reMarkable แท็บเล็ตจอ E-Ink อ่าน เขียนได้เหมือนกระดาษ

หลายวันมานี้ได้เห็นโฆษณาอันหนึ่งบ่อยมาก อาจเพราะว่าค้นคำว่า “the best of tablet for artist” บ่อย จึงมีโฆษณาเกี่ยวกับแท็บเล็ตโผล่มาให้เห็น โฆษณาของผลิตภัณฑ์ที่ว่าคือ reMarkable: The paper tablet นิยามด้วยแท็บเล็ตที่ได้ฟิลลิ่งเหมือนกระดาษ(อ่าน เขียน เสก็ต)

reMarkable แท็บเล็ตที่อ่านเขียนได้เหมือนกระดาษ

เมื่อดูรายละเอียดแล้วก็ต้องบอกว่าไอเดียและคอนเซ็พท์นั้นโดนใจมาก

สิ่งที่เราอยากได้สำหรับเท็บเล็ต แล้วก็ถือว่าเป็นจุดเด่นของแท็บเล็ตตัวนี้อีกด้วย มีดังนี้

  • เขียนได้เหมือนกระดาษ
    (แท็บเล็ตในตลาดตอนนี้ส่วนใหญ่เขียนบนหน้าจอได้ แต่ถ้าอยากได้การเขียนที่ละเอียดและแม่นยำ ในตลาดตอนนี้มี iPad Pro, Galaxy Tab S3, LENOVO Yoga Book, Surface Pro 4)
  • แบตเตอรี่ที่ใช้ได้นานหลายวัน
    เพราะจอขาวดำใช้พลังงานต่ำกว่ามาก แม้ว่า reMarkable จะยังไม่ระบุว่าใช้ได้กี่วันแต่ก็หวังว่าจะใช้ได้หลักสัปดาห์ต่อการชาร์ตหนึ่งครั้ง อย่างเช่นที่ Amazon Kindle ทำได้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตอื่นๆที่ใช้งานในหลักชั่วโมงเท่านั้น
  • อ่านหนังสือได้นาน (จอ E-ink ดีที่สุด ปัจจุบันใช้ Amazon Kindle อ่านหนังสือ ซึ่งก็อ่านได้อย่างจริงจัง ไม่เหมือนกับอ่านจากจอแบบอื่นๆ)
  • ราคาถูก 379 usd (ล่าสุดเป็น 429 usd แล้ว) เมื่อเทียบกับแท็บเล็ตที่กล่าวมาข้างต้นราคาแพงระดับ 500-1,200 usd

จากเหตุผลด้านบนตัว reMarkable ค่อนข้างตอบโจทย์มากๆ แต่ก็มีจุดด้อยอยู่บ้างดังนี้

  • เป็นจอขาวดำถ้าอยากทำงานศิลป์จริงจังมีลงสีอาจจะไม่เหมาะ
  • ใช้ OS ที่พัฒนาขึ้นเองอาจจะไม่มีแอพจากแหล่งอื่นให้ใช้
  • บริษัทที่ทำเป็น Startup ใหม่ ซึ่งยังไม่มีผลิตอื่นก่อนหน้านี้เลย คุณภาพของสิ้นค้าจะดีแค่ไหน รวมทั้งบริการหลังการขายจะเป็นยังไง ทำให้ยังลังเลที่จะ Pre-Order (ถ้า Amazon ทำกดสั่งไปแล้ว)

แต่ถ้าหากมองข้ามจุดด้อยต่างๆเหล่านี้ได้ reMarkable จึงเป็นแท็บเล็ตที่น่าสนใจมากๆ ด้วยจุดเด่น E-Reader ที่สามารถทั้งอ่าน เขียน และเสก็ต ได้ (Read, Write, Sketch)

reMarkable Read Write Sketch

อีกอย่างที่น่าสนใจ คือ ปากกาที่ใช้เขียนของ reMarkable รองรับแรงกดถึง 2048 ระดับ แต่ไม่ต้องชาร์ตและไม่ต้องใช้บลูทูธในการเชื่อมต่อ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ดีมากๆ

reMarkable feature sturdy

เขียนมาถึงขนาดนี้เหมือนได้ค่าโฆษณามาเขียนเชียร์เลย แต่มันก็ดูดีน่าใช้จริงๆ หวังว่าเมื่อผลิตเสร็จแล้ว จะทำงานได้สมบูรณ์แบบอย่างที่เคลมไว้

สุดท้ายมาดูวิดีโอโปรโมตของ reMarkable กันครับ อย่างที่บอกมันน่าใช้มาก

https://www.youtube.com/watch?v=34I27KPZM6g

รายละเอียดสเปค

Size and Weight

  • 177 x 256 x 6.7mm (6.9 x 10.1 x .26 inches)
  • Approximately 350 gram (.77 pounds)

CANVAS display

  • 10.3” monochrome digital paper display (no colors)
  • 1872×1404 resolution (226 DPI)
  • Partially powered by E-ink Carta technology
  • Multi-point capacitive touch
  • No glass parts, virtually unbreakable
  • Paper-like surface friction

Pen

  • No battery, setup or pairing required
  • Special high-friction pen tip
  • Tilt detection
  • 2048 levels of pressure sensitivity

Storage and RAM

  • 8 GB internal storage (100,000 pages)
  • 512 MB DDR3L RAM

Connectivity

  • Wi-Fi connected

Battery

  • Rechargeable (Micro USB)
  • 3000 mAh

Processor

  • 1 GHz ARM A9 CPU

Operating system

  • Codex, a custom Linux-based OS optimized for low-latency e-paper

Document support

  • PDF and ePUB, with more formats to be announced

Other

  • Menu language: English only

ที่มา: https://getremarkable.com/

เล่าเรื่องการใช้ iconia B1 แท็บแล็ตราคาถูก

iconia B1

ไม่อยากเรียกว่ารีวิว เพราะมันไม่ถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าเล่าให้ฟังหลังจากใช้มาได้ราวสองสัปดาห์ก็แล้วกัน ราคาของ iconia B1 ประมาณ 3,750 บาท แต่ตอนเราซื้อได้คูปองลดมาอีกพันบาทตอนตัดสินใจซื้อเลยง่ายขึ้น ซื้อมาแล้วใช้ทำอะไรบ้างนั้น ส่วนใหญ่ก็เหมือนกับสมาร์ทโฟน เล่น facebook, twitter, ดูเว็บ ที่ต่างจากมือถือคือใช้อ่านข่าว อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือ

แต่ว่าตัว iconia B1 ไม่มี 3G นะครับใช้เน็ตผ่าน wifi ได้เท่านั้น แต่โดยหลักแล้วเราก็ใช้ตอนที่ยู่ที่บ้านกับที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ อาจมีบ้างที่ไปเล่นที่สวนสาธารณะ ซึ่งที่เหล่านี้มี wifi ให้ใช้อยู่แล้ว มีบ้างที่ต้องเปิด wifi hotspot จากมือถืออีกทีหนึ่ง ถือว่าไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องออนไลน์เท่าไหร่นัก การใช้งานโดยทั่วไปถือว่าราบลื่นดี

แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เวลาใช้ไปสักพักอาจจะต้องเคลียร์แรมทิ้งบ้างโดยเฉพาะถ้าเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน อาจทำให้แรมเหลือไม่พอใช้เครื่องจะทำงานไม่ลื่นไหลเท่าไหร่นัก แม้เครื่องจะมีแรมมาให้ 512 mb แต่ถูกใช้ไปกับ system หลักกับแอพที่รันอยู่หลังบ้านเกือบหมดเหลือให้ใช้แค่ราวร้อยกว่าเม็กเท่านั้น อันนี้ขึ้นอยู่กับแอพที่ติดตั้งลงในเครื่องด้วยนะ

ขอแนะนำแอพที่ใช้บ่อยในเครื่อง iconia B1 ของผม

  1. Pantip อ่านกระทู้ในพันทิพ
  2. Perfect View อ่านการ์ตูน หาโหลดมาลงเองนะ
  3. Clean Master เคลียร์แรม(Task)
  4. feedly อ่าน rss
  5. Flipboard อ่านข่าว
  6. Google play music ฟังเพลง

โดยรวมถือว่าคุ้มค่าสมราคาของมัน ยังไม่ได้ลองเล่นเกม 3D แบบหนักๆไม่รู้ว่าจะรับไหวหรือป่าว แต่ที่อยากบอกคือลองเอาไปเล่น ingress แล้ว ใช้ได้นะแต่แบตหมดเร็วไปหน่อยถ้าเปิดทั้ง wifi และ gps ตอนเล่นเกมช่วงแรกๆจะลื่นไหลดี แต่พอเครื่องร้อนแล้วมีกระตุ๊กนิดหน่อย แต่ก็เล่นได้ล่ะ

สเปคของ iconia B1

  • ขนาดตัวเครื่อง: 197.4 x 128.5 x 11.3 mm (7.77 x 5.06 x 0.44 in)
  • น้ำหนัก: 320 g (11.29 oz)
  • หน้าจอ: TFT capacitive
  • 600 x 1024 pixels, 7.0 inches (~170 ppi pixel density)
  • CPU Dual-core 1.2 GHz
  • Chipset MTK 8317T
  • OS Android OS, v4.1 (Jelly Bean)
  • กล้องหน้า VGA, 640×480 pixels
  • ความจุภายในเครื่อง: 8/16 GB,แรม: 512 MB
  • รองรับเพิ่มความจุด้วย micro-SD สูงสุด 32 GB
  • WLAN Wi-Fi 802.11 b/g/n
  • Bluetooth Yes, v4.0
  • Sensors Accelerometer
  • มี GPS
  • แบตเตอรี่  Li-Po 2710 mAh

ใช้ iPad เพื่อการศึกษา ความรู้อยู่ที่เนื้อหาและสิ่งแวดล้อม

iPad เพื่อการศึกษา

ถ้าจะพูดถึงเครื่องมือหรืออุปกรณ์เพื่อการศึกษาที่จะมาช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการเรียนรู้ ของผู้ที่เป็นนักเรียนรู้ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง นักเรียน นักศึกษา อย่างเดียวนะครับ รวมถึงทุกคนที่มีใจไฝ่เรียนรู้ อุปกรณ์ที่จะช่วยให้การเรียนรู้นั้นทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ณ ตอนนี้ น่าจะเป็น iPad ของ Apple  เพราะถือว่ามีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งหนังสือดิจิตอล(ebook) แอพพลิเคชั่น(Apps Store) คลังความรู้(iTunes U) นอกจากนั้นยังมีตัว Textbook ที่มีชุดโปรแกรมที่จะช่วยให้การสร้างหนังสือแบบที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างน่าตื่นเต้น นับว่า iPad นำหน้าคู่แข่ง Android, Windows 8 ในเรื่องของการสนับสนุนทางการศึกษาไปหลายช่วงตัว

iPad in Education

Apple ได้วางให้ iPad เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ผลิตมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาอย่างเต็มที่ เห็นได้จากงาน Education Event เมื่อ 19 มกราคา 2012 ในงานมีการเปิดตัวหนังสือเรียนแบบที่มี interactive โต้ตอบกับผู้อ่านได้อย่างดี พร้อมโปรแกรมสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับ iPad โดยเฉพาะ และยังแจกให้ทุกคนใช้โปรแกรมนี้ได้ฟรีอีกด้วย ยิ่งทำให้ iPad เหมาะกับงานทางด้านการศึกษามากขึ้น

ลำดับต่อไปอยากนำส่วนต่างๆที่เป็นองค์ประกอบทำให้ iPad เหมาะกับการศึกษามาแจกแจงทีละข้อ ดังนี้ครับ

1. Textbooks หนังสือที่โต้ตอบกับผู้อ่านได้

หนังสือที่มาพร้อมภาพนิ่ง ภาพ 3 มิติ วีดีโอ เสียง ฯลฯ

คุณสมบัติของตัว Textbook ที่จะทำให้การเรียนรู้นั้นมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

  • Textbooks ของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆอย่าง McGraw-Hill, Person Education, Houghon Mifflin Harcourt ผู้ผลิตหนังสือมีคุณภาพ ทั้งรายวิชา เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ มีให้ดาวน์โหลดแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • เราสามารถพกหนังสือเล่มใหญ่หลายๆเล่ม ด้วยมือข้างเดียวได้ คงไม่ต้องแบกใส่เป้ให้เมื่อยหลังกันแล้ว โดยเฉพาะหนังสือพวก Textbook ถ้าถือเล่มจริงได้ 2 เล่มก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่เมื่อเป็นแบบดิจิตอลทำให้เราง่ายต่อการพกพา และสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
  • Textbooks ใน iPad เป็นหนังสือแบบมัลติทัช สามารถหมุนมุมมอง ซูมได้ มีภาพ ไดอะแกรม วีดีโอ ภาพสามมิติที่สามารถใช้นิ้วหมุนโมเดลได้รอบด้าน จดบันทึกลงหนังสือ ขีดเขียนลงหนังสือ เขียนโน๊ตสั้นๆ หรือใส่สีให้ตัวอักษรได้
  • ชมวีดีโอแนะนำ iBooks Textbooks

2. iPad Apps เพื่อการศึกษา

แอฟพิเคชั่น ที่เสริมการเรียนรู้มีมากมาย

ตัวแอพพลิเคชั่นของ iPad เฉพาะกลุ่มทางด้านการศึกษามีมากกว่า 20,000 แอพพลิเคชั่น น่าจะถือว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ อีกทั้งแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาสำหรับงานทางด้านการศึกษาถูกออกแบบมาอย่างดี แม้จะมีราคาแพงอยู่บ้าง ก็นับว่ามีความคุ้มค่าเมื่อแลกกับการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่าง แอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้ดังนี้

iWork กลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่ช่วยทำงานทางด้านเอกสาร พรีเซนเตชั่น เอกสารตารางคำนวณ

English Language Arts กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กด้วยภาพศิลปะ

Mathematics กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนคณิตศาสตร์

Science กลุ่มแอพพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์

History and Geography กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และภูมิประเทศ

Language Development เรียนภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งพูด ฟัง อ่าน เขียน หรือท่องคำศัพท์

Art, Music, and Creativity กลุ่มแอพพลิเคชั่นส่งเสริมศิลปะ วาดภาพ ดนตรี และงานสร้างสรรค์

Reference, Productivity, and Collaboration กลุ่มแอพพลิเคชั่น เอกสารอ้างอิง ดิกชั่นนารี จดบันทึก

Accessibility กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อมูลต่างๆหลากหลายวิธี

นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับการศึกษาอีกมากมาย เข้าไปดูได้ใน Apps Store ในหมวด iPad Education

3. iTunes U เรียนหนังสือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกผ่านทาง iPad

iTunes U for iPad

iTunes U เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางด้านการศึกษาแบบออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในแต่ละหลักสูตรมีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเรียนในรายวิชานั้นๆ ทั้งวิดีโอบรรยาย เอกสารประกอบการเรียน เสียง พรีเซนเทชั่น ซึ่งมีอยู่มากกว่า 500,000 รายการ หลักสูตรครอบคุมทุกรายวิชา ทั้งวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม การแพทย์ ศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก เช่น Stanford, Yale, MIT, Oxford, UC Berkeley เป็นต้น มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกเข้ามาเปิดห้องเรียนออนไลน์ให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนได้ฟรี ถือว่าเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่และมีประโยชน์มาก เป็นอีกช่องทางและโอกาสอันดีที่เราสามารถเข้าไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยต่างๆได้อย่างใกล้ชิด เหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียนนั้นๆเหมือนนักเรียนคนอื่นๆเลยทีเดียว

4. ใช้ iPad สอนในห้องเรียน

ต่อ iPad ออกจอภาพขนาดใหญ่

เราสามารถที่จะใช้ iPad ประกอบการสอนได้อย่างง่าย ผ่านทางการแสดงผลด้วยจอภาพขนาดใหญ่ เช่น HDTV หรือ จอโปรเจคเตอร์ ช่วยให้นักเรียนได้เห็นสิ่งที่คุณเห็นไปพร้อมๆกัน หรือใช้แสดงสไลด์พรีเซนเตชั่นแทนคอมพิวเตอร์ก็ได้ ทำให้การอธิบายหรือการเรียนรู้ไปพร้อมกันนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ระบบและสภาพแวดล้อม(เนื้อหา) ของ iPad นั้น ถือเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าพร้อมกว่า tablet เพื่อการศึกษาของคู่แข่งรายอื่นๆอย่างมาก อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะนักเรียน นักศึกษา เท่านั้น ผู้ที่ไฝ่เรียนรู้ก็สามารถที่จะใช้ iPad เพื่อเสริมความรู้ให้ตัวเองได้ตลอดเวลาผ่านทางช่องทางอื่นๆได้อีกมากมาย เช่น ข่าวสาร เนื้อหาเว็บไซต์ ฐานข้อมูลทางห้องสมุด หรือสื่อบันเทิงต่างๆ เช่น ภาพยนต์ เพลง เกม ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความรู้แทรกอยู่เสมอๆ เพียงเรามีเครื่องมือที่ดีสนับสนุนการเรียนรู้และความใฝ่รู้ของผู้ใช้งานร่วมกัน

ข้อมูลอ้างอิง: https://www.apple.com/education/ipad/

5 เหตุผล ซื้อหรือไม่ซื้อ iPad 2

iPad 2 ซื้อหรือไม่ซื้อ

ไปเจอบทความของ Cnet เขียนถึง 5 เหตุผลที่จะซื้อ iPad 2 กับ 5 เหตุผลที่จะไม่ซื้อ iPad 2 เลยเอามารวมไว้เป็นอันเดียว อ่านแล้วจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะซื้อ iPad 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปดีหรือไม่ ที่จริงมีหลายสำนักข่าวเขียนไว้เหมือนกัน แต่พบว่าที่นี้เขียนถูกใจสุดแล้ว อาจจะย่อลงบ้าง ใครอยากอ่านเต็มๆ ไปอ่านได้ที่ต้นฉบับ และอีกอย่างต้นฉบับเป็นเหตุผลของชาวออสเตรเลียแต่ผมคิดว่ามันปรับเข้ากับคนไทยได้เช่นกัน

5 เหตุผลที่ควรซื้อ iPad 2

  1. iPad 2 แตกต่างจาก iPad
    สเปคของ iPad 2 ได้รับการอัพเกรดเยอะพอควร ทั้งน้ำหนักที่เบาขึ้น บางลง เมื่อเทียบกับ iPad และยังเพิ่มประสิทธิภาพของ Processor เป็น A5 dual-core และเพิ่มความสามารถการประมวลผลทางด้านกราฟิกด้วย ผู้ใช้จะเห็นความแตกต่างชัดเจนเมื่อดูหนังที่มีความละเอียดสูง หรือเล่นเกม 3D อีกทั้งยังเพิ่มกล้องด้านหน้า-หลัง เพิ่มเข้ามาด้วยทำให้สามารถใช้ FaceTime ร่วมกับอุปกรณ์อื่นได้ด้วย
  2. HDMI Port
    การต่อ iPad 2 กับจอแสดงผลอื่นๆเช่น TV จะทำให้เพิ่มประโยชน์การใช้งานได้กว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งใน iPad รุ่นแรกแม้จะมี VGA port แต่สามารถแสดงผลได้แค่บางโปรแกรมเช่นแสดงภาพ หรือวีดีโอ ไม่ใช่ mirror display จะเห็นประโยชน์ชัดเจนกับกลุ่มที่ใช้ iPad ในการนำเสนอผลงาน หรือใช้ในการเรียนการสอน
  3. App เยอะกว่า
    หลังจาก iPad ตัวแรกเปิดตัวไปได้ 1 ปี ขณะนี้มี App ที่ได้ทำขึ้นมาเฉพาะ iPad ประมาณ 65,000 ตัว ในขณะคู่แข่งอย่าง Android มี App สำหรับ Tablet โดยเฉพาะเพียง 100 App แม้ปัจจุบันนี้นักพัมนาจะมุ่งไปที่ Android แต่ระยะห่างจะยังคงเป็นแบบนี้ไปอีกนาน โดยเฉพาะ App ที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมกับ iPad 2 อย่าง Garageband กับ iMovie ถือว่าทำให้ iPad ทำอะไรได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างชัดเจน
  4. iPad 2 ราคาถูกกว่า
    iPad มีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่นทำให้สามารถปรับราคาให้ต่ำกว่าได้ เมื่อเทียบกับ Motorola Xoom หรือ Galaxy Tab 10.1 จนผู้ผลิตรายอื่นที่ประกาศราคาออกไปแล้วต้องกลับมาพิจาณาราคาของสิ้นค้าตัวเองใหม่ ราคาของ iPad รุ่น Wifi ราคาเริ่มต้นที่ $499 ส่วนตัว Motorola Xoom ราคา $799 เมื่อเทียบกับรุ่นที่สเปคใกล้เคียงกันกับ iPad 2 มีราคาแพงกว่า iPad 2 ถึง $70
  5. จะถูกนำเข้ามาขายก่อน
    ในบทความเขาเขียนว่าจะถูกนำเข้ามาขายในออสเตรเลียก่อนรายอื่น ผมคิดว่าจะในประเทศไทยก็น่าจะเป้นแบบนั้นเช่นกัน ข้อดีของสินค้า Apple มักจะเปิดตัวเมื่อสินค้าพร้อมจะขายแล้ว ต่างจากผู้ผลิตรายอื่น เช่น PlayBook ของ RIM เปิดตัวก่อนมานาน กำหนดขายยังไม่แน่นอน และ Motorola Xoom หรือ Galaxy Tab 10.1 ยังไม่รู้จะเข้าไทยเมื่อไหร่

5 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ iPad 2

ชม iPad 2 ไปแล้ว คราวนี้มาดูว่า มีเหตุผลใดบ้างที่ต้องชั่งใจว่าจะไม่ซื้อ

  1. เหมือนกับ iPad ตัวเดิม
    iPad 2 ไม่มีความแตกต่างชัดเจนกับ iPad รุ่นแรก ในแง่ของฟีเจอร์ ตัวที่เห็นชัดเจนคือ FaceTime นั้นอาจจะไม่เพียงพอต่อการตัดสินใจซื้อ อีกทั้ง iPad เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปลายปี 2010 นี้เอง การซื้อของใหม่ในขณะที่ใช้อันเดิมยังไม่คุ้มเงินนั้นถือว่าไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
  2. คุณไม่ต้องการมัน
    iPad 2 ถูกมองว่าเป็นส่วนเกิน ความสามารถของมันถูกแทนด้วยอุปกรณ์ตัวอื่นได้อยู่แล้ว ปกติการใช้งาน iPad โดยทั่วไปคือ อ่านหนังสือพิมพ์ แมกกาซีน อีบุ๊ค เล่นเน็ตเปิดเว็บไซต์ เล่นเกมส์ และดูหนังฟังเพลง ซึ่งพบว่า content ต่างๆเหล่านี้ที่เป็นใช้งานได้ในไทยยังมีน้อย โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์หรือแมกกาซีน ถ้าจะอ่านอีบุ๊คใช้ Amazon’Kindle ดูจะราคาถูกกว่าและมีหนังสือเยอะกว่ามากเมื่อเทียบกับ iBookstore หรือถ้าจะใช้อินเทอร์เน็ตเปิดเว็บไซต์ ฟังเพลง ดูหนัง ทำไมไม่ใช้มืออย่างเช่น iPhone, BB ซึ่งสะดวกในการพกพาและมีกันอยู่แล้ว
  3. ตัวอื่นก็มี
    อย่างเช่น Motorola, HTC, Samsung และ LG ที่เปิดตัว Tablet ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียง หรือเหนือกว่า iPad ก็มีเหมือนกัน ถ้าไม่รีบจนเกินไปในกลางปีน่าจะเปิดตัวขาย โดยเฉพาะคู่แข่งระบบปฎิบัติการอย่าง Android (Honeycomb) ที่ได้รับคำชมจากสื่อมากมายถึงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม และมีหลายฟีเจอร์ที่ iPad ไม่มี เช่นการใช้งาน Flash บนเว็บไซต์ กล้องถ่ายภาพที่มีความละเอียดสูงกว่า
  4. ราคามันแพง
    ถ้าตัดสินใจจะใช้ tablet แล้ว การเลือกใช้ iPad 2 นั้นถือว่าคุ้มค่าจริงหรือ ราคาของ iPad 2 รุ่นราคาต่ำสุดคือ iPad 2 wifi ราคา $449 ซึ่งได้ความจุ 16 GB ไม่สามารถใช้ 3G ได้ ในขณะเลือกจ่ายแค่ $269 เพื่อซื้อ Optus My Tab (ในไทยไม่รู้มีขายหรือปล่าว?)ซึ่งมีฟังชั่นการใช้งานเหมือน iPad 2 เช่น อ่านอีเมล อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง คุณสามารถให้ลูกหิ้วไปโรงเรียนหรือนำไปเล่นในช่วงวันหยุดได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องพังจนเกินไป แล้วทำไมต้องจ่ายสองเท่าเพื่อ iPad 2
  5. คุณจะกลายเป็นสาวก
    อันนี้อ่านแล้วตลกนิดๆคือ ถ้าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple คุณจะถูกกล่อมจาก Steve Jobs ให้ซื้อของใหม่ในทุกๆปี และจะถูกดูดให้ใช้ระบบปิดของเขาตลอดไป จะถูกบิดเบือนข้อมูลบางอย่างเพื่อผลิตภัณฑ์ของตนเอง ในตลาดของ Mobile Device บริษัท Apple กำลังจะเป็นเหมือนกับ Microsoft เมื่อปลายปี 90s ที่เคยควบคุมตลาดของ PC ของโลกอย่างเบ็ดเสร็จ ตลาดขาดการแข่งขัน คุณอยากให้เป็นแบบนั้นจริงหรือ?

ที่มา-five reasons to buy an ipad 2five reasons not to buy an Apple ipad 2

Motorola XOOM โฆษณาสุดเจ๋ง

Motorola Xoom

โฆษณา Motorola XOOM ของโอเปอเรเตอร์รายใหญ่ Virizon ตัวแรกออกมาเท่มาก ดูแล้วทำให้นึกถึงหนังเรื่องเกราะชีวะ Guyver ออกแนวเดียวกับโฆษณามือถือของ Motorola พวกตระกูล Droid

แนะนำตัว Motorola XOOM นิดหน่อย เป็น tablet ตัวแรกที่ได้ใช้ Android OS ที่ Google ออกแบบมาสำหรับ tablet โดยเฉพาะรหัส Honeycomb ราคาประกาศออกมา $799 (23,970 บาท) สำหรับรุ่น 3G (อัพเป็น 4G ได้) และ $600(18,000 บาท) สำหรับรุ่น Wifi

ดูโฆษณา Motorola XOOM In Action

Exit mobile version