Life in a Day video gallery

วันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา youtube มีกิจกรรม ที่ชื่อ Life in a Day ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกอัปโหลดวีดีโอบอกเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตในหนึ่งวันบนโลกของตัวเองขึ้นไป แล้ว Ridley Scott และ Kevin Macdonaldan เขาทั้งสองจะเอาไปตัดต่อเป็นหนัง จะฉายในเดือนมกราคม 2011 ในเทศกาลหนัง Sundance Film Festival คนทั่วโลกก็อัปโหลดวีดีโอขึ้นไปกว่า 80,000 คลิป จาก 197 ประเทศ แล้วเขาก็เอามาให้ทุกคนได้ชมใน Life in a Day channel ว่าใครส่งอะไรมาบ้าง

แต่ที่น่าสนใจ คือรูปแบบการนำเสนอ มีอยู่ 6 แบบ ผมจับภาพหน้าจอมาให้ดู

แบบทรงกลม
แบบแมทริก เลือกเข้าออกได้
แบบ Geo-Tags ตามตำแหน่งการอัพโหลด
แยกตามปริมาณการอัปโหลด สังเกตประเทศไทยอยู่ระดับกลางๆ สีส้ม
แบบเปรียบเทียบ แสดงผลการค้นหาสองอันพร้อมกัน
อันสุดท้าย ก็แสดงโลโก้ของผู้สนับสนุนอันโต

รวมหนังสั้นชุด สวัสดีบางกอก

หนังสั้น "สวัสดีบางกอก"

“สวัสดีบางกอก” หนังสั้น 9 เรื่อง 9 ผู้กำกับ จบไปแล้ว เผอิญไปเจอ คนอัพโหลดขึ้น Youtube ไว้ด้วย เลยเอามาลงไว้ เผื่อว่า ใครยังไม่ได้ดู หรือดูไม่ครบทุกเรื่องจะได้ตามไปดู ขอบคุณ ladyEdnaMode ที่อัพโหลด คลิก Sawasdee Bangkok Playlist ส่วนตัวผม ชอบทุกเรื่องนะ แต่ละเรื่องมีเอกลักษณ์ในแนวของตัวเองชัดเจน แต่ที่ชอบเป็นพิเศษ คือ หลงแต่ไม่ลืม, Silence และ  Bangkok Blue

เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan) ใครว่าหนังเขาห่วย

เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน

เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (M. Night Shyamalan)

วันนี้ขอพูดถึงผู้กำกับคนนี้หน่อย เพราะเพิ่งได้ดู The Last Airbender มาเมื่อหลายวันก่อน ผมขอพูดถึงผลงานของผู้กำกับคนนี้ที่เราชอบ และติดตามดูมาตลอด หนังของเขาเกือบทุกเรื่อง เขาจะควบทั้งโปรดิวเซอร์ เขียนบท และกำกับการแสดง และเราจะเห็นชายขอบตาดำโผล่มาในหนังทุกเรื่อง คนๆนั้นคือตัวเขาเอง เป็นเหมือนลายเซ็นต์ส่วนตัวที่ต้องร่วมแสดงด้วย (ตอนแรกก็ไม่รู้แค่แปลกใจ ไอ้นี้โผล่มาอีกแล้ว พออ่านรายละเอียดเจอ จึงไม่นั่งเปิดดูอีกที จริงด้วยแฮะไม่ได้สังเกต) แต่ใน The Last Airbender ไม่เห็นเขานะ

ผลงานเรื่องแรกของผู้กำกับเอ็ม. ไนท์ ที่ผมได้ดูคือ Unbreakable ไม่ใช่ผลงานสร้างชื่อ The Sixth Sens แต่อย่างใด ยังจำภาพตอนที่ไปดูได้ดี ตอนนั้นยังเรียนชั้นมัธยมอยู่เลย

หนังเรื่อง Unbreakable(1999) ผมไม่ได้ดูในโรงหนัง แต่เป็นหนังกลางแปลงที่ ฉายในหมู่บ้าน(บ้านยางเฌอ) ที่ห่างจากหมู่บ้านผมไปราว 3 กิโลเมตรกว่าๆ เรา(เป็นกลุ่ม)ปั่นจักรยานไปดูกัน หนังเล่าเรื่องของฮีโร่ในร่างมนุษย์ธรรมดา เล่าถึงสมดุลของธรรมชาติผู้แข็งแกร่งที่สุด ที่อยู่อีกฝากตรงข้ามกับคนอ่อนแอ่ที่สุด และคนอ่อนแอพยายามตามหาคนที่แข็งแกร่งที่สุดคนนั้น และพยายามบอกให้เขาลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ควรทำคือปกป้องเพื่อนมนุษย์ หนังจบแบบหักมุม ในแบบที่คาดไม่ถึง ตอนนั้นทำเอาผมอึ้ง ตาค้าง ไม่เคยดูหนังแบบนี้ สุดท้ายจึง ซื้อวีซีดีเก็บไว้ ดูไปหลายรอบ บ้าถึงขั้น เปิดดูหนังแล้วจดบทออกมาเป็นฉากๆ เหมือนบทของโกลเมน ในหนังสือ “ปั้นหนังเป็นตัว”

จากนั้นเริ่มตามหาหนังเรื่อง The Sixth Sens(2000) มาดู แผ่นวีซีดีหนังเรื่องนี้จำได้ว่า แพงมาก แบบว่าในร้านขายอยู่บนหิ้งแพงกว่าหนังทั่วไป 2 เท่าเห็นจะได้ กว่าจะซื้อได้ต้องต้องเดินผ่านไม่รู้กี่รอบกี่วัน เป็นหนังผีที่จบแบบหักมุมอีกครั้ง(ครั้งแรกของเขา) เจ้าหนูฮาเลย์ โจเอล ออสเมนท์ แสดงได้ดีมาก และเป็นนักแสดงเด็กอีกคนที่ผมชอบ ไม่แปลกใจที่เป็นผลงานสร้างชื่อ ตอนนั้น เอ็ม. ไนท์ ได้เป็นหนึ่งในลายเซ้นต์หนังที่ต้องดูไปแล้ว

หนังเรื่องต่อไปที่ได้ดูคือ Signs(2002) แค่เปิดเรื่อง เราก็จำกลิ่นของ เอ็ม. ไนท์ ได้แล้วว่ามันมาจะมาโทนนี้ หนังยังสร้างความพอใจให้ผมได้ หนังเรื่องนี้ยังคงดูในรูปแบบวีซีดี บ้านนอกไม่มีโรงหนังให้ดูเท่าไหร่ ที่ร้อยเอ็ดมีโรงเดียวในตอนนั้น ส่วนใหญ่ฉายแต่หนังในกระแส ยังคงดูหลายรอบ หลายคนที่ดูด้วยบอกว่า มีเอเลี่ยนให้ดูนิดเดียวเอง แต่นั้นมันไม่ใช่ประเด็น

ต่อมาหนังเรื่อง The Village(2004) ตอนนี้เราเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงแล้ว ได้เข้าไปดูในโรง ตอนดูในโรง รู้สึกว่าเฉยๆ เพราะคาดหวังไว้พอควร ออกมาไม่ได้ผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้สมหวัง แต่พอมาดูตอนเป็นแผ่นอีกครั้ง ก็โอเคนะ ยังเป็น เอ็ม. ไนท์ คนเดิม เริ่มโดนวิจารณ์หนัก ว่ายังวนเวียนอยู่ในแนวเดิม แต่ผมว่ามันเป็นเหมือนลายเซ็นต์ว่า ถ้าอยากดูหนังแบบนี้ ต้องดูหนังเอ็ม. ไนท์ สิ

Lady in the Water(2006) หนังเรื่องนี้ ผมไม่ได้ดูในโรง รู้สึกว่าหนังจะเจ๊งไม่เป็นท่า เข้าเร็วออกเร็วด้วยมั้ง ได้ดูอีกทีตอนเป็นแผ่น และตอนที่ออก HBO โดนวิจารณ์แหลก ว่าห่วย  ผู้กำกับได้เป็นตัวประกอบยอดแย่แห่งปีไปอีกต่างหาก แต่ทำไมผมดูแล้ว กลับชอบ เฮ้ย..มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น นี้แหละหนังของเขา จบแบบคาดไม่ถึง

The Happening(2008) เป็นหนังเมื่อสองปีก่อน เปิดตัวที่อเมริกาไม่ได้เลวร้ายอย่างเรื่องที่แล้ว พอได้ดูก็ยังคงเป็น เอ็ม. ไนท์ คนเดิม เล่าเรื่องความกลัวด้วยบรรยากาศที่หนีไม่ได้(มันยู่ในอากาศ มันมาจากทุกที่ มันไม่ได้ฆ่าคุณ แต่คุณจะฆ่าตัวเอง) หนังสนุกพอตัว

มาปีนี้หนัง เอ็ม. ไนท์ ค่อนข้างฉีกแนวออกไป The Last Airbender(2010) เป็นหนังที่ทำมาจากการ์ตูน แนวแฟนตาซี ดูเพลิน ไม่ได้ขายความน่ากลัว อย่างเรื่องก่อนๆ และอีกครั้งที่ผมก็ชอบ โดนเฉพาะตัวเอกของเรื่อง ท่าการร่ายลำมวยจีนของเขามันเท่จริงๆ

หลายคนวิจารณ์หนังของเอ็ม. ไนท์ ว่าห่วย จำเจ วนเวียนอยู่กับการเล่าเรื่องแบบเดิม แต่ส่วนตัวผมแล้วยังคงชอบผลงานของเขา เล่าเรื่องด้วยบรรยากาศ ใช้ความกลัวที่ไม่ใช่อาการตกใจ หนังของ เอ็ม. ไนท์ มักใช้นักแสดงต่อเนื่องจากเรื่องที่แล้วมาแสดง ทำให้ได้กลิ่นไอของหนังของเขาชัดเจน ปลายปีเราจะได้ดูหนังผีในลิพท์ของเขาอีก ชื่อ Devil แต่เขาจะทำหน้าที่เป็นเพียงโปรดิวเซอร์ ไม่ได้กำกับ แน่นอนว่าผมจะดู

The Red Eagle : Hero Never Dies

The Red Eagle


The Red Eagle อินทรีแดง
Hero Never Dies
07.10.10

From classic Thai superhero, originally played in a series of films in the 1960s is now back by visionary of Wisit Sasanatieng the director of Tears of the Black Tiger,Citizen Dog and Unseenable

via : https://www.inseedangthemovie.com

ตัวอย่างหนังซูปเปอร์ฮีโร่ Thor มาแล้ว

Thor

มาร์เวล สตูดิโอ กำลังเข็นซูเปอร์ฮีโร่ในเครือของตัวเองออกมาเรื่อยๆ ฮีโร่รายล่าสุด ก็คือ Thor เราได้เห็นค้อนของเขาแล้ว ในตอนจบของ Iron Man 2 ต่อจาก Thor จะเป็น Captain America ก่อนจะรวมพลกันเป็น Avengers ที่มาร์เวลปูทางมาตลอด

หนังเรื่อง Thor จะเล่าความเป็นมาของฮีโร่ตัวนี้  Thor เป็นนักรบที่เก่งกาจ มีอาวุธเป็นค้อนสายฟ้า แต่ไปทำผิด ที่เสี่ยงจะทำให้สงครามโบราณเกิดขึ้นอีกครั้ง จึงถูกส่งจาก Asgard ซึ่งเป็นดาวที่อยู่ของชาว Asgardians (เหล่าเทพทั้งหลาย) ให้มาอยู่กับมนุษย์บนโลกเพื่อเป็นการลงโทษ Thor เรียนรู้ที่จะเป็นฮีโร่ที่ดี เมื่อศัตรูตัวฉกาจของเขาจาก Asgard กำลังส่งกองทัพมาบุกโลก

ดูตัวอย่างหนังเรื่อง Thor


กำหนดฉาย 6 พฤษภาคม 2011 อีกนานเลย

ไปดูมาแล้ว Inception จิตพิฆาตโลก

Inception

Inception คือหนังที่รอคอยมานาน หลังจาก The Dark Night ลาโรงไป บันทึกอันนี้มีสปอยนะครับ
(นอกจอนิดหนึ่ง) การนอนนั้นในทางการแพทย์มีงานวิจัยรองรับว่ามีการนอนหลายระดับจริง การนอนจะมีวงจรสลับกันเป็นขั้นๆ ข้อสังเกตนี้ได้มาจากการที่เวลาที่เราแอบเงียบหลับไม่กี่ชั่วโมง แต่สดชื่นมากกว่านอนหลายๆชั่วโมงได้ยังไง เขาอธิบายว่าคนที่ถูกปลุกในขณะที่นอนหลับในระดับลึกให้ตื่นทันทีจะรู้สึกว่านอนไม่อิ่ม สมองจะไม่สดชื่น ต่างจากคนที่ถูกปลุกตอนนอนในระดับตื้น จะรู้สึกสบาย สดชื่น ดูอ้างอิง มีโปรแกรมสำหรับปลุกให้สดชื่นด้วยในมือ Symbian ชื่อ HappyWakeUp

  • Inception คือ หนังที่สร้างกฏในเรื่องขึ้นมาเอง แล้วเดินเรื่องตามกฎที่ตั้งไว้ กฎนั้นดูจะผูกกับชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้วนั้นคือ ฝัน
  • หนังมีรายละเอียดเยอะ ถ้าละสายตาไปสักพัก อาจพลาดรายละเอียดสำคัญของเรื่องไปได้
  • ช่วงเวลาในฝันยาวกว่าชีวิตจริง หรือเรียกว่าทำอะไรๆในฝันได้มากกว่า ชีวิตจริง 10 นาที ฝันในระดับแรก คือ 1 ชั่วโมง, ระดับที่ 2 คือ 6 เดือน และในระดับที่ 3 คือ 10 ปี แน่นอนว่าในหนังมีฝันทุกระดับเดินเรื่องพร้อมกัน และลึกล้ำกว่านั้น พระเอกและสถาปนิกก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 4 ฝันในดินแดนที่พระเอกเคยอยู่จนแก่เฒ่ากับภรรยา
  • การกระทำอะไรก็ตามในโลกจริงจะกระทบโลกฝัน การกระทำอันใดก็ตามบนฝันระดับสูงกว่าจะกระทบถึงฝันระดับลึกลงไป ดังนั้นการจะโจรกรรม ความคิด(ความลับ) จากเป้าหมาย จึงต้องทำในที่นิ่ง (รถไฟฟ้า, เครื่องบิน) ที่หลับไม่นิ่งจะเกิดความไม่สมดุลเห็นได้ชัดตอนหลับบนรถทำให้โลกลำดับที่สามหมุนไปมา
  • ในความฝันจะไม่รู้ว่าเริ่มต้นเมื่อไหร่ ส่วนการตื่นคือ ทำได้โดยการ ตกจากที่สูง และตาย แต่การตายมีข้อยกเว้นในการตื่น ถ้าอยู่ในการหลับลึกจะติดอยู่ในห้วงของความฝันอีกขั้นตลอดการ (พระเอกจะตามไปปลุก)
  • โทเท็ม คืออุปกรณ์ที่พวกติดอยู่กับความฝันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองรู้ตัวว่าตอนนี้คือฝันหรือโลกจริง ของพระเอกคือ ลูกข่าง ถ้าเป็นในฝันมันจะหมุนไม่หยุด
  • ในความฝัน สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ จิตใต้สำนึก เพราะควบคุมไม่ได้ อย่าสร้างฝันจากความทรงจำ
  • งานปกติของทีมคือการโจรกรรมข้อมูลผ่านทางฝัน แต่ภารกิจใหม่คือ Inception
  • Inception ในความหมายคือ ปลูกฝังความคิด ในหนังทั้งเรื่องคือการทำ Inception ในคนๆหนึ่ง ผมเรียกมันว่า การทำให้คนๆหนึ่งเชื่ออย่างสนิทใจในสิ่งที่เราต้องการให้เชื่อ
  • ปฎิบัติการ Inception ต้องทำเป็นทีม มีการวางแผนอย่างรัดกุม ตัวหลักที่สำคัญที่เขาหามาเพิ่มในทีม คือ สถาปนิก(ดูจะสำคัญมาก คือคนออกแบบฝัน โครงสร้าง องค์ประกอบต่างๆ ในฝัน ส่วนผู้คนที่อยู่ในฝันจะถูกสร้างโดยผู้ที่ฝัน) คนปรุงยานอนหลับ(ต้องการ การหลับที่ลึกตื่นยาก) คนปลอมแปลง (แปลงร่างเป็นคนที่ต้องเข้ามาอยู่ในแผนที่วางไว้) ส่วนคนอื่นๆจะเป็นคนช่วยในการปฎิบัติตามแผน ทุกคนต้องเข้าใจกฎต่างๆในฝันเป็นอย่างดี
  • การทำ Inception มีความเสี่ยงสูง และละเอียดอ่อน มีผลกระทบเป็นลูกโซ่ พระเอกทำให้ภรรยาเชื่อว่า ตัวเองฝันอยู่ ต้องตื่น ผลคืออยู่ในโลกจริงก็คิดว่าตัวเองยังคงฝันอยู่ และต้องตกจากที่สูงเพื่อตื่น (ผลคือตาย) (หรืออาจตื่นก็ได้)
  • ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมความฝันของทุกคนเข้าด้วยกัน โดยจะมีคนที่เป็นเจ้าของฝันอยู่ด้วย ถ้าเจ้าของฝันตื่นก่อน โครงสร้างต่างๆในความฝันนั้นจะพัง
  • พระเอกเป็นคนมีปม ไม่กล้าฝัน ต้องเป็นคนเข้าไปอยู่ในฝันของคนอื่นๆ ตอนท้ายจะถูกบีบให้ฝัน
  • Inception เป็นหนังที่เล่าเรื่องฉลาด  เดาเรื่องได้ยาก แว็ปหนึ่งผมเดาว่า ชายแก่ต้นเรื่องคือไซโต(ถูก) และเรื่องยังคงอยู่ในจุดประสงค์แรกคือ ขโมยความลับจากเขา (ผิด) ในชั่วแว็ป ผมคิดว่า มอล(ภรรยาของพระเอก) พูดถูกคนที่อยู่ในฝันคือพระเอกไม่ใช่เธอ (ไม่มีคำตอบ)
  • หนังให้อารมณ์เมื่อดูเสร็จแล้วเหมือนว่า “ตอนนี้กูฝันอยู่หรือเปล่าว่ะ”
  • หนังที่เมื่อดูจบแล้ว ยังค้างเรื่องให้คิดต่อในหัวอีกพักใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หนังของพี่น้องตระกูลโนแลนยังคงทำให้เราตื่นเต้นและทึ่งในเรื่องราวที่เขาบอกเล่า
  • ตอนจบหนังไม่บอกว่า “พระเอกตื่นหรือยังคงอยู่ในฝัน” แต่มันไม่สำคัญแล้วว่าจะตื่นหรือไม่เพราะที่นั้นคือที่เขามีความสุขและพอใจที่จะมีชีวิตอยู่
  • หนังเหมือนจะจบอย่างลงตัว แต่เหลือช่องว่างให้คิดต่อได้เยอะ สามารถสร้างภาคต่อได้อย่างสบาย
  • ผมว่าดูรอบเดียวเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับหนังเรื่องนี้

ตัวอย่าง

https://www.youtube.com/watch?v=S3XzUYd6nrU

“สวัสดีบางกอก” หนังสั้น 9 เรื่อง 9 ผู้กำกับ

หนังสั้น สวัสดีบางกอก

มาบันทึกตารางการฉายหนังสั้นชุด “สวัสดีบางกอก” ของผู้กำกับ 9 คน ที่อยากดู  วันจันทร์-อังคาร เวลา 20.20 น. ทางทีวีไทย  ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาลงปฎิทินไว้กันลืม

หนังแต่ละเรื่องมีจุดร่วมเดียวกันคือ กรุงเทพฯ

วันที่ 19 ก.ค.53 : มาหานคร กำกับโดย บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
วันที่ 20 ก.ค 53 : ทัศนา กำกับโดย วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง
วันที่ 26 ก.ค. 53 : หลงแต่ไม่ลืม กำกับโดย ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์
วันที่ 27 ก.ค. 53 : Silence กำกับโดย เป็นเอก รัตนเรือง
วันที่ 2 ส.ค. 53 : Bangkok Blue กำกับโดย อาทิตย์ อัสสรัตน์
วันที่ 3 ส.ค. 53 : เสนห์บางกอก กำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว
วันที่ 9 ส.ค. 53 : พี่น้อง กำกับโดย ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล
วันที่ 10 ส.ค. 53 : กรุงเทพที่รัก กำกับโดย สันติ แต้พานิช
วันที่ 16 ส.ค. 53 : ผีมะขาม กำกับโดย คงเดช จาตุรนต์รัศมี

มีเกร็ดความรู้มาฝาก จากตอนแนะนำหนังสั้นทั้ง 9 เรื่อง เมื่อวันที่ 12-13 ก.ค. 53 ที่ผ่านมา
คำว่า “บางกอก” อาจเพี้ยนมาจาก “บางเกาะ” เพราะมีเกาะแก่งเยอะ หรืออาจมาจาก “บางมะกอก” เพราะมีต้นมะกอกเยอะ

ตัวอย่าง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thaipbs.or.th/

หนังหลังวันสิ้นโลก The Book of Eli และ The Road

หนังเรื่อง The Book of Eli และ The Road

ได้ดูหนังเรื่องเกี่ยวกับวันสิ้นโลก 2 เรื่อง คือ The Book of Eli และ The Road พบว่ามันมีจุดเชื่อมกันนิดๆ น่าจะเป็นความตั้งใจ หรือบทหนังมาจากที่เดียวกัน

The Book of Eli (2010)

หนังเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ชื่อ Eli(Denzel Washington) ในยุคหลังวันสิ้นโลก มนุษย์เหลือรอดเพียงนิดเดียว โลกเปลี่ยนไปแสงที่จากดวงอาทิตย์ทำให้ตาบอดได้ ทุกคนเมื่อออกกลางแจ้งต้องใส่แว่นตาดำ ตลอดทั้งเรื่องทุกคนจะใส่แว่นดำกันเกือบตลอด หนังออกโทนสีเหมือนอยู่ในทะเลทราย Eli ออกเดินทางไปที่แห่งหนึ่งพร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่ง ด้วยจุดประสงค์บางประการที่เขาเองก็ไม่รู้ แต่เขารับรู้ว่าเป็นบรรชาจากพระเจ้าให้ต้องทำ มีหลายคนพยายามที่จะแย่งหนังสือเล่มนั้นจากเขา เพราะคิดว่ามันทำให้คนที่ครอบครองมีพลังและอำนาจ ถ้าใครยังไม่ได้ดูและอยากดูก็หยุดแค่นี้เพราะต่อไปจะสปอยแบบหมดเปลือก

.

.

.

มีเรื่องให้เซอร์ไพร์ตอนท้ายนิดหน่อย คือ Eli เป็นคนตาบอด ทั้งที่ตลอดทั้งเรื่องดูไม่ออกเลยว่าตาบอด ต่อสู้ได้เก่งมาก แต่จะบอกเป็นนัยๆว่าตาบอด ถ้าลองย้อนกลับไปดู และหนังสือที่เขานำไปนั้นเป็นคัมภีร์ไบเบิลเล่มสุดท้ายของโลก แต่ตอนท้ายเขาถูกยิงและโดนแย่งหนังสือไป และคนที่แย่งไปได้อ่านไม่ได้ เพราะมันเป็นฉบับอักษรเบลสำหรับคนตาบอด แต่ทุกตัวอักษรในหนังสืออยู่ในหัวเขาหมดแล้ว เขาบาดเจ็บหนักแต่ก็เดินทางต่อด้วยความช่วยเหลือจากผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยช่วยไว้ จนถึงจุดหมาย ที่นั้นคือ ห้องสมุดและโรงพิมพ์เป็นที่รวบรวมหนังสือและประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ คำภีร์ไบเบิลคือสิ่งที่พวกเขาค้นหาแต่ไม่เคยเจอ Eli ทำภารกิจของเขาต่อด้วยการท่องคำภีร์ไบเบิลแต่ละบทออกมาให้คนเขียนตาม เมื่อเสร็จเขาก็ตาย

The Road (2009)

หนังที่เล่าเรื่องหลังวันสิ้นโลกเช่นกัน เป็นการใช้ชีวิตและเดินทางของพ่อ(Viggo Mortensen) และลูก(Kodi Smit-McPhee) ในโลกที่ขาดแคลนอาหารสองคนเดินทางเพื่อหวังว่าจะเจออาหารและแหล่งที่อยู่ที่ดี ตลอดทางเจออุปสรรคอันตรายมากมาย ทั้งพวกที่กินเนื้อมนุษย์ วิ่งไล่จับกันมาขังไว้กินประทังชีวิต หนังสร้างเน้นสมจริง ฉากหลังเป็นอเมริกาที่ร้าง ต้องเดินทางเลี่ยงถนนเพื่อเลี่ยงกลุ่มคนไม่ดี

หนังทั้งสองเรื่องไม่ได้เล่ารายละเอียดของการสิ้นโลก แต่มาเล่าเรื่องช่วงของการใช้ชีวิตที่ยากลำบากหลังวันสิ้นโลก ยุคขาดแคลนอาหาร และกินกันเอง จุดที่ผมเห็นว่ามันเชื่อมกันอยู่มีนิดหนึ่ง คือ ระหว่างทางพ่อลูกคู่นี้ได้ช่วยชายตาบอดคนหนึ่งชื่อ Ely แต่เขาไม่ได้เก่งอะไร แม้ชื่อจะไม่ตรงกันซะทีเดียว ผมดู The Book of Eli ก่อน เมื่อมาดู The Road จึงสะดุดความคิด และก็มาบันทึกไว้

ลองค้นดูว่ามีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า พบว่า  Eli หรือ Ely ที่ปรากฎในทั้งเรื่องนั้น หมายถึง Elijah รายละเอียดของเขาในศาสนาคริส มีเยอะ และมีการอ้างถึงเขาแตกต่างกัน ลองอ่านดูยาวมาก

ไปดูมาแล้ว แวมไพร์ ทไวไลท์ ภาค3 The Twilight Saga : Eclipse

The Twilight Saga: Eclipse

The Twilight Saga: Eclipse หนังเรื่องล่าสุดที่ไปดูมา เพราะได้ตั๋วฟรี ชวน @ac_nim ไปด้วย ได้มาจากเล่นเกมของ Dell ใน twitter ผมไม่ใช่แฟนของ twilight ไม่ได้อ่านหนังสือมาก่อน เพิ่งได้ดูภาค 1 และ 2 มาไม่นานนี้เองไม่ได้ดูในโรงแต่บอกว่าประทับใจกับทั้งสองภาคที่ผ่านมา เลยตัดสินใจอยากดูภาคที่ 3  ขอเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังพอหอมปากหอมคอ ก่อนใครจะตัดสินใจไปดู แม้ว่าหลายคนคงวางโปรแกรมไว้แล้วว่าจะไปดู สปอยเยอะพอควรนะครับ

  • วิคตอเรีย หลอกใช้ให้ไรลีย์(ตัวละครตัวใหม่)สร้างกองทัพแวมไพร์เพื่อล้างแค้นให้แฟนเธอ ได้รู้ว่าพวก newborn หรือพวกแวมไพร์เกิดใหม่จะคลั่ง ควบคุมยาก และมีพลังมากกว่าแวมไพร์ทั่วไป
  • ทั้งสองเผ่าพันธุ์แวมไพร์กับมนุษย์หมาป่า ต่อสู้ร่วมกันโดยมี เบลล่า เป็นตัวเชื่อม ต้องเรียนรู้วิธีการต่อสู้กับพวก newborn
  • หนังเดินเรื่องให้ เบลล่า ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกใคร หลายอย่างแสดงให้เห็นว่า การเลือก เจคอบ ดูจะดีกว่าเลือก เอ็ดเวิร์ด เห็นได้ชัดตอนที่อากาศหนาว เจคอบตัวอุ่นกว่า ฉากคุยกันในเต้นท์ บอกได้ว่าชายทั้งสองคนรักเธออย่างจริงใจ
  • “เบลล่า” คือผู้หญิงสองใจ อยากเก็บ เธอไว้ทั้งสองคน แต่สุดท้ายเธอก็ต้องตัดสินใจ หลายคนบอกว่าเธอตัดสินใจผิด
  • พระเอกหัวโบราณ ทำให้ เบลล่า ยังบริสุทธิ์ แม้เธอจะต้องการเหลือเกิน (พูดแรงไปหรือปล่าวเนี้ย)
  • อีกหนึ่งเสน่ห์ของ twilight คือ สาวๆอยากเป็นเหมือน เบลล่า ที่มีหนุ่มๆ มารุมรัก มีตัวเลือกให้เลือกเยอะๆ ชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอก
  • ภาคนี้เล่าถึงเรื่องอดีตหลายอย่าง มีการแนะนำตัวละครหลายคนว่ามีความเป็นมาอย่างไร ส่วนใหญ่ผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน เล่าถึงความขัดแย้งของสองเผ่าพันธ์ เป็นอีกวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ ที่ค่อยๆเผยความลับออกมาทีละน้อยๆ ภาค 3 ถึงได้รู้ว่าทำไมไม่ถึงต้องฆ่ากัน
  • มีฉากบู๊ให้ดูมากกว่าทั้งสองภาคที่ผ่านมา มีฉากที่ดูมันส์ สนุก ที่ผมชอบ คือตอนไล่ล่าวิคตอเรีย ที่อยู่ระหว่างเขตของเวมไพร์กับเขตของหมาป่าโดยมีแม่น้ำเล็กๆกั้น กระโดดไปทางโน้นหมาป่าไล่ กระโดดมาทางนี้แวมไพร์ไล่
  • คำถามที่คาใจหลายคนในภาคที่สองว่า พวกมนุษย์หมาป่าทำไมไม่ใส่เสื้อ เอ็ดเวิร์ดจะถามแบบเหน็บแนมให้โดนใจใครหลายคน
  • ภาคนี้จะมีหมาป่าที่เป็นผู้หญิงครั้งแรก
  • ได้เห็นฉาก เจคอบตอนเป็นหมาป่าคลอเคลียกับ เบลล่า นิดหนึ่ง ทำให้เห็นชัดว่า หมาป่ามันตัวใหญ่กว่าที่คิดไว้อีกนะเนี้ย
  • ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือปล่าวว่า เขาออกแบบหมาป่า ดูแล้วรู้ว่าเป็นใคร โดยเฉพาะที่ตาเหมือนตอนอยู่ในร่างมนุษย์
  • พวกวูโตรี เริ่มจะมีบทบาทมากขึ้นในภาคนี้ คอยจ้องจะทำลายครอบครัวคัลเลนตลอด และยังแปลกใจที่สามารถกำราบเหล่าแวมไพร์เกิดใหม่ได้ รังสีอำมหิตเยอะเหลือเกิน
  • สกู๊ปในนิตยสาร Entertainment ถึงได้รู้ว่า เอ็ดเวิร์ด คือ เซ็ดดริก ดิกกอรี่ ในแฮรี่ พอร์ตเตอร์ ตอนถ้วยอัคนี มิน่าสาวหลง

โดยสรุป สนุกครับ ควรไปดู

ตัวอย่างหนัง แวมไพร์ ทไวไลท์ ภาค3 (The Twilight Saga : Eclipse)

เรื่องย่อ ลุงบุญมีระลึกชาติ

เมื่อนานมาแล้ว ได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่อง “ดอกฟ้าในมือมาร” ของคุณเจ้ย เป็นหนังขาวดำ ออกแนวสารคดี ที่สัมภาษณ์คนไปเรื่อยๆ โยงเรื่องไปถึง ครูดอกฟ้า มันไม่มีบท ถ่ายทำไปเรื่อย ดูวิว ดูวิถีชีวิตของคนไทยไปเรื่อยๆ ผมไม่ใช่คนที่ชอบดูหนังของคุณเจ้ย ดูบางเรื่อง ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ต้องตามมาอ่านบทวิจารณ์ที่คนอื่นพูดถึงจึงจะเข้าใจมากขึ้น หนังเรื่องล่าสุดของของคุณเจ้ย “ลุงบุญมีระลึกชาติ” ได้รับรางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ขอแสดงความยินดีด้วยครับ อดคิดไม่ได้ว่านอกจากคุณภาพของหนังแล้ว มีเรื่องของการเมืองเข้ามาร่วมด้วยหรือไม่ เป็นเหมือนอีกแรงใจให้คนไทยได้มีกำลังใจ และเป็นที่สนใจของชาวโลก

เมื่อดูตัวอย่างแล้ว ใช้ภาษาถิ่น เป็นเรื่องปกติของหนังเขาอยู่แล้ว คนอีสานน่าจะดูได้อินกว่าคนอื่นๆ

ลุงบุญมีระลึกชาติ : Uncle Boonmee who can Recall his Past Lives (Lung Boonmee Raluek Chat)
โดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล

เรื่องย่อ
ลุงบุญมี พำนักอาศัยอยู่ที่จังหวัดเลย เขาทำสวนมะขามซึ่งรายล้อมด้วยภูเขา ลุงบุญมีป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรังมาเป็นระยะเวลานาน เขาจึงรู้จักร่างกายของตัวเองว่าเขากำลังจะตายภายใน 48 ชั่วโมง ดังนั้นเขาจึงโทรเรียกให้ญาติห่าง ๆ ของเขาคือ เจนจิรา มารับเขาจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปตายที่บ้านสวน

เจนจิรามาจากกรุงเทพพร้อมกับศักดิ์ดา ซึ่งเป็นเพื่อนของเธอที่แสดงภาพยนตร์มาด้วยกัน ที่นั่นพวกเขาได้เจอกับวิญญาณของฮวย ซึ่งเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปนานแล้วของลุงบุญมี   เธอปรากฏร่างขึ้นเพื่อมาดูแลสามีที่ป่วย ไม่เพียงแต่ภรรยาที่กลับมาเท่านั้น บุญส่ง ลูกชายของลุงบุญมีที่หายสาบสูญไปหลายปีก็กลับมาที่บ้านด้วย เขาออกมาจากป่าในร่างของมนุษย์ลิง ลูกชายของเขามีเมียเป็นสัตว์ประหลาดที่รู้จักกันในตำนานพื้นถิ่นว่า ‘ลิงผี’ และอาศัยอยู่ด้วยกันในป่ามานาน ระหว่างอาหารมื้อเย็นลุงบุญมีเล่าให้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของการนั่งสมาธิ ซึ่งทำให้เขาระลึกชาติได้ เขาใช้เวลายามค่ำคืนเล่าเรื่องต่างๆในอดีตชาติให้แขกผู้มาเยือนฟัง และในคืนที่สองเมื่อเขาเล่าเรื่องจบลง

ลุงบุญมีก็ตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่ที่ภรรยาของเขาพูดถึงคือบนภูเขาสูงลิบ ทุกคนออกเดินทางเข้าไปในป่ากลางดึก ป่าที่เต็มไปด้วยสรรพสัตว์และวิญญาณ และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงถ้ำบนยอดเขา ลุงบุญมีจำได้ว่าถ้ำนี้เป็นที่ที่เขาเกิดในชาติแรกที่เขาสามารถระลึกได้ จากนั้นเขาก็เสียชีวิต

เจนจิราและศักดิ์ดานำศพลุงบุญมีมาทำพิธีในเมือง เรื่องราวของลุงบุญมีได้ปิดฉากลงพร้อมกับความทรงจำที่ถูกถ่ายทอดแก่ชายหญิงสองวัยผู้ซึ่งกำลังจะมุ่งหน้ากลับกรุงเทพ

ภาพประกอบ

ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ
ลุงบุญมีระลึกชาติ

ที่มา : https://www.thaicinema.org/kits229lung.asp
https://www.animateprojects.org/films/by_date/2010/uncle_boonmee

Exit mobile version