประจำใจ :ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น
  • แนวเพลง : POP
  • แนวหนัง : บู๊ ผจญภัย
  • สถานที่เที่ยว : ธรรมชาติ ทะเล นำตก ต่างจังหวัด
  • อาหารโปรด : ข้าวเหนียวส้มตำ ข้าวผัด
  • ศิลปินคนโปรด : อ๊อฟ ปองศักดิ์ บอย พีชเมคเกอร์
  • นักแสดงที่ชื่นชอบ : ป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ

ข้อมูลจาก : https://thestar.gmember.com

ได้มาแล้ว ถังขยะหมีพูห์ จาก 7-Eleven

ถังขยะหมีพูห์ จากเซเว่น

สะสมแสตมป์เซเว่นได้ 230 บาท แลกของได้เป็น ถังขยะหมีพูห์ กำหนดรับของ วันที่ 28 เมษายน 2553 แต่พอไปรับบอกว่าของยังไม่ได้ส่งมา สุดท้ายถามบ่อยครั้งจนลืมไปเลย วันนี้เปิดกระเป๋าตังค์เจอบิลเลยลองถามดู และแล้วมันก็มา อันใหญ่กว่าที่คิดไว้ ตอนเห็นในโปสเตอร์นึกว่าจะเล็กกว่านี้ มูมู่กับน้องๆเข้าไปนั่งข้างในได้สบายเลย สวยดี ไม่อยากเอาไปทำเป็นถังขยะเลยเอาไว้ให้ มู่กับน้องๆ นอนดีกว่า

มูมู่เข้าไปเล่นในถังขยะหมีพูห์

Iron Man 2 ไปดูมาแล้ว

Iron Man 2

Iron Man 2 ผมชอบหนังฮีโร่ กับ visual effect เป็นทุนเดิม ชอบภาคแรกแล้ว เอาฝาโค้ก 5 ฝา ไปแลกได้ฟรีอีก 1 ที่นั่ง

  • หนังสำหรับ 13+ ผมว่าเด็กก็ดูได้นะ ออกแนวการ์ตูนมากกว่าเป็นหนังเลือดสาด
  • นักแสดงแต่ละคนแสดงได้ดีมาก
  • Tony Stark ,Iron Man(Robert Downey Jr.) มาดกวนๆ กับนิสัยชอบสาวสวยๆ ยังอยู่ แต่มาคราวนี้ Iron Man ดูจะเป็นฮีโร่ที่มีปัญหา ทั้ง Arc reactor เป็นพิษ รัฐบาลอยากได้ชุด มีฉากที่ใส่ชุดเกาะเมาเหล้า ทั้งเต้น ทั้งฉี่ โดนเพื่อนอัดอีก เป็นฮีโร่หมดสภาพที่น่าเวทนามาก  (ไม่เข้าใจว่าทำไมเครื่องตรวจเลือดต้องจิ้มเอาเลือดมาตรวจด้วย หนังไฮเทคขนาดนั้น ปัจจุบันตรวจเลือดเขาใช้แสงหมดแล้ว อันนี้แค่กวนใจนิดๆ )
  • Justin Hammer(Sam Rockwell) เจ้าของบริษัทสร้างอาวุธที่ไม่เคยตาม Stark Industry ได้ทัน สะดุดตาตั้งแต่ตอนเปิดฉากว่าความแล้ว ออกแนวกวนประสาทหน่อยๆ เหมือนจะฉลาดแต่โง่ เป็นตัวร้ายแบบไม่ตั้งใจ เพียงแค่สนับสนุนตัวร้ายตัวจริง แต่จำภาพ Sam Rockwell มาจากหนังเรื่อง Charlie’s Angels จากท่าเต้นตอนขึ้นเวทีนี้ใช่เลย
  • Ivan Vanko (Mickey Rourke) ทำให้ขนลุกได้เลย สัมผัสได้ถึงแรงแค้นที่มีต่อตระกูล Stark  เป็นวายร้ายที่เราดูแล้วสู้กับ Iron Man ได้อย่างสบาย คิดในใจว่าคนเก่งๆท่าคิดในทางที่ผิดนี้น่ากลัวชะมัด
  • Natalia Romanova (Scarlett Johansson) ตอนเธอเป็น  Black Widow โคตรเท่ สวย ผมชอบมาก (คนนี้เอานะ)
  • Pepper Potts (Gwyneth Paltrow) ยังเข้าขากับ Tony Stark ได้ดี ฉากโต้เถียงกัน ยังสนุก
  • Colonel James  Rhodes (Don Cheadle) ผมสรุปว่าแทน  Terrence Howard ไม่ได้ ผมยังติดกับภาพนายทหารเพื่อนสนิท ฉากมองไปที่ชุดเกาะแล้วพูดว่า “เอาไว้ก่อน” นึกว่าจะได้มาเห็นใส่ชุดในภาคนี้
  • Nick Fury(Samuel L. Jackson) มีบทบาทในเรื่องมากขึ้น ปูทางให้ Avengers เยอะพอควร เป็นตัวชี้ทางให้ Iron Man ด้วยว่า รบคนเดียวได้ยาก ยังแสดงความเหนือว่าแกไม่ได้มีของดี ฉลาด รอบรู้อยู่คนเดียว
  • มีฉากเด็กใส่ หน้ากาก Iron Man ทำให้นึกถึงเกม Augmented reality game ที่ให้เลือกใส่หน้ากาก Iron Manได้  และนึกถึงคนที่ใส่หน้ากาก Iron Man ไปร่วมงาน Engadget show ep8
  • ฉากเปิดตัว Iron Man ในงาน Expo ที่ Pepper จุ๊บตรงหมวกแล้วโยนลงจากเครื่องบินใน Trailer หายไปไหน? โดนตัดออกรึ?
  • มีโล่ของ Captain America โผล่มา แต่โดน Tony Stark เอาไปเป็นที่รองท่อยิงอนุภาค CERN ซะงั้น ฮา
  • ฉากจบมีการขุดหลุม แว็ปแรกนึกถึงคนที่ถูกขุดเป็น Captain America หรือปล่าวเพราะในการ์ตูนถูกขุดเหมือนกันแต่ขุดจากธารน้ำแข็ง สุดท้ายเฉลยเป็น Thor และ Marvel มีแผนทำ Thor ก่อนทำ Avengers อยู่แล้ว บอกเป็นนัยว่าตามดู Thor ต่อนะ มันเนื้อเรื่องต่อกัน

ชุดที่จะได้เห็นใน Iron Man 2

  • ชุดเรียงกันตามลำดับ ในห้องของ Tony Stark

    ชุดเกาะ Mark I,II,III,IV เรียงตามลำดับ

  • ชุดหลักที่ใช้ยังเป็น Mark IV ไฟตรงอกจะเป็นวงกลม

    Mark IV ไฟตรงอกจะเป็นวงกลม

  • ชุดเกาะ Mark V ที่เพิ่มเข้ามาใหม่เป็นกระเป๋าถือ ชุดนั้นเป็นชุดที่ผมอยากดูมากที่สุด ตอนใส่มันเท่มาก แต่เสียดายมันมีเท่ากับในโฆษณานั้นแหละ ไม่มีกล่าวถึงเพิ่มเติมเลย

    ชอบที่สุดแล้วชุดนี้ Mark V เป็น Portable ด้วย

  • ชุดเกาะ Mark VI หลังจากได้ arc reactor อันใหม่มา มันก็โผล่มาเลย ไฟตรงอกเป็น สามเหลี่ยมตามรูปทรงของ arc reactor เหมือนเตารีดติดอก มีอาวุธใหม่แรงใช้ได้ครั้งเดียวด้วย

    Mark VI ไฟตรงอกเป็นสามเหลี่ยม

ชุด War Machine เป็นชุดพัฒนามาจาก Mark II  คนที่ใส่คือ James Rupert Rhodes ใส่อาวุธมาเต็มขั้น

War Machine
  • ชุดของ Ivan Vanko ก็เท่สุดๆ อาวุธมาพร้อม คนเก่งถ้ามี Resource ดีๆ ก็เทพได้เช่นกัน

สรุปว่าผมชอบนะ ฉากแอกชั่นไม่ได้เยอะมากนัก นักแสดงทุกคนแสดงได้เยี่ยม มีมุกแทรกมาเรื่อยๆ ทิ้งท้ายด้วยประโยค “Iron Man ผ่าน แต่ Tony Stark ไม่ผ่าน” อย่าพึ่งงงกับประโยคนี้ ไปดูจะรู้ว่าหมายความว่าอะไร

ตัวอย่าง

https://www.youtube.com/watch?v=FNQowwwwYa0

Ovi app wizard สร้าง Application สำหรับมือถือ Nokia ง่ายๆไม่ต้องเขียนโค้ด

Ovi app wizard

Nokia Ovi app wizard คือ เครื่องมือการสร้าง Ovi app ของคุณผ่านทางหน้าเว็บ  เพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จแล้ว สโลแกนของเขาคือ Fast, Easy, Free นอกจากนั้นสามารถส่งขึ้น Ovi store ได้เลยทันที ตั้งราคาเองได้ด้วย  โปรแกรมที่สร้างขึ้นนั้นจะเป็นโปรแกรมดึง feed ของเว็บเราไปแสดงเท่านั้น

ผมเรียงขั้นตอนการทำง่ายๆมาให้ดูกันครับ

  1. เข้าไปที่เว็บ https://oviappwizard.com สมัครสมาชิก ให้เรียบร้อย
  2. ล็อกอินเข้าใช้งาน จะเจอหน้า Dashboard เรียงเมนูดังรูป
    Dashboard

    ด้านล่างเป็นเป็น App ที่ผมลองทำดูชื่อ Biomed.in.th เป็น app ดึงเนื้อหาจากเว็บดังกล่าวมาแสดง ทดลองส่งให้ Ovi store ตรวจสอบแล้ว

  3. คลิกเลือก Build a new application เพื่อที่จะสร้าง app ใหม่ ใส่ที่อยู่ feed ของเว็บเราเข้าไปในช่องให้กรอก ใครใช้ WordPress อยู่ก็เติม /feed หลัง url ของเว็บเรา ตัวอย่างเว็บผม https://www.amphur.in.th/feed
    Ovi app wizard step 1/4

    เมื่อใส่ url เสร็จแล้วก็กด preview ทางด้านขวาจะเป็นตัวอย่างการแสดงผลของ app ที่ดึงเนื้อหาจาก feed มาแสดง เราสามารถใส่ feed เพิ่มได้อีก 3 อัน เมื่อใส่ไปแล้วมันจะเป็น เมนู drop ให้เลือกด้านบน

    เพิ่ม url ของ feed จะมีเมนู drop ให้เลือกด้านบน

    เมื่อใส่ url ของ feed ตามที่ต้องการเสร็จแล้วก็คลิก Next step

  4. ส่วนถัดมา step ที่ 2 จะเป็นการใส่รายละเอียดเพิ่มเติม เช่น logo , icon ของ app สีพื้นหลัง อันนี้ปรับแต่งตามใจชอบครับ
    Customise your app

    แนะนำให้ทำรูปให้ตรงตามขนาดที่เขาแนะนำครับ ภาพจะได้ไม่ยืดผิดรูปไป และเลือกภาษาของ App เป็นตามที่เราต้องการ เว็บผมเป็นภาษาไทย เลยต้องเลือกภาษาไทย เสร็จแล้วคลิก Next step

  5. ถัดมาจะมีคำถามให้เราติ๊กเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของ app ว่าเนื้อหาภายใน app เป็นของเราแน่นะ ขายได้แน่นะ และเนื้อหาเป็นไปตามระเบียบ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศิลธรรม ไม่ผิดลิขสิทธ์ ถ้าไม่แน่ใจอ่าน Guidelines ดูก่อนได้

    ตรวจสอบความถูกต้อง

  6. ขั้นตอนถัดไปจะเป็นถามว่า จะให้โฆษณาแสดงที่ app ของคุณหรือไม่ อันนี้น่าใจว่า Nokia มีโฆษณาในมือถือด้วย แต่เรายังไม่มี ID ของโฆษณา และไม่อยากเอาเข้ามาด้วย แต่มันอนุญาติให้เราข้าม step นี้ไปได้ ก็คลิก Next step ไป

    ตำแหน่งของโฆษณา จะอยู่ด้านล่างของจอ

  7. ส่วนสุดท้ายจะเป็นการใส่คำอธิบายรายละเอียด แนะนำ app ที่ทำขึ้น ตอนทำครั้งแรกจะมีให้แนะนำ publisher ด้วย
    App description

    อันนี้เป็นตัวที่สองที่ผมลองทำมันเลยไม่มีช่องรายละเอียดนั้นให้ใส่ เลือกหมวดหมู่ของ app และมีให้ตั้งราคาของ app ที่ทำขึ้นด้วย ราคาสูงสุดคือ 5 EUR แต่ของเราไม่มีอะไรมาก ก็ต้อง Free อยู่แล้ว

  8. เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะกลับมาที่หน้า Dashboard
    สร้างเสร็จแล้ว ตรวจสอบและรองรันดู

    App ใหม่ที่เราสร้างขึ้นมาก็ปรากฏขึ้นมา มีให้เราลองตรวจสอบรันดูผ่าน Emulator ก่อน ว่าเป็นไปตามที่ต้องการ ถ้าไม่พอใจก็คลิก Edit เข้าไปแก้ไข เมื่อทุกอย่างโอเค ก็คลิก Submit to Ovi store ให้เขาตรวจสอบ และรอว่าจะผ่านไหม

มันง่าย เร็ว ฟรี ที่จริงถึงผมไม่เขียนละเอียดขนาดนี้เชื่อว่าทุกคนน่าจะทำได้ มันเหมือนลงโปรแกรมอะไรสักอย่างคลิก next ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็เสร็จเอง มันเป็นแบบนั้นจริงๆ ตอนนี้คิดว่าอาจจะทำให้ Ovi Store มี App เพิ่มขึ้น แต่มันจะเป็นขยะไปหรือปล่าวก็ไม่รู้ แต่ที่น่าสนใจคือมีโฆษณาใน app ด้วย ถ้าใครทำเนื้อหาดี มีคนโหลดไปใช้เยอะ น่าจะเป็นที่ทำเงินอีกที่เลยทีเดียว โฆษณาในมือถือตอนนี้ทุกเจ้า Apple ,Google,Nokia กระโดดเข้ามาทุกเจ้าแล้ว สุดท้าย ใครสนใจอยากมี App เป็นของตัวเองแบบง่ายๆ เร็วๆ เข้าไปลองเล่นดูครับ ผมว่าไม่ถึง 10 นาทีเสร็จ

App ที่ผมส่งให้พิจารณาและผ่านให้ขึ้น Ovi Store แล้วครับ

อ้างอิง : https://oviappwizard.com

Exit mobile version