องค์บาก 3 ภาคจบของการเล่าเรื่องที่มาของ “องค์บาก” ไปดูมาหลายวันแล้ว วันนี้เลยขอบล็อกเป็นข้อๆอีกครั้ง อาจจะไม่ตรงใจท่านอื่นบ้างแต่นี้คือมุมมองของผมนะครับ
- ต้องตามมาดูให้จบ เพราะภาค 2 ทำอารมณ์ค้าง
- เปิดเรื่องได้งงสุดๆแม้จะได้ดูภาค 2 มาก่อนก็ตาม
- อารมณ์แรกที่รู้สึกได้คือ เหมือนละครช่องเจ็ดที่เรตตี้ดี คุณแดงสั่งยืด เพิ่มตอน จึงมีภาพพระเอก นางเอก คิดเรื่องเก่าๆ ภาพเก่าๆ น้ำเยอะ เนื้อน้อย ในช่วงต้นๆเรื่อง
- บางตอนไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่ โดยเฉพาะการหลุดจากการประหารของเทียน(จา พนม) มีราชองค์การจากอโยธยาให้ปล่อยตัว มาได้ไง? และสั่งนักฆ่าตามไปฆ่าทีหลัง
- ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องที่ไม่ประทับใจ สิ่งประทับใจผมมาก คือการรำของ พิม (จ๊ะจ๋า-พริมรตา เดชอุดม) ดูแล้วเหมือนนางอัปสรมาก ท่ารำคล้ายทางรำตอนชมรมอีสานจุฬาฯ ไปค่ายที่บุรีรัมย์ ตอนรำคู่กับเทียนที่ทำตัวสั่นๆเก็งๆหลังจากพยายามทำกายภาพบำบัดตัวเอง ดูสมจริงมาก ดูกลมกลืนกันดี
- ฉากที่เกิดรอยบากบนพระพุทธรูป ไม่ค่อยประทับใจผมเท่าไหร่ น่าจะเป็นตัวเอกที่ทำให้เกิดรอยบากมากกว่าจะเป็นแค่ลูกกระจ๊อกที่ฟันพลาดไปโดน
- ท่าการต่อสู้แบบใหม่ของ จา พนม ที่ประยุกต์มาจากโขน ดูเท่ เป็นเอกลักษณ์มาก จำได้แค่ท่าหมุนหัว กับท่าเดินขาแข็ง ตอนกระดูกหัก และพยายามเดิน พยายามดัดตน แสดงได้น่าทึ่งมาก
- ท่าต่างๆที่เราได้เห็นใน ต้มยำกุ้ง จะโผล่แว็บๆเข้ามาไม่แน่ใจว่าตั้งใจให้โยงถึงกันหรือปล่าว ฉากการต่อสู้ดูสมจริงดี มองไม่เห็นเป็น step by step เหมือน จีจ้า ดื้อ สวย ดุ
- อีกความประทับใจคือน้ำเสียงของ ครูบัว (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ช่างนุ่มลึก น่าเลื่อมใส ฟังแล้วสบายใจ
- พระยาราชเสนา (ศรัณยู วงษ์กระจ่าง) คำพูดของเขาติดหูผมเลยแฮะ “ป่นกระดูกมันให้ละเอียด!!”
- ภูติสางกา (ชูพงษ์ ช่างปรุง) หน้าคล้าย จา พนม มาก แยกเกือบไม่ออกนึกว่าคนเดียวเล่นสองบท และผมไม่ชอบเสียงเอฟเฟ็กที่ทำให้เสียงฟังไม่รู้เรื่อง
- หนังเลือดสาด หัวขาด แทงทะลุ หนังสำหรับ 18+ เด็กนั่งดูเพียบเพราะ จา พนม เป็นขวัญใจเด็กๆ
- ไอ้เหม็น (หม่ำ จ๊กม๊ก) มีมุกแทรกให้ฮาบ้าง
- visual effect ในเรื่องไม่สมจริง ทั้งกา ทั้งคนนอนตาย ทั้งหัวครุฑยักษ์ที่หล่นลงมาไม่ค่อยเนียน ที่จริงฉากอลังการ และสวยมากอยู่แล้ว ไม่ควรใส่พวกนี้เข้ามามากนัก
- ผมยังมองว่า องค์บาก ภาค 3 คือส่วนต่อของภาค 2 ที่ควรจะรวมกัน เป็นภาคเดียวจะเจ๋งมาก เพราะในภาคสามมันดูเกินๆ ยัดๆเข้ามา ไม่เพียงพอจะเป็นภาค 3
ถ้าถามว่าควรดูไหม? ต้องตอบว่า “ควรดู” ผมยกให้ จา พนม + พันนา ฤทธิไกร เป็นผู้กำกับคิวบู๊ ออกแบบท่าต่อสู้ ได้น่าดูที่สุดในโลกแล้วในตอนนี้
10 พฤษภาคม 2010 16:23 pm
เป็นหนึ่งเรื่องที่ยอมรับว่า ยังไม่ได้ดู และยังไม่มีความคิดจะดู คงรอให้มันมีแบบแผ่นมาให้เช่าดีกว่า แล้วค่อยเช่ามาดูต่อกันเป็นตอนเดียว หลังๆ เริ่มเฉยๆ กับหนังจาไปเสียแล้ว
11 พฤษภาคม 2010 1:29 am
ไปดูมาแล้วเหมือนกัน แสดงความคิดเห็นว่า
– ทีแรกว่าจะไม่ดูแล้วเพราะเข็ดกับองค์บาก2 แต่ไปดูเพราะสงสัยว่าตอนจบครั้งที่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับองค์บาก
– พระเอกตายยากมากๆ หนังประมาณจะคล้ายหนังจีน เหมือนจะมีการฝึกวิทยายุทธจากคำภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นยังงั้นเลย
– ไปดูกับผู้ปกครอง ผู้ปกครองแนะนำว่า หนังเว่อร์มาก เด็กควรหลีกเลี่ยง มือหงิกอยู่ดีๆ เอามือไปดัดกับขอบปูนแค่เนี้ยก็หายซะแล้ว แถมลุกมาต่อยคนอื่นได้อีกแน่ะ
– ไม่ชอบดูพระเอกตอนถอดเสื้อ มันสยอง ซิกแพ็กก็ไม่มี
– อีกาฟันหลอ อันนี้ฮา
– ไม่ค่อยจะมีฉากต่อสู้ีที่ดูแล้วชอบเลย มุขเดิมๆ สู้องค์บาก 1 ไม่ได้
– แต่ก็ยังดีที่มีธรรมะสอดแทรก ว่า ความพยาบาทจะเป็นเชื้อเติมพลังให้กิเลส
ถ้าถามว่าควรดูไหม?
ขอตอบว่า ไม่ควรดู
เพราะไม่ต่างอะไรกับภาค 2
และจะเล่าให้ฟังเลยว่า
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ คือ พระเอกก็ถูกจับไปประหาร
แต่ทำยังไงก็ไม่ตาย จากนั้นก็ไปรักษาตัว แล้วก็ฝึกต่อสู้แบบการรำ
จากนั้นก็ไปต่อสู้แล้วชนะ แล้วก็จบ
16 กรกฎาคม 2010 11:10 am
พวกไม่มีกึ๋นในการดูก็งี้แหละ หนังเค้าดีก็บอกไม่ดี เรื่องนี้คือหนังที่ดีที่สุดของจาพนมและคนไทย บทดี แอ็คชั่นพอเหมาะไม่มากจนทำให้ดูเหนื่อย ตลกด้วย มีสาระด้วย พวกดูไปเอาปากราน้ำไป หัดใช้สมองดูกันบ้างจะดี