Google Photos จะไม่ฟรีแล้ว ทำยังไงดี?

จากกรณีที่ Google Photo จะเลิกให้ backup ภาพฟรีแล้ว ตามนโยบายใหม่ ที่จะเริ่มใช้งานในกลางปีหน้า https://blog.google/products/photos/storage-changes/

ความจริงแล้วรูปที่จะอัพโหลดขึ้น Google Photos ได้ฟรีนั้นจะต้องเป็นภาพที่ขนาดไม่เกิน 16 MP ถ้าเกินกว่านั้นก็จะนับรวมกับ Google Storage ที่เรามี ถึงจะอัพโหลดภาพที่ใหญ่กว่านั้นขึ้นไป ก็ยังมี tool ที่สามารถย่อให้กลับให้มาอยู่ในขนาดที่กำหนดได้ แต่หลังจาก 1 มิถุนายน 2021 ปีหน้า บริการที่ว่านี้จะหมดลง ทำให้รูปที่อัพโหลดขึ้นไปหลังจากนั้นจะถูกคิดพื้นที่ทั้งหมด และจะให้พื้นที่ฟรีเริ่มต้น 15 GB

Google Photos จะไม่สามารถ backup ภาพได้ฟรีแล้ว


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงคือ Google Photos ที่ใช้อยู่ปัจจุบันถูกใช้เป็นคลังเก็บรูปทั้งหมด แม้ว่ารูปที่อยู่ในคลัง ณ ตอนนี้จะยังอยู่ อันนี้ถือว่าโอเคมากๆ แต่ต้องมาคิดว่าในอนาคตจะทำยังไงต่อไป

จำนวนภาพที่เก็บไว้ใน Google Photos

ต้องคำนวณดูก่อนว่าที่ผ่านมาตลอด 5 ปีใช้พื้นที่ในการเก็บรูปไปประมาณเท่าไหร่ จะได้คำนวณพื้นที่เก็บในอนาคต ได้ถูกต้อง ณ ปัจจุบันคำนวณโดยคร่าวๆ จากปริมาณรูปและขนาด พบว่าใช้พื้นที่เก็บรูปไปประมาณ 380 GB โดยเฉลี่ยภาพ 3 ปีหลังจะต้องใช้พื้นที่ในการเก็บเพิ่มขึ้นประมาณ 100 GB ต่อปี

พอได้ความต้องการโดยคร่าวๆแล้วมาดูว่าจะจัดการกับภาพในอนาคตอย่างไรดี

ตัวเลือกที่ 1 ซื้อพื้นที่เพิ่มจาก google ซึ่งจะใช้รวมกับ Gmail, Drive, Photos ราคาดังนี้
-100 GB ราคา 70 บาทต่อเดือน (700 บาทต่อปี)
-200 GB ราคา 99 บาทต่อเดือน (990 บาทต่อปี)
-2 TB ราคา 350 บาทต่อเดือน (3500 บาทต่อปี)
ถ้าจะซื้อเป็นรายปีก็จ่ายในราคา 10 เดือน
ถ้าเลือกตัวเลือกนี้ ตัวเลือก 100 GB น่าจะพอในปีแรก แล้วค่อยอัพเกรดในปีต่อๆไป

ตัวเลือกที่ 2 ตอนนี้เป็นสมาชิก Amazon Prime ยังใช้งานได้
สามารถใช้พื้นที่ได้แบบไม่จำกัด โดยจ่ายค่าสมาชิกรายปี 69 Euro (2,500 บาท) ตอนนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่เก็บภาพไฟล์ RAW เป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะย้ายการเก็บภาพทั้งหมดมาไว้ที่นี้ แต่ความสะดวกก็จะลดลงนิดหน่อย เมื่อเทียบ Google photos
และอีกอย่างการเป็นสมาชิก Amazon Prime แต่ไม่ได้ใช้สิทธิการส่งของฟรี รู้สึกเหมือนว่าความคุ้มค่าจะลดลง ถึงจะยังได้ Free Video, E-book, Photos อยู่ก็ตาม

สรุป จ่าย 700 บาทต่อปีสำหรับ 100GB และยกเลิก Amazon Prime น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งๆที่เงินก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่พอต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่เคยจ่ายดันรู้สึกแพงขึ้นมาซะงั้น แต่รอดูสถาการณ์เมื่อใกล้ถึงกำหนดอีกว่า จะเปลี่ยนใจหรือไม่

ปล. ใครมีบริการอื่นๆ อยากแนะนำ บอกกันมาได้นะครับ

เพิ่มพื้นที่ Dropbox แบบฟรี ให้ทะลุถึง 19 GB กันเลย

จากตอนที่แล้วที่เขียนถึงการเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox ด้วยวิธีใช้สอง account ในเครื่องเดียว ในคอมเม้นด้านล่างคุณ @ThaiAnime แนะนำวิธีเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox ด้วยการยืนยันการเป็นนักศึกษา โดยการใช้อีเมลของสถานศึกษาที่มีโดเมนเป็น .ac, .ac.th หรือ .edu เลยลองทดสอบดู

เข้าไปที่ www.dropbox.com/edu

Dropbox edu

ใส่อีเมลที่เป็นของสถานศึกษาของเราเข้าไป กด Send Email ระบบจะส่งลิงค์ไปให้ที่อีเมลที่กรอกเข้าไป

Dropbox ส่งลิงค์ยืนยันมาให้

อีเมลของมหาลัยที่เข้าปีละหนเองมั้ง เพิ่งเห็นประโยชน์ก็คราวนี้ล่ะ กดลิงค์ที่ Dropbox ส่งมาให้ หรือจะก๊อปปี้ไปวางที่ช่อง ulr ของ Browser ก็ได้

Verify เสร็จ Dropbox จะเพิ่มพื้นที่ให้ทันที โดยอิงจากพื้นที่ที่ได้จาก Ref link ก่อนหน้านี้ที่แนะนำเพื่อนไป โดยเปลี่ยนจาก 250 MB/คน เป็น 500 MB/คน ทำให้พื้นที่ของผมจาก 11 GB เพิ่มเป็น 19 GB ในทันที

พื้นที่ Dropbox 19 GB

ตอนนี้เลยอยากรู้แล้วว่าพื้นที่แบบฟรีของ Dropbox จะเพิ่มสูงสุดได้เท่าไหร่กันนะ อีก account ให้เพื่อน verify ให้ดีกว่า

สุดท้ายขอบคุณ @ThaiAnime อีกครั้ง ที่แนะนำทริปดีๆให้ครับ

ใครที่ยังไม่เคยใช้ Dropbox สมัครผ่าน Referral Link ของผมได้นะครับ

วิธีทำให้ Dropbox ใช้ได้หลายบัญชีในเครื่องเดียว

ผมใช้ Dropbox เป็นที่เก็บไฟล์ที่สำคัญ ตอนนี้มีพื้นที่หยุดที่ 11 GB ไม่เพิ่มแล้วใช้ไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็น ความจริงบริการ Cloud Storage มีอยู่อยู่หลายอันเช่น SugarSync, iDrive, Windows Live Mesh แต่ไม่มีตัวไหนโดนใจเท่า Dropbox แต่ยังไม่อยากจะจ่ายตังค์ซื้อ เพราะพื้นที่ 50 GB/99$/year ดูจะเกินความจำเป็นไปนิดหนึ่ง สองสามวันก่อนเลยหาวิธีที่จะรัน Dropbox พร้อมกันหลายๆ account ในเครื่องเดียว วิธีการทำก็ไม่ได้ยากมากมายอะไร จะสรุปเป็นขั้นตอนสั้นๆไว้ให้ดู โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าคนที่ใช้ Dropbox น่าจะมีความเป็น Geek ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว เริ่มเลยแล้วกัน

    1. สมัคร Dropbox อีกอัน ได้พื่นที่ฟรีเริ่มต้นมาแล้ว 2 GB ถ้าต้องการพื้นที่เพิ่มก็ทำตามวิธีเหล่านี้ เพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox ง่ายๆ อีก 768 MBเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox อีก 250 MB ได้ง่ายๆ
    2. สร้าง User Account ในคอมพิวเตอร์อีกอันใส่ชื่ออะไรก็ได้ จะตั้งหรือไม่ตั้งพาสเวิร์ดก็ตามแต่

      สร้าง User account ในเครื่องของเรา

    3. Switch User ไปใช้ User อันใหม่ที่สร้างขึ้น แล้วติดตั้งโปรแกรม Dropboxเลือกที่อยู่ของโฟว์เดอร์ Sync เป็นคนละที่กับของเดิมนะ

      Switch User

    4. Switch User อีกครั้ง มาใช้ตัวหลัก เข้าไปที่
      C:\Users\ชื่อ User ที่สร้างใหม่\AppData\Roaming\Dropbox\bin\Dropbox.exe
      แล้วคลิกขวาเลือก Send to>Desktop (create shortcut)

      สร้าง Shortcut

    5. คลิกขวาที่ shortcut ที่สร้างขึ้นมา เลือก Properties

      เลือก options

      ที่ช่อง Target เพิ่ม runas /user:ชื่อ User ที่สร้างใหม่ ข้างหน้า

      เพิ่มโค้ดเข้าไป ตัวอย่างใช้ชือ Dropbox2

    6. ดับเบิ้ลคลิก shortcut ใส่พาสเวิร์ดของ User Account ก็ทำงานพร้อมกันได้แล้ว

      สั่งเริ่มทำงาน

ใช้ Dropbox สองบัญชีพร้อมกัน

  1. ถ้าต้องการให้มันทำงานเองแบบอัตโนมัติก็เอา shortcut นี้ไปวางในโฟว์เดอร์ startup เปลี่ยนชื่อด้วยจะได้ไม่ซ้ำกับอันเก่า

    ใส่ใน startup เพื่อให้ทำงานทันทีที่เปิดเครื่อง

ตอนนี้ที่เครื่องเราก็สามารถใช้ Dropbox ได้สองบัญชีพร้อมกัน เหมือนได้พื้นที่สองเด้ง ตอนนี้เลยมีพื้นที่โดยรวมเป็น 11+3 GB

update: สำหรับเวอร์ชั่น Mac คลิกลิงนี้ครับ

ข้อมูลจาก https://maketecheasier.com

เพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox ง่ายๆ อีก 768 MB

Dropbox เป็น Cloud Storageที่ผมใช้งานเยอะที่สุด และพูดได้ว่ามันดีที่สุดสำหรับผม ณ ตอนนี้ (เทียบกับ Sugar Sync, Live Mesh, iDrive) และเรียกใช้งานได้แทบทุก Platform ได้ลองเล่นบน iPhone มันเจ๋งมาก พื้นที่เริ่มต้นแบบฟรีให้มาน้อยไป แต่ก็มีวิธีเพิ่มพื้นที่ฟรีให้ ตอนนี้ผมมีพื้นที่อยู่ 11 GB ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน สำหรับเก็บข้อมูลที่สำคัญ มาดูวิธีเพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox

วิธีเพิ่มพื้นที่ฟรีให้ Dropbox มีอยู่ 3 วิธี คือ

  1. การทำแบบฝึกหัดวิธีใช้ให้ครบ เคยเขียนไว้แล้วที่ เพิ่มพื้นที่ให้ Dropbox อีก 250 MB ได้ง่ายๆ
  2. ส่งลิงค์แนะนำ Dropbox ให้เพื่อน โดยอ้างอิงจาก account ของเรา ใครที่สมัครใหม่ อยากให้พื้นที่แก่ผมก็คลิกลิงค์นี้โล้ด https://db.tt/SqyH02t แบบนี้เราได้เพิ่ม 250 MB/ เพื่อนหนึ่งคนที่สมัคร
  3. อันนี้เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เพิ่งรู้ เพิ่มด้วยการแชร์ และติดตาม Dropbox ผ่านทาง Social Network ถ้าทำครบทุกอันจะได้เพิ่มมาอีก 768 MB ทำตามหน้านี้ครับ https://www.dropbox.com/free

Get 768 MB of Free Dropbox Space

via: https://maketecheasier.com

AirDropper ขอให้เพื่อนอัพโหลดไฟล์ขึ้น Dropbox ให้เรา

ลองเล่น AirDropper ที่ downloadsquad แนะนำ รู้สึกว่าเจ๋งดี เลยเอามาบันทึกไว้ ใครยังไม่มี Dropbox บริการเก็บไฟล์ไว้บน Cloud Storage ที่ผมยกเป็นบริการเก็บไฟล์ออนไลน์ที่ดีที่สุดในตอนนี้ เมื่อเทียบกับ Live Mesh, iDrive เนื่องด้วยความไวในการ detection ไฟล์ใหม่(iDrive ช้า) ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อย(Live Mesh ใช้เยอะ) และให้พื้นที่เยอะพอใช้(8 GB)

AirDropbox คือ บริการร้องขอไฟล์จากเพื่อน และให้อัปโหลดขึ้น Dropbox ให้เรา โดยที่เพื่อนเราไม่จำเป็นต้องมีบัญชีของ Dropbox ถ้าหากเพื่อนมีบัญชีของ Dropbox ใช้การ share น่าจะสะดวกมากกว่า บริการนี้ยังอยู่ในสถานะ beta นะ ผมลองทดสอบดู เป็นขั้นๆดังนี้

  • เข้าไปที่ www.airdropper.com แล้วล็อกอินด้วยบัญชีของ Dropbox ของเรา
  • กรอกรายละเอียด อีเมลของตัวเอง อีเมลของคนที่เราต้องการให้อัปโหลดไฟล์ขึ้น Dropbox ให้เรา(ผมลองใช้อีเมลอีกบัญชีของผมเอง) ใส่รายละเอียดไปว่าต้องการอะไร ค่าเริ่มต้นมันจะสร้างโฟล์เดอร์ AirDropper ขึ้นมารอรับไฟล์ เราสามารถสร้างโฟล์เดอร์ย่อยภายในนั้นได้อีก ผมลองสร้างโฟล์เดอร์ย่อยชื่อ Photo ขึ้นมา แล้วคลิกส่งไป

    หน้ากรอกรายละเอียดเพื่อร้องขอไฟล์

  • (ส่วนของคนรับ)จะรับอีเมลข้อความและลิงค์ให้คลิกเข้าไปอัปโหลดไฟล์ (ดังรูป)

    อีเมลที่ไดรับ

  • เมื่อคลิกลิงค์ที่มากับอีเมล จะเปิดหน้าสำหรับอัปโหลดไฟล์ขึ้นมา สามารถเพิ่มได้หลายไฟล์ในการส่งหนึ่งครั้ง ผมลองส่งทั้งไฟล์เอกสารและไฟล์รูปภาพรวมกัน 4 ไฟล์

    หน้าสำหรับอัปโหลดไฟล์

  • คลิก SEND มันจะอัปโหลดไฟล์ที่เลือกไว้ขึ้นระบบ
  • เสร็จแล้ว มันจะมีอีเมลไปที่คนขอไฟล์ว่ามีการอัปโหลดไฟล์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ลองเข้าไปดูพบว่า ส่งมาครบถ้วนสมบูรณ์ อยู่ทั้งบน Cloud และในเครื่อง

    ไฟล์ที่อยู่บน Cloud

    ไฟล์ที่เครื่องของเรา

ข้อดีของ AirDropper คือเหมาะกับคนที่ใช้ Dropbox ในการเก็บข้อมูล  และเพื่อนหรือคนอื่นที่ร่วมงานไม่มีบัญชีของ Dropbox แต่ต้องการให้ส่งไฟล์ให้ ข้อดีคือไม่ต้องทำงานหลายครั้งเมื่ออัปโหลดแล้วไฟล์จะอยู่ทั้งบน Cloud และในเครื่อง ทั้งยังอัปโหลดได้ครั้งละหลายไฟล์

via: https://www.downloadsquad.com

Exit mobile version