หนังสือ REWORK ยกเครื่องความคิด อ่านแล้วจ้า

หนังสือ ยกเครื่องความคิด Rework

หนังสือ ยกเครื่องความคิด Rework
ผู้เขียน:  Jason Fried, David Heinemeier Hansson
ผู้แปล: อาสยา ฐกัดกุล
จำนวน 288 หน้า ราคา 180 บาท 
สำนักพิมพ์ วีเลิร์น 

หนังสือ REWORK ผมได้ยินชื่อครั้งแรกจาก @imenn แล้วยังใจดี เขียนไว้ให้เราอ่านตั้งหลายตอนในบล็อกของบริษัทสามย่าน ในหัวข้อ “หนังสือ Rework, คำภีร์ของบริษัทสมัยใหม่” ลองตามไปอ่านตามลิงค์ดูได้ครับ เมื่อหลายวันก่อนเจอทวีตอันหนึ่งของ @arjin บอกว่า Rework ฉบับภาษาไทยออกแล้ว ด้วยความที่ไม่สะดวกเดินไปดูตามร้านหนังสือเท่าไหร่นัก จึงลองสั่งแบบออนไลน์ครั้งแรกจากเว็บไซต์ของ Se-ed ซึ่งถือว่าเป็นการสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ครั้งแรกของเราด้วย ราคาที่ปก 180 บาท สั่งออนไลน์ราคา 171 บาท + 30 บาท(ค่าจัดส่ง) รวมเป็น 201 บาท รอประมาณ 5 วัน ก็ได้หนังสือห่ออย่างดี ถือว่าค่อนข้างโอเคกับประสบการณ์สั่งหนังสือออนไลน์ครั้งแรก

หนังสือ Rework เป็นการเล่าประสบการณ์ในการทำงานของบริษัท 37 Singals บริษัทผลิตซอร์ฟแวร์ขนาดเล็กมีพนักงานไม่กี่คน และยังอยู่กันคนละเมือง บางคนอยู่กันคนละทวีปด้วย(ทำงานกันได้ยังไง?) เป็นบริษัทที่คุมขนาดของบริษัทไม่ให้ใหญ่มาก แต่ก็ทำกำไรมาตลอดทุกปี แม้ในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านการเงินที่สำคัญๆของโลก บริษัทก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี

เนื้อหาของหนังสือจะมีลักษณะคล้ายกับเรากำลังนั่งอ่านบล็อกของใครซักคน ที่กำลังเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในบริษัทของตัวเอง แบบสั้นๆเข้าใจง่าย เนื่องจากเขาเล่าจากประสบการณ์จริง เหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆ พออ่านถึงบางบทเราจะสะดุ้งเฮือก! เฮ้ย! ไอ้แบบนี้ที่ทำงานของเราก็เป็นว่ะ แล้วไอ้อาการสะดุ้งแบบนี้ก็เกิดขึ้นตลอดการอ่านหนังสือเล่มนี้

สิ่งที่น่าประทับใจมากของหนังสือ Rework คือ เขารู้ว่าสิ่งนี้คือปัญหาของบริษัท เขาด่าสิ่งนี้ห่วย การกระทำแบบนี้แย่ แล้วก็ตบท้ายด้วยวิธีแก้ไขในแบบฉบับของพวกเขา แล้วก็บอกผลลัพท์ที่ได้ด้วยว่าเป็นอย่างไร

ในความคิดของผมหนังสือเล่มนี้เหมาะกับบริษัทเล็กๆไม่ใหญ่มาก หรือบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง(Startup) แต่คนทำงานแบบมนุษย์เงินเดือนก็อ่านได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในที่ทำงานของตัวเองได้แน่นอน อยากได้เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเหมือนกันนะ เพราะบทท้ายๆมีพูดถึงการใช้คำต่างๆในการสนทนา การโต้ตอบกับลูกค้า พอแปลเป็นภาษาไทยแล้วยังสื่อได้ไม่ค่อยดีนัก อยากรู้ว่าฝรั่งเขาสื่อสารกันยังไงด้วย

สรุปสั้นๆได้ว่า หนังสือ Rework เล่มนี้ ชอบมาก เป็นหนังสือที่จุดไฟในตัวเราได้ เหมาะสำหรับคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แต่ยังไม่เริ่มทำ ให้ได้ฉุกคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว อ่านง่าย สนุก มีแนวคิดใหม่ๆในการทำงานเพียบ อ่านทบทวนหลายรอบได้

ไปดูมาแล้ว The Avengers

The Avengers (2012)

The Avengers หนังรวมพลฮีโร่ของ Marvel ดูไปตั้งนานแล้ว แต่อดไมได้ที่จะเขียนถึงก่อนที่มันจะลาโรงไป ตอนนี้ยังกวาดรายได้ทั่วโลกต่อไปเลย 1 พันล้านไปแล้ว สร้างสถิติใหม่เปิดตัวอันดับหนึ่งตลอดของ Box office อเมริกาอย่างง่ายดายโดยเขี่ย Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 ตกไปซะไกลเลย

จะเรียกว่าหนังใหม่ก็ไม่ใช่ มันเป็นเหมือนภาคต่อของ Iron Man 3, Incredible Hulk 3, Thor 2, Captain America 2 แต่ดันอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แม่เจ้า!!!!! แฟนหนังแต่ละเรื่องมาดูฮีโร่ของตัวเองในเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่ฮิตได้อย่างไร มีฮีโร่เยอะขนาดนี้แต่เกลี่ยบทได้ดีมาก ไม่มากไม่น้อยกำลังดีในเวลา 2 ชั่วโมงนิดๆ ต่อไปข้อเขียนถึงแบบเป็นข้อๆเหมือนที่เขียนนะครับ

  • หลายคนอาจจะคิดว่าฮีโร่ของฉันเก่งกว่าของแก ไม่ต้องห่วงครับ The Avengers จัดคู่ไว้ให้ ฟัดกันเป็นคู่ๆ ส่วนเหตุที่ทำให้ต้องต่อยกัน ตามไปดูในหนังเองนะ
    Loki vs Captain America (สูสี เหมือน Loki จะได้เปรียบนิดๆ แล้ว Ironman มาเสริมทัพ Loki ขอยอมแพ้)
    Iron Man vs Thor (สู้กันมัน สูสี ก่อนที่ Captain America จะมายุติศึก)
    Black Widow vs Hawkeye (Black Widow ชนะ)
    HulK vs Thor (คงมีแค่ Thor เท่านั้นที่พอจะสู้เจ้ายักษ์เขียวได้ อัดกันมัน ก่อนที่จะมีตัวหลอกล่อให้ Hulk หนีไป)
    Loki vs Thor (เหมือน Thor จะแพ้ทาง Loki ตลอด)
    Tony Stark vs Loki ( Tony แพ้ แต่ตอนเป็น Iron Man ชนะ)
    Loki vs Hulk (อันนี้ฮา รู้ผลเร็ว)
    นอกจากนี้ยังมีการเผชิญหน้ากันอีกนิดหน่อยระหว่าง Hulk กับ Black Widow (ซึ่งหนีอย่างเดียว) และการเชือดเชือนกันด้วยวาจาระหว่าง Iron Man และ Captain America
  • ฮีโร่ทุกตัวมีปมด้อย Tony Stark (Iron Man) มีลูกปรายกระสุนเตรียมจะวิ่งเข้าสู่หัวใจทุกเมื่อ, Bruce Banner ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเป็น Hulk ทำลายทุกอย่างที่ขว้างหน้า, Black Widow มีอดีตที่เจ็บปวดจากการเป็นโจรก่อนที่จะมาทำงานให้ S.H.E.L.D, Thor รักน้อง Loki ไม่กล้าทำร้าย สุดท้ายความเจ็บปวดกลับมาที่ตัวเองทุกครั้ง, Captain America ความรู้สึกแปลกแยก เป็นคนหลงยุค, Hawkeye ในเรื่องไปอยู่ฝั่งตรงข้ามซะเกือบครึ่งเรื่อง
  • ในเรื่องมีตัวร้ายสนับสนุน Loki ให้สามารถบุกยึดครองโลกได้ โดยให้ทั้งกองทัพและคฑาที่มีพลังอำนาจสูง แลกกับ Tesseract ที่มีพลังไร้ขีดจำกัดที่อยู่บนโลก (ก้อนเรืองแสงที่ตกลงทะเลพร้อมกับ Captain America นั้นเอง)
  • เราจะได้เห็นชุดใหม่ของ Iron Man, ได้เห็นความบ้าคลั่งและความเกรียนของ Hulk ที่ทำให้สะใจคนดู, ได้เห็นฐานบัญชาการที่ล้ำยุค, ได้ดูฉากแอกชั่นที่มันส์และน่าจดจำ มันคือ ฉากที่ Hulk จับ Loki ฟาดกับพื้น, บทพูดและเนื้อเรื่องฉลาด
  • เป็นหนังที่ดูสนุก แทรกมุกฮาๆตลอดทั้งเรื่อง คนดูเพลิน ออกโทนเดียวกันกับ Iron Man ภาคแรก ที่มีทั้งดราม่านิดหน่อยแต่เน้นสนุกสนานปนฮา คงเป็นเพราะ Iron Man มีบทเด่นกว่าคนอื่นเล็กน้อย เลยให้ The Avengers ได้กลิ่นไอของแนวนั้นมาเยอะ แต่คิดว่าจอส วีดอน(ผู้กำกับ) คงตั้งใจให้มันออกมาแนวนี้เองแหละ ซึ่งมันก็ทำให้คนดูชอบ มันถูกพิสูจน์มาแล้วจาก Iron Man 1 และ 2
  • คิดว่าโทนของหนังเรื่องต่อไปของ Marvel อย่าง Iron Man 3, Thor 2 หรือ Ant Man ก็คงจะยึดแนวทางนี้
  • The Avengers ตอนสู้กับกองทัพต่างดาว ทำงานเป็นทีมได้ดีมาก โดยรับการสั่งการจาก Captain America เหมือนในเวอร์ชั่นการ์ตูนแอนนิเมชั่น
  • คงอีกซักพักใหญ่ๆเลยที่เดียว จนกว่าจะได้ดู The Avengers 2 แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะระหว่างรอ เราก็จะได้ดูฮีโร่แต่ละตัวโชว์เดียวในหนังของตัวเองก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้ง “เพราะว่าเราต้องการพวกเขา”
  • ทราบมาว่าหนังถูกตัดออกไปราว 30 นาที รอดูตอนเป็นแผ่นแล้วกัน
  • สรุปให้คะแนน 9/10 ด้วยความชอบส่วนตัวกับความบันเทิงครบครัน

Gmail Attachments To Drive เซฟข้อมูลจาก Gmail ไปที่ Drive

Gmail Attachments To Drive

Gmail Attachments To Drive เป็น Chrome Extension เมื่อติดตั้งเข้าไปแล้ว จะเพิ่มเมนู Save To Drive เข้ามาอีกอันใต้ไฟล์ที่ถูกแนบมากับอีเมล (Gmail) จากปกติที่มีเพียง View และ Download

หลังจาก Google เปิดตัว Google Drive ออกมาให้ใช้ได้ไม่นาน พวก extension ต่างๆที่จะคอยช่วยให้เราทำงานได้สะดวกมากขึ้นก็คงจะทยอยออกมาเรื่อยๆ ตัวแรกที่เห็นและได้ลองติดตั้งดูแล้ว ก็คือ Gmail Attachments To Drive ตัวนี้นี่เอง มีประโยชน์ไม่น้อยเลย เมื่อมีเมนูลัดเซฟข้อมูลจาก Gmail ไปที่ Drive ในคลิกเดียว บางคนอาจคิดว่าในอีเมลก็ถือว่าเซฟข้อมูลอยู่แล้ว แล้วจะเอาเซฟไปที่ Drive อีกทำไมให้เปลื้องที่ อยากตอบว่า การจัดการเอกสารและไฟล์ต่างๆของ Drive สะดวกและค้นหาง่ายกว่ามาก แถมยังแก้ไขไฟล์ได้อีกด้วย ถ้าใครมีอีเมลในแต่ละวันหลายฉบับ ยิ่งปวดหัวไปกันใหญ่ แยกเซฟบางตัวที่สำคัญไว้ที่ Drive สะดวกกว่าเยอะ แนะนำให้แยกเป็นโฟล์เดอร์ไว้ด้วยจะยิ่งดี นอกจากนั้นการเปิดด้วยอุปกรณ์อื่นๆ(Smart Device)ยังง่ายและสะดวกกว่าด้วย

เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมีลิงค์เพิ่มขึ้นมาใต้ไฟล์ที่แนบมากับอีเมลแบบนี้

Save To Drive

ดาวน์โหลดได้ที่ https://chrome.google.com/webstore/detail/epoohehjbaenldfbahgcegdmlogakgin 

หนังสือ เจาะ CERN-เซิร์น อ่านแล้ว

หนังสือ เจาะ CERN-เซิร์น

หนังสือ เจาะ CERN – เซิร์น 
ผู้เขียน ดร. บุรินทร์ อัศวพิภพ, นรพัทธ์ ศรีมโนภาษ
192 หน้า, พิมพ์ครั้งที่ 2, ราคา 199 บาท
สำนักพิมพ์ สารคดี 

เมื่อวานตอนกลับจากที่ทำงานเดินผ่านแผงขายหนังสือเก่าวางกองบนพื้นที่อนุเสาวรีย์ชัยฯ ตาแอบแว้บไปเห็นหนังสือ เจาะ CERN-เซิร์น เป็นหนังสือที่ออกมานานแล้วตั้งแต่ปี 2552 ช่วงที่ LHC กำลังเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกรวมทั้งคนไทยด้วย เคยเห็นตามร้านหนังสือเหมือนกัน แต่ไม่ยักกะอยากซื้อราคาที่ปก 199 บาท แต่เราซื้อมาราคา 40 บาท (หนังสือเก่า) ตอนที่หนังสือออกมาใหม่ๆทำไมไม่สนใจซื้อ? จะบอกว่าตอนนั้นก็เปิดดูบ้าง และติดตามข่าวการเดินเครื่อง LHC มาตลอด เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ส่วนตัวชอบเรื่องฟิสิกส์ จักรวาล อวกาศ อยู่มิน้อย แต่ตอนนั้นดูตามเว็บไซต์ต่างๆก็รู้ว่าเพียงพอแล้ว มันคือความคิดใน ณ ตอนนั้น

แต่เหตุที่สนใจซื้อหนังสือเล่มนี้(นอกจากมันถูกแล้ว)เพราะว่า เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ สวทช. มีบรรยายพิเศษโดย ศ.ดร. อัลเบิร์ต ดี รอคก์ นักวิทยาศาสตร์อาวุโส จากสถาบัน CERN และ ดร.บุรินทร์ อัศวพิภพ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ แล้วเราเองก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการบรรยายในครั้งนั้นด้วย มีหลายอย่างที่ทำให้เรางง และสงสัยจึงเป็นตัวกระตุ้นให้อยากอ่านหนังสือเล่มนี้มากขึ้น

หนังสือพิมพ์ครั้งแรก เมื่อมีนาคม 2552 ผ่านมาแล้ว 3 ปี เนื้อหา 192 หน้า เนื้อหาก็ไม่ถือว่าเก่ามาก LHC เดินเครื่องไม่กี่ครั้งนับจากหนังสือเล่มนี้ออก

เนื้อหาเป็นแบบ Popular Science อ่านไม่ยาก เป็นการเขียนแบบตั้งคำถามแล้วตอบเป็นข้อๆ สั้นๆ เป็นหนังสือเชิงตอบคำถามสังคมว่า สร้าง LHC ทำไม? เราจะได้อะไรจากมัน? อธิบายเรื่องฟิสิกส์ยากๆโดยเปรียบเทียบกับเรื่องใกล้ตัว อ่านเพลินแป็บเดียวจบ หลังอ่านจบมีความรู้เกี่ยวกับอนุภาคพื้นฐานเพิ่มขึ้น เข้าใจสิ่งที่นักฟิสิกส์กำลังสนใจและพยายามหาตอบให้คำถามนั้น เสียดายนิดหนึ่งถ้าได้อ่านก่อนคงฟังบรรยายสนุกขึ้น อ่านหนังสือจบถึงรู้ว่า ดร.บุรินทร์ บรรยายเหมือนเนื้อหาในหนังสือเลย(ก็คนเขียนนิน่า) รวมทั้งภาพประกอบบนสไลด์ก็เหมือนที่อยู่ในหนังสือเลย

สิ่งที่อ่านแล้วน่าทึ่งในหนังสือ เจาะ CERN

  • เป็นความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่มาก หลายประเทศร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ผมประทับใจกับผู้โน้มน้าวให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นยอมลงทุนด้วยมากๆ
  • 30% ของรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ เป็นกลุ่มนักฟิสิกส์อนุภาค
  • นอกจาก LHC ขนาดเส้นรอบวง 27 กิโลเมตร CERN มีท่อส่งอนุภาคนิวติโนข้ามไปอิตาลียาว 732 กิโลเมตร ลึกลงไปใต้ดิน 11.4 กิโลเมตร
  • WWW เกิดขึ้นที่ CERN จากแนวคิดแชร์ข้อมูลจากเครื่องเร่งอนุภาคให้นักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆให้ช่วยกันวิเคราะห์
  • เครื่องสแกนสมอง PET เป็นหนึ่งในวิทยาการที่ประยุกต์มาจากเครื่องเร่งอนุภาค
  • ครั้งแรกที่ปล่อยลำอนุภาคโปรตอนเข้า LHC นักวิทยาศาสตร์ยืนลุ้นกันเป็นร้อยๆคน

    นั่งดูครั้งแรก พวกคุณดีใจอะไรกันนักหนา? ตบมือกันเกรียวกาว ต้องวนดูหลายรอบ สิ่งที่เขาลุ้นคือลำแสงที่ปล่อยเข้าไปใน LHC แบบสวนทางกัน ถ้าทำสำเร็จมันจะเกิดเป็นแสงสว่างขึ้นในจอทั้งสองด้านซ้ายในคลิปครับ ต้องตั้งใจดูนิดหนึ่ง เป็นการยิงลำแสงเข้าไปครั้งแรกหลังจากใช้เวลาสร้างนานกว่า 20 ปี ไม่ให้ดีใจหรือตื่นเต้นได้อย่างไร!
  • มีเครื่องตรวจวัดอนุภาคทั้งหมด 6 สถานี ที่ทำงานได้อย่างแม่นยำมากๆ แต่ละสถานีมีเป้าหมายและหน้าที่แตกต่างกัน ต้องนับถือคนรุ่นก่อนที่ปูทางวิธีวัดอนุภาคไว้ให้
  • อนุภาคที่ใช้คืออนุภาคโปรตอนจากไฮโดรเจน ถูกเร่งจากวงเล็กๆแล้วขยายเป็นวงที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ ซึ่งพลังงานก็เพิ่มขึ้นตามลำดับเช่นกัน หน่วยเป็นอิเล็กตรอนโวลต์(eV) เริ่มจาก LINAC2(50 MeV)>>Booter(1.4 GeV)>>PS(25 GeV)>>SPS(450 GeV)>>LHC(7 TeV) ที่พลังงาน 7 TeV โปรตอนวิ่งด้วยความเร็ว 99.9999991% ของความเร็วแสงในสูญญากาศ!
  • ในประเทศไทยมีเครื่องเร่งอนุภาคที่ใช้ในงานวิจัยขนาดเล็กอยู่ 2 แห่ง คือ ที่ศูนย์ปฎิบัติการวิจัยเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนแห่งชาติ จ.นครราชสีมา และอีกเครื่องอยู่ที่ ม.เชียงใหม่
  • แต่ละลำโปรตอนที่ถูกเร่งไม่ได้มีตัวเดียวนะ ไปเป็นขบวนประมาณ 3,000 ขบวน ยิงออกไปเรื่อยๆ ห่างกันประมาณ 7 เมตร ขบวนหนึ่งมีประมาณ 1 แสนล้านตัว เมื่อสองขบวนมาชนกันจะเกิดการชนกันจริงๆแค่ประมาณ 20 คู่เท่านั้นเอง! จากทั้งหมด 1 แสนล้านคู่ รวบรัดเลยแล้วกัน สุดท้ายแล้วในหนึ่งวินาทีจะชนกันประมาณ 600 ล้านครั้ง

น่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่เราชาวชีววิทยากำลังตื่นเต้นกับนาโนเทคโนโลยี(10^-9) แต่ชาวฟิสิกส์กำลังวิจัยในระดับอัตโต(10^-18) ซึ่งเล็กต่างกันราว 1 พันล้านเท่า คงเป็นเพราะเรามองมันเป็นโมเลกุลที่ควบคุมและสั่งงานได้ ไม่ใช่การหาว่ามีอยู่หรือไม่ ก็คงตอบกันเองว่าเราต่างกันที่จุดประสงค์ครับ การหาคำตอบหนึ่งเรื่อง ได้ความรู้จากการเก็บตามรายทางมากมายนัก หาสิ่งหนึ่งได้อีกหลายสิ่งตามมา วิทยาศาสตร์น่าทึ่งจริงๆ สนุกด้วย

DMesh โปรแกรมเปลี่ยนภาพธรรมดาให้เป็นงานศิลป์สุดล้ำ

DMesh

DMesh เป็นโปรแกรมเปลี่ยนภาพธรรมดาให้อยู่ในรูปแบบภาพสามเหลี่ยมประกอบกัน ผลลัพท์ที่ได้น่าทึ่งมาก ลองเล่นโปรแกรมนี้เมื่อวานรู้สึกชอบมากเลย เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก 1 MB เท่านั้นแต่ภาพเวกเตอร์สามเหลี่ยมที่มันสร้างขึ้นมาจากภาพธรรมดา ดูสร้างสรรค์และเท่มาก

วิธีใช้ เพียงแค่เลือกภาพเข้ามา แล้วโปรแกรม DMesh จะคำนวณแล้วสร้างภาพให้ เราสามารถปรับแต่ภาพได้นิดหน่อย รุ่นที่เล่นอยู่เป็นแบบฟรี ถ้าเป็นรุ่น Pro แบบจ่ายตังค์จะตกแต่งจุดและสีได้มากกว่า แต่รุ่นฟรีที่ลองเล่นก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว เมื่อเราตกแต่งภาพต่างๆจนเป็นที่พอใจแล้ว ก็ส่งภาพออกไปเป็นภาพแบบ Bitmap, Vector หรือ OBJ ได้เลยทันที ดูตัวอย่างได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ

จุดที่ควรใส่ใจเมื่อต้องการให้ภาพออกมาดี คือ ขนาดของภาพที่เหมาะสม และสีสันของภาพต้นแบบ

ภาพที่ 1

Before: 1 ที่มา: https://goo.gl/UzwcJ
After: 1

ภาพที่ 2

Before 2: https://goo.gl/OAZqK
After: 2

ภาพที่ 3

Before: 3 ที่มา: https://goo.gl/vJeCw
After: 3

ดาวน์โหลด DMesh ฟรี ได้ที่ https://itunes.apple.com/us/app/dmesh/id480992638?mt=12

รองรับ : OS X 10.6.6 ขึ้นไป

ขนาด: 1 MB

ลองดูตัวอย่างอื่นๆที่ผมลองเล่นดูครับ

เมื่อ Extension บางตัวของ Chrome แอบเพิ่มโฆษณาลงในหน้าเว็บ

โฆษณานี้โผล่มาอยู่ด้านล่างของเว็บไซต์ได้ไง

แปลกใจมากที่อยู่ๆโฆษณาก็โผล่มาในเว็บได้ไง ทั้งๆที่ไม่ได้ติดอะไรลงไปเลย อันดับแรกเข้าไปดูในโค้ดเว็บไซต์ก่อน พบว่าไม่มี ลองเปิดด้วยบราวเซอร์ตัวอื่น (Safari, Firefox ใช้ Chrome เป็นตัวหลัก) พบว่าตัวอื่นไม่เจอ นอกจากนี้ลองเปิดเว็บไซต์อื่นๆก็มีขึ้นมาในลักษณะเดียวกันในบางเว็บไซต์ แสดงว่ามีปัญหาที่ Chrome แน่ๆ สิ่งต่อไปที่คิดถึงคือ น่าจะมี Extension บางตัวที่เป็นตัวใส่โฆษณานี้เข้ามา ดันลองไปปิด Extension ทีละตัวแล้วรีเฟรชดู ว่าหายไปหรือเปล่า ไม่ยอมอ่านข้างล่างโฆษณาที่เขียนบอกไว้แล้ว

“This ad is supporting your extension Enhancements for Gmail” ตัวการอยู่นี้เอง มันเป็น Extension ที่ทำให้ Gmail ไม่มีโฆษณา แต่ตัวเองดันเอาโฆษณามายัดให้คนดูซะงั้น แต่ทำได้เนียนมาก ถ้าไม่เขียนบอกไว้ข้างล่างโฆษณาคงหาลำบากมาก ว่ามันมาจากไหนเพราะติด Extension ไว้ประมาณสามสิบตัวกว่าๆ

ตัวการเพิ่มโฆษณาเข้ามาในหน้าเว็บไซต์ที่เราเปิดดู

วิธีแก้ไขก็ไม่ยาก ก็ลบ Enhancements for Gmail หรือใครไม่อยากลบก็เข้าไปตั้งค่า Extension ดูตามลิงค์ข้างล่างของโฆษณา แต่ผมลบไปแล้ว

เมื่อลบทิ้งไปตอนนี้รีเฟรชเว็บไซต์ก็ไม่ขึ้นมาแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าตอนติดตั้งมันได้เตือนเราหรือเปล่า ว่าจะมีโฆษณาแทรกไปในเว็บไซต์ที่เราเปิดดู แต่ถึงแจ้งก็ไม่ค่อยมีคนอ่านกัน คิดว่าน่าจะมี Extension แนวนี้อยู่อีกเพียบ  ใครเจอแจ้งเตือนด้วยนะครับ

ความจริงแล้วมันก็ไม่เป็นอันตรายอะไรกับเครื่องเราหรอกนะครับ แต่อาจสร้างความรำคาญในผู้ใช้บางคนเท่านั้นเอง เลยเอามาเล่าให้ฟัง

Exit mobile version