เวลาเราแปลงภาพเป็น PDF หรือ แปลงไฟล์จากเครื่องแสกนเป็น PDF สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆคือไฟล์ PDF ที่ได้มันมีขนาดไฟล์ใหญ่มาก ทั้งๆที่มีเพียงไม่กี่หน้า มีปัญหาเวลาจะต้องส่งอีเมลอยู่บ่อยครั้ง ใน OSX สามารถใช้โปรแกรม Preview ย่อขนาดไฟล์ PDF ลงได้
วิธีลดขนาดไฟล์ PDF ใน OSX ด้วยโปรแกรม Previes
เปิดไฟล์ PDF ตัวนั้นด้วยโปรแกรม Preview ขึ้นมา
คลิกเลือกที่เมนู File>>Save As…
เลือกตำแหน่งที่เก็บไฟล์ เลือก Format เป็น PDF และเลือก Quartz Filters เป็น Reduce File Size
กด Save
ปัญหาที่เกิดขึ้น
มันย่อไฟล์ขนาด 25.8 MB ให้เหลือแค่ 82 KB ย่อลงได้เยอะมากก็จริง แต่เมื่อดูเนื้อไฟล์แล้วมันแย่มาก(ดูภาพด้านบน) ถ้าเป็นไฟล์ PDF ที่เป็น text ค่อนข้างใช้ได้เลย แต่อันนี้เป็นภาพที่แสกนเข้ามาทำให้การเลือก Reduce File Size ที่เป็นค่า Default ของเครื่องทำให้ได้ไฟล์ที่แย่มาก
วิธีปรับแต่งตัวลดขนาดไฟล์ PDF (Reduce File Size)ใน OSX
เปิดเข้าไปที่ Finder เลือก Go to Folder…
ใส่ค่านี้เข้าไป /System/Library/Filters คลิก Go
นั้นคือเราจะเข้าไปที่โฟล์เดอร์ที่เก็บไฟล์การตั้งค่าการบีบอัดไว้เพื่อเข้าไปแก้ไข
บล็อกตอนนี้น่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่ต้องการย่อ PDF ให้มีขนาดเล็กแต่ไม่อยากให้คุณภาพของไฟล์เสียไปมากเกินไปนัก ลองเอาไปปรับใช้กับการทำงานของตัวเองให้เหมาะสมครับ
รู้สึกรำคาญไหมครับ ตอนที่จะเปิดไฟล์สักอันในเครื่อง Mac ด้วยการคลิกขวา แล้วใช้ Open With จะมีบางแอพพลิเคชั่นที่มันขึ้นซ้ำๆกันโชว์ขึ้นมา แบบในรูปตัวอย่างครับ
ลงค้นดูพบว่ามีวิธีแก้ไขด้วยการ reset Launcher ใหม่ เพื่อให้มันสร้าง index ใหม่ มีหลายวิธี ทั้งการแก้ไขผ่านทาง Terminal ดูที่ลิงค์นี้ “How To Remove Duplicate Apps In Mac’s Right Click “Open With” Menu” และแก้ไขผ่านทางโปรแกรม วิธีที่น่าจะง่ายที่สุดสำหรับคนทั่วไป อย่างผม อย่างท่านๆหลายๆคน ก็คือใช้โปรแกรม OnyX ช่วย มีโปรแกรมอื่นด้วยนะแต่บางอันเสียตังค์ ดูขั้นตอนการแก้ไขได้เลย ง่ายมาก
เปิด Finder ขึ้นมา กด Command+Shift+G หรือคลิกที่ Go>Go to Folder ก็ได้ พิมพ์ ~/Library/ เข้าไปในช่องค้นหา
เลื่อนหาโฟว์เดอร์ที่ชื่อ “Mobile Documents” ไฟล์ทั้งหมดอยู่ในนั้นโดยแยกตามโปรแกรมต่างๆ ถ้าอยากเข้าถึงง่ายๆในครั้งหน้า ก็คลิกขวา Make an alias แล้ว Drag โฟว์เดอร์ไปวางไว้ที่ Favorites Sidebar ได้เลย
ผมมีDropboxอยู่สองบัญชี อันแรกเป็นตัวที่ใช้บ่อย ทำงานต่างๆบนตัวนี้เป็นหลัก(24 GB) ส่วนอีกบัญชี(13 GB) ไฟล์ที่นานๆจะถูกเรียกใช้งานสักครั้งจะถูกเก็บไว้ที่นี้ ตอนใช้ Windows จะใช้วีธีตามลิงค์นี้ในการเปิดใช้งานสองบัญชีพร้อมกัน ส่วนการใช้บน Mac OS X ทำได้ง่ายกว่ามาก ดังนี้ครับ
วิธีใช้ Dropbox สองบัญชีพร้อมกันในเครื่องเดียว สำหรับเครื่อง Mac
เครื่องผมลง Parallels desktop ไว้ด้วย หลักๆใช้งานทางด้านเอกสารพวก MS Office ภาษาไทย ส่วนภาษาอังกฤษนั้นทำใน MS Office for Mac พอได้ สิ่งที่น่ารำคาญอย่างหนึ่งคือ Windows Applications มันจะเข้ามาอยู่ใน Spotlight ด้วย
จึงค้นหาวิธีซ่อน Windows Applications ออกจาก Spotlight ไปเจอที่นี้ ลองทำตามแล้วก็ได้ผลตามที่หวัง
ตัวอย่างการค้นหาที่มี Windows Applications เข้ามาด้วย โดยเฉพาะจะเปิด terminal ใน OSX ตัวที่อยากเปิดดันไม่อยู่ในลิตส์ซะนี้
จะเอา Applications พวกนี้ออกก็คลิกไปที่ Spotlight Preferences อยู่ด้านล่าง หรือจะเข้าผ่านทาง System Preferences ก็ได้
พอเข้าไปแล้วจะตั้งให้ Spotlight ค้นหาเฉพาะไฟล์อะไรบ้างก็กำหนดจากส่วนี้ แต่ถ้าอยากจะเอา Windows Applications ออกให้เข้าไปที่ Privacy
Spotlight เป็นระบบ search ร่วมกับเป็นตัว launcher ด้วยใน OSX เมื่อเราค้นเจอแล้วก็เปิดขึ้นมาได้ทันที ในตอนแรกใช้งานมันค้นหาไฟล์เอกสารแล้วเปิดขึ้นมา แต่ตลกดีที่เราหาที่อยู่ของไฟล์นั้นในเครื่องไม่เจอ จะเอาไฟล์นั้นส่งอีเมลทำเอางงไปหลายนาที ความจริงแล้วเวลาค้นเจอในลิสต์ที่แสดงผลการค้นหา เราก็เลือกให้แสดงใน Finder ได้โดยคลิกที่ Show All in Finder ถ้าเว็บหรือโปรแกรมนั้น Drag and Drop ได้ก็ดีไป แต่ต้องหาที่อยู่จริงๆ ก็ต้องมาคลิก Get info อีก หรือน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้? ก็เป็นได้แต่ไม่รู้
ฟีเจอร์ตัวหนึ่งที่มาพร้อมกับ OSX Lion 10.7.2 คือ iCloud ซึ่งเป็นบริการเก็บข้อมูลไว้บนคอมพิวเตอร์กลุ่มเมฆ ลองดูวิธีการเปิดการใช้งานที่บล็อกอันเก่าที่ วิธีติดตั้ง iCloud ในเครื่อง Mac และ Windows หนึ่งในนั้นจะมี Find My Mac ที่จะช่วยให้เราติดตามตัวเครื่อง Mac ของเราได้ เมื่อโดนขโมย เหมือนกับ Find My iPhone นั้นเอง และสามารถควบคุมเครื่องในระยะไกลผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้เล็กน้อย ได้แก่ ส่งข้อความไปที่เครือง สั่งล็อกเครื่อง หรือลบข้อมูลในเครื่อง Mac ของเรา ในกรณีที่คุณอาจมีข้อมูลลับที่ไม่ต้องการให้ใครเห็นก็ทำได้
เครื่องของผมหลังจากได้อัพเดตเครื่องให้เป็น 10.7.2 จะมีฟีเจอร์ iCloud เพิ่มเข้ามาแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดการทำงาน Find My Mac ได้ ทิ้งปัญหานี้ไว้นานแล้ว เมื่อวานเลยนั่งดูว่าจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง จึงเกิดโพสนี้ขึ้นมา
ให้เปิดใช้งาน Location Services ซึ่ง Find My Mac ต้องการใช้งานเพื่อระบุตำแหน่งของเครื่อง วิธีเปิดใช้งาน เข้าไปที่ System Preferences เลือก Security & Privacy ดูว่าที่ Enable Location Services ถูกติ๊กหรือไม่ ถ้ายังให้ติ๊กเลือกเพื่อเปิดการทำงาน แล้วลองกลับไป iCloud setting อีกครั้งเพื่อดูว่าสามารถเปิดการทำงานของ Find My Mac ได้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้ต้องดูวิธีแก้ไขตัวต่อไป
วิธีที่ 2 Reinstall Lion Recovery Update
บางทีการเชื่อมต่อกับ server ตัวอัพเดตอาจจะมีปัญหา ดังนั้นลองดาวน์โหลด ตัว Recovery System มาติดตั้งเอง https://support.apple.com/kb/DL1464 เมื่อติดตั้งเสร็จ restart รอบหนึ่งแล้ว เข้าไปดูว่าเปิดการทำงานของ Find My Mac ได้หรือยัง ถ้ายังดูขั้นตอนต่อไป
วิธีที่ 3 Repair Disk and Reinstall Client Combo Update
พอเปิดใช้งาน Find My Mac ได้แล้ว หวังอย่างยิ่งว่าจะไม่ได้ใช้งานมันจริงๆนะ(ไม่อยากทำเครื่องหาย) แต่อย่างไรก็ตามมีไว้ก็เป็นเรื่องดี ถ้าหายจริงๆก็ยังพอมีเครื่องมือช่วยติดตาม หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านเช่นกันครับ