[CeBIT2017] Lyric speaker ลำโพงพร้อมจอแสดงเนื้อร้อง

สัปดาห์ที่แล้วได้ไปเที่ยวงาน CeBIT 2017 (Centrum für Büroautomation, Informationstechnologie und Telekommunikation, (English)Center for Office Automation, Information Technology and Telecommunication) เป็นงานแสดงสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี ปีนี้มีญีปุ่นเป็นพาร์ทเนอร์ในการจัดงาน

งานจัดที่ Hannover ปีที่แล้วก็ไปมา แต่ไม่ได้เขียนอะไรไว้เลย

ปีนี้มีหลายส่วนที่น่าสนใจ ก็เลยอยากเอามาแชร์ จะค่อยๆทยอยเอามาลง

ตัวแรกที่เห็นแล้ว น่าสนใจและอยากได้มาก สำหรับใครที่ชอบฟังเพลงแบบรู้เนื้อร้อง ประหนึ่งว่ากำลังดูคาราโอเกะแล้วต้องชอบลำโพงตัวนี้แน่ๆ ลำโพงตัวนี้ คือ Lyric speaker ลำโพงระดับ HiRes ที่มาพร้อมจอโปร่งแสง แสดงเนื้อเพลงของเพลงที่กำลังเล่น

Lyric speaker

เป็นสิ้นค้าจากญีปุ่น เชื่อมต่อกับมือถือได้ทั้ง iOS, Android

Lyric Sync Technology

ตอนที่ไปดูในบูธก็ให้เขาเปิดเพลงให้ดู แล้วก็กดอัดวิดีโอครับ แต่ดันกดอัดวิดีโอตอนเพลงที่ไม่มีเนื้อซะงั้น แต่ตอนเพลงที่มีเนื้อมันก็มีเอฟเฟ็คเท่ๆให้ดูนะครับ

เมื่อเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ก็มีให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ แต่ว่าตัวจริงดูเท่กว่ามาก เว็บไซต์ https://lyric-speaker.com

Lyric-speaker

มาถึงส่วนที่สำคัญ ราคา สิ้นค้าน่าใช้มาก เหมาะกับการเอามาตั้งไว้ที่บ้านมาก ราคาที่ถามกับคนเฝ้าบูธคือ 5,000 ยูโร (~190,000 บาท) ผมถามอยู่ 3 รอบว่าที่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? แต่ได้คำตอบเดิมกลับมา

แต่ว่าๆ…ตอนกลับมาเช็คราคาในเว็บไซต์ของญี่ปุ่นและลองกดสั่งสิ้นค้าไป คำนวณจากเงินเยนออกมาได้ราว 2,500 ยูโร (~100,000 บาท) เท่านั้นครับ ก็ขอเชื่อตามเว็บไซต์ก็แล้วกัน (เพราะถูกตัวกว่า) คิดว่าคงเหมาะกับลูกค้าเฉพาะกลุ่มเท่านั้นครับ T_T

ในเว็บไซต์บอกรายละเอียดของลำโพตัวนี้อย่างละเอียดดังนี้

สเปค

Product Name: Lyric speaker
Model: LS1
Color: Black
Dimensions (Approximate): W52cm x D14cm x H35cm
Weight (Approximate): 11kg (Body 10.5kg, AC adapter 0.5kg, Power cord 0.2kg)

Display: 22inch Transparent LCD
Speaker:

  • Speaker Coaxial Loudspeaker x2,Drone Cone Speaker x2
  • Output(max) 20Wx2 (40W)
  • Enclosure Dual Passive Radiators
  • Frequency 40Hz – 40kHz

Wi-Fi®:

  • Standard IEEE 802.11 a/b/g/n/ac
    Security WPA2™ – Personal
    Frequency 2.4/5.0 GHz

Material: Body ABS / Galvanized Steel / Acrylic Plate
Power: Power 100W max *Power Consumption Operational
Included in the Box: Lyric speaker(body), Manual・Warranty, AC adapter, Power cord

Flickr for Android ดาวน์โหลดไปใช้งานกัน

Flickr for Android

แปลกมากที่จะโหลด Flickr ลงมือถือแต่ดันฟ้องขึ้นมาว่าที่ประเทศไทยใช้ไม่ได้ ทำเอางงมากๆ ทำไมยังไม่เปิด Worldwide ทำให้เข้าไปค้นใน Google play ก็ไม่เจอ ต้องเข้าผ่านลิงค์ตรง Flickr for Android เข้าไปก็จะรู้ว่าติดตั้งไม่ได้ ใน iOS ก็ดาวน์โหลดไม่ได้เช่นกันนะ

Flickr ใน Google Play ติดตั้งไม่ได้

Flickr เป็นที่เก็บภาพถ่ายที่ให้พื้นที่ฟรีเยอะมาก 2TB บางครั้งภาพที่ต้องการเก็บแบบเต็มขนาดไฟล์ ใหญ่ๆ ก็จะเข้ามาใช้งาน Flickr บางครั้งก็อยากเข้าใช้งานผ่านมือถือ แต่ติดที่มันไม่ให้บ้านเราดาวน์โหลดผ่านทาง Google play ดังนั้นจึงได้ไปค้นหาไฟล์ APK มาติดตั้งเสียเลย

ค้นจาก Google ได้จากเว็บไซต์นี้ https://www.apk4fun.com ก็ดาวน์โหลดแล้วติดตั้งได้เลย ติดตั้งจากตัว APK ก็ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว

ตัว Flickr for Android ก็มีฟีเจอร์ Auto Sync อยู่ด้วยซึ่งต้องระวังเรื่องการใช้ดาต้ากันให้ด้วย สามารถปิดได้ หรือเลือกให้ Sync เฉพาะตอนต่อ Wi-Fi ก็ได้ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ค่า Privacy รูปที่ถ่ายจะเป็น Public เป็นค่าเริ่มต้น ควรเข้าไปตั้งค่าให้เหมาะสม เดี๋ยวใครที่ชอบถ่ายภาพแบบลับๆจะโชว์ให้ชาวบ้านเห็นในทันที ระบบ Auto Sync ทำงานได้ดีมาก เร็วทันใจ

Flickr for Android เมนูต่างๆ

ส่วนการใช้งานอื่นๆการถ่ายภาพ แล้วใส่ฟิวเตอร์ทำได้ง่ายและเร็ว แชร์ไปที่ Facebook, Tumblr, Twitter ได้พร้อมกันทันที ตัวแก้ไขภาพก็มีให้ใช้งานอย่างครบครันทั้งปรับสี ตัดภาพ ความสว่าง หมุนภาพ ฯลฯ

ตัวปรับแก้ไขภาพ และตัวเลือกฟิวเตอร์

ส่วนที่ใช้ปรับแต่ง แก้ไขภาพ และส่วนฟิวเตอร์ในแบบต่างๆ และการแชร์ภาพ

การถ่ายภาพ เมนูด้านขวาใส่ฟิวเตอร์ เมนูฝั่งขวาปรับแต่งภาพ และจบด้วยการแชร์ภาพ

Flickr for Android ทำให้เราสามารถเข้าถึงบัญชี Flickr ของเราได้ง่ายชึ้น และยังเป็นแอพที่ใช้ถ่ายภาพ ตกแต่งภาพ ที่ใช้ง่าย สมควรมีติดไว้ในสมาร์ทโฟนของท่านอย่างยิ่ง

ถ้าลิงค์จากด้านบนโหลดไม่ได้ คลิกโหลดจากนี้ได้ครับ Flickr for Android V3.1.3

ไฟล์ที่ Save บน iCould ที่เครื่องเราเก็บไว้ไหน?

เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่ลอง save ไฟล์ Keynote รวมทั้งไฟล์อื่นๆด้วย ไปเก็บไว้บน iCloud ตอนเปิดใช้งาน แก้ไข ก็สะดวกดี แต่กับมีปัญหาตอนเราจะส่งไฟล์นี้ให้คนอื่น เพราะดันหาที่อยู่ของไฟล์ต้นฉบับไม่เจอ(มันเอาไปเก็บไว้ไหนฟะ?) จะ save as ก็ไม่มีเมนูนี้ ตอนนั้นก็ใช้วิธีบ้านๆคือ Duplicate ขึ้นมาอีกอันแล้วค่อยกด save ไว้ข้างนอก iCloud

iCloud

พอมีเวลาค่อยมาหาข้อมูลว่าไฟล์ที่เรา save ไว้บน iCloud ตำแหน่งที่ของไฟล์อยู่ในเครื่องเราอยู่ตรงไหน ก็ไปเจอที่บทความนี้ ใน OSX Daily ง่ายมาก ทำ 2 ขั้นตอน เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง

  1. เปิด Finder ขึ้นมา กด Command+Shift+G หรือคลิกที่ Go>Go to Folder  ก็ได้ พิมพ์ ~/Library/ เข้าไปในช่องค้นหา

    Go to Folder

  2. เลื่อนหาโฟว์เดอร์ที่ชื่อ “Mobile Documents” ไฟล์ทั้งหมดอยู่ในนั้นโดยแยกตามโปรแกรมต่างๆ ถ้าอยากเข้าถึงง่ายๆในครั้งหน้า ก็คลิกขวา Make an alias แล้ว Drag โฟว์เดอร์ไปวางไว้ที่ Favorites Sidebar ได้เลย

    Mobile Documents

น้องจากนี้ พวกโปรแกรมอื่นๆที่เราใช้ใน iOS ที่เลือก Save ขึ้น iCloud ไฟล์ก็ถูก Sync มาที่นี้เหมือนกัน เช่น รูปจากโปรแกรม SketchBook ใน iPod ก็เห็นในนี้เหมือนกัน

เพิ่มพื้นที่ Dropbox แบบฟรี ให้ทะลุถึง 19 GB กันเลย

จากตอนที่แล้วที่เขียนถึงการเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox ด้วยวิธีใช้สอง account ในเครื่องเดียว ในคอมเม้นด้านล่างคุณ @ThaiAnime แนะนำวิธีเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox ด้วยการยืนยันการเป็นนักศึกษา โดยการใช้อีเมลของสถานศึกษาที่มีโดเมนเป็น .ac, .ac.th หรือ .edu เลยลองทดสอบดู

เข้าไปที่ www.dropbox.com/edu

Dropbox edu

ใส่อีเมลที่เป็นของสถานศึกษาของเราเข้าไป กด Send Email ระบบจะส่งลิงค์ไปให้ที่อีเมลที่กรอกเข้าไป

Dropbox ส่งลิงค์ยืนยันมาให้

อีเมลของมหาลัยที่เข้าปีละหนเองมั้ง เพิ่งเห็นประโยชน์ก็คราวนี้ล่ะ กดลิงค์ที่ Dropbox ส่งมาให้ หรือจะก๊อปปี้ไปวางที่ช่อง ulr ของ Browser ก็ได้

Verify เสร็จ Dropbox จะเพิ่มพื้นที่ให้ทันที โดยอิงจากพื้นที่ที่ได้จาก Ref link ก่อนหน้านี้ที่แนะนำเพื่อนไป โดยเปลี่ยนจาก 250 MB/คน เป็น 500 MB/คน ทำให้พื้นที่ของผมจาก 11 GB เพิ่มเป็น 19 GB ในทันที

พื้นที่ Dropbox 19 GB

ตอนนี้เลยอยากรู้แล้วว่าพื้นที่แบบฟรีของ Dropbox จะเพิ่มสูงสุดได้เท่าไหร่กันนะ อีก account ให้เพื่อน verify ให้ดีกว่า

สุดท้ายขอบคุณ @ThaiAnime อีกครั้ง ที่แนะนำทริปดีๆให้ครับ

ใครที่ยังไม่เคยใช้ Dropbox สมัครผ่าน Referral Link ของผมได้นะครับ

วิธีทำให้ Dropbox ใช้ได้หลายบัญชีในเครื่องเดียว

ผมใช้ Dropbox เป็นที่เก็บไฟล์ที่สำคัญ ตอนนี้มีพื้นที่หยุดที่ 11 GB ไม่เพิ่มแล้วใช้ไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็น ความจริงบริการ Cloud Storage มีอยู่อยู่หลายอันเช่น SugarSync, iDrive, Windows Live Mesh แต่ไม่มีตัวไหนโดนใจเท่า Dropbox แต่ยังไม่อยากจะจ่ายตังค์ซื้อ เพราะพื้นที่ 50 GB/99$/year ดูจะเกินความจำเป็นไปนิดหนึ่ง สองสามวันก่อนเลยหาวิธีที่จะรัน Dropbox พร้อมกันหลายๆ account ในเครื่องเดียว วิธีการทำก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร จะสรุปเป็นขั้นตอนสั้นๆไว้ให้ดู โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าคนที่ใช้ Dropbox น่าจะมีความเป็น Geek ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เริ่มเลยแล้วกัน

    1. สมัคร Dropbox อีกอัน ได้พื่นที่ฟรีเริ่มต้นมาแล้ว 2 GB ถ้าต้องการพื้นที่เพิ่มก็ทำตามวิธีเหล่านี้ เพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox ง่ายๆ อีก 768 MBเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox อีก 250 MB ได้ง่ายๆ
    2. สร้าง User Account ในคอมพิวเตอร์อีกอันใส่ชื่ออะไรก็ได้ จะตั้งหรือไม่ตั้งพาสเวิร์ดก็ตามแต่

      สร้าง User account ในเครื่องของเรา

    3. Switch User ไปใช้ User อันใหม่ที่สร้างขึ้น แล้วติดตั้งโปรแกรม Dropboxเลือกที่อยู่ของโฟว์เดอร์ Sync เป็นคนละที่กับของเดิมนะ

      Switch User

    4. Switch User อีกครั้ง มาใช้ตัวหลัก เข้าไปที่
      C:\Users\ชื่อ User ที่สร้างใหม่\AppData\Roaming\Dropbox\bin\Dropbox.exe
      แล้วคลิกขวาเลือก Send to>Desktop (create shortcut)

      สร้าง Shortcut

    5. คลิกขวาที่ shortcut ที่สร้างขึ้นมา เลือก Properties
      เลือก options

      ที่ช่อง Target เพิ่ม runas /user:ชื่อ User ที่สร้างใหม่ ข้างหน้า

      เพิ่มโค้ดเข้าไป ตัวอย่างใช้ชือ Dropbox2

    6. ดับเบิ้ลคลิก shortcut ใส่พาสเวิร์ดของ User Account ก็ทำงานพร้อมกันได้แล้ว

      สั่งเริ่มทำงาน

ใช้ Dropbox สองบัญชีพร้อมกัน
  1. ถ้าต้องการให้มันทำงานเองแบบอัตโนมัติก็เอา shortcut นี้ไปวางในโฟว์เดอร์ startup เปลี่ยนชื่อด้วยจะได้ไม่ซ้ำกับอันเก่า

    ใส่ใน startup เพื่อให้ทำงานทันทีที่เปิดเครื่อง

ตอนนี้ที่เครื่องเราก็สามารถใช้ Dropbox ได้สองบัญชีพร้อมกัน เหมือนได้พื้นที่สองเด้ง ตอนนี้เลยมีพื้นที่โดยรวมเป็น 11+3 GB

update: สำหรับเวอร์ชั่น Mac คลิกลิงนี้ครับ

ข้อมูลจาก https://maketecheasier.com

เพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox ง่ายๆ อีก 768 MB

Dropbox เป็น Cloud Storageที่ผมใช้งานเยอะที่สุด และพูดได้ว่ามันดีที่สุดสำหรับผม ณ ตอนนี้ (เทียบกับ Sugar Sync, Live Mesh, iDrive) และเรียกใช้งานได้แทบทุก Platform ได้ลองเล่นบน iPhone มันเจ๋งมาก พื้นที่เริ่มต้นแบบฟรีให้มาน้อยไป แต่ก็มีวิธีเพิ่มพื้นที่ฟรีให้ ตอนนี้ผมมีพื้นที่อยู่ 11 GB ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน สำหรับเก็บข้อมูลที่สำคัญ มาดูวิธีเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox

วิธีเพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox มีอยู่ 3 วิธี คือ

  1. การทำแบบฝึกหัดวิธีใช้ให้ครบ เคยเขียนไว้แล้วที่ เพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox อีก 250 MB ได้ง่ายๆ
  2. ส่งลิงค์แนะนำ Dropbox ให้เพื่อน โดยอ้างอิงจาก account ของเรา ใครที่สมัครใหม่ อยากให้พื้นที่แก่ผมก็คลิกลิงค์นี้โล้ด https://db.tt/SqyH02t แบบนี้เราได้เพิ่ม 250 MB/ เพื่อนหนึ่งคนที่สมัคร
  3. อันนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เพิ่งรู้ เพิ่มด้วยการแชร์ และติดตาม Dropbox ผ่านทาง Social Network ถ้าทำครบทุกอันจะได้เพิ่มมาอีก 768 MB ทำตามหน้านี้ครับ https://www.dropbox.com/free
Get 768 MB of Free Dropbox Space

via: https://maketecheasier.com

Sync ไฟล์ที่อยู่หน้าจอ Desktop

iDrive

เมื่อหลายวันก่อน เครื่องผมฮาร์ตดิสก์พังแบบกู้ไม่ได้เลย ข้อมูลที่มีก็หายหมด แต่ผมมีข้อมูลที่ sync อยู่บนอินเทอร์เน็ต โดยใช้ Dropbox กับ Live Mesh จึงไม่เดือดร้อนมากนัก (ดูรายละเอียดการใช้งาน dropbox, LiveMesh)แต่อย่างไรก็ตาม ผมมีนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือ ชอบวางไฟล์งานที่ทำค้างไว้ที่หน้าจอ desktop ซึ่งมันง่ายต่อการเข้าถึง และทำให้รู้ว่าทำอะไรถึงไหนแล้ว เมื่อทำเสร็จค่อยโยนเข้า Folder sync คิดว่าหลายคนก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน ข้อเสียคือข้อมูลไม่ได้ sync ทำให้งานที่ทำล่าสุดที่ยังไม่ปิดโปรเจคจึงหายไป เรียกได้ว่า เซ็งสุดๆ แต่แปลกที่ Live Mesh เอา Folder C:\Users\user name\Desktop ตำแหน่งเก็บไฟล์ที่อยู่หน้าจอเข้าไปไม่ได้ ต้องตั้ง folder ใหม่ขึ้นมาบน desktop ก่อน เลยเปลี่ยนมาใช้ iDrive ปรากฏว่าสามารถ เลือก Folder ดังกล่าวได้(ดูรูปด้านบน)

ตอนนี้ในเครื่องจึงมี sync อยู่ 3 อัน

  • Dropbox (8 GB)
  • Live Mesh (5 GB)
  • iDrove (12 GB)

สรุปว่าตอนนี้ data ในเครื่อง Sync หมดแล้ว อันไหนสำคัญมากจะถูก sync ไว้ทั้ง 3 อัน ไม่กลัวเครื่องพัง ไม่กลัวฮาร์ตดิสก์พัง แต่อาจจะแลกมาซึ่ง Privacy ที่ลดลง

เพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox อีก 250 MB ได้ง่ายๆ

Dropbox
ใครที่ใช้ Dropbox วิธีเพิ่มพื้นที่หลักๆคือมาจากการ ส่ง Ref link ให้เพื่อนสมัครต่อ เขาก็จะเพิ่มพื้นที่ให้ 250 MB/คน แต่มีอีกวิธีหนึ่งที่เพิ่มให้เราฟรีๆอีก 250 MB เพียงแค่ทำทุกอย่างในนี้ https://www.dropbox.com/gs ให้ครบทุกอัน คลิกตามลิงค์แล้วทำตาม step แต่ละอันให้ครบ ง่ายมากๆ
Welcome to Dropbox. Complete these steps to become a Dropbox guru!
  1. Take the Dropbox tour
  2. Install Dropbox on your computer
  3. Put files in your Dropbox folder
  4. Install Dropbox on other computers you use
  5. Share a folder with friends or colleagues
  6. Invite some friends to join Dropbox
For every friend who joins Dropbox, we’ll give you both 250 MB of bonus space (up to a limit of 8 GB)!
complete!

ของผมตอนนี้มีอยู่ 7.75 GB อีก 250 MB ก็จะเต็ม 8 GB แล้ว ใครยังไม่เคยสมัครใช้งาน สมัครผ่าน Referals Link ของผมได้นะครับ

Dropbox : Sync ไฟล์ในเครื่องกับอินเตอร์เน็ต

หน้าเว็บของ Dropbox

บริการฝากไฟล์ในโลกอินเตอร์เน็ตมีอยู่มากมาย อย่างเช่น Mediafire ,Rapidshare ,depositfiles ฯลฯแต่ไปเจอบริการอีกตัวที่แตกต่างกับตัวอื่นๆ อยู่นิดหน่อย Dropbox ค่อนข้างช่วยผมได้มาก ผมใช้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องทำให้เวลาไปทำงาน ไปเรียน หรืออยู่ห้อง เมื่อโหลดไฟล์บางอย่างมาก็ต้องเอาลง flash driveซึ่งมันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เมื่อผมสมัครบริการของ Dropbox จะได้พื้นที่ออนไลน์ฟรีมา 2 GB (แต่สามารถอับเกรดเป็น 3 GB ได้ถ้าแนะนำให้คนอื่นได้ใช้โดยให้เพิ่มอีก 250 MB/คน) Dropbox จะติดตั้งโปรแกรมเล็กๆตัวหนึ่งลงที่เครื่องของเราและสร้างโฟวเดอร์ ชื่อ My Dropbox ขึ้นมาบนเครื่องของเรา เมื่อเราเอาไฟล์ลงไปที่โฟว์เดอร์นี้มันจะ Sync ขึ้นไปบนเว็บ เมื่อผมไปใช้เครื่องอื่น ติดตั้งโปรแกรมแล้ว login มันก็จะ sync อัตโนมัติลงเครื่องเลย หรือเมื่อไปใช้เครื่องอื่น แต่ไม่ต้องการลงโปรแกรมก็สามารถดาวน์โหลดได้โดยตรงผ่านทางหน้าเว็บ หรือจะส่งแชร์ไฟล์ให้เพื่อนด้วยก็ได้ เป็นบริการดีมากๆ ตอนนี้เจ้า flash drive 2 GB ของผมเลยเก็บเข้ากล่องไปเรียบร้อยแล้ว แต่ข้อเสียก็มี คือเครื่องที่ใช้ต้องเล่นอินเตอร์เน็ตได้ พื้นที่ฟรีค่อนข้างน้อย รุ่นเสียตังค์ได้ถึง 50 GB  และ 100 GB

ข้อมูล : Dropbox

ตอนนี้ใช้ Evernote จนติดงอมแงม

โปรแกรมจดโน๊ต Evernote

ติดใจในความสะดวกสบายและความสามารถในการเก็บไว้บนเว็บได้ด้วย ไม่ต้องกลัวหาย รู้จัก evernote จาก wakoopa ตอนนั้นเข้าไปดูสถิติว่าใช้สัปดาห์นี้ใช้โปรแกรมอะไรบ่อยสุด แล้วก็เลยคลิกไปดูเพื่อนๆว่า ใครใช้อะไรบ้างพบว่า evernote คนใช้เยอะมาก ก็เลยคลิกไปดูและดาวน์โหลดมาทดลองใช้ ที่ https://www.evernote.com Evernote เป็นโปรแกรมที่ใช้จดบันทึก สามารถเขียนเอง พิมพ์ หรือเก็บจากเว็บไซต์ บันทึกข้อความจากเว็บที่เราสนใจเพียงแค่ติดตั้ง extension evernote ลงที่ firefox แค่นี้การเก็บเนื้อหาเว็บดีๆไว้อ่านภายหลังก็เป็นเรื่องง่ายมาก

วิธีใช้ก็ง่ายมากๆ แค่คลิกคลุมเนื้อหาที่ต้องการ บันทึกไว้ แล้วคลิกงวงช้างเขียว ใส่  tag เป็นอันเรียบร้อย แล้วเมื่อถึงเวลาโปรแกรมจะ sync เองหรือกด sync เองก็ได้

ดูวีดีโอประกอบดีกว่าจะได้เข้าใจง่ายขึ้น

Exit mobile version