หนังเมื่อความจริงกับจินตนาการมาบรรจบกัน

เมื่อวาน ได้ดูหนังเรื่อง A Monter Calls (2016) แล้ว รู้สึกชอบจังเลย เลยนั่งคิดย้อนกลับไปว่าหนังแนวนี้มักถูกจริตเราเสมอ ว่าด้วยหนังที่เล่าเรื่องราวความเป็นจริงและเรื่องราวในจินตนาการไปพร้อมกัน
บางครั้งหนังก็ไม่บอกเราว่า เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่จินตนาการในใจหรือเรื่องนั้นเป็นอีกโลกที่มีจริงๆ
 
อ่านแล้วอาจจะงง ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้น
 
1. หนังมีโลกเดียว มีสัตว์ประหลาดมากมาย มีเวทมนต์ แต่ทั้งหมดอยู่ในโลกเดียวกัน เมื่อดูหนังเราจะรู้ว่าเรื่องราวเกิดที่นี่ ไม่มีที่อื่นอีก หนังในกลุ่มนี้ ได้แก่ Lord of the Ring, Hobbit เป็นต้น
 
2. หนังมีสองโลกแยกกัน คือ โลกมนุษยที่เราอาศัยอยู่และดินแดนอันมหัศจรรย์ มีสัตว์ประหลาด มีเวทย์มนต์ แม้ว่าจะมีสองโลก แต่หนังทำให้เราเชื่อว่าทั้งสองโลกนั้นมีจริง ตัวละครก็จะรู้ว่ามีอีกโลกนั้นอยู่ มักเริ่มต้นด้วยการเดินทางไปที่อีกดินแดนแล้วกลับมาในตอนท้ายเรื่อง หนังในกลุ่มนี้ ได้แก่ The Chronicles of Narnia, Oz the Great and Powerful เป็นต้น
 
และ 3. หนังที่เล่าเรื่องซ้อนทับกันไปมา ส่วนใหญ่จะมีแค่ไม่กี่แค่ตัวเอกที่รับรู้ถึงอีกสิ่งหรืออีกโลกอัศจรรย์นั้นเพียงคนเดียว และบางทีหนังก็ไม่บอกเราด้วยซ้ำว่า นั้นเป็นแค่เรื่องจินตนาการของเขา หรืออีกโลกนั้นมีจริงๆ
 
เท่าที่คิดออกก็มีรายการดังนี้ ซึ่งก็เป็นกลุ่มที่ชอบทุกเรื่องเลย
  • A Monster Calls (2016)
  • Where the Wild Things Are (2009)
  • Bridge to Terabithia (2007)
  • Pan’s Labyrinth (2006)
  • Big Fish (2003)
  • My Neighbor Totoro (1988)
A Monster Calls (2016)

A Monster Calls (2016) เรื่องเศร้าของเด็กกำลังจะสูญเสียคนที่รักยิ่ง

Where the Wild Things Are (2009)

Where the Wild Things Are (2009) เด็กดื้อกับเพื่อนสัตว์ประหลาด บางคนบอกว่าดูไม่น่ารักเลย แต่เราชอบสัตว์ประหลาดตัวนี้มาก

Bridge to Terabithia (2007)

Bridge to Terabithia (2007) เพื่อนที่มีจินตนาการของดินแดนอัศจรรย์ร่วมกัน

Pan’s Labyrinth (2006)

Pan’s Labyrinth (2006) เรื่องที่น่าเศร้าอีกเรื่อง ที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันแค่จินตนาการหรือมีอีกโลกอยู่เบื้องหลัง (A Monster Calls มีความคล้ายเรื่องนี้มาก)

Big Fish (2003)

Big Fish (2003) เรื่องของจินตนาการของผู้เป็นพ่อที่บอกเล่าเรื่องราวให้กับลูกชายฟัง ทั้งน่าตื่นเต้นและน่าอัศจรรย์

My Neighbor Totoro (1988)

My Neighbor Totoro (1988) แม้จะเป็นการ์ตูน แต่ก็เป็นเรื่องแรกๆที่คิดถึงเลยทีเดียว เพื่อนบ้านผู้น่ารัก เราไม่รู้ว่าความจริงแล้วโทโทโร่มีจริงสำหรับทุกคน หรือแค่เด็กน้อยเท่านั้นที่จะได้เห็นและสัมผัสกับโทโทโร่ได้

คิดว่าน่าจะมีอีกหลายเรื่องที่ยังนึกไม่ออก ใครคิดออกฝากเขียนบอกด้วยนะครับ

มาแชร์ หนัง 10 เรื่อง หนังสือ 10 เล่ม ในดวงใจกันครับ

หนัง 10 เรื่องในดวงใจ

เห็นเพื่อนๆหลายๆกลุ่มแชร์หนังที่ชอบ บางกลุ่มแชร์หนังสือที่ชอบ แบบที่นึกได้แล้วเขียนเลย ไม่ต้องคิดเยอะ พอแชร์แล้วก็แท็กชื่อเพื่อนคนอื่น เหมือนท้าเทน้ำแข็งเลยนะ เราก็อยากนำเสนอของเราบ้าง แต่จะรวมไว้ที่เดียวเลยจะได้ง่าย ทั้งหนังและหนังสือ

หนัง 10 เรื่องในดวงใจของฉัน

หัวข้อนี้ค่อนข้างยากเพราะมีหนังที่เราชอบหลากหลายเรื่องหลากหลายแนว เอาเป็นว่าคิดออกเขียนเลย แล้วค่อยมาเติมรายละเอียดทีหลัง

  1. The Matrix (1999)
  2. My Neighbor Totoro (1988)
  3. The Dark Knight (2008)
  4. Pan’s Labyrinth (2006)
  5. Good Will Hunting (1997)
  6. A.I. Artificial Intelligence (2001)
  7. A Beautiful Mind (2001)
  8. Life Is Beautiful (1997)
  9. Fight club (1999)
  10. The Lord of the Rings: The Return of the King (2003)
หนังสือ 10 เล่มในดวงใจ

หนังสือ 10 เล่มที่ชอบ

พอเป็นหนังสือมีแค่ไม่กี่แนวที่อ่านและชอบ นักเขียนที่ชอบก็ไม่กี่คน

  1. อาเพศกำสรวล-วินทร์ เลียววาริณ
  2. เรื่องเล่าจากร่างกาย- ชัชพล เกียรติขจรธาดา
  3. มนุษย์กับจักรวาล-ชัยวัฒน์ คุประตกุล
  4. Steve Jobs by Walter Isaacson
  5. ความสุขของกระทิ-งามพรรณ เวชชาชีวะ
  6. รามานุจัน-Robert Kanigel, นรา สุภัคโรจน์ แปล
  7. ปลาที่ว่ายในสนามฟุตบอล -วินทร์ เลียววาริณ
  8. ศพใต้เตียง-สรจักร ศิริบริรักษ์
  9. พุทธทาสกับเซ็น-พุทธทาสภิกขุ
  10. The Drunkard’s Walk-Leonard Mlodinow, กฤตยา รามโกมุท และ นพดล เวชสวัสดิ์ แปล

และสุดท้ายขอชวนเพื่อนๆมาแชร์รายชื่อหนัง หนังสือ ในดวงใจกันครับ เอาแบบที่คิดออกในทันที

บันทึกรายการหนังในรอบปีที่ไปดูมาแล้ว

รายการความบันเทิงในชีวิตของผมเองมีการบันทึกไว้ค่อนข้างเป็นระบบ ตั้งแต่รายการเพลงที่ฟัง หนังที่ดู หนังสือที่อ่าน อาหารที่กิน ถูกบันทึกไว้ให้ตัวเองหยิบขึ้นมารำลึกในภายหลังได้อย่างสะดวกที่สุด อีกอย่างรายการเหล่านี้สะท้อนความเป็นตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วเราชอบอะไรแบบไหนเป็นพิเศษ เคยเขียนบล็อกถึงการบันทึกเรื่องพวกนี้อยู่บ่อยๆ

สิ่งที่ช่วยบันทึกรายการความบันเทิงส่วนตัว มีดังนี้ครับ

  • Last.fm เก็บบันทึกเพลงที่ฟัง
  • Goodreads เก็บบันทึกหนังสือที่อ่าน
  • Food เก็บบันทึกอาหารและร้านอาหาร
  • Picasa เก็บบันทึกภาพถ่าย
  • และ imdb เก็บบันทึกหนังที่ไปดูมาแล้ว 

ถ้านอกเหนือจากรายการต่างๆเหล่านี้ก็จะบันทึกลงบล็อกไว้ให้ได้มากที่สุดครับ

ในวันนี้สิ่งที่อยากจะแชร์นั้นคือรูปแบบการบันทึกรายการหนังที่ดูมาแล้วของผมเอง ในที่นี้จะไม่ได้แยกว่าหนังที่ได้ดูนั้นดูที่ไหนอย่างไร จะเป็นหนังในโรง หนังแผ่น หรือแม้แต่หนังที่ดูผ่านทางเคเบิลทีวีก็ตาม ทุกเรื่องที่ได้ดูก็จะถูกบันทึกลงลิสต์ ณ เวลานี้ผ่านมาแล้ว 7 เดือน เลยครึ่งปีมาแล้วหนึ่งเดือน เราดูหนังไปแล้ว 49 เรื่อง เป็นหนังใหม่-เก่าที่ไม่เคยดู ในรายการนี้จะบันทึกเฉพาะหนังที่ไม่เคยดูเท่านั้น ซึ่งบางทีหนังที่เคยดูแล้วหยิบขึ้นมาดูอีกครั้งจะไม่ถูกบันทึกลงในรายการนี้เลย

วิธีการบันทึกของผมนั้นใช้ imdb.com เป็นตัวช่วยบันทึก โดยการล็อกอินเข้าระบบในเว็บไซต์ จากนั้นสร้างลิสต์ของตัวเองขึ้นมา เมื่อไปดูหนังกลับมาก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปที่หน้ารายละเอียดของหนังเรื่องนั้นใน imdb.com แล้วกดบันทึกลงในลิสต์ที่เราสร้างไว้ ทำแบบนี้ทุกครั้งที่ไปดูหนังมา เริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว พบว่าวิธีนี้สะดวกดีเลยทีเดียวครับ

วิธีการบันทึกหนังลงลิสต์ของ imdb

  1. ทำการสร้างลิสต์ใหม่ขึ้นมา (สมัครสมาชิกและล็อกอินเข้าระบบก่อน) คลิกสร้างลิสต์ใหม่ Create a new list

    Create a new list

  2. เลือก list เป็นรายการของรายชื่อหนัง ใส่ชื่อของลิสต์ตามที่ต้องการในที่นี้ผมต้องการบันทีกรายการหนังที่ได้ดูตลอดทั้งปี 2013 จึงตั้งชื่อว่า “Watchlist in 2013”

    New List

  3. เมื่อต้องการบันทึกหนังที่ไปดูมาแล้วลงในลิสต์ที่สร้างไว้ เข้าไปที่รายละเอียดของหนังเรื่องนั้น กด Watchlist เลือกลิตส์ที่ต้องการเพิ่มหนังเรื่องดังกล่าวลงไปในลิสต์ เป็นอันเสร็จสิ้น

    add to watchlist

เข้าไปดู Watchlist ของผมใน imdb ได้ที่ลิงค์นี้ครับ Watchlist in 2013Watchlist in 2012

ขอชวนทุกท่านมาสร้างลิสต์หนังของตัวคุณเองครับ แล้วเอาลิสต์หนังของคุณมาแชร์กันบ้างนะครับ ผมอยากรู้ว่าคุณชอบดูหนังแนวไหน เรื่องอะไรบ้าง

THShowtime แอพเช็ครอบหนัง ทุกเครือ ทุกโรง

THShowtime เป็นแอพเช็ครอบฉายหนังของโรงหนังทุกเครือ ทุกโรง ที่สำคัญมีของลิโด้กับสกาล่าด้วย โรงหนังในเครือของ SF และ Major ต่างก็มีแอพของตัวเอง แต่บางครั้งอยากจะเช็คจากทั้งสองเครือก็ต้องเปิดสองแอพไม่ค่อยสะดวกนัก อีกอย่างแอพของโรงหนังไม่รู้ใส่อะไรเข้ามาบ้าง เยอะไปหมด จะเช็ครอบหนังแต่ละทีทำได้ยากมาก ใช้แล้วงงสุดๆ แถมโหลดช้าอีกเพราะเนื้อหาเยอะ แต่แอพ THShowtime นั้นมีรายละเอียดของแต่ละโรงค่อนข้างครบถ้วน มีให้เลือกทุกโรง(ในกรุงเทพฯนะ ต่างจังหวัดไม่แน่ใจ) เราสามารถ Bookmark โรงหนังที่เราไปดูเป็นประจำไว้ได้ ง่ายและเร็ว เพิ่มความสะดวกได้อย่างมาก สำหรับใครที่ชอบดูหนังแอพนี้น่าจะมีประโยชน์แน่นอน

เป็นแอพหนึ่งที่ใช้เป็นประจำ ช่วยให้การวางแผนก่อนไปดูหนังสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะโรงหนังลิโด้และสกาล่าที่ช่วงหลังๆจะชอบไปดูที่นี้ แอพนี้ช่วยได้มากเลย เพราะจะเช็ครอบทีต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ Apex ไม่มีแอพของตัวเอง

สรุปว่าเป็นแอพที่ตัวเองใช้เป็นประจำเลยเอามาแนะนำครับ

ดาวน์โหลด THShowtime (Android)

THShowtime
THShowtime ทำ Bookmark โรงที่ไปดูเป็นประจำไว้
THShowtime ตัวอย่างการดูรอบหนังในเครือ APEX

ไปดูมาแล้ว Cloud Atlas (2012) หยุดโลกข้ามเวลา

หนังเรื่อง Cloud Atlas

Cloud Atlas (2012) ผลงานของ 3 ผู้กำกับร่วม Tom Tykwer กับ The Wachowski Brothers(Andy, Lana) สองคนหลังโด่งดังมาจาก The Matrix หนังที่เราดูหลายรอบมาก และก็ติดตามผลงานของสองพี่น้องนี้มาตลอด น่าจะเป็นอีกหนึ่งเหตุที่ทำให้สนใจ และอยากดูหนังเรื่อง Cloud Atlas มาก

Cloud Atlas เป็นหนังที่สร้างจากนิยายของ David Mitchell ในชื่อเดียวกัน ฉบับภาษาไทยแปลโดย จุฑามาศ แอนเนียน ใช้ชื่อว่า “เมฆาสัญจร” เป็นหนึ่งในหนังสือที่ต้องอ่านของผม!  หนังเล่าเรื่อง 6 เรื่อง 6 ยุคสมัย แม้แต่ละเรื่องแต่ละเหตุการณ์จะอยู่คนละช่วงเวลาแต่การกระทำของแต่ละคนส่งผลกระทบและเชื่อมโยงถึงกันอย่างต่อเนื่อง

  • เรื่องที่ 1 (คศ.1849) มหาสมุทรแปซิฟิค, เรื่องราวการเดินทางกลับบ้านของทนายหนุ่มที่กำลังป่วยหนักบนเรือ และเพื่อนใหม่คนผิวดำ
  • เรื่องที่ 2 (คศ.1936) สก๊อตแลนด์, ชายหนุ่มผู้ช่วยนักแต่งเพลง ที่เฝ้ารอผลงานที่ตัวเองสร้างขึ้นจะโด่งดัง
  • เรื่องที่ 3 (คศ.1973) ซานฟานซิสโก, เรื่องราวของนักข่าวสาวที่กำลังสืบเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลของการควบคุมทิศทางการใช้พลังงานของคนบางกลุ่มเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
  • เรื่องที่ 4 (คศ.2012) อังกฤษ, เจ้าของสำนักพิมพ์ในวัยชรา ที่ถูกเจ้าหนี้ไล่บี้ให้ใช้เงินที่กู้ยืมมา สุดท้ายต้องไปติดอยู่บ้านพักคนชราที่ไม่ต่างจากคุก
  • เรื่อง 5 (คศ.2144) กรุงโซล, มนุษย์สังเคราะห์ที่ทำงานเหมือนหุ่นยนต์ กับการช่วยเหลือของหนุ่มนักปฎิวัติ
  • เรื่อง 6 (คศ.2321) ฮาวาย, ยุคหลังการล่มสลายของมนุษยชาติ ชาวเผ่าหุบเขาและการมาของหญิงสาวผู้มีอุปกรณ์ที่ล้ำสมัย เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

หนังได้เรต 18+ มีฉากรุนแรงในบางเรื่อง การเดินเรื่องเป็นแบบสลับไปมา ตอนแรกเริ่มเดินเรื่องช้าๆ พยายามนำเราเข้าสู่เรื่องราวทั้ง 6 ซึ่งอาจทำให้บางคนเบื่อได้เลยเพราะใช้เวลานานพอสมควรเลย แต่พอเริ่มเข้าเรื่องได้ก็สนุกขึ้นเรื่อยๆ ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ หนังแต่ละเรื่องมีโทนในการเล่าที่ต่างกันนิดหน่อย บางเหตุการณ์ที่มีจุดร่วมในแต่ละเรื่องก็จะตัดสลับไม่มาสอดคล้องกัน ในทั้งหมด 6 เรื่อง บางเรื่องดูดราม่า บางเรื่องสนุกสนานและฮา บางเรื่องตื่นเต้นเป็นหนังแอคชั่นไปเลย แม้จะมีถึง 6 เรื่องดำเนินไปพร้อมกัน ตอนแรกอาจจะสับสนนิดหน่อย แต่พอเข้าใจเรื่องง ก็เปลี่ยนสนุกไปแล้ว

  • เห็นได้ชัดว่าพี่น้องวาโซวสกี้ ชอบดาราเกาหลี อย่างเช่น เรน (Speed Race, Ninja Assassin) และเรื่องนี้ดาราสาว เบย ดู นา ในบทมนุษย์สังเคราะห์ ได้บทเด่น และเธอก็ทำได้ดีทีเดียว
  • อีกคนที่ขอบอกว่าเกิดมาก Ben Whishaw ก่อนหน้านี้เจอเขาในบท Q หนัง 007 เรื่องล่าสุด Skyfall ใน Cloud Atlas เขารับบทเป็น โรเบิร์ต โฟรบิเชอร์ นักแต่งเพลง แสดงได้เด่นมาก น่าจับตามองว่าจะเป็นดาวดวงใหม่ของฮอลลีวูด
  • และ Jim Sturgess ในบทนักปฎิวัติ แฮ โจ แชง ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์สังเคราะห์ซอนมี-451 สาวๆเห็นแล้วต้องกรี๊ดแน่ๆ
  • หนังเรื่องนี้น่าจะได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยม (Best Makeup)
  • ทั้ง 6 เรื่องแสดงให้เห็นผลของการกระทำอย่างชัดเจน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต และหนังก็ย้ำในจุดนี้ได้ดีมาก
  • ตอนแรกคิดว่าจะได้ดูหนังแนวระลึกชาติอะไรทำนองนั้น แต่ไม่ใช่เลย!
  • เพลง Cloud Atlas Sextet ที่เป็นเพลงสำคัญ น่าเสียดายที่ทำได้ไม่ดีนัก ไม่ติดหู จำซาวด์ของมันไม่ได้ด้วยซ้ำ
  • ตอนดูจบกลับมานั่งดูว่ามันมีกี่เรื่องย่อยกันนะ พอไล่เรียงดู ถึงได้รู้ว่ามีถึง 6 เรื่องย่อเลยหรือนี้! แต่ตอนดูหนังรู้สึกว่ามันต่อเนื่องกัน ไม่ใช่คนละเรื่องอย่างเช่นหนังที่เราเคยดู อย่างเช่น 4 แพร่ง, 5 แพร่ง อะไรทำนองนั้นครับ
  • มีเซอร์ไพรส์ตอนจบ ที่ทำให้คนดูในโรงหนังอ้างปากค้างและตบมือกันเกรียวกร้าวเลยทีเดียวครับ

สรุปเป็นหนังครบทุกรส ทั้งดราม่า ตื่นเต้น แอคชั่น เศร้า และฮา รวมกันอยู่ในเรื่องนี้ ให้คะแนน 8/10 ครับ

ขอบคุณกิจกรรมพาบล็อกเกอร์ไปดูหนังของ Nuffnang ด้วยนะครับ ดูบล็อกของ @ac_nim ที่ไปดูด้วยกันได้ที่ https://noobnim.in.th/cloud-atlas

ตัวอย่างหนังเรื่อง Cloud Atlas ฉายจริงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555

Cloud Atlas
Cloud Atlas
Cloud Atlas
Cloud Atlas
Cloud Atlas
Cloud Atlas

ไปดูมาแล้ว Paranormal Activity 4 (2012) เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 4

Paranormal Activity 4 (2012) เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 4

Paranormal Activity 4 (2012), เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 4 

ก่อนอื่นขอขอบคุณ กิจกรรมพาบล็อกเกอร์ไปดูหนังของ Nuffnang ครับ

หนังชุด Paranormal Activity ได้ดูภาค 1 (2007) กับ ภาค 2 (2010) มาแล้ว แต่ภาคที่ 3 (2011) ยังไม่ได้ดูครับ เป็นหนังทุนต่ำแต่ดันฮอตในภาคแรก ส่งผลให้หนังออกมาต่อเนื่องจนตอนนี้ถึงภาคที่ 4 แล้ว หนังขายความเป็นเรียลลิตี้ จับภาพจากกล้องวงจรปิด กล้องเว็บแคม ฯลฯ ออกแนวแอบถ่าย(ผี)

ในภาค 4 นี้เป็นเนื้อเรื่องต่อจากภาคที่ 2 ซะงั้น! ผมยังไม่ได้ดูภาคที่ 3 เลยเหมือนโชคดีอยู่นิดๆ สิ่งแปลกใหม่ที่จะได้เห็นในหนังภาคนี้จะเป็นมุมกล้องของกล้องหน้าของโน๊ตบุ๊ค ทำให้มองเห็นหน้าคนอยู่หน้าคอมชัดเจนแต่ด้านหลังไม่ชัดให้อารมณ์น่าตื่นเต้น และยังบดบังอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของคนที่อยู่หน้าคอมอีก บรือ!

อีกเทคนิคอย่างหนึ่งที่ถูกนำเสนอใน Paranormal Activity ภาค 4 นั้นคือภาพถ่ายในที่มืดโดยจับแสง IR (อินฟราเรด) ที่ใช้ในการตรวจจับตำแหน่งของ Kinect อุปกรณ์เสริมสำหรับเล่นเกมของ Xbox มันจะยิง IR จุดเล็กกระจายออกมาเพื่อจับตำแหน่งของคนเล่น พอปิดไฟแล้วถ่ายด้วยโหมดกลางคืนก็จะเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหน้าเซนเซอร์เป็นโครงสร้างในแบบสามมิติ ไอเดียดีมาก

แสง IR (อินฟราเรด) ที่ใช้ในการตรวจจับตำแหน่งของ Kinect
ภาพแสงอินฟราเรดจาก Kinect

หนังเดินเรื่องคล้ายเดิม จากครอบครัวธรรมดาทั่วไป และเรื่องประหลาดต่างๆก็เกิดขึ้นเมื่อมีเด็กข้างบ้านเข้ามาอยู่ในบ้าน(มาพร้อมกับอะไรบางอย่าง) และมีจุดประสงค์บางอย่าง ช่วงต้นเรื่องภาพที่ถ่ายจะสั่นมากทำเอาเวียนหัวได้เหมือนกัน แต่ผ่านไปได้ช่วงหลังก็ดีขึ้น ความตื่นเต้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่น่าเบื่อในตอนต้นเรื่อง ช่วงท้ายๆต้องลุ้นตัวโก่งเหมือนกัน มีฉากตุ้งแช่ไม่เยอะนะ ส่วนใหญ่เน้นเรื่องบรรยากาศ ภาคนี้ดูจะมีเนื้อเรื่องอธิบายแทรกเข้ามาเยอะกว่าภาคอื่นๆ ที่สำคัญนางเอกสวยมาก (Kathryn Newton) ดึงความสนใจเราไปเยอะเลย

Kathryn Newton นางเอกตัวสำคัญในการเดินเรื่อง

แล้วใครควรไปดูหนังเรื่องนี้ คนที่ชอบดูคนอวดผีช่วงล่าท้าผี หรือแนวเรียลลีตี้

ให้คะแนน 6/10 ให้เพราะชอบนางเอกล้วนๆ ส่วนที่เหลือแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนครับ

 

ตัวอย่าง Paranormal Activity 4 (2012)

พรีวิว The Dark Knight Rises ยาว 13 นาที เบื้องหลัง บทสัมภาษณ์ ผู้กำกับ ทีมงาน และนักแสดง

The Dark Knight Rises

The Dark Knight Risesน่าจะเป็นหนังอีกเรื่องที่หลายคนตั้งตารอในปีนี้ หนังฉายรอบสื่อไปบ้างแล้ว ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ไปอย่างท่วมท้น ในไทยจะเข้าฉายในวันที่ 19 ก.ค. 2555 ที่จะถึงนี้แล้ว ในหนังมีฉากที่ถ่ายทำด้วยฟิล์ม IMAX เกือบหนึ่งชั่วโมง น่าจะทำให้เราเข้าไปดูในโรง IMAX ได้คุ้มตังค์มากขึ้นอีกนะ

ก่อนที่หนังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่วัน ทางต้นสังกัดก็ปล่อยคลิปความยาวประมาณ 13 นาที เปิดเผยเบื้องหลังการถ่ายทำฉากต่างๆอันสุดโหดของหนัง ตามสไตล์ของโนแลนที่ไม่ค่อยชอบการทำซีจีเท่าไหร่ และการเซ็ตฉากหลังที่สำคัญๆ และอลังการของเรื่องให้เราได้เห็น รวมทั้งสัมภาษณ์ คลิสโตเฟอร์ โนแลน(ผู้กำกับ) คริสเตียน เบล(แบทแมน) ทอม ฮาร์ดี้(ตัวร้าย”เบน” ในฉบับการ์ตูนเป็นตัวร้ายที่โหดมาก ในการต่อสู้กันทำให้แบทแมนหลังหักเลยทีเดียว) แอนนี้ ฮาทาเวย์ (แคทวูแมน) และทีมงานอื่นๆ ยิ่งกระตุ้นให้เราอยากไปดูมากยิ่งขึ้นไปอีก

อยากดูแล้วนะ!

ไปดูพรีวิว The Dark Knight Rises ความยาว 13 นาที กันเลยครับ

ภาพประกอบ The Dark Knight Rises

The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises
The Dark Knight Rises

 

ไปดูมาแล้ว The Amazing Spider-Man (2012)

The Amazing Spider Man

The Amazing Spider Man (2012) หนังไอ้แมงมุมฉบับรีบูต ตีความกันใหม่ตั้งแต่ต้น โดย มาร์ค เว็บบ์ ทำให้เหมือนฉบับการ์ตูนมากกว่าฉบับแรกโดย แซม ไรมี แต่ให้ตายสิเราชอบทั้งสองแบบ!

  • หนังดูสนุก แต่มีอยู่แว่บหนึ่งเข้ามาให้หัวตอนเริ่มเรื่องที่รู้สึกว่าเดินเรื่องช้าจัง แล้วมันก็หายไป
  • นักแสดงที่รับบทเป็นสไปเดอร์แมนฉบับนี้คือ แอนดริว การ์ฟิลด์ (ยังจำเสียงของเขาตอนร้องเรียก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ค ใน The social network ได้ติดหูอยู่เลย) ผมชอบ รูปร่าง ผอม สูง และบุคคลิกแบบนี้มากกว่าฉบับแรก ขี้เล่น มันดูเหมือนในการ์ตูนมากกว่า โทบี้ แม็คไกวร์ รูปร่างออกจะเตี้ยล่ำไปนิด
  • ในฉบับใหม่นี้ ลุงเบ็นผ่าน แต่ป้าเมย์ไม่ผ่าน เราชอบฉบับแรกมากกว่า ผมขาวและดูอบอุ่นมากกว่า
  • ชอบเครื่องยิงใยแมงมุม มากกว่าใยที่ออกมาจากตัว
  • บอกที่มาของชุดสไปเดอร์แมนชัดเจนกว่าฉบับแรก
  • มีฉากอลังการ ในตอนท้ายที่ทำให้ขนลุกได้กัน เหมือนฉากที่ผู้คนในรถไฟยกสไปเดอร์แมนลอยเนื้อหัวหลังจากเขาช่วยหยุดรถไฟไม่ให้ตกลางในสไปเดอร์แมน ภาค 2 ของเวอร์ชั่นแรก
  • ตัวร้ายลิซาร์ด(กิ้งก่ายักษ์) คือ ดร.เคิร์ท คอนเนอร์ เพื่อนของพ่อปีเตอร์ พาร์คเกอร์ เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง มีสองบุคคลิก(ดี/ชั่ว)ภายในตัว คุยกับตัวเอง คล้ายๆกับตัวร้าย ด๊อกออค ในสไปเดอร์แมน ภาค 2 เวอร์ชั่นแรก
  • ทั้งสไปเดอร์แมน และลิซาร์ด ใช้เวลาในการกลายสภาพเร็วมาก ไม่กี่ชั่วโมง (จากคนปกติเป็นอะไรที่พิเศษ) หลังจากโดนแมงมุมกัดกับฉีดยาเข้าไป
  • หนังทำฉากต่อสู้ได้สนุก ตื่นเต้น โดยเฉพาะสู้กับลิซาร์ดในโรงเรียน ได้เห็นทักษะการต่อสู้ของสไปเดอร์แมนที่ทำตัวเหมือนแมงมุมจริงๆอย่างที่ไม่เคยเห็นในหนังทั้งสามภาคก่อนหน้านี้ (ห่อคู่ต่อสู้ด้วยใยแมงมุม)
  • มีฉากฮาๆปนอยู่นิดหน่อย
  • นางเอก เกว็น สเตซี่ (เอ็มม่า สโตน จำเธอในบทนักเขียนเรื่องคนใช้ผิวสีใน The Help ได้ไหม) สวยมาก ในฉบับการ์ตูนเป็นแฟนคนแรกของปีเตอร์และโดนคนร้ายฆ่า ก่อนที่ปีเตอร์จะมาพบเอ็มเจภายหลัง
  • มีฉากหลังเครดิต เกริ่นการนำเข้าภาคต่อไป คือ นอร์แมน ออสบอร์น กรีนกอบลินคู่ปรับตลอดการของสไปเดอร์แมน ทำให้นึกถึงหนังชุดของมาร์เวลสตูดิโอ ซึ่งตอนนี้ลิขสิทธิ์สไปเดอร์แมนยังอยู่ที่โซนี่พิคเจอร์ และยากที่จะหลุดมือไปได้ง่ายๆ แม้จะมีโอกาสอันน้อยนิดที่จะได้ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ The Avengers แต่ก็อยากให้เกิดขึ้นจริงๆนะ
  • คะแนน 8/10 ตัดไม่ชอบป้าเมย์ เดินเรื่องช้านิดหนึ่งตอนต้น

ดูตัวอย่างหนัง The Amazing Spider Man (2012)

ตัวอย่าง The Amazing Spider Man (2012 ) ฉากแกล้งเพื่อนนักบาสเก็ตบอล

ตัวอย่าง The Amazing Spider Man (2012) ฉากหนีการล้อมจับของตำรวจ

ตัวอย่าง The Amazing Spider Man (2012) ฉากช่วยเด็กบนสะพาน

ฉากยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้พลังแมงมุมมา
เกวน สเตซี่ แฟนสาวสุดสวยของปีเตอร์ พาร์คเกอร์
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ในชุดสไปเดอร์แมน เท่ และเกรียนมาก
ลุงเบ็น กับป้าเมย์
พ่อของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ นำเขามาทิ้งไว้กับลุงและป้า แล้วจากไปพร้อมกับแม่ แล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ในหนังไม่ใส่แว่นนะ ใส่คอนแทคเลนส์
ต่อสู้กับวายร้ายมาอย่างหนักหน่วง สไปเดอร์แมนสะพายเป้ เท่มาก
ดร.เคิร์ท คอนเนอร์ พิการมีแขนข้างเดียว เขาพยายามสร้างแขนใหม่ให้ตัวเองด้วยการนำความสามารถของอีกสปีซี่หนึ่งมาให้อีกสปีซี่ เขาเอาความสามารถในการงอกหางใหม่ของสัตว์เลื่อยคลานมาเพิ่มความสามารถให้กับตัวเอง ผลค้างเขียงทำให้กลายเป็นลิซาร์ด
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ กับลุงและป้าในบ้าน ตอนค้นพบกระเป๋าลับของพ่อ
บาดเจ็บจากการต่อสู้ แวะมาให้แฟนสาวช่วยดูแล
เกวน สเตซี่ ในฉากหลังงานศพ(ของใครไปดูเอง)
ปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ในชุดออกไล่ล่าคนที่ฆ่าลุงเบ็น
พ่อของเกวน นายตำรวจคนดี ที่ต้องการจับสไปเดอร์แมน และก็บอกเหตุผลที่แทงใจดำปีเตอร์มากว่า การจับผู้ร้ายขโมยรถของเขาไม่ได้ช่วยเหลืออะไรตำรวจเลย!
แฟนสาวนเกวน สเตซี่ เรียนในห้องเรียนเดียวกัน
แอบมาฝึกทักษะ แต่พ่นใยแมงมุมเองไม่ได้นะ แต่รู้วิธีโหนแล้วเหวี่ยงตัวเองโดยบังเอิญ จึงคิดเครื่องพ่นใยขึ้นมา
ไอ้แมงมุมฉบับบนี้เกรียน และชอบแกล้งเพื่อนที่เคยทำร้ายเขากลับ
ชุดนี้เท่ไปเลย ในหนังมีเฉลยด้วยนะว่าไอ้หน้ากากที่มีตาเป็นแบบนั้นมันทำมาจากอะไร และได้แรงบันดาลใจมาจากไหน

ภาพประกอบจาก : https://www.theamazingspiderman.com

ไปดูมาแล้ว The Avengers

The Avengers (2012)

The Avengers หนังรวมพลฮีโร่ของ Marvel ดูไปตั้งนานแล้ว แต่อดไมได้ที่จะเขียนถึงก่อนที่มันจะลาโรงไป ตอนนี้ยังกวาดรายได้ทั่วโลกต่อไปเลย 1 พันล้านไปแล้ว สร้างสถิติใหม่เปิดตัวอันดับหนึ่งตลอดของ Box office อเมริกาอย่างง่ายดายโดยเขี่ย Harry Potter and the Deathly Hallows Part 2 ตกไปซะไกลเลย

จะเรียกว่าหนังใหม่ก็ไม่ใช่ มันเป็นเหมือนภาคต่อของ Iron Man 3, Incredible Hulk 3, Thor 2, Captain America 2 แต่ดันอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน แม่เจ้า!!!!! แฟนหนังแต่ละเรื่องมาดูฮีโร่ของตัวเองในเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่ฮิตได้อย่างไร มีฮีโร่เยอะขนาดนี้แต่เกลี่ยบทได้ดีมาก ไม่มากไม่น้อยกำลังดีในเวลา 2 ชั่วโมงนิดๆ ต่อไปข้อเขียนถึงแบบเป็นข้อๆเหมือนที่เขียนนะครับ

  • หลายคนอาจจะคิดว่าฮีโร่ของฉันเก่งกว่าของแก ไม่ต้องห่วงครับ The Avengers จัดคู่ไว้ให้ ฟัดกันเป็นคู่ๆ ส่วนเหตุที่ทำให้ต้องต่อยกัน ตามไปดูในหนังเองนะ
    Loki vs Captain America (สูสี เหมือน Loki จะได้เปรียบนิดๆ แล้ว Ironman มาเสริมทัพ Loki ขอยอมแพ้)
    Iron Man vs Thor (สู้กันมัน สูสี ก่อนที่ Captain America จะมายุติศึก)
    Black Widow vs Hawkeye (Black Widow ชนะ)
    HulK vs Thor (คงมีแค่ Thor เท่านั้นที่พอจะสู้เจ้ายักษ์เขียวได้ อัดกันมัน ก่อนที่จะมีตัวหลอกล่อให้ Hulk หนีไป)
    Loki vs Thor (เหมือน Thor จะแพ้ทาง Loki ตลอด)
    Tony Stark vs Loki ( Tony แพ้ แต่ตอนเป็น Iron Man ชนะ)
    Loki vs Hulk (อันนี้ฮา รู้ผลเร็ว)
    นอกจากนี้ยังมีการเผชิญหน้ากันอีกนิดหน่อยระหว่าง Hulk กับ Black Widow (ซึ่งหนีอย่างเดียว) และการเชือดเชือนกันด้วยวาจาระหว่าง Iron Man และ Captain America
  • ฮีโร่ทุกตัวมีปมด้อย Tony Stark (Iron Man) มีลูกปรายกระสุนเตรียมจะวิ่งเข้าสู่หัวใจทุกเมื่อ, Bruce Banner ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อเป็น Hulk ทำลายทุกอย่างที่ขว้างหน้า, Black Widow มีอดีตที่เจ็บปวดจากการเป็นโจรก่อนที่จะมาทำงานให้ S.H.E.L.D, Thor รักน้อง Loki ไม่กล้าทำร้าย สุดท้ายความเจ็บปวดกลับมาที่ตัวเองทุกครั้ง, Captain America ความรู้สึกแปลกแยก เป็นคนหลงยุค, Hawkeye ในเรื่องไปอยู่ฝั่งตรงข้ามซะเกือบครึ่งเรื่อง
  • ในเรื่องมีตัวร้ายสนับสนุน Loki ให้สามารถบุกยึดครองโลกได้ โดยให้ทั้งกองทัพและคฑาที่มีพลังอำนาจสูง แลกกับ Tesseract ที่มีพลังไร้ขีดจำกัดที่อยู่บนโลก (ก้อนเรืองแสงที่ตกลงทะเลพร้อมกับ Captain America นั้นเอง)
  • เราจะได้เห็นชุดใหม่ของ Iron Man, ได้เห็นความบ้าคลั่งและความเกรียนของ Hulk ที่ทำให้สะใจคนดู, ได้เห็นฐานบัญชาการที่ล้ำยุค, ได้ดูฉากแอกชั่นที่มันส์และน่าจดจำ มันคือ ฉากที่ Hulk จับ Loki ฟาดกับพื้น, บทพูดและเนื้อเรื่องฉลาด
  • เป็นหนังที่ดูสนุก แทรกมุกฮาๆตลอดทั้งเรื่อง คนดูเพลิน ออกโทนเดียวกันกับ Iron Man ภาคแรก ที่มีทั้งดราม่านิดหน่อยแต่เน้นสนุกสนานปนฮา คงเป็นเพราะ Iron Man มีบทเด่นกว่าคนอื่นเล็กน้อย เลยให้ The Avengers ได้กลิ่นไอของแนวนั้นมาเยอะ แต่คิดว่าจอส วีดอน(ผู้กำกับ) คงตั้งใจให้มันออกมาแนวนี้เองแหละ ซึ่งมันก็ทำให้คนดูชอบ มันถูกพิสูจน์มาแล้วจาก Iron Man 1 และ 2
  • คิดว่าโทนของหนังเรื่องต่อไปของ Marvel อย่าง Iron Man 3, Thor 2 หรือ Ant Man ก็คงจะยึดแนวทางนี้
  • The Avengers ตอนสู้กับกองทัพต่างดาว ทำงานเป็นทีมได้ดีมาก โดยรับการสั่งการจาก Captain America เหมือนในเวอร์ชั่นการ์ตูนแอนนิเมชั่น
  • คงอีกซักพักใหญ่ๆเลยที่เดียว จนกว่าจะได้ดู The Avengers 2 แต่ก็ไม่ต้องห่วงเพราะระหว่างรอ เราก็จะได้ดูฮีโร่แต่ละตัวโชว์เดียวในหนังของตัวเองก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้ง “เพราะว่าเราต้องการพวกเขา”
  • ทราบมาว่าหนังถูกตัดออกไปราว 30 นาที รอดูตอนเป็นแผ่นแล้วกัน
  • สรุปให้คะแนน 9/10 ด้วยความชอบส่วนตัวกับความบันเทิงครบครัน

ดูหนังฟรีที่ Youtube

Youtube-Movies

Youtube Movies เป็นแหล่งรวมของหนังแบบเต็มเรื่อง(ถูกลิขสิทธิ์) เปิดตัวมาได้สักพักหนึ่งแล้ว ตั้งแต่ สิงหาคม 2010 แต่ไม่ได้จริงจังที่จะดูว่ามันมีหนังเรื่องอะไรบ้างที่น่าดู พอมาช่วงๆหลังเริ่มลองเปิดดูว่ามีหนังอะไรเจ๋งๆบ้าง พบว่ามีหนังบู๊ของ บรู๊ซ ลี และเฉินหลง แม้เก่าแต่ชั้นเลิศในระดับที่เรียกได้ว่าเป็นตำนาน ให้ได้เลือกดูหลายเรื่องเลย นอกจากนัั้นก็มีหนังสารคดีระดับรางวัลเวทีระดับโลกอีกหลายเรื่อง นับว่าเป็นแหล่งบันเทิง และสาระชั้นดี ขอแนะนำหนังที่น่าดูใน youtube movies ให้ทุกท่านได้ลองดู มีทั้งเรื่องที่ดูแล้ว และคิดจะดูรวมกันนะครับ

หมวด Action & Adventure

หมวด Animation & Cartoons

หมวด Documentary & Biography

หมวด Comedy

ยังมีหมวดอื่นๆอีกที่น่าสนใจ ลองเปิดแล้วเลือกๆดูครับ เชื่อว่าต้องมีสักเรื่องที่จะโดนใจ

 

Exit mobile version