รวม 10 ร้านอาหารโปรดของผม กินแล้วต้องกลับไปกินอีก

บล็อกที่แล้วเขียนถึง “10 เรื่อง และหนังสือ 10 เล่มในดวง” เลยคิดว่าน่าจะเขียนถึงร้านอาหารบ้างดีกว่า ปกติเวลาไปกินข้าวที่ร้านที่ไม่เคยไปก็จะถ่ายรูปไว้ ไม่ได้ถ่ายรูปแชร์นะ แต่ทำเป็นบันทึกไว้ เคยเขียนถึงแล้วใน “Evernote Food แอพช่วยบันทึกเมนูและร้านอาหารที่เคยไปกินมาแล้ว” ต้ังแต่บันทึกมาก็ปีกว่าๆแล้ว ทำให้มีข้อมูลของร้านอาหารเยอะพอสมควรเลย บางทีว่างๆก็เปิดมาดูว่าร้านนี้อยู่ไหน ไปกินกันตอนไหน สนุกดีเหมือนกัน การจะนำรายชื่อ 10 ร้านอาหารที่ชอบมาแชร์เลยไม่ยากนัก ในบันทึกมีทั้งที่ต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ แต่ขอคัดเลือกมาเฉพาะร้านในกรุงเทพฯเป็นหลักครับ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นที่ตัวเองกินแล้วอร่อยและคุ้มค่า ราคาประหยัด เริ่มเลยแล้วกัน

10 ร้านอาหารโปรดที่กินแล้วต้องกลับไปกินอีก

Kozo Sushi (โคโซ ซูชิ)

1. ร้าน Kozo Sushi (โคโซ ซูชิ) เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น อยู่ที่ชั้น 3 ตึกธนิยะ สีลม แผนที่ ตอนกลางวันมีบุฟเฟ่ต์ซูชิสายพาน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไปกินค่อยข้างบ่อย กินบุฟเฟ่ต์ไม่กี่ครั้งนะ ส่วนใหญ่ไปชอบกินชุด ข้าวหน้าปลาดิบ ร้านนี้วัตถุดิบดีเยี่ยม ไม่แพงมาก ป้าพนักงานคุยกับลูกค้าดี บริการเยี่ยม เป็นร้านโปรดอีกหนึ่งร้านที่กลับไปกินบ่อยมาก ยกให้เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นอันดับหนึ่งในดวงใจ

เฮง เฮง ข้าวมันไก่ตอน-ไก่ต้ม

2. ร้าน เฮง เฮง ข้าวมันไก่ตอน-ไก่ทอด ร้านอยู่ตรงหน้าห้างเอ็มโพเรียม สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ แผนที่ ร้านนี้รู้จักครั้งแรกตอนไปเล่นเกม ingress ที่สวนเบญจศิริ ในกลุ่มก็จะเรียกกันว่า “ข้าวมันไก่ ingress” ยิงเสาในสวนเสร็จก็จะต้องออกมากินข้าวมันไก่ที่นี้ เนื้อนุ่ม น้ำซุปอร่อย ชอบมากๆ แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้ไปเล่นเกมแล้ว แต่ก็หาเวลาแวะไปกินอยู่เรื่อยๆ ยกให้เป็นร้านข้าวมันไก่ที่อร่อยที่สุดของ กทม.

อัลปาก้า วิว (Alpaca View)

3. ร้าน Alpaca View (อัลปาก้า วิว) ร้านอยู่ที่ ซ.ลาดพร้าว-วังหิน 71 แผนที่ ถือว่าไกลจากที่ทำงานมากแต่ก็ไปกัน ร้านอาหารแนวคาวบอย สไตล์คันทรี่ มีวงดนตรีเล่นเพลงสดให้ฟัง แต่ที่เราไปที่นี่มักจะอยู่ในห้องคาราโอเกะกันเป็นส่วนใหญ่ อาหารถือว่ายอดเยี่ยมเลยครับ ชอบเมนูแนะนำของทางร้าน “ซอลมอนแซ่บเวอร์” แต่ที่ชอบมากคงเป็นบรรยากาศ และเพลงในคาราโอเกะก็มีให้เลือกเยอะ ออกมานั่งข้างนอกชมวิว แล้วกลับเข้าไปร้องเพลงต่อ เป็นอีกร้านที่กลับไปบ่อย ยกให้เป็นร้านอาหารคาราโอเกะอันดับหนึ่ง

Eat Am Are (อีทแอมอาร์)

4. ร้าน Eat Am Are (อีท แอม อาร์ สเต็ก) ร้านสเต็ก ที่ซอยรางน้ำ ตรงข้ามเซ็นจูรี่ แผนที่ ความจริงมีหลายสาขาอยู่รอบๆอนุเสาวรีย์ แต่จะไปตรงสาขาซอยรางน้ำเป็นหลัก เมนูที่อยากแนะนำคือ “สเต็กหมูพริกไทยดำ” หมูนุ่มมาก อร่อยมากๆ กินกับส้มตำอร่อยเลย เพื่อนบอกว่าคนอะไรกินสเต็กกับส้มตำ ขอบอกว่าอร่อยครับต้องลอง แต่มาร้านนี้ต้องระวังคนรอคิวเยอะมาก ต้องเผื่อเวลาหรือเลี่ยงช่วงคนเยอะตอนค่ำๆ ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านที่ไปกินบ่อยเพราะอร่อยและราคาก็ไม่แพง ยกให้เป็นร้านสเต็กอร่อยราคาประหยัดอันดับหนึ่ง

Inaho (อินาโฮ)

5.ร้าน Inaho (อินาโฮ) ร้านอาหารญี่ปุ่นแบบบุฟเฟ่ต์ ราคาประหยัด อยู่ที่ชั้น 2 ตึก Space one ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุม แผนที่ ไปร้านนี้กันมีจุดประสงค์หลักคือ ไปกินปลาดิบเลยครับ คุ้มมากๆ สั่งปลาดิบไปหลายๆจานเลยครับ เขาจะรวมมาเสิร์ฟทีเดียว ส่วนเมนูของทอดก็อร่อยเหมือนกันครับ ถ้าใครที่ชอบแซลมอนรับรองว่าร้านนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอนครับ ยกให้เป็นร้านบุฟเฟ่ต์แซลมอนอันดับหนึ่ง

สมศักดิ์ ปูอบวุ้นเส้น

6.ร้าน สมศักดิ์ ปูอบ ร้านปู-กุ้งอบวุ่นเส้น ที่อร่อยมาก อยู่ที่ซอยเจริญรัถ 1 ขึ้นไป BTS ลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ แล้วค่อยลงเดินไปที่ร้าน แผนที่ ปกติแล้วก็เฉยๆกับพวกปู กุ้งอบวุ้นเส้น แต่พอมาเจอร้านนี้เข้า ต้องบอกว่าอร่อยมาก ปูสด เนื้อแน่นๆ กุ้งตัวโต เนื้อแน่นอร่อย วุ้นเส้นก็อร่อย ราคาก็สุดจะคุ้มค่า พอกินเสร็จบอกเลยว่ามีโอกาสต้องกลับไปกินอีก ร้านนี้คนเยอะเหมือนกัน มาแล้วอาจจะต้องรอคิว ยกให้เป็นร้านปูอบวุ้นเส้นอันดับหนึ่ง

ร้านอาหาร MAiSEN (ไมเซน)

7. ร้าน MAiSEN (ไมเซน) ร้านทงคัตสึ ร้านอยู่ที่ ชั้น B สีลมคอมเพล็ค แผนที่ เป็นร้านขายข้าวทงคัตสึเป็นหลัก มีเมนูอื่นๆอยู่บ้าง ปกติเป็นคนที่มีประสบการณ์ที่ไม่ได้ดีกับข้าวหมูทอดกรอบๆแบบนี้เลย แต่ที่ร้านไมเซนทำให้เราชอบทงคัตสึขึ้นมาได้เลย มีกระหล่ำมาเสริมเรียกน้ำย่อยก่อน เมนูที่นี้จะจัดเป็นชุดน่ารักๆ “ข้าวทงคัตสึ(สันนอก)หน้าไข่มัน” มันอร่อยมาก ข้าวก็นุ่ม อร่อยสุดๆไปเลย ใครที่ไม่ชอบทงคัตสึแบบผมต้องลองไปกินดู แล้วคุณอาจจะเปลี่ยนใจมาชอบมันได้เหมือนผม ยกให้เป็นร้านทงคัสสึกลับใจ(จากไม่ชอบเป็นรักเลย)

Road Q House

8. ร้าน Roadhouse Barbecue (โรดเฮ้าส์บาร์บีคิว) ร้านนี้อยู่ที่แยกถนนสุรวงค์กับถนนพระราม 4 ตรงมุมตรงข้ามสภากาชาด แผนที่ เป็นร้านที่เราไปนั่งดื่มเบียร์กันครับ มีดนตรีให้ฟัง อาหารไม่ได้หวือหวามาก พวกไส้กรอกกินแกล้มอร่อย แต่มีเบียร์หลากหลายยี่ห้อให้เลือกลองลิ้มรส บรรยากาศดี ที่สำคัญใกล้ที่ทำงาน เดินแป้ปเดียวถึง ยกให้เป็นร้านเบียร์บรรยากาศเยี่ยม

Sushi Masa

9. ร้าน Sushi Masa (ซูชิ มาสะ) ร้านอาหารญี่ปุ่นอีกแล้ว ร้านอยู่ในซอยพญานาค ลง BTS สถานีราชเทวี เดินเข้าซอยแป้บเดียวถึง แผนที่ ร้านนี้ทำซูซิได้เยี่ยมยอดมาก วัตถุดิบปลาดิบก็สุดยอด ร้านนี้ราคาพอสมควรนานๆไปที และคนจะเยอะแทบจะตลอดเวลา แถมไม่รับจองด้วยนะ ต้องไปต่อคิว ยกให้เป็นร้านซูชิอันดับหนึ่ง

เจียง ลูกชิ้นปลา

10. ร้านเจียง ลูกชิ้นปลา ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา อยู่ที่ชั้น 2 ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต แผนที่ ปรกติเป็นคนเกลียดลูกชิ้นปลามาก จากประสบการณ์ที่ผ่านมา แม้ตอนสั่งลูกชิ้นปิ้งกิน ลูกชิ้นปลาไม่เคยถูกเรียกชื่อเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่จำความได้ มันไม่อร่อยเอาเสียเลย วันนั้นไปกินกับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงาน ลองกินดูไม่ได้คิดอะไรเลย อร่อยซะงั้น เกิดมาเพิ่งจะกินลูกชิ้นปลาอร่อยก็วันนั้นแหละ งง ตัวเองมาก ร้านเจียง ลูกชิ้นปลา น่าจะมีหลายสาขาอยู่ตามห้างทั่วไป ลองไปชิมดูได้ครับ ยกให้เป็นร้านลูกชิ้นปลาร้านเดียวที่กินอร่อย

รวม 10 ร้านอาหารโปรดของผมเป็นไงบ้างครับ ต้องบอกว่าเลือกยากเหมือนกันนะครับ คัดมาตอนแรกเกือบ 20 ร้านเลยนะ แล้วก็พยายามตัดออกเรื่อยๆจนออกมาได้ดังที่เห็น ลองไปแวะชิมตามร้านต่างๆกันตามสะดวกเลยนะครับ อร่อยหรือไม่อร่อยค่อยมาแชร์กันได้ครับ

หวังว่าจะมีร้านที่ถูกใจ และกลับไปกินอีกบ่อยๆเหมือนผม

มาแชร์ หนัง 10 เรื่อง หนังสือ 10 เล่ม ในดวงใจกันครับ

หนัง 10 เรื่องในดวงใจ

เห็นเพื่อนๆหลายๆกลุ่มแชร์หนังที่ชอบ บางกลุ่มแชร์หนังสือที่ชอบ แบบที่นึกได้แล้วเขียนเลย ไม่ต้องคิดเยอะ พอแชร์แล้วก็แท็กชื่อเพื่อนคนอื่น เหมือนท้าเทน้ำแข็งเลยนะ เราก็อยากนำเสนอของเราบ้าง แต่จะรวมไว้ที่เดียวเลยจะได้ง่าย ทั้งหนังและหนังสือ

หนัง 10 เรื่องในดวงใจของฉัน

หัวข้อนี้ค่อนข้างยากเพราะมีหนังที่เราชอบหลากหลายเรื่องหลากหลายแนว เอาเป็นว่าคิดออกเขียนเลย แล้วค่อยมาเติมรายละเอียดทีหลัง

  1. The Matrix (1999)
  2. My Neighbor Totoro (1988)
  3. The Dark Knight (2008)
  4. Pan’s Labyrinth (2006)
  5. Good Will Hunting (1997)
  6. A.I. Artificial Intelligence (2001)
  7. A Beautiful Mind (2001)
  8. Life Is Beautiful (1997)
  9. Fight club (1999)
  10. The Lord of the Rings: The Return of the King (2003)
หนังสือ 10 เล่มในดวงใจ

หนังสือ 10 เล่มที่ชอบ

พอเป็นหนังสือมีแค่ไม่กี่แนวที่อ่านและชอบ นักเขียนที่ชอบก็ไม่กี่คน

  1. อาเพศกำสรวล-วินทร์ เลียววาริณ
  2. เรื่องเล่าจากร่างกาย- ชัชพล เกียรติขจรธาดา
  3. มนุษย์กับจักรวาล-ชัยวัฒน์ คุประตกุล
  4. Steve Jobs by Walter Isaacson
  5. ความสุขของกระทิ-งามพรรณ เวชชาชีวะ
  6. รามานุจัน-Robert Kanigel, นรา สุภัคโรจน์ แปล
  7. ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล -วินทร์ เลียววาริณ
  8. ศพใต้เตียง-สรจักร ศิริบริรักษ์
  9. พุทธทาสกับเซ็น-พุทธทาสภิกขุ
  10. The Drunkard’s Walk-Leonard Mlodinow, กฤตยา รามโกมุท และ นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

และสุดท้ายขอชวนเพื่อนๆมาแชร์รายชื่อหนัง หนังสือ ในดวงใจกันครับ เอาแบบที่คิดออกในทันที

Wordmark.it เว็บนี้ช่วยคุณเลือกฟอนต์มาใช้งานได้ง่ายขึ้น

Wordmark.it เว็บเลือกฟอนต์ที่ชอบ

Wordmark.it เชื่อว่านักออกแบบต้องชอบเว็บนี้แน่เลย เป็นเว็บที่จะช่วยให้เราเลือกฟอนต์ที่จะนำมาใช้ในงานออกแบบของเราได้ง่ายขึ้นมาก เพียงพิมพ์ข้อความลงไปบนช่องด้านบนของเว็บไซต์ และกดโหลดฟอนต์ “load font” แล้วฟอนต์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องเราก็จะถูกนำมาแสดงบนเว็บไซต์ ให้เราได้พรีวิวดูก่อนว่าฟอนต์ไหนจะเหมาะกับข้อความที่เราออกแบบไว้

ยังสามารถปรับแต่งข้อความเพิ่มเติมได้จาก เมนูด้านบน ได้แก่ แบบพื้นหลังสีดำตัวอักษรสีขาว พื้นหลังสีขาวตัวอักษรสีดำ รูปแบบตัวอักษร(ตัวเขียน เล็ก ใหญ่) ขนาดของฟอนต์ เป็นต้น เว็บทำงานได้ค่อนข้างเร็วเลย จะโหลดฟอนต์มาบางส่วนถ้าเลื่อนจนสุดแต่ยังไม่ถูกใจก็คลิกโหลดฟอนต์มาแสดงผลเพิ่มต่อไปเรื่อยๆ

นอกจากนั้นมันใช้กับภาษาไทยได้ด้วยนะครับ ลองพิมพ์ภาษาไทยเข้าไปก็ใช้งานได้ดีเลย

ทดสอบใช้งานภาษาไทยใน Wordmark.it

นับว่าช่วยให้การเลือกฟอนต์ทำได้ง่ายขึ้นมากๆ น่าจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่ที่ทำงานด้านออกแบบ ทำเว็บไซต์ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่แน่ใจว่ามืออาชีพเขามีเครื่องมืออะไรในการเลือกฟอนต์ แต่สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเรา เว็บนี้มีประโยชน์มากครับ Bookmark ไว้เลยล่ะ

เข้าไปใช้งานได้ที่ https://wordmark.it

via: https://twitter.com/AdobeMuse/status/514512039788560384

เล่าถึงประสบการณ์การใช้ PAYSBUY MasterCard

PAYSBUY MasterCard

เป็นคนไม่มีบัตรเครดิตใช้ครับ ถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆจะยืมของพี่มาใช้ครับ พอเห็นข่าวที่ PAYSBUY ออกมาเปิดตัวบริการบัตรเครดิตจำลอง Visual MasterCard ก็เลยลองสมัครดู และได้ใช้งานอยู่สองสามครั้ง เลยมาเล่าให้ฟังครับ

ข้อดีอย่างหนึ่งของบัตรเครดิตจำลอง Visual MasterCard ของ PAYSBUY คือ อยากใช้ยอดเท่าไหร่ก็เติมเงินเข้าไปเท่านั้น ช่องทางการเติมเงินก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ ที่ผมใช้ก็กดเข้าไปว่าจะเติมเท่าไหร่ แล้วก็ไปจ่ายที่ 7-11 จะใช้วิธีนี้ได้ต้องส่งไฟล์บัตรประชาชนเข้าไปในระบบด้วย ต่อไปมีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังดังนี้ครับ

  1. การจ่ายครั้งแรกกับ PAYSBUY MasterCard ผมใช้จ่ายค่า Coin ใน Line ที่เอามาซื้อ Sticker ครับ ราคา $1.99 คิดเป็นเงินไทย 63.66 บาท ตอนแรกทำเอางงมากเพราะแค่เข้าไปกรอกหมายเลขบัตรใน Google wallet มันก็หักตังค์เราไปแล้ว 40 บาท แต่สักพักมันก็ตัดกลับมาให้ แต่มันดันหักไป 2 ครั้ง แต่คืนกลับมาให้แค่ครั้งเดียว ทำเอางง ตอนแรกคิดว่ามันอาจจะดีเลย์แต่ผ่านไปอีกวันก็ยังไม่คืน เลยอีเมลไปคุยกับ Support ได้ความว่าปกติแล้วระบบของ Google จะเช็คว่าบัตรเครดิตใช้งานได้หรือปล่าวโดยการเรียกหักเงิน 40 บาท และจะคืนมาให้ภายหลัง อันนี้เราเข้าใจ แต่อันที่หักไป 2 ครั้ง แต่คืนมา 1 ครั้ง อันนี้ไม่ถูกต้อง ก็คุยกับ Support ไปมาสุดท้ายเขาให้เรากรอกข้อมูลในไฟล์ PDF แล้วส่งกลับเพื่อยืนยันว่าเราไม่ได้รับบริการใดๆจากเงิน 40 บาท ที่ถูกหักไป T_T ผ่านไป 4 วันเราก็ได้เงิน 40 บาทเราคืนมา ฮาเลย ต่อสู้เพื่อเงิน 40 บาท แต่อย่างไรก็ตาม Support เขาก็บริการดีนะ ตอบคำถามที่เราสงสัยและก็ดำเนินการจนเราได้เงินคืนมา และอีกอย่างเราก็ซื้อ Sticker “คนอะไรเป็นแฟนหมี” ได้ด้วยบัตรนี้ล่ะ
  2. พอผ่านอันแรกมาได้ เราค่อนข้างมั่นใจระดับหนึ่งแล้วว่ามันก็โอเครดีนะ ใช้แทนบัตรเครดิตได้จริงๆ ก็เลยเล็งที่จะซื้อสมุดเสก็ตรูปของ Moleskine ที่อยากได้มานานแล้ว อันที่อยากได้หาซื้อในไทยไม่ได้ด้วย แหล่งที่จะซื้อคือ bookdepository.com ครับ เคยเห็นเพื่อนเคยสั่งซื้อมาแล้ว จัดการเข้าไปหยิบอันที่อยากได้ไว้ในตะกร้าก่อนคลิกดูราคา แล้วก็ไปเติมเงินให้ PAYSBUY MasterCard เอาแบบเกินไปเยอะเกือบเท่าตัวเลย เผื่อมีค่าอื่นๆที่ไม่คาดคิด แล้วก็กลับมาดำเนินการขั้นตอนจ่ายเงินต่อ ปรากฏว่าระบบของ bookdepository.com ใส่หมายบัตร รหัส CVC เข้าไปยังไงก็ไม่ผ่าน ใส่หลายครั้งก็ไม่ผ่าน ทำวันหลังก็ไม่ผ่าน อีเมลไปคุยกับ Support ของ bookdepository ก็แก้ไขตามข้อแนะนำ เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนบราวเซอร์ สรุปคือใช้ไม่ได้กับ bookdepository.com ครับ อันนี้เศร้าเลยครับ
  3. จากเหตุการณ์ด้านบนทำเอาผิดหวังนิดๆ แสดงว่าไม่ใช่จะทุกเว็บไซต์ที่บอกว่าใช้ MasterCard ได้แล้ว PAYSBUY MasterCard จะใช้ได้ด้วย เลยคิดตัดใจไม่เป็นไรเอาตังค์ไว้ซื้อ App ก็ได้ เพราะเงินที่เติมเข้าไปมันถอนไม่ได้นะครับ เลยจะเอาหมายบัตรไปใส่ไว้ในระบบของ Apple เผื่อซื้อเพลง ซื้อ App เข้าไปกรอกหมายเลขบัตร รหัส ปรากฏว่าใช้ไม่ได้เหมือนกันครับ

สรุปดังนี้ครับ ระบบมันก็สะดวกดีครับ Support ก็โอเครในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เว็บช้อปปิ้งออนไลน์ทุกที่ที่บอกว่ารองรับ MasterCard แล้ว PAYSBUY MasterCard จะใช้งานได้

ถ้ามีใครเคยใช้แล้วเป็นยังไงบ้างเอาแชร์กันบ้างนะครับ อยากรู้ว่าเว็บไหนใช้ได้ไม่ได้บ้าง ผมก็จะเอามาอัพเดตเรื่อยๆ

รายชื่อแหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใช้กับ PAYSBUY MasterCard ได้/ไม่ได้

  1. Google Play ใช้ได้
  2. Bookdepository.com ใช้ไม่ได้
  3. Apple App Store ใช้ไม่ได้
  4. Lazada.co.th ใช้ได้

เล่าถึงการใช้งาน LibreOffice แทน Microsoft Office

LibreOffice

ที่ทำงานมีนโยบายให้ใช้โปรแกรมทำเอกสารที่ถูกลิขสิทธิ์ ตอนแรกก็ใช้ OpenOffice แต่ภายหลังก็ย้ายมาเป็น LibreOffice ที่มีการพัฒนาต่อเนื่องมากกว่า ตอนแรกยังติดอยู่กับ Microsoft Office เพราะจะเปลี่ยนไปใช้ LibreOffice เลยมันดูไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย อีกทั้งคนอื่นๆก็ยังทำด้วยเอกสารด้วยไฟล์ .doc หรือ docx ที่สร้างด้วย MS Office เป็นหลัก การส่งไฟล์แก้ไขระหว่างกันดูจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ

ถ้าเป็นแบบนี้เราจะเปลี่ยนไปใช้แบบถูกลิขสิทธิ์ได้อย่างไร จะเลือก LibreOffice ที่ใช้งานได้ฟรีหรือจะยอมจ่ายตังค์ MS Office ไปตลอด ซึ่งหน่วยงานที่ทำงานอยู่เลือกให้แล้ว กึ่งบังคับด้วยว่าต้องใช้แบบฟรีและถูกลิขสิทธิ์ นั้นคือ LibreOffice และใช้ไฟล์ .odt เป็นหลัก ถ้าจะเป็นไปใช้ LibreOffice อย่างจริงจัง ต้องเริ่มยังไง?

เริ่มต้นต้องหาความรู้ ต้องเรียนรู้วิธีใช้งาน ที่หน่วยงานมีจัดอบรมทุกปีต้องหาเวลาเข้าไปเรียนให้ได้สักครั้ง ถ้าที่ทำงานคุณไม่มีจัดอบรม อินเทอร์เน็ตช่วยได้ครับ ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายนัก ถ้าใช้ MS Office เป็นอยู่แล้ว LibreOffice ก็ไม่ได้ต่างกันมาก เมนูต่างๆก็จัดว่าคล้ายคลึงกัน เพียงแต่หน้าตาเท่านั้นที่จะทำให้ตัวเราเองไม่คุ้นเคยแล้วส่งผลให้ไม่อยากใช้งาน ก็ต้องบอกว่าใช้ไปสักพักจะคุ้นเคยเอง

ต้องขอยอมรับเลยครับว่าการเข้าอบรมแค่ครั้งเดียว จะทำให้รู้ว่า LibreOffice สามารถแทน MS Office ได้อย่างสมบูรณ์สำหรับการทำงานทางด้านเอกสาร ในระดับที่เราๆท่านๆใช้กันอยู่ในตอนนี้ แถมตอนเรียนได้รู้ว่ามีฟีเจอร์ต่างๆมากมายของ LibreOffice ที่ช่วยให้เราทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้นมาก คิดว่าใน MS Office ก็น่าจะมี แต่เราไม่ได้เรียนรู้เท่านั้นเอง ก็ใช้งานแค่พื้นฐานอยู่เท่านั้น

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเข้าอบรมการใช้งาน LibreOffice แล้วเอามาใช้ได้อย่างดีมากๆ มีหลักๆอยู่ ดังนี้

  1. การเลือกใช้ Style ของระบบอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  2. สร้างสารบัญเรื่อง, ภาพ, ตาราง แบบอัตโนมัติได้ง่ายมาก ตรงนี้ทำให้ประหยัดเวลาและลดความผิดพลาดได้อย่างมาก
  3. การสร้างไฟล์ PDF ทำได้ง่ายและดีขึ้น สามารถแนบไฟล์ที่แก้ไขได้เข้าอยู่ใน PDF ได้ด้วย
  4. ตารางในเอกสาร Document ใส่สูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้

สรุปว่าตอนนี้ผ่านมาเกือบปีแล้ว เอกสารที่เราทำเอง ส่งออกเอง ทำเบ็ดเสร็จด้วย LibreOffice ได้แล้ว และยังทำได้เร็วกว่าเดิมมาก หากต้องทำงานร่วมกับคนอื่นๆที่ยังใช้ MS Office ยังมีปัญหาอยู่บ้างเกี่ยวกับรูปแบบเพี้ยน แต่เราแก้ไขปัญหาโดยแก้ไขเนื้อหาด้วยโปรแกรมอะไรก็ได้จะ MS Office หรือ LibreOffice ตามแต่ใครจะสะดวก แล้วค่อยมาจัดหน้ากันอีกทีในตอนท้าย ก่อนจะแปลงเป็น PDF อีกทีเพื่อส่งงาน

ถ้าเป็นไปได้จะมาแนะนำการทำงานเอกสารด้วย LibreOffice ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆครับ คอยติดตามแล้วกันนะครับ

Running Calculator แอพพลิเคชั่นคำนวณ ระยะทาง เวลา ความเร็ว สำหรับนักวิ่ง

Running Calculator

เขียนแอพพลิเคชั่นแปลงค่าเกี่ยวกับการวิ่งครับ คำนวณจาก ระยะทาง เวลา ความเร็ว คำนวณไปมาได้ ใส่สองข้อมูลลงไปแล้วคำนวณหาอีกค่า เช่น

-รู้ว่าจะวิ่งระยะมาราธอน 42.195 กิโลเมตร ภายในเวลา 6:03 ชั่วโมง ต้องวิ่งที่ความเร็วเท่าไหร่
-รู้ความเร็วตัวเอง 5:09 min/km วิ่งนาน 1:53 ชั่วโมง จะได้ระยะเท่าไหร่
เป็นต้น

ที่มาของการเขียนแอพนี้คือ เราจะเจอสถิติของเพื่อนๆนักวิ่งท่านอื่นบ่อยๆ เราก็อยากรู้ว่าตัวเราเทียบกับเพื่อนๆคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง บางคนจะบอกสถิติแค่บางตัว เราก็จะคำนวณกลับไปมาเพื่อให้เป็นข้อมูลที่ตัวเราเข้าใจ แล้วค่อยเทียบกับสถิติของเรา รวมทั้งเอาไว้วางแผนการฝึกซ้อมได้ด้วย เช่น วันนี้มีเวลาประมาณเท่านี้เอง จะวิ่งได้กี่กิโลเมตร อันนี้ใช้บ่อยเลย ตามประสาคนควบคุมเวลาว่างออกไปซ้อมวิ่งไม่ค่อยได้นัก ทำให้อยากได้แอพพลิเคชั่นแบบนี้มาก

แอพพลิเคชั่นลักษณะนี้ค้นดูใน Play Store ก็พอมีบ้างแต่ไม่ใช่ที่อยากได้ บางอันก็สับสน ใช้ยาก ที่อยากได้คือเอาง่ายที่สุด และคำนวณไปมาได้ตลอด เขียนเองเลยน่าจะง่ายที่สุด

ส่วนตัวการ์ตูนข้างล่างแค่ใส่มาเล่นๆ ช่วยบอกว่าถ้าน้ำหนักเยอะ ความเร็วที่คำนวณได้เร็วมากน้อยแค่ไหน วิ่งเร็วไปอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ต้นแบบการ์ตูนคือ พี่ Zritarah Winston เป็นความเร็วของพี่เขาเลยล่ะ

ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น RunningCalc ได้ที่

วิ่งมาราธอนครั้งแรกของฉัน 42.195 กิโลเมตร ที่ทั้งเหนื่อย เจ็บ สุข ปนๆกัน

ขอบคุณรูปสวยๆ โดย เฮียไช้ จาก forrunnersmag.com

บันทึกไว้เตือนความจำตัวเอง อาจจะสับสน เรียบเรียงไม่ดีนัก นึกอะไรได้ก็บันทึกลงไป

หลังวิ่งจบมาราธอน

หลังจากจบการวิ่งมาราธอนครั้งแรกของชีวิต ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร (ความจริงระยะจริงที่วิ่งมันวัดได้ประมาณ 43 กิโลเมตร) ในงานพัทยามาราธอน เมื่อวันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา จบด้วยเวลา 4:41:47 ชั่วโมง ก็ตามเป้าหมายที่คิดว่าครั้งแรกอยากทำเวลาให้ได้ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง หลังจากวิ่งเสร็จและกลับมากรุงเทพฯอาการเจ็บต้นขาบ้าง ทะเลาะกับบันไดอยู่ราวสองวันก็กลับมาเดินได้ปกติ อยากบันทึกถึงเพราะมันเป็นครั้งแรกที่วิ่งได้นานและไกลขนาดนั้น ในชีวิตไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะวิ่งได้ไกลขนาดนั้น และมีหลายคนบอกว่าวิ่งมาราธอนจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป “ถ้าอยากเปลี่ยนชีวิตก็ให้มาวิ่งมาราธอน” นั่งคิดนอนคิดมาตลอดหลังจากนั้นว่าชีวิตเราเปลี่ยนไปหรือป่าวว่ะ? นั้นนะสิ เปลี่ยนไปไหมว่ะ? คำตอบคือ “ไม่” ก่อนกับหลังเข้าเส้นชัย ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เรารู้สึกเฉยๆเมื่อเท้าก้าวผ่านเส้นชัยมา แปลกใจตัวเองมากที่ไม่รู้สึกเลยว่าได้ทำอะไรที่ยิ่งใหญ่มากๆได้สำเร็จ ส่วนหนึ่งคงเพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองจะวิ่งจบและต้องทัน 6 ชั่วโมง ตามที่กติกาการแข่งขันบอกไว้

แต่ก่อนจะปลักใจเชื่อว่าตัวเองไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนั้น ลองดูว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ผ่านอะไรมาบ้าง ค่อยๆดูไปว่าจริงไหมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย อย่างหนึ่งที่ทำให้ประหลาดใจกับตัวเองอย่างมาก คือการได้นั่งดูคนอื่นเข้าเส้นชัยครับ เป็นอะไรที่สร้างความอิ่มใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ เราเห็นแต่ละคนที่พยายามจะลากตัวเองให้เข้าเส้นชัยให้ได้ ร่างกายที่วิ่งมาแล้วกว่า 42 กิโลเมตรมันบอกให้หยุด แต่ใจบอกให้ไปต่อ บางคนดูอ่อนล้ามากๆ แต่พอใกล้ถึงเส้นชัย ไม่รู้เรี่ยวแรงมากจากไหน ฮึดขึ้นมาวิ่งเร็วกว่าระยะที่ผ่านมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ อดไม่ได้ที่ต้องปรบมือตอนรับให้กำลังใจคนที่กำลังจะเข้าเส้นชัย นาทีที่เพื่อนร่วมทริปวิ่งเข้ามา เราดีใจมาก วิ่งไปรับตอนนั้น คือ ดีใจกว่าตอนที่ตัวเองเข้าเส้นชัยเสียอีกครับ ถ้าการวิ่งครั้งนี้ไปคนเดียวอย่างที่ตั้งใจครั้งแรก คงไม่ได้มีช่วงเวลาดีๆแบบนี้แน่นอน ซ้อมมาด้วยกันและจบรายการเดียวกันเป็นอะไรที่คุยกันได้อีกหลายวันเลยครับ

ระหว่างวิ่งมาราธอน

ที่พัทยามาราธอนปล่อยตัวที่เวลา 3:45 น. ที่จุดปล่อยตัว เพื่อนๆนักวิ่งดูตื่นตัวกันมาก ระยะ 42.195 กิโลเมตร กลุ่มเรามี 3 คน น่าจะเป็นกลุ่มที่หน้าใหม่สุดแล้วกับการวิ่งมายังไม่ถึง 7 เดือนด้วยซ้ำไป แต่ลงวิ่งระยะไกลสุดของรายการ วิ่งตอนเข้ามืดดูจะไม่เหนื่อยเท่าวิ่งตอนกลางวันหรือตอนเย็น ระหว่างวิ่งไปพูดคุยกับเพื่อนร่วมทางเป็นระยะ บางคนวิ่งไปฟังเพลงเสียงดัง ร้องเพลงไปด้วย บ่งบอกได้ว่าวิ่งมานานระบบการหายใจดีมาก ไม่งั้นไม่สามารถร้องเพลงตอนวิ่งได้แน่นอน สำหรับเราแค่คุยยังทำได้ยากเลย ช่วงฮาฟมาราธอนเราทำเวลาได้ค่อนข้างดี คือรักษา Pace ประมาณ 6 นาที/KM ไว้ได้ แต่พอผ่านระยะ 30 กิโลเมตร ขาเริ่มไม่ไหวแล้ว น้ำแข็งกับฟองน้ำที่อยู่ตามจุดบริการข้างทางช่วยได้เยอะ แล้วเหมือนขาจะเป็นตะคริวเอาตอนกิโลเมตรที่ 39 หยุดยืนอยู่เกือบ 2 นาที ทั้งเพื่อนร่วมทางและเจ้าหน้าที่เขามาดูใหญ่เลยว่าเราเป็นอะไร แต่พอได้ยืนพักสักครู่ก็วิ่งช้าๆสลับเดินจนเข้าเส้นชัยได้ พัทยามาราธอนถือว่าเป็นรายการที่ค่อนข้างหินทีเดียวจากที่ฟังมาจากผู้มีประสบการณ์ เพราะมีเนินเยอะ วิ่งขึ้นเนินตอนระยะกิโลเมตรที่ 40 มันสุดโหดจริงๆ แต่ไม่มีสักแว้ปเลยนะที่เราคิดจะหยุดวิ่ง ในหัวมีแต่ต้องวิ่งให้จบให้ได้

ก่อนวิ่งมาราธอน

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้จะเล่าว่าทำไมต้องเริ่มเรื่องเป็นตอนที่วิ่งจบ->ระหว่างวิ่ง->ก่อนวิ่ง เพราะอยากจะบอกว่ากว่าจะไปถึงตรงจุดนั้นได้ มันมีหลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนมากมายหลายอย่าง นับถอยหลังไปเมื่อ 7 เดือนที่แล้ว เมื่อปลายปี 2556 ที่ทำงานมีกิจกรรมให้พนักงานออกมาวิ่งกัน มีกิจกรรมให้คะแนนเป็นกลุ่ม มีตัวคูณเป็นกำลังใจหากใครน้ำหนักหรืออายุเยอะ เป็นเหมือนกิจกรรมที่โดนบังคับนิดๆให้ออกไปวิ่ง ตอนนั้นรองเท้าวิ่งยังไม่มีด้วยซ้ำ กิจกรรมนั้นทำให้เรารู้ว่าตัวเองวิ่งต่อเนื่องได้สั้นมากๆคือไม่ถึง 1 กิโลเมตร ก็หอบ จุกท้อง หายใจไม่ทันแล้ว ทั้งๆที่ปกติเป็นคนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว แต่ห่างหายไปนานมากเพราะข้ออ้างไม่มีเวลา ไม่มีเพื่อน ไม่มีที่เล่น และในกิจกรมเดียวกันนี้เราได้เห็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกันวิ่งน๊อครอบเราได้อย่างสบาย (เจ็บใจชะมัด)

ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่เรากับพี่ๆที่ทำงานตัดสินใจชวนกันไปซื้อรองเท้าวิ่งมาใส่กัน ซึ่งเป็นรองเท้าที่แพงที่สุดในชีวิตที่เคยซื้อเลย แล้วก็ออกมาซ้อมวิ่งกัน พอซื้อมาแล้วก็ต้องวิ่งให้คุ้ม เมื่อวิ่งไปก็อยากเก็บสถิติไว้ด้วยก็ติดตั้งแอพพลิเคชั่นที่บันทึกการวิ่งและเส้นทางในการวิ่ง พวกเราเลือก Nike+Running ซึ่งต้องบอกว่าทำให้การวิ่งสนุกขึ้นมาก แอพพลิเคชั่นสามารถเก็บสถิติของเราได้แล้ว ยังเห็นสถิติของเพื่อนๆด้วย สามารถตั้ง Challenge แข่งกันใครวิ่งสะสมได้มากกว่า การมีเพื่อนชวนกันไปวิ่งเป็นแรงจูงใจที่ดีมากๆ การได้ชนะสถิติเดิมของตัวเองได้เป็นความสุขในการวิ่งอย่างหนึ่ง เช่น วิ่งได้ไกลขึ้น วิ่งได้เร็วขึ้น วิ่งได้บ่อยมากขึ้นในหนึ่งสัปดาห์ ทำให้เราอยากจะชนะตัวเราเอง อยากเพิ่มศักยภาพของตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วก็เปลี่ยนเป็นการเสพติดการวิ่งไปเลย นอกจากนี้เรียกว่าหาข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับการวิ่งเยอะมากตารางการซ้อมที่ดี การวางเท้า อุปกรณ์ การยืดเหยียด ฯลฯ กลายเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ต้องในความสนใจเป็นพิเศษไปเลย

เมื่อซ้อมวิ่งแล้ว ก็เริ่มอยากลองลงสนามแข่งดู ไม่ได้หวังอะไรมาก อยากรู้ว่าจะวิ่งครบตามระยะการแข่งขันได้ไหม ซึ่งในกรุงเทพฯมีรายการวิ่งเพื่อการกุศลให้เลือกลงกันแทบจะทุกเดือน ส่วนใหญ่เป็นระยะมินิมาราธอน 10.5 กิโลเมตร นานๆจะมีฮาร์ฟมาราธอน 21 กิโลเมตรมาบ้าง ส่วนมาราธอน 42 กิโลเมตร มีแค่ไม่กี่ครั้งต่อปีและส่วนใหญ่ก็อยู่ต่างจังหวัดด้วย กลายเป็นว่าระยะหลังๆเราลงวิ่งในรายการต่างๆแทบจะทุกเดือนบางครั้งหลายรายการในหนึ่งเดือน แต่ละรายการก็จะมีเส้นทางที่แตกต่างกัน มีเหรียญสำหรับผู้เข้าเส้นชัยที่สวยแตกต่างกันตามโอกาสต่างๆ มีเสื้อที่ออกแบบมาเฉพาะ บางงานมีบันทึกสถิติของผู้เข้าแข่งขันลงฐานข้อมูลในเว็บไซต์ บางงานมีใบประกาศให้ด้วย การวิ่งจึงกลายเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งของพวกเรา งานเยอะมากน้อยก็พยายามจัดสรรเวลาออกไปซ้อมวิ่งกัน ระยะมินิมาราธอนกลายเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเราแล้ว ในระยะ 10 กิโลเมตร วิ่งโดยไม่หยุดพักได้ ซึ่งมันต่างกับเมื่อปีที่แล้วอย่างคนละขั่วเลย เรารู้ว่าร่างกายเราแข็งแรงขึ้น ปกติเป็นคนไม่อ้วนอยู่แล้ว แต่วิ่งก็ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลงไปอีกนะ เคยอยู่เท่าไหร่ก็เท่านั้น ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองกินเยอะและบ่อยขึ้นด้วยซ้ำ

ต่อไปก็พยายามจะเพิ่มระยะขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งความเร็วให้ดีขึ้นเรื่อยๆด้วย ตอนนี้คนรอบข้างก็เริ่มมาวิ่งด้วยมากขึ้นเรื่อยๆเหมือนโรคติดต่อ แต่เป็นโรคที่ดีนะ

สรุปจบว่า สำหรับการวิ่งมาราธอนครั้งแรกการเตรียมตัวอาจจะยังไม่ดีเท่าไหร่นัก แต่ได้ประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ทั้งเหนื่อย เจ็บ สุข ปนๆกัน แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาจนถึงวันนั้นสำคัญกว่ามาก อย่างที่พี่ที่เรานับถือท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า “วิ่งมาราธอนไม่ได้เริ่มที่จุดสตาร์ท แต่เริ่มตั้งแต่ตอนที่เราคิดจะวิ่งแล้ว” เชื่อแล้วว่ามันเป็นดังนั้นจริงๆ

…ออกมาวิ่งด้วยกันครับ

Exit mobile version