รีวิวหนังสือภาพ Darwin: An Exceptional Voyage ภาพสวย เนื้อเรื่องประทับใจ

Darwin: An Exceptional Voyage
งานเขียนของ Fabien Grolleau (Autor)
ภาพประกอบโดย Jeremie Royer (Illustrator)

หนังสือภาพประวัติเรื่องราวของดาร์วิน เป็นเรื่องราวข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนบนเรือ การเดินทางไปเกาะและพื้นที่ต่างๆในทวีปอเมริกาใต้บนเรือ HMS Beagle ตลอดการเดินทาง 5 ปี (จากที่ตั้งเป้าไว้แค่ 2 ปี) โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างการสำรวจหมู่เกาะกาลาปากอส อันเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับการพัฒนาทฤษฎีวิวัฒนาการที่สำคัญอย่างยิ่งของวงการวิทยาศาสตร์โลก การพบปะกับชนพื้นเมือง รวมถึงยุคของการค้าทาสในระหว่างการเดินทางนั้นก็มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน

ผู้เขียนเคลมว่า หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ยึดกับความถูกต้องทางประวัติศาสตร์อย่างเคร่งครัด มีเติมแต่งบ้าง แต่ได้เขียนอธิบายรายละเอียดไว้ด้านหลังของเล่มแล้ว ส่วนภาพประกอบนั้นสวยมาก ลองดูตัวอย่างจากภาพบางส่วนด้านล่างได้ เหมาะมีไว้ติดบ้าน แล้วหยิบจึ้นมาอ่านเล่นบ้างบางเวลา ยิ่งอ่านให้เด็กฟังน่าจะได้รับความสนใจไม่น้อยเพราะภาพสวยน่าดึงดูด

หนังสือเล่มนี้ได้มาเป็นฉบับภาษาอังกฤษ จากที่ได้รอเป็นเวลานานเป็นปีแต่ก็ไม่มีพิมพ์เพิ่มเลย สุดท้ายเลยซื้อแบบมือสองมาแทน ฉบับภาษาเยอรมันกับฝรั่งเศสยังเห็นมีอยู่ในสต็อค

อีกเล่มที่เป็นผลงานของสองนักเขียนนี้ เรื่องของ Audubon ก็น่าสนใจเหมือนกัน

How to use Latexdiff to mark changes to Tex documents.

Latexdiff is a tool for highlighting changes between two latex documents. So, I remind myself how to use it.

  1. install Perl click
  2. download latexdiff and unzip it into the Perl > bin folder
  3. Optional: installing the latexdiff package in MiKTek appears to work as well.

How to use it:

  1. cmd
  2. cd to file folder
  3. latexdiff oldfile.tex newfile.tex > diff.tex

Enjoy!

Ref: https://www.overleaf.com/learn/latex/Articles/Using_Latexdiff_For_Marking_Changes_To_Tex_Documents

รีวิว What if? 2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

what if2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

หนังสือ what If? 2 ถ้าชอบเล่มหนึ่งแล้ว คิดว่าจะชอบเล่มสองด้วยแน่นอน Randall Monroe ตอบปัญหาที่กวนส้นได้สนุกและบันเทิงสุดๆ ความแตกต่างที่เรียกว่าเป็นสิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเล่มแรกมีหลายอย่าง เช่น นอกจากจะมีการตอบคำถามหลักที่ยาวและละเอียดแบบเล่มแรก ยังมีแทรกการตอบคำถามแบบสั้นๆไว้ด้วย เหมือนให้เราได้พักเบรคจากคำถามหลัก แต่คำถามก็น่าสนใจและบ้าบอเหมือนกัน

อีกอย่างใน what if? 2 เล่มนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจและจริงจังกับการหาคำตอบให้กับคำถามกวนๆมากขึ้น เราจะได้เห็นการใส่อ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากหลายแหล่งมากขึ้น รวมทั้งการได้ไปคุยกับผู้เชียวชาญเฉพาะในเรื่องนั้นๆโดยตรง แทนที่จะพยายามจะตอบคำถามด้วยตัวเองคนเดียว เราจึงได้เห็นการตอบคำถามที่หลากหลายมากกว่าแค่แนวฟิสิกส์ที่เขาเชี่ยวชาญ

หนังสือ What if? 1-2 ของ Randall Monroe เป็นหนังสือที่ตอบโจทย์อ่านเอาสนุก เอาฮา หรืออ่านเอาวิธีคิดในการหาคำตอบที่มีชั้นเชิงโดยอิงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่ข้อควรระวังคือเราจะเอาความจริงจังและความถูกต้องมากไปไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบแค่ในเชิงสมมุติฐาน ไม่มีการทดลองจริง (ก็แน่สิ คำถามบ้าบอสุดๆ) แต่ก็ไม่ใช่การตอบแบบมั่วๆเพราะยังอิงกับความรู้และข้อมูลที่มีในปัจจุบันอยู่ด้วย มันจึงเป็นหนังสือที่อ่านสนุกแบบไม่ไร้สาระและก็ไม่จริงจังเกินไป รวมทั้งมีการ์ตูนประกอบยิ่งทำให้อ่านเข้าใจง่ายและสนุกเพิ่มขึ้นอีก

หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฉบับภาพประกอบ

หนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีเขียนภาพประกอบโดย Jim Key

Harry Potter and the Philosopher’s Stone: Illustrated Edition

ภาพประกอบโดย Jim Kay

เป็นหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีเขียนภาพประกอบโดยจินตนาการตามตัวอักษรในหนังสือ หลายอันอาจจะไม่ได้เหมือนฉบับภาพยนตร์ที่เราคุ้นเคย (ซึ่งจริงๆหนังก็ตีความได้ดีมากเหมือนกัน)

ฉบับภาพประกอบของ Jim Kay ทำออกมาได้สวยมากๆ น่ามีเก็บไว้บนตู้หนังสือมาก ๆ ที่เห็นอยู่ในภาพเป็นฉบับ ebook ใน kindle ภาพมีแอนนิเมชั่นนิดๆ ขยับตัวได้ด้วย

สรุปว่าดูภาพประกอบตัวอย่างบางส่วนเอาแล้วกันสวยแค่ไหนตอนนี้ทำออกมายังไม่ครบทั้ง 7 เล่มนะ เล่ม 5 จะออกราวๆ กลางปีนี้ เล่มต่อไปคงจะทยอยตามเรื่อย ๆ ฉบับ hardcover ราคาประมาณ 25€

Google Pixel Buds หูฟังแปลภาษาแบบ real-time ใช้กับมือถือรุ่นอื่นได้ไหม?

Google เปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายอย่างจาก Event ในเดือนตุลาคม เอาเป็นว่าเข้าไปดูได้ที่ https://store.google.com แต่มีอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากจนต้องมาเขียนถึงเลย คือ Google Pixel Buds หูฟังไร้สายที่ทำงานร่วมกับมือถือเพื่อแปลภาษาแบบ real-time ทำให้คนที่คุยกันคนละภาษาสามารถคุยโต้ตอบกันได้เลย มันเจ๋งมาก

Google Pixel Buds

มันทำงานแบบไหน และเจ๋งแค่ไหนลองดูได้ที่วิดีโอสาธิตการใช้งาน

ก่อนจะกดสั่งซื้อ เลยตั้งคำถามสำคัญก่อน

  • หูฟังแปลภาษาตัวนี้ใช้กับมือถือรุ่นอื่นได้หรือไม่?
    คำตอบ: ไม่ได้

เมื่อเข้าไปดูใน รายละเอียดของ Google Pixel Buds Requirements & Specifications

  • ระบุไว้ดังนี้ ใช้สำหรับเป็นหูฟังไร้สาย Bluetooth ใช้ได้กับ
    -Android 5.0 ขึ้นไป
    -iOS 10.0 ขึ้นไป
  • ถ้าอยากใช้ผู้ช่วย Google Assistant
    -Android 6.0 ขึ้นไป
  • แต่ตัวสำคัญ ถ้าต้องใช้ Google Translate เพื่อแปลภาษาแบบ real-time (ฟีเจอร์ที่อยากใช้)
    – ต้องใช้ร่วมกับมือถือ Pixel หรือ Pixel 2 เท่านั้น

สรุปว่ามันคือ Exclusive feature สำหรับ Google Pixel Phone ใช้ได้ทั้งรุ่นแรก และรุ่น 2 แต่ไม่รองรับมือถือแอนดรอยด์รุ่นอื่น

(เสียใจ)

รีวิวหนังสือ จอนนี่ ไอฟฟ์: นักออกแบบอัจฉริยะ เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple

หนังสือ จอนนี่ ไอฟฟ์: นักออกแบบอัจฉริยะ เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple

หนังสือ จอนนี่ ไอฟฟ์: นักออกแบบอัจฉริยะ เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple

ผู้เขียน Leander Kahney (ลีนแอนเดอร์ เคนีย์)

ผู้แปล ณงลักษณ์ จารุวัฒน์

336 หน้า

สำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์

ตีพิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2557

หนังสือเล่มนี้อ่านจบไปได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่พึ่งมีโอกาสมาเรียนรีวิวสรุปเนื้อหาและสิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้เก็บไว้ก่อนที่จะลืมไปก่อน เขียนรีวิวหลังอ่านจบครั้งแรกไว้ใน Goodreads ไว้ดังนี้ครับ

เป็นหนังสือที่อ่านสนุก ถ้าใครเป็นแฟนผลิตภัณฑ์ของ Apple จะอ่านสนุกมากขึ้น ได้รู้ถึงวิวัฒนาการการออกแบบผลิตภัณฑ์เชิงอุสาหกรรมของ Apple แนวความคิด ภาษาการออกแบบ ความใส่ใจถึงขั้นหมกมุ่นของทีมออกแบบ ขั้นตอนการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคขั้นสูงของ Apple ที่น่าทึ่ง เป็นหนังสือที่อ่านสนุกอีกเล่มหนึ่งเลยทีเดียว

รายละเอียดอื่นๆที่เขียนไว้ตอน update status ตาม page ที่อ่านถึง

  • page 23: “จอนนี่เป็นเด็กจากอังกฤษและมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยม เลือกเรียนการออกแบบตั้งแต่แรก โดยบุคคลที่สำคัญคอยสนับสนุนเขาตลอดมาคือพ่อของเขาซึ่งเป็นช่างเงินและครูสอนการออกแบบ ดูเหมือนว่าความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบของเขาไม่ได้ถูกบังคับให้รัก แต่ถูกซึบซับมาจากพ่อเองอย่างเป็นธรรมชาติ”
  • page 41: “จอนนี่เรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 พร้อมกับรางวัลจากงานประกวดใหญ่ๆของประเทศอังกฤษ จากรางวัลอันหนึ่งที่ได้รับ เขาได้ไปดูงานที่อเมริกาเขาชอบที่นั้นมาก และมีหลายบริษัทที่อยากจะได้เด็กหนุ่มคนนี้ไปร่วมงานด้วย แต่เขาติดสัญญากับบริษัท RWG ที่เป็นคนให้ทุนเขาในการเรียนในระดับป.ตรี เขาจึงต้องกลับมาทำงานใช้ทุนที่นี้”
  • page 62: “ตอนนี้จอนนี่เข้ามาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของ Tangerine รับงานออกแบบและเป็นที่ปรึกษาออกแบบผลิตภัณฑ์ใฟ้กับบริษัทตั้งแต่เล็กๆจนถึงบริษัทนานาชาติใหญ่ๆ ในงานที่ทำให้ Apple บรันเนอร์ประทับใจมากและชวนจอนนี่เป็นครั้งที่ 3 ให้มาทำงานที่ Apple และเขาก็ตกลง”
  • page 72: “Apple ใช้บริการออกแบบผลิตภัณฑ์จาก studio ข้างนอก บริษัท Frog Design แต่ผู้บริหารก็พยายามที่จะทำเองเหมือนกัน ผู้ที่เป็นผู้บุกเบิกที่ทำ Design Studio ภายใน Apple เองคือ โรเบิร์ต บรันเนอร์ เขาคือผู้ที่ค้นหาและชวนนักออกแบบที่เก่งๆให้เข้ามาทำงานที่ Apple จอนนี่คือหนึ่งในนั้น”
  • page 82: “Newton MessagePad 110 คือ ผลงานแรกๆที่สร้างชื่อให้จอนนี่หลังจากเข้ามาทำงานกับ Apple ได้ไม่นาน ผลงานการออกแบบกดฝาปิดจอลงไปแล้วเด้งฝาเปิดออกมา และการกดปากที่ใช้เขียนจอแล้วเด้งออกมาจากที่เก็บ ปัจจุบันเราอาจจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีอะไรแบบนี้ ผลงานออกแบบชิ้นนี้ทำให้จอนนี่ได้รับรางวัลจากสถานบันออกแบบมากมาย แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยไปรับรางวัลเลยสักอัน”
  • page 108: “นักออกแบบที่สำคัญอย่างมากในการวางรากฐานแนวทางการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ที่ถือว่าเป็นหัวใจและเป็นเอกลักษณ์อย่างมาก แนวทางของเขาจะใช้ Design นำ Engineer แนวทางของนักออกแบบผู้นี้คือออกแบบผลิตภัณฑ์เสร็จสิ้นแล้วค่อยไปคุยกับฝ่าย Engineer เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นทำงานได้จริง ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ดูโดดเด่นสวยงาม นักออกแบบท่านนี้ คือ “Robert Brunner” ชายผู้จ้าง Johnny Ive เข้ามาทำงานที่ Apple”
  • page 114: “อ่านถึงตรงนี้ กลายเป็นว่า Steve Jobs ต่างหากที่เป็นคนวางรากฐานการใช้การออกแบบขับเคลื่อนองค์กร แต่เมื่อเขาถูกไล่ออกจากบริษัท Apple วิธีคิดแบบเก่าๆก็กลับมา วิศวกรมีอำนาจมากว่า และ Robert Brunner ก็เป็นคนพยายามนำมันกลับมาอีกครั้ง”

ตอนที่อ่านหนังสือจะมีการกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ที่จอนนี่ออกแบบ โดยจะบรรยายลักษณะต่างๆโดยละอียด แต่ถ้าอยากเห็นว่าหน้าตาผลิตภัณฑ์นั้นเป็นอย่างไรให้เปิดไปดูที่ส่วนตรงกลางจะมีภาพประกอบบางส่วนให้ดูประกอบ จะทำให้ได้อรรถรสในการอ่านมากขึ้น แต่ขอแนะนำว่าให้เราอ่านอย่างเดียวก่อน จินตนาการถึงผลิตภัณฑ์นั้น จากนั้นค่อยเปิดดูรูปอีกทีจะได้รู้ว่าสิ่งที่เราจินตการถึงกับรูปจริงเหมือนหรือต่างกันแค่ไหน ทำให้อ่านหนังสือเล่มนี้สนุกมากขึ้นเยอะเลยครับ

ภาพประกอบงานการออกแบบของจอนนี่ ไอฟฟ์

บางตัวไม่มีรูปประกอบ แนะนำให้ค้นหารูปในกูเกิลดูประกอบเลยครับ รวมทั้งวิดีโอสัมภาษณ์ โฆษณา การเปิดตัวสินค้าของ Apple ที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือ ถ้าเราเปิดดูไปด้วยจะทำให้อ่านสนุกขึ้นมากเลยครับ

ตัวอย่างวิดีโอ ที่ดูแล้วจะทำให้อ่านหนังสือ จอนนี่ ไอฟฟ์: นักออกแบบอัจฉริยะ เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple สนุกมากขึ้น

วิดีโอที่แนะนำ Unibody Macbook ที่เปลี่ยนการออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Apple ให้ยึดแนวทางนี้กับเกือบจะทุกผลิตภัณฑ์ จอนนี่ ไอฟฟ์ ขึ้นนำเสนอบนเวทีตั้งแต่เวลา 10:30 นาที น้อยครั้งมากๆที่จะเห็นเขาขึ้นนำเสนอผลิตภัณฑ์บนเวที แต่ในวิดีโอโฆษณาจะมาบ่อย

https://youtu.be/-rJRMafcRUU?t=10m30s

วิดีโอนี้จะเห็นขั้นตอนการผลิต Unibody Macbook Pro ซึ่งนำการผลิตแบบนำเทคนิค CNC มาใช้ในระดับอุตสาหกรรม ทำให้ได้งานที่มีคุณภาพสูงและมีรายละเอียดที่แม่นยำ แต่การผลิตสินค้าจำนวนมากด้วยวิธีนี้จะทำให้ผลิตได้ช้าและต้นทุนสูงมาก แต่ Apple สามารถลดต้นทุน ทั้งยังผลิตได้เร็ว ยังเป็นความลับอยู่ว่าทำได้ยังไง แต่ Apple ลงทุนกับโรงงานนี้ด้วยเงินมหาศาลมาก กว้านซื้อเครื่อง CNC จากญี่ปุ่นแทบจะทุกเครื่องที่บริษัทผลิตเครื่อง CNC ผลิตได้เลยทีเดียว

การให้สัมภาษณ์ของจอนนี่ ไอฟฟ์ ที่หลายคนคิดว่าฉากด้านหลังที่เขานั่งอยู่คือห้องออกแบบของบริษัท Apple แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นแค่ห้องช่างธรรมดาที่เขามานั่งให้สัมภาษณ์ ห้อง Studio ออกแบบ ที่จอนนี่ ไอฟฟ์และทีมงานออกแบบของเขาทำงานอยู่ถือเป็นห้องที่ลึกลับมาก มีระบบการรักษาความปลอดภัยที่สูงมาก มีแค่ไม่กี่คนในบริษัทที่สามารถเข้าออกห้องนั้นได้ การรักษาความลับผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นเข้มงวดมากจะไม่มีใครได้เห็นมันจนกว่าจะมีงานเปิดตัว ส่วนใหญ่ที่เราเห็นข่าวว่ามีภาพหลุดส่วนใหญ่จะมาจากขั้นตอนการผลิตแล้วทั้งสิ้น ซึ่งโรงงานจะอยู่ในประเทศจีนเกือบจะทั้งหมด อย่างเช่น Apple Watch ไม่มีใครเห็นข่าวรั่วของสินค้าเลยจนกระทั้งมันเปิดตัว

คลิปวิดีโอที่ถูกกล่าวถึงในหนังสือ จอนนี่ ไอฟฟ์กล่าวรำลึกถึงสตีฟ จ๊อบส์ เขาได้เล่าถึงความสนิทสนมของเขากับสตีฟ จ๊อบส์ที่เป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง การถูกหัวเราะทุกครั้งที่ออกเสียง “อะลูมินุม” แบบ British accent

อีกหนึ่งการออกมาให้สัมภาษณ์ของจอนนี่ ไอฟฟ์ เกี่ยวกับเรื่องการรออกแบบ ซึ่งน้อยครั้งมากที่เขาจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแบบถาม-ตอบแบบยาวๆ ในการให้สัมภาษณ์อันนี้ แสดงให้เห็นถึงการทำงานของเขากับทีมงาน ถ้าพูดถึงการออกแบบที่บริษัทเขาจะใช้คำว่า “We” คือ “พวกเรา” แทนการกล่าวถึงตนเอง เป็นการแสดงถึงการให้เกียรติกับเพื่อนร่วมงานที่ช่วยกันในการออกแบบผลิตภัณฑ์ร่วมกัน และวิดีโอนี้ยังแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาของเขาเมื่อต้องพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ลอกการออกแบบของทีมของเขาไป

วิเคราะห์ความเป็นจอนนี่ ไอฟฟ์

จอนนี่เกิดมาเพื่อจะเป็นนักออกแบบ พ่อของเขามีส่วนกับการปลูกฝั่งในเรื่องการออกแบบอย่างมาก เขามีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เด็กและฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอด (ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักตัวเองให้ไวแล้วมุ่งหน้าไปให้สุดแรง) จอนนี่ได้รับรางวัลการออกแบบแทบจะทุกสถาบันแต่ไม่ค่อยจะไปรับรางวัลเลย เขามีแนวทางการออกแบบชัดเจนมาก

แนวทางการออกแบบของจอนนี่ ไอฟฟ์ คือ Minimalism น้อยคือดี ทำให้คนทั่วไปดูแล้วเหมือนไม่มีการออกแบบอยู่ในนั้นเลย ตัดส่วนที่ไม่จำเป็นทิ้งไป สีขาว ใส่ใจกับทุกรายละเอียด แม้ส่วนที่คนใช้จะมองไม่เห็น ทำต้นแบบจริงหลากหลายแบบออกมาให้ได้สัมผัส งานออกแบบนำงานด้านวิศวกรรมเสมอ

จอนนี่ไม่น่าจะเป็นลูกจ้างใครได้ เขาไม่สามารถทำงานในบริษัทที่รับจ้างออกแบบได้เพราะการออกแบบที่เขาอยากทำกับคนจ้างงานถ้าไม่ตรงกัน ผู้จ้างงานจะเป็นคนตัดสินใจนั้นทำให้เขาอึดอัดใจที่จะทำมัน แต่เมื่อเขาเป็นคนคุมการออกแบบเองอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ตัวเขาเอง ความคิดสร้างสรรค์จึงเบ่งบานได้มากกว่า

หลายคนคิดว่าเขาเป็นคนที่น่าจะขึ้นมาเป็น CEO ของ Apple แทนสตีฟ จ๊อบส์ ด้วยซ้ำไป เพราะดูจากความเข้ากันกับแนวทางการทำงานของสตีฟ จ๊อบส์ และวัฒนธรรมการทำงานของ Apple ด้วย แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากยุ่งกับงานบริหารด้านอื่นเลย เขาสนใจแค่เรื่องออกแบบ และคนที่เป็น CEO จะต้องเป็นคนทำให้เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการด้วย และดูเหมือนทิม คุกจทำหน้าทีได้อย่างดีเยี่ยม

เคยมีคนคิดว่าจอนนี่ ไอฟฟ์จะลาออกจาก Apple หรือไม่ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ยากมากๆ ถ้าจะเกิดขึ้นน่าจะเป็นตอนที่สตีฟ จ๊อบส์ ลงจาก CEO และเสียชีวิตไปในเวลาต่อมา ช่วงนั้นน่าจะมีการแย่งชิงอำนาจของลูกรักลูกชังกันตอนหัวเรือไม่อยู่ แต่กลับเป็นว่าจอนนี่ ไอฟฟ์ได้อำนาจมากขึ้นแทบจะเรียกว่าในบริษัท Apple ทีมงานของเขาดูจะเป็นคนคุมบริษัททั้งหมดอยู่แล้ว โอกาสที่เขาจะไปจาก Apple เหมือนจะผ่านไปแล้ว อีกอย่าง ทิม คุก ก็อยู่ข้างเขาเต็มตัว โอกาสที่จะจาก Apple ไปน่าจะมีน้อยมากๆ นอกเสียจากจะวางมือเอง

จอนนี่ ไอฟฟ์ถูกมองว่าเป็นไอคอนคนใหม่แทนสตีฟ จ๊อบส์ในบริษัท Apple ไปแล้ว ทุกคนดูจะคาดหวังผลงานการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ จากทีมของเขามากกว่าทุกทีมใน Apple และเราก็เชียร์อยู่เช่นกันให้เขาทำมันสำเร็จ

25+ ฟอนต์แนวลายมือ ฟอนต์เขียนด้วยมือ ดาวน์โหลดฟรี

Free Hand Drawn Fonts

พยายามจะหาฟอนต์ลายมือหรือแนวเหมือนวาดด้วยมือ จะเอามาใช้ในงานออกแบบเล่นๆอันหนึ่งที่ทำอยู่ แต่อยากได้ที่ฟรีและถูกต้อง เอามาใช้ก็ไม่ได้ใช้ในทางการค้าแต่อย่างไร ก็ค้นๆดูตามเว็บออกแบบต่างๆ พบว่ามีหลายฟอนต์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว อาจจะได้ใช้ในงานอื่นๆในอนาคตด้วย เลยอยากจะบันทึกเก็บรายการฟอนต์ต่างๆที่เป็นแนวเขียนมือไว้ คัดมาเฉพาะฟอนต์ที่ตัวเองชอบเป็นหลักครับ อยากแชร์ให้คนอื่นได้ดูด้วย ดูตัวอย่างและดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยครับ

รวมฟรีดาวน์โหลด ฟอนต์แนวลายมือ ฟอนต์เขียนมือ

Childs Play Font

Childs Play Font

Grutch Shadedw Font

Grutch Shadedw Font

FFF Tusj Font

FFF Tusj Font

Pointy Font

Pointy Font

Sketch Rockwell Font

Sketch Rockwell Font

Pee Pants Script Font

Pee Pants Script Font

Fh Scribble Font

Fh Scribble Font

Fh Ink Font

Fh Ink Font

Positiv-A Font

Positiv-A Font

Aguzlo Font

Aguzlo Font

Handwerk Font

Handwerk Font

Marker Twins Font

Marker Twins Font

Toms Handwritten Font

Toms Handwritten Font

Barnes Erc Font

Barnes Erc Font

Pen of Truth Font

Pen of Truth Font

Sketchy Font

Sketchy Font

Tire Shop Demo Version

Tire Shop Demo Version

Octember Script Font

Octember Script Font

WC RoughTrad Bta Font

WC RoughTrad Bta Font

McCoy – Hello Lori Font

McCoy – Hello Lori Font

Peixe Frito Font

Peixe Frito Font

Thurston Erc Font

Thurston Erc Font

Karabine Font

Karabine

Tiza Font

Tiza Font

Clementine Sketch Font

Clementine Sketch Font

Oh Ashy Font

Oh Ashy Font

Love Ya Like A Sister Font

Love Ya Like A Sister Font

via: naldzgraphics.netwebdesigntoolslist.com

Wordmark.it เว็บนี้ช่วยคุณเลือกฟอนต์มาใช้งานได้ง่ายขึ้น

Wordmark.it เว็บเลือกฟอนต์ที่ชอบ

Wordmark.it เชื่อว่านักออกแบบต้องชอบเว็บนี้แน่เลย เป็นเว็บที่จะช่วยให้เราเลือกฟอนต์ที่จะนำมาใช้ในงานออกแบบของเราได้ง่ายขึ้นมาก เพียงพิมพ์ข้อความลงไปบนช่องด้านบนของเว็บไซต์ และกดโหลดฟอนต์ “load font” แล้วฟอนต์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องเราก็จะถูกนำมาแสดงบนเว็บไซต์ ให้เราได้พรีวิวดูก่อนว่าฟอนต์ไหนจะเหมาะกับข้อความที่เราออกแบบไว้

ยังสามารถปรับแต่งข้อความเพิ่มเติมได้จาก เมนูด้านบน ได้แก่ แบบพื้นหลังสีดำตัวอักษรสีขาว พื้นหลังสีขาวตัวอักษรสีดำ รูปแบบตัวอักษร(ตัวเขียน เล็ก ใหญ่) ขนาดของฟอนต์ เป็นต้น เว็บทำงานได้ค่อนข้างเร็วเลย จะโหลดฟอนต์มาบางส่วนถ้าเลื่อนจนสุดแต่ยังไม่ถูกใจก็คลิกโหลดฟอนต์มาแสดงผลเพิ่มต่อไปเรื่อยๆ

นอกจากนั้นมันใช้กับภาษาไทยได้ด้วยนะครับ ลองพิมพ์ภาษาไทยเข้าไปก็ใช้งานได้ดีเลย

ทดสอบใช้งานภาษาไทยใน Wordmark.it

นับว่าช่วยให้การเลือกฟอนต์ทำได้ง่ายขึ้นมากๆ น่าจะเป็นประโยชน์กับมือใหม่ที่ทำงานด้านออกแบบ ทำเว็บไซต์ ทำสื่อสิ่งพิมพ์ ไม่แน่ใจว่ามืออาชีพเขามีเครื่องมืออะไรในการเลือกฟอนต์ แต่สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเรา เว็บนี้มีประโยชน์มากครับ Bookmark ไว้เลยล่ะ

เข้าไปใช้งานได้ที่ https://wordmark.it

via: https://twitter.com/AdobeMuse/status/514512039788560384

Tinkercad โปรแกรมออกแบบงาน 3D อย่างง่าย ใช้งานออนไลน์ผ่านหน้าเว็บ

Tinkercad

Tinkercad เป็นโปรแกรมออกแบบงานทางด้าน 3 มิติ ใช้งานผ่านทางเว็บบราวเซอร์ เป็นของบริษัท Autodesk บริษัทที่ทำโปรแกรม 3 มิติที่ดังๆอย่าง 3ds Max, Maya, AutoCAD นั้นแหละ

Tinkercad เป็นโปรแกรมออนไลน์ที่ใช้ได้ฟรี ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว โปรแกรมจะมีรูปทรง 3 มิติพื้นฐานบางส่วนมาให้ เราสามารถสร้างรูปร่างที่ซับซ้อนจากการประกอบรูปทรงพื้นฐานเหล่านี้ได้ จากรูปทรงพื้นฐานที่ธรรมดาๆ บวกกับความคิดสร้างสรรค์ก็สามารถประกอบรูปร่างให้มันเป็นรูปทรง 3 มิติที่น่าทึ่งได้เช่นกัน ลักษณะเหมือนต่อเลโก้ นอกจากนี้โปรแกรมยังมีความยืดหยุ่นสูง โดยอนุญาติให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปทรงจากโค้ด JavaScript ได้อีกด้วย(แนวคิดเดียวกับ Minecraft) ตัวอย่างเจ๋งๆที่มีคนทำไว้ เช่น Godzillaรถแข่ง, เรือ+ปราสาท ลองเข้าไปดูตัวอย่างอื่นๆได้ที่ Discover

นอกจากนี้ ตัวอัพเดตล่าสุดของ Tinkercad เราสามารถ Export โครงสร้าง 3 มิติเข้าไปในเกม Minecraft ได้อีกด้วย ต้องถูกใจขาเกมแน่นอน เท่าที่เข้าไปเปิดดูใน Discover ที่แชร์ในเว็บไซต์มีหลายคนสร้างปราสาทเพื่อนำเข้า Minecraft เยอะพอสมควรเลย เรียกได้ว่าเป็นส่วนเสริมเกม Minecraft อีกตัวหนึ่งก็คงได้

Download for Minecraft

ดูตัวอย่างการ Export ปราสาทที่สร้างใน Tinkercad แล้วนำเข้าไปในเกม Minecraft ได้ในคลิป

https://www.youtube.com/watch?v=LnT1ZGQ0Abo

เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมออนไลน์ที่ใช้ได้ฟรี คนที่อยากลองสร้างผลงาน 3 มิติไม่ควรพลาด จะทำแบบง่ายๆไปจนถึงสุดล้ำก็น่าลองทั้งนั้น

เข้าไปเล่น Tinkercad ได้ที่ https://tinkercad.com

via: Polygon

รวม Artwork รำลึกถึง สตีฟ จ๊อบส์ จากแฟนๆ

รวม Artwork จากแฟนๆทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็น Advertising Agency ที่ทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงการจากไปของสตีฟ จ๊อบส์ ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2011 ด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งก็ครบรอบ 1 ปีแล้วในวันนี้ ใครอยากรู้จัก สตีฟ จ๊อบส์ มากขึ้น ลองเข้าไปอ่านที่เขียนไว้ตอนอ่านหนังสือชีวประวัติของเขาได้ที่นี้ครับ หนังสืออัตชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน

วันนี้จึงหยิบเอา Artwork สวยๆ เหล่านั้นมาให้ชมกันอีกครั้งครับ ส่วนใหญ่เน้น เรียบง่าย และใช้สัญลักษณ์แทนคำพูด ที่มาของภาพทั้งหมดมาจากที่นี้นะครับ https://adsoftheworld.com/blog/steve_jobs_homage_ads/

นอกจากนี้ เราก็ได้เห็นการร่วมมือกันทำคลิปโฆษณาชุด “Think Different” จากกลุ่มเซเล็บแฟนของ สตีฟ จ๊อบส์ ในไทย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Macthai ครับ ทำได้ซึ้งเลยทีเดียว


Advertising Agency: DDB, Dubai, UAE
Executive Creative Director: Shehzad Yunus
Art Director: Dinesh Gore
Copywriter: Shehzad Yunus


Advertising Agency: Raineri Design, Italy
Art Director: Gigi Pasquinelli


Advertising Agency: Agency4e7, Vienna, Austria
Creative Director: Alex Schönburg
Art Director: André Huber


Advertising Agency: Avrett Free Ginsberg


Advertising Agency: Federico Mauro, Rome, Italy
Creative: Federico Mauro


Creative: Daniel Rehpani


Advertising Agency: Periscope, Minneapolis, Minnesota, USA
Art Director: Brian Boord
Copywriters: Scott Dahl, Rob Peichel
Illustrator: Brian Boord


Creative: Enrique Espinoza


Advertising Agency: Maksim Fulltime, Guayaquil Ecuador
Chief Creative Officers: Jimmy Landaburu, Chuck Vallarino
Art Director: Jimmy Landaburu
Copywriter: Freddy Ordoñez


Advertising Agency: Redlime, Sri Lanka


Advertising Agency: Bang In The Middle, Gurgaon, India
Chief Creative Officer: Prathap Suthan
Art Director / Copywriter: Viral Pandya


Advertising Agency: agenta agenturgruppe, Münster, Hamburg, Berlin
Managing Directors: Oliver Grage, Andre Schmechta, Michael Hartung
Creative Directors: Dominik Heinrich, Christian Broll, Stefan Stumpe
Art Directors: Ulrich Hock, Manfred Teschlade, Bettina Schnake




Advertising Agency: DDB Cairo, Egypt
Creative / Illustrator: Ahmed El Habashy


Advertising Agency: Erwin Penland, USA
Executive Creative Director: Andy Mendelsohn
Associate Creative Directors: Stephen Childress, Rick Bryson


Advertising Agency: The Lab Ideas
Creative Director: Mariano Kalmus


Creative: Odysseas Galinos- Paparounis


Advertising Agency: Euro RSCG 360, Lyon, France
Executive Creative Director: Hugues Pinguet, Stéphane Morel
Art Director: Quentin Delachaux
Copywriter: Stéphane Le Frapper


Creative: Craig Fitzgerald


Eduardo Rodriguez
Copy and Art Director


Advertising Agency: Aayan Communication
Executive Creative Director: Fayyaz
Creative Director: Ali Saeed
Copy Writer: Faiz Ahmed



Advertising Agency: Extra Credit Projects, Grand Rapids, MI USA
Creative Director: Rob Jackson
Art Director: Josh Best
Copywriter: Scott Schermer


Advertising Agency: Mangomedia, Ciudad de Guatemala, Guatemala
Creative Director: Martin Cheren
Art Director: Martin Cheren
Copywriters: Martin Cheren, Massimiliano Ricci


Advertising Agency: San José, Costa Rica
Creative Director: David Carvajal
Art Director / Copywriter: David Carvajal


Advertising Agency: ACTIF Advertising Agency, Costa Rica


Advertising Agency: Publicis, Montreal, Canada
Creative Directors: Nicolas Massey, Carl Robichaud
Art Director: Carl Robichard
Copywriters: Nicolas Massey, Luc Mérineau


Advertising Agency: AUFBRUCH, Düsseldorf, Germany
Art Director: Alexander Gerlings
Junior Art Director: Magnus Siemens
Copywriter: Robert Meißner


Advertising Agency: Evolution Alexandria, Egypt
Art Director: Khaled Soliman


Advertising Agency: vollblutwerber
Creative: Malte C. Bayer


Advertising Agency: Leo Burnett, Sri Lanka


Advertising Agency: dlk estudio, Caracas, Venezuela
Creative: Joel Pallotta


Advertising Agency: Paradigmplus, India, Pune
Creative Director: Nitin Adake
Art Directors: Nitin Adake, Dinesh Sapkale
Copywriter: Nitin Adake
Typography: Nitin Adake, Dinesh Sapkale
Published: Octover 2011


Advertising Agency: Friday Creative
Creative: Milan Vuckovic


Creative: Elmalah Ahmed


Advertising Agency: Leo Burnett Colombia
Copywriter: Marvin Leiva
Art Director: Jorge Valencia


Advertising Agency: DDB, Cairo, Egypt
Creative / Art work : Muhammad Salah


Creative: Ahmed@TheYellowDesigns


Advertising Agency: Bader Rutter, USA
Creative Director: Mike Fredrick
Art Director / Copywriter: James Madsen

 

Exit mobile version