แกะกล่อง i-mobile IQ6 จอใหญ่ กล้องชัด ราคา 8,490 บาท

ได้มือถือใหม่มาครับ เป็นพวกขี้อวด ก็เลยเอามาแกะกล่องให้ดู มือถือไม่ใช่แบรนด์อินเตอร์อย่างพวก Apple, Samsung, LG, Sony แต่ขอบอกว่าของเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ มือถือที่ว่าคือ i-mobile IQ6 สเปคเด่นๆ ก็จอ 5 นิ้ว ระดับ 720p กล้อง 12 ล้าน ราคา 8,490 บาท เป็นต้น

ตัวเองใช้มาได้สัปดาห์กว่าๆแล้ว เรื่องการใช้งานค่อยว่ากันภายหลัง มาดูแกะกล่องก่อนว่าข้างในมีอะไรบ้าง

กล่องของ i-mobile-IQ6

มีแถม SD card ความจุ 16 GB มาให้พร้อม

SD card ความจุ 16 GB ที่แถมมา
ด้านหลังเป็นสเปคของเครื่อง เรียกว่าราคาคุ้มค่าตัว
ด้านข้าง

ด้านข้างของกล่องจะดึงจุดเด่นของเครื่องออกมาโชว์ คือ มาพร้อม Android 4.1, รองรับ 3G, กล้องหลัง 12 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน, CPU 1 GHz dual Core, ใช้งาน VDO Call ได้, รองรับ 2 ซิม และ จอ 5 นิ้ว

เปิดดูข้างในดีกว่า

ตัวเครื่อง i-mobile IQ6

เปิดกล่องออกมา เจอเครื่องห่อพลาสติกมาอย่างดี แต่ดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่

ลองจับดูตัวเครื่อง i-mobile IQ6

ลองจับดูเครื่องก็ใหญ่พอสมควรสำหรับคนมือเล็กอย่างเรา มีน้ำหนักนิดหน่อย

สาย USB เชื่อต่อกับคอมพิวเตอร์และเป็นสายชาร์ตในตัว
หูฟังพร้อมกับไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ได้
แบตเตอรี่ 2100 mAh ใช้งานเต็มวันสบายๆ
แถมเคสมาให้ด้วยในกล่อง
เต้าเสียบไฟฟ้าบ้านไว้ต่อชาร์ตแบตเตอรี่
คู่มือการใช้งาน
แถมผ้าเช็ดจอกับฟิล์มกันรอยมาให้ด้วย
แกะออกจากถุง แล้ววางให้ดูว่ามีอะไรในกล่องบ้าง
เอาสติกเกอร์แปะหน้าออก ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ
ลองว่างเทียบกับน้อง iPod Touch 4Gen กลายเป็นพี่ตัวใหญ่ไปเลย
ดูข้างหลังกล้อง 12 ล้านพิกเซล มีฟิล์มติดอยู่ จะถ่ายก็เอาออกด้วยนะ
ถือไว้ในมือ ใหญ่ดีนะ
ใส่แบตเตอรีแล้วลองเปิดดูเลย
โลโก้ i-mobile
หน้า lock screen ดูดีเลยทีเดียว
unlock ออกมาเป็นหน้า home มีโปรแกรมติดตั้งมาแล้วบางส่วน

ตอนแรกกะจะลองโทรดู แต่ดันลืมใส่ซิมซะงั้น เลยต้องมาแกะฝาหลังใหม่อีกที พอดีว่ามีซิมอยู่แล้วสองตัวเป็นเบอร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว กับซิมของแอร์การ์ดสำหรับเล่นเน็ตสะดวกเลยล่ะคราวนี้ จับยัดเข้าไปทั้งสองอันเลย แต่เครื่องสามารถใช้ 3G ได้ทีละซิมนะครับ ผมตั้งให้ซิม true เป็นโทรเข้า-ออก ส่วนซิม dtac ตั้งให้เป็น 3G ไว้เล่นเน็ต

ฝาหลังไม่ถือว่าแกะยากนะ

ก็ประมาณนี้นะครับ ส่วนเรื่องการใช้งานชอบตรงไหนไม่ชอบตรงไหน เดี๋ยวจะมาอัพเดตอีกทีนะครับ

ดูสเปคเครื่อง

  • หน้าจอ : 5 นิ้ว HD(IPS Screen) 720 x 1280 พิกเซล กันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Dragon trail
  • หน่วยประมวลผล : 1.0 GHz Dual Core
  • 3G : แยกออกเป็น 2 รุ่น IQ6 จะรองรับ 3G 850/2100 MHz (Dtac และ True)<<เครื่องผมเป็นรุ่นนี้ กับ IQ6A จะรองรับ 3G 900/2100 MHz(AIS)
  • หน่วยความจำเครื่อง : ROM 4 GB/RAM 1 GB
  • หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 32 GB (เขาแถมมาให้ 16 GB)
  • กล้อง : กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล (BSI) กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล (BSI)
  • แบตเตอรี่ : 2100 mAh Li-Polymer
  • ระบบปฎิบัติการ : Android 4.1 Jelly Bean

โฆษณาที่เห็นในทีวีคือตัวนี้ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=8d-AbYgzKg0

 

Goodreads ค้นหาและแชร์หนังสือที่คุณชอบ

Goodreads

มี Social network อยู่เว็บหนึ่ง ที่มีหนังสือเป็นศูนย์กลางหลักของเว็บไซต์ เท่าที่ใช้มาได้สักระยะพบว่ามันถูกจริตผมอย่างมาก และขอเชียร์อย่างออกหน้าออกตาเลยนะ ในความคิดถ้าคนไทยเล่นเยอะกว่านี้น่าจะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ

การเก็บ log ในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวกับสิ่งบันเทิงของผมในตอนนี้ ถือได้ว่าค่อนข้างเป็นระบบและราบเลื่อนดีมาก ดูหนังก็เก็บ Watchlist ไว้ที่ imdb, ถ้าฟังเพลงก็ใช้ Last.fm, อ่านหนังสือก็ต้อง Goodreads, ซึ่งทั้งสามอย่าง ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ แต่ก่อนจะเขียนลงบล็อกทั้งหมด เราพบว่าในแต่ละครั้งใช้พลังงานค่อนข้างเยอะในการเขียน ทำให้หลายๆอันเลยพลาดบันทึกเก็บไว้

ส่วนการใช้ Goodreads แต่ก่อนใช้งานบ้าง แต่พบว่าหนังสือที่เป็นภาษาไทยไม่ค่อยมีฐานข้อมูล ทำให้การเก็บ log ทำได้ไม่สะดวกนัก แต่ช่วงหลังๆเลยทำแบบนี้ครับ ไม่มีใช่ไหมเพิ่มเองเลย แล้วก็พบว่าการเพิ่มหนังสือเข้าไปใน Goodreads ทำได้ง่ายมาก เริ่มแรกค้นหาหนังสือในร้านขายหนังสือออนไลน์ครับ มีข้อมูลครบถ้วนทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งปก isbn ชื่อคนแต่ง ปีที่พิมพ์ จับวางได้เลย การเพิ่มหนังสือแต่ละเล่มทำเสร็จไม่ถึงหนึ่งนาที ครั้งหน้าถ้าเพื่อนเข้ามาค้นใน Goodreads ก็จะเจอหนังสือที่เราเพิ่มเข้าไปแล้ว ง่ายมาก อีกอย่างที่พบเมื่อเพิ่มหนังสือจำพวกแปลมาจากภาษาอื่น ในตอนท้ายจะมีช่องให้เราใส่เพิ่มเติมเข้าไปได้ว่าต้นฉบับคือหนังสือชื่ออะไร สุดท้ายแล้วมันจะรวมพวก rating, รีวิว ของต้นฉบับกับฉบับแปลภาษาต่างๆมาไว้ด้วยกันครับ เยี่ยมยอดมากๆ

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่าชอบมากๆคือ Progress เราสามารถที่จะอัพเดตสถานะการอ่านของเราว่าตอนนี้อยู่หน้าที่เท่าไหร่ คิดเป็นกี่เปอร์เซนต์จากหน้าที่เหลือ พร้อมกับเขียนบันทึกย่อสั้นๆไว้ได้ว่าที่อ่านผ่านมาแล้วนั้นมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจและน่าบันทึกสั้นๆเก็บไว้ พร้อมทั้งช่วยบอกความก้าวหน้าได้ว่าหนังสือที่เราอ่านอยู่นั้นใช้เวลากับมันมากน้อยเพียงใดกว่าจะอ่านจบ สุดท้ายแล้วยังสามารถเอาบันทึกสั้นๆเหล่านั้นมารวมเขียนเป็นบล็อกสรุปเนื้อหาได้อีกทีหนึ่ง เจ๋งไหมล่ะ!

Goodreads App for iOS ก็ทำได้ดีมีประโยชน์ มีเมนูที่ใช้อยู่บ่อยๆก็คือ Progress และ Scan, ตัว Scan นั้น จะใช้กล้องอ่านบาร์โค้ดของหนังสือเล่มนั้น แล้วก็ค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลภายในเว็บ แล้วมันจะรายงานรายละเอียดของหนังสือ จำพวก rating, รีวิวจากคนที่อ่านแล้ว ช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะซื้อเลยดีไหม หรือจะบันทึกไว้ก่อนก็ได้ว่าฉันจะอ่านหนังสือเล่มนี้ทีหลัง แหล่มมาก!

รายละเอียดเกี่ยวกับ Goodreads ที่น่าสนใจ

Goodreads เป็นเว็บไซต์ของผู้ที่รักการอ่าน มีสมาชิกผู้ใช้งานราว 13 ล้านคน, มีฐานข้อมูลหนังสืออยู่ราว 450 ล้านเล่ม เคลมตัวเองว่าเป็นเว็บไซต์ชุมชนนักอ่านและแชร์แนะนำหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดตัวตั้งแต่มกราคม 2007

สิ่งที่ Goodreads ทำได้ก็เป็นเหมือน social network ทั่วไป มีฟีเจอร์ทุกอย่างเกี่ยวกับการอ่านที่ควรจะมี

  • เพิ่มหนังสือที่ตัวเองอ่านเข้าไปได้ จะเทียบกับฐานข้อมูลเดิมด้วยหมายเลย isbn
  • แชร์ให้เพื่อนได้เห็นว่าตอนนี้เราอ่านหนังสือเล่มไหนอยู่ อ่านเล่มไหนจบไปแล้วบ้าง และกำลังสนใจเล่มไหนอยู่ ให้คะแนนหนังสือที่อ่านจบแล้ว
  • ค้นหาหนังสือในแนวที่ตัวเองสนใจ ติดตามดูหนังสือเล่มไหนที่กำลังได้รับความสนใจ
  • แนะนำหนังสือที่คุณน่าจะชอบ (อ้างอิงจากหนังสือที่คุณอ่าน)
  • ตั้งเป้าหมายในปีนี้จะอ่านหนังสือกี่เล่ม (Reading Challenge) จาก user ประมาณ 3 แสนกว่าๆที่ตั้ง challenge ไว้ของปีที่แล้ว(2012) คือ 58 เล่มต่อปีครับ แต่ทำสำเร็จกันไป หมื่นสองกว่าๆ ปีที่แล้วผมตั้งไว้ 10 เล่ม ทำสำเร็จ 200% อ่านได้ 20 เล่ม ปีนี้เลยจัดเต็มไป 50 เล่มเสียเลย ท้ายๆปีค่อยมาลุ้นว่าจะทำได้หรือไม่ สร้างแรงกระตุ้นได้ดีมากๆ
  • Tagging หนังสือที่อ่านอยู่ Progress ว่าต้องนี้อ่านถึงหน้าไหนแล้ว พร้อมเขียนโน๊ตสั้นๆกำกับไว้ได้
  • มีแอพพริเคชั่น Goodreads สำหรับ iOS ทำงานได้ดีมากเลยทีเดียว

แต่ส่วนใหญ่ในเว็บไม่ค่อยมีคนไทยเล่นเท่าไหร่ ฐานข้อมูลก็เป็นหนังสือภาษาอังกฤษซะส่วนใหญ่ ผมได้เห็นหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจมากๆจากเพื่อนๆที่แชร์ไว้ว่าตัวเองอ่านอะไรและก็ตั้งใจว่าจะหามาอ่านบ้างเช่นกัน ตอนนี้ผมอยากรู้ว่าพวกคุณๆอ่านอะไรกันอยู่ มันน่าสนใจไหม จึงขอเชิญชวนทุกๆท่านมาเล่น Goodreads ครับ  มาช่วยกันแชร์ มาช่วยกันเพิ่มข้อมูลหนังสือของไทยที่ดีๆให้กันและกันครับ มาสร้าง account ให้ลูกตัวเล็กของคุณแล้ว add หนังสือที่เขาอ่านไปแล้วลงไป น่าจะสร้างความภาคภูมิใจและแรงกระตุ้นให้เด็กรักการอ่านเพิ่มมากขึ้นก็ได้นะครับ

เข้าไปเลยที่ https://www.goodreads.com

วิธีสั่งซื้อ iPad mini ออนไลน์ พร้อมสลักชื่อไว้ด้านหลัง

วิธีสั่งซื้อ iPad mini ออนไลน์ พร้อมสลักชื่อไว้ด้านหลัง มีสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนสั่งซื้อ ได้แก่ บัตรเครดิต และ ที่อยู่ของผู้รับ ส่วนขั้นตอนนั้นไม่ยาก Apple Store ออกแบบขั้นตอนการสั่งซื้อไว้ค่อนข้างง่ายไม่สับสน คลิกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว รอรับของที่บ้านได้เลย

ขั้นตอนการสั่งซื้อ iPad mini

  1. เข้าไปที่หน้าสั่งซื้อ iPad mini ของ Apple Store ของประเทศไทย https://store.apple.com/th/buy/home/shop_ipad/family/ipad_mini

    iPad mini ใน Online Store ของ Apple

  2. เลือกสี เลือกโมเดล ตามต้องการ (ผมเลือก iPad mini สีขาว รุ่น Wifi ความจุ 16GB ) เลือกแล้วกด Continue ต่อไป

    เลือกสี เลือกความจุ ของ iPad mini ตามความต้องการ

  3. ขั้นตอนนี้จะเป็นการสั่งให้สลักคำไว้ด้านหลังของเครื่อง ใส่ตัวอักษรได้ประมาณ 30 ตัวอักษรต่อแถว มีสองแถวให้ใส่ จะใส่คำอวยพร ใส่ชื่อตัวเอง หรือคำคมอะไรก็ได้ ตามใจเรา จะทำให้ iPad mini เครืองนี้พิเศษมีเครื่องเดียวในโลก! ตรวจสอบคำถูกต้องให้ดีแล้วกด Add engraving (หากไม่อยากใส่สลักคำไว้ด้านหลังก็กด continue ใต้คำว่า Skip engraving ได้เลยเช่นกัน)

    ใส่ชื่อหรือข้อความตามต้องการ

  4. ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการเลือกอุปกรณ์เสริม หากไม่ต้องการ ก็กด Add to Cart ได้เลย (ค่าเริ่มต้นของการซื้ออุปกรณ์เสริมจะเป็น none อยู่แล้ว)

    เลือก Accessary เพิ่มเติมได้

  5. ตรวจสอบการสั่งซื้ออีกครั้ง เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว กด Check Out Now

    ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

  6. ขั้นตอนต่อไป สังเกตุให้ดีว่าตอนนี้อยู่ในโหมด secure ที่ URL ต้องเป็น https:// ล็อกอิน Apple ID หรือจะเลือกเป็น Guess checkout ก็ได้ ผมมี Apple ID อยู่แล้ว ก็เลยล็อกอินบัญชีของตัวเอง

    ถ้าใครมี Apple ID อยู่แล้วก็ล็อกอินได้เลย

  7. ใส่ที่อยู่ผู้รับ และรายละเอียดส่วนของ Payment (บัตรเครดิต)

    รายละเอียดที่อยู่ของผู้รับ

  8. เสร็จแล้วตรวจสอบ Order รอ iPad mini ที่บ้าน

    เรียบร้อยแล้ว

ในระหว่างรอของเราสามารถเข้าไปแก้ไขรายการได้จนกว่าของจะถูกส่ง เช่น เปลี่ยนคำสลักคำด้านหลัง หรือยกเลิกการสั่งซื้อ และในระหว่างที่ iPad mini ถูกส่งแล้วจะมีอีกอีเมลมาแจ้งเตือน พร้อมทั้งหมายเลข tracking ติดตามดูสถานะได้ตลอด

ตัดข้ามมาอีก 2 สัปดาห์ <–เวลาตรงนี้จะขึ้นอยู่กับสถานะของสิ้นค้าที่เราสั่ง และค่อนข้างตรงเวลาทีเดียว (ของผม 13 วัน) ถ้าของมาส่งแต่ไม่มีผู้รับโดยตรง เขาจะส่งใบแจ้งไว้ให้ ว่าจะให้มาส่งใหม่อีกทีเมื่อไหร่ ภายใน 7 วัน หรือจะไปรับของเองก็ได้ ผมเลือกไปรับของมาเองเพราะไม่ได้ไกลจากที่อยู่มากนัก

กล่องเล็กแต่แข็งแรง

กล่องส่งของมา

แกะดูข้างใน

iPad mini นอนอยู่ในกล่อง
เปิดกล่องออกมา

นี้ไงคำสลักติดอยู่ด้านหลัง ไม่เหมือนใคร

คำสลักติดอยู่ด้านหลัง

เป็นอันจบการรีวิว เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับใครที่อยากซื้อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษครับ

ใช้ iPad เพื่อการศึกษา ความรู้อยู่ที่เนื้อหาและสิ่งแวดล้อม

iPad เพื่อการศึกษา

ถ้าจะพูดถึงเครื่องมือหรืออุปกรณ์เพื่อการศึกษาที่จะมาช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการเรียนรู้ ของผู้ที่เป็นนักเรียนรู้ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง นักเรียน นักศึกษา อย่างเดียวนะครับ รวมถึงทุกคนที่มีใจไฝ่เรียนรู้ อุปกรณ์ที่จะช่วยให้การเรียนรู้นั้นทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ณ ตอนนี้ น่าจะเป็น iPad ของ Apple  เพราะถือว่ามีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งหนังสือดิจิตอล(ebook) แอพพลิเคชั่น(Apps Store) คลังความรู้(iTunes U) นอกจากนั้นยังมีตัว Textbook ที่มีชุดโปรแกรมที่จะช่วยให้การสร้างหนังสือแบบที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างน่าตื่นเต้น นับว่า iPad นำหน้าคู่แข่ง Android, Windows 8 ในเรื่องของการสนับสนุนทางการศึกษาไปหลายช่วงตัว

iPad in Education

Apple ได้วางให้ iPad เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ผลิตมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาอย่างเต็มที่ เห็นได้จากงาน Education Event เมื่อ 19 มกราคา 2012 ในงานมีการเปิดตัวหนังสือเรียนแบบที่มี interactive โต้ตอบกับผู้อ่านได้อย่างดี พร้อมโปรแกรมสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับ iPad โดยเฉพาะ และยังแจกให้ทุกคนใช้โปรแกรมนี้ได้ฟรีอีกด้วย ยิ่งทำให้ iPad เหมาะกับงานทางด้านการศึกษามากขึ้น

ลำดับต่อไปอยากนำส่วนต่างๆที่เป็นองค์ประกอบทำให้ iPad เหมาะกับการศึกษามาแจกแจงทีละข้อ ดังนี้ครับ

1. Textbooks หนังสือที่โต้ตอบกับผู้อ่านได้

หนังสือที่มาพร้อมภาพนิ่ง ภาพ 3 มิติ วีดีโอ เสียง ฯลฯ

คุณสมบัติของตัว Textbook ที่จะทำให้การเรียนรู้นั้นมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

  • Textbooks ของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆอย่าง McGraw-Hill, Person Education, Houghon Mifflin Harcourt ผู้ผลิตหนังสือมีคุณภาพ ทั้งรายวิชา เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ มีให้ดาวน์โหลดแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • เราสามารถพกหนังสือเล่มใหญ่หลายๆเล่ม ด้วยมือข้างเดียวได้ คงไม่ต้องแบกใส่เป้ให้เมื่อยหลังกันแล้ว โดยเฉพาะหนังสือพวก Textbook ถ้าถือเล่มจริงได้ 2 เล่มก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่เมื่อเป็นแบบดิจิตอลทำให้เราง่ายต่อการพกพา และสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
  • Textbooks ใน iPad เป็นหนังสือแบบมัลติทัช สามารถหมุนมุมมอง ซูมได้ มีภาพ ไดอะแกรม วีดีโอ ภาพสามมิติที่สามารถใช้นิ้วหมุนโมเดลได้รอบด้าน จดบันทึกลงหนังสือ ขีดเขียนลงหนังสือ เขียนโน๊ตสั้นๆ หรือใส่สีให้ตัวอักษรได้
  • ชมวีดีโอแนะนำ iBooks Textbooks

2. iPad Apps เพื่อการศึกษา

แอฟพิเคชั่น ที่เสริมการเรียนรู้มีมากมาย

ตัวแอพพลิเคชั่นของ iPad เฉพาะกลุ่มทางด้านการศึกษามีมากกว่า 20,000 แอพพลิเคชั่น น่าจะถือว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ อีกทั้งแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาสำหรับงานทางด้านการศึกษาถูกออกแบบมาอย่างดี แม้จะมีราคาแพงอยู่บ้าง ก็นับว่ามีความคุ้มค่าเมื่อแลกกับการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่าง แอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้ดังนี้

iWork กลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่ช่วยทำงานทางด้านเอกสาร พรีเซนเตชั่น เอกสารตารางคำนวณ

English Language Arts กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กด้วยภาพศิลปะ

Mathematics กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนคณิตศาสตร์

Science กลุ่มแอพพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์

History and Geography กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และภูมิประเทศ

Language Development เรียนภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งพูด ฟัง อ่าน เขียน หรือท่องคำศัพท์

Art, Music, and Creativity กลุ่มแอพพลิเคชั่นส่งเสริมศิลปะ วาดภาพ ดนตรี และงานสร้างสรรค์

Reference, Productivity, and Collaboration กลุ่มแอพพลิเคชั่น เอกสารอ้างอิง ดิกชั่นนารี จดบันทึก

Accessibility กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อมูลต่างๆหลากหลายวิธี

นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับการศึกษาอีกมากมาย เข้าไปดูได้ใน Apps Store ในหมวด iPad Education

3. iTunes U เรียนหนังสือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกผ่านทาง iPad

iTunes U for iPad

iTunes U เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางด้านการศึกษาแบบออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในแต่ละหลักสูตรมีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเรียนในรายวิชานั้นๆ ทั้งวิดีโอบรรยาย เอกสารประกอบการเรียน เสียง พรีเซนเทชั่น ซึ่งมีอยู่มากกว่า 500,000 รายการ หลักสูตรครอบคุมทุกรายวิชา ทั้งวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม การแพทย์ ศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก เช่น Stanford, Yale, MIT, Oxford, UC Berkeley เป็นต้น มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกเข้ามาเปิดห้องเรียนออนไลน์ให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนได้ฟรี ถือว่าเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่และมีประโยชน์มาก เป็นอีกช่องทางและโอกาสอันดีที่เราสามารถเข้าไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยต่างๆได้อย่างใกล้ชิด เหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียนนั้นๆเหมือนนักเรียนคนอื่นๆเลยทีเดียว

4. ใช้ iPad สอนในห้องเรียน

ต่อ iPad ออกจอภาพขนาดใหญ่

เราสามารถที่จะใช้ iPad ประกอบการสอนได้อย่างง่าย ผ่านทางการแสดงผลด้วยจอภาพขนาดใหญ่ เช่น HDTV หรือ จอโปรเจคเตอร์ ช่วยให้นักเรียนได้เห็นสิ่งที่คุณเห็นไปพร้อมๆกัน หรือใช้แสดงสไลด์พรีเซนเตชั่นแทนคอมพิวเตอร์ก็ได้ ทำให้การอธิบายหรือการเรียนรู้ไปพร้อมกันนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ระบบและสภาพแวดล้อม(เนื้อหา) ของ iPad นั้น ถือเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าพร้อมกว่า tablet เพื่อการศึกษาของคู่แข่งรายอื่นๆอย่างมาก อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะนักเรียน นักศึกษา เท่านั้น ผู้ที่ไฝ่เรียนรู้ก็สามารถที่จะใช้ iPad เพื่อเสริมความรู้ให้ตัวเองได้ตลอดเวลาผ่านทางช่องทางอื่นๆได้อีกมากมาย เช่น ข่าวสาร เนื้อหาเว็บไซต์ ฐานข้อมูลทางห้องสมุด หรือสื่อบันเทิงต่างๆ เช่น ภาพยนต์ เพลง เกม ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความรู้แทรกอยู่เสมอๆ เพียงเรามีเครื่องมือที่ดีสนับสนุนการเรียนรู้และความใฝ่รู้ของผู้ใช้งานร่วมกัน

ข้อมูลอ้างอิง: https://www.apple.com/education/ipad/

iPod Touch ทำอะไรได้บ้างเมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต

iPod Touch music player

ได้ iPod Touch มาโดยบังเอิญ ใช้มาได้เกือบจะ 3 เดือนแล้ว แต่ไม่ได้เขียนถึงมันเลย ตัวที่ได้มาเป็น iPod Touch Gen 4 สีขาว ความจุ 8 GB บางมากจำได้ว่าตอนที่จับครั้งแรกกลัวทำตกมากเพราะมันถือไม่กระชับมือเอาซะเลย แต่พอหาเคสมาใส่ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ถือมันเท่าไหร่จะยัดมันลงกระเป๋ากางเกง บางทีไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามันอยู่ข้างในต้องเอามือล้วงดูบ่อยๆ หลังจากที่ใช้มานานพอสมควรเลยอยากจะบันทึกไว้ว่าได้ใช้งานมันคุ้มค่าดังราคาค่าตัวของมันหรือป่าว? เนื่องจาก iPod Touch สามารถที่จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ผ่านทาง Wifi เท่านั้น ผมจึงจะแบ่งสิ่งที่มันทำได้เป็นสองส่วนคือ แบบออฟไลน์ และแบบออนไลน์ ซึ่งแบบออนไลน์นั้นทำอะไรได้มากกว่าหลายเท่า แต่สิ่งที่เราได้ใช้งานจริงๆกลับเป็นส่วนที่อยู่ในแบบออฟไลน์ซะเป็นส่วนใหญ่ ลองมาดูกันครับว่าผมใช้มันทำอะไรบ้าง เมื่อไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ต

iPod Touch ทำอะไรได้บ้างเมื่อไม่มีอินเทอร์เน็ต (ออฟไลน์)

สิ่งที่มันทำได้ หรือทำได้ดีก็จะขึ้นกับ App ที่อยู่ในเครื่องทั้งที่เป็น App ที่มาพร้อมกับเครื่องและ App ที่โหลดเพิ่มเข้ามา แต่ที่ผมนึกออกและได้ใช้งานจริงๆมีดังนี้ครับ

  1. ฟังเพลง/ดูหนัง
    iPod Touch Gen4 8 GB

    แน่นอนว่ามันคือ iPod เครื่องเล่นมัลติมีเดีย เพลง หนัง นี้คือฟีเจอร์หลักของมัน และผมก็ใช้มันทำสิ่งนี้มากที่สุด เพลงอยู่ในเครื่องมีอยู่ราว 1,000 กว่าเพลง ใช้พื้นที่ไปราว 4 GB กินพื้นที่เยอะที่สุดจากพื้นที่ว่างที่มีให้ใช้งานจริง 6.4 GB แม้ว่าอยากจะฟังเพลงแบบ 320 kbps เป็นอย่างน้อย ซึ่งจะใส่เข้าไปได้ราว 200-300 เพลง ด้วยข้อจำกัดเรื่องของความจุจำกัดเลยต้อง convert ไฟล์ระดับ flac ในเครื่องเป็น 128 kbps AAC แต่เท่าที่ฟังดูก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมายนัก ผมใช้ร่วมกับหูฟัง Sony MDRZX300 นะครับ ประทับใจกับหูฟังตัวนี้มาก เสียงที่ได้กำลังดีเลย ทั้งเบส เสียงแหลม เสียงกลาง เยี่ยม! ส่วนหนังนั้นต้องใช้โปรแกรม HandBrake ช่วยแปลงไฟล์หนังก่อนจึงจะเอาเข้า iPod ได้ เอาลงทดสอบดูแล้วก็เอาออก(เปลืองเนื้อที่) ระบบสั่งงานด้วยเสียงของ iPod ถูกผมใช้งานเพื่อเปิดเพลงมากที่สุด สะดวกมากตอนที่เรามีเพลงในเครื่องเยอะๆ ทำเป็น playlist ไว้ แล้วเลือกเปิดตามใจ ณ ขณะนั้นๆ ตัวอย่างคำสั่งที่ใช้บ่อยที่สุด (กดปุ่ม home ค้างไว้ 3 วินาที) “play playlist …ชื่อ playlist…”

  2. เล่นเกม
    เกม cut the robe

    เกมใน iPod Touch ของผมมีไม่เยอะส่วนใหญ่เล่นจบแล้วก็ลบออก บางตัวยอมจ่ายตังค์ซื้อ ตัวอย่างเกมที่เล่นแล้วชอบ Fruit Ninja, Cut the Robe, Sudoku, Tap Tap Revenge, Infinity Blade, Jetpack joyride เป็นต้น

  3. วาดรูป/ตกแต่งภาพ
    วาดใน SketchBook

    มีโปรแกรมสองตัวที่เอาไว้วาดรูปเล่นคือ DrawCast (ฟรี) และ SketchBook ตัวนี้ยอมจ่ายตังค์ซื้อมาราคาไม่แพง แต่ทำอะไรได้เยอะมาก ถือว่าคุ้มเลยทีเดียว

  4. กล้องถ่ายรูป/วีดีโอ/อัดเสียง
    Photosynth ถ่ายภาพแบบรอบทิศทาง

    กล้องของ iPod ความละเอียด ประมาณ 1.2 MB ถ่ายภาพนิ่งได้ห่วย ถ่ายวีดีโอได้ในระดับ HD ใช้ถ่ายเล่นๆได้ จับ iPod ขึ้นมาสไลด์แล้วถ่ายได้เลย มีโหมด unlock เข้าแอฟถ่ายภาพได้เลย แต่ส่วนใหญ่จะใช้ผ่านทาง App ถ่ายภาพแปลกๆเสียมากกว่า เช่น DMD ทำเป็นภาพ 360 องศา, Photosynth ทำเป็นภาพกึ่งๆ 3D และ Instagram ที่เอาไว้ใส่ฟิวเตอร์แบบเท่ๆ ภาพที่ถ่ายใน iPod Touch ผมทำให้ Sync กับ iCloud ไว้เมื่อต่อเน็ตมันจะอัพโหลดอัตโนมัติสะดวกดี ส่วนการอัดเสียงไม่ค่อยได้ใช้งานเลย เคยลองอัดครั้งหนึ่ง เสียงก็พอใช้ได้ ไมค์ของ iPod Touch อยู่ข้างๆกล้องด้านหลังเครื่องเป็นรูเล็กๆ ถ้าจะอัดเสียงก็ต้องเอารูนั้นไปให้ใกล้แหล่งกำเนิดเสียง รวมทั้งตอนสั่งงานด้วยเสียงเช่นกันก็ต้องเอาไปให้ใกล้ๆไมค์

  5. สมุดโน๊ต/เตือนความจำ
    บันทึกส่วนตัว

    กลายเป็นว่าจดอะไรลง iPod เยอะมากเพราะเวลาคิดอะไรออก อยากจะจดไว้ที่ไหนสักที่แบบเร่งด่วน ทิ้งไว้นานกลัวลืม iPod Touch กลายเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้มือที่สุด จดง่ายสุด แถม Sync ขึ้น Google กับ iCloud ไว้ให้ด้วย พวกหมายเลขอะไรแปลกๆที่ไม่รู้จะจดไว้ที่ไหน จะอยู่ในนี้หมด เช่น รหัส wifi , serial ของกล้อง, หมายเลขสมุดบัญชีธนาคาร ฯลฯ ส่วน Reminder นั้นใช้บ้างเป็นบางครั้ง นานๆเปิดเข้าไปดูที ส่วนใหญ่เป็นการเตือนความจำว่าอยากทำอะไร แต่ไม่ได้สำคัญมากนัก เช่นเขียนบล็อกเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่า คือไม่เขียนก็ไม่เสียหายอะไร พอทำเสร็จก็ค่อยลากทิ้ง

  6. ดิกชันน่ารี
    ดิกชันนารี ใน iPod Touch

    ใน iPod Touch ของผมใช้ดิกชันน่ารีของ Longdo Dict ซึ่งแปลได้ทั้งอังกฤษ-ไทย และไทย-อังกฤษ ซึ่งอันหลังต้องต่อเน็ตก่อนถึงจะทำงานได้ แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้งาน อังกฤษ-ไทย โดยเฉพาะตอนนอนดูหนังในคอม จะ pause หนังไว้เพื่อมาเปิดศัพท์เนี้ยก็ขัดจังหวะเกิดไป ดิกชันน่ารีใน iPod Touch เลยกลายเป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่ต้องถือไว้ตอนดูหนัง

  7. เครื่องคิดเลข
    เครื่องคิดเลขอย่างง่าย

    เครื่องคิดเลขใน iPod Touchจะถูกใช้งานมากที่สุด ตอนหลังอาหารมื้อที่ไปกันหลายคน แล้วต้องช่วยกันจ่าย เคยโดนเพื่อนร่วมโต๊ะว่าเอาแบบปนฮานิดๆว่า “พวกคุณจบระดับมาสเตอร์กันทุกคนค่าอาหารแค่นี้ต้องใช้เครื่องคิดเลขช่วยทุกทีเลยนะ” แล้วก็ฮากัน ก็มันจริงนิ พอเราไม่ใช้งานมัน(สมอง)บ่อยๆ มันจะคิดช้ามากแถมยังไม่แม่นยำอีกต่างหาก เครื่องคิดเลขเลยเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตไปแล้ว ในเครื่องมีเครื่องคิดเลขแบบ Pro ด้วย ซึ่งมีพวกการคำนวณทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ แต่นานๆใช้ที

  8. ปฏิทิน/นาฬิกาจับเวลา
    นาฬิกาจับเวลา

    ส่วนของปฏิทิน/นาฬิกาปลุก/จับเวลา อาจจะไม่ค่อยได้ใช้บ่อย แต่ก็มีประโยชน์มาก ปฏิทินใน iPod Touch ผม Sync ไว้กับ Google Calendar ซึ่งทุกอย่างอยู่ในนั้นทั้งหมด นัดหมาย กำหนดการ วันสำคัญต่างๆ ส่วนใหญ่ใช้งานบนคอม แต่ใน iPod Touch เปิดใช้บ้างตอนไม่ได้อยู่หน้าคอม ส่วนนาฬิกาจับเวลาตัวนี้ถูกเรียกใช้บ่อยๆช่วงทำแล็บเปียก ที่จำเป็นต้องจับเวลาแบบเป๊ะๆ

  9. อ่านหนังสือดิจิตอล
    iBook อ่านหนังสือดิจิตอล

    เคยโหลดหนังสือเข้ามาอ่าน 2-3 เล่ม แต่อ่านไม่จบซักเล่มเพราะมันจอเล็กและเวลาจ้องนานๆปวดตา รวมทั้งเวลาที่อ่านหนังสือส่วนใหญ่อยู่บนรถซะเป็นส่วนใหญ่ เวียนหัวได้อีก ที่ยังเหลือค้างไว้ในเครื่องเลยเป็นแค่หนังสือภาพ พวก CG, Computer Art เป็นส่วนใหญ่

  10. รีโมท Keynote/iTunes
    ใช้ iPod ควบคุมการเปลี่ยนสไลด์ในคอม

    iPod Touch สามารถเอามาทำเป็นเครื่องเลื่อนสไลด์ได้ด้วยนะ ต้องโหลด App ชื่อ Remote (เสียตังค์)มาก่อน แล้วใช้ร่วมกับ Keynote ในเครื่อง Mac OSX ข้อดีคือเราสามารถควบคุมการนำเสนอผ่านทาง iPod Touch ได้ มีโน๊ตให้ดูได้ด้วย เคยทำอยู่ครั้งหนึ่งใช้เลื่อนสไลด์อย่างเดียว ดูโน๊ตด้านล่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ต้องก้มไปดูอาจทำให้คนพรีเซ็นต์ดูไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนการใช้เป็นรีโมทควบคุม iTunes ใช้แบบนี้ครับ เปิดคอมไว้ เสียบลำโพง เปิดเพลงให้ดังก้องบ้าน วาง iPod Touch ไว้ใกล้ตัว นั่งพักที่มุมไหนซักมุมของห้อง อยากเปลี่ยนเพลง หรือเลือกเพลงที่ชอบผ่านทาง iPod Touch ก็จิ้มเลย เยี่ยมไหมล่ะ

ยังมีอีกหลายอย่างที่มันทำได้ เช่น การเชื่อมกับรองเท้า Nike ตัดต่อวีดีโอ ทำเอกสาร แต่ที่เอามาแชร์ในโพสนี้เป็นอันที่เราได้ใช้จริงๆ ซึ่งอาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆบ้างก็ได้ ลองคิดดูว่า iPod Touch ในมือของคุณใช้ทำอะไรบ้าง แล้วเอามาแชร์กันครับ

Exit mobile version