ฟรี IT Guide จาก MakeUseOf

Make Use Of Guide

ทุกๆสัปดาห์เว็บไซต์ MakeUseOf จะทำ guide ในเรื่องที่น่าสนใจออกมาให้อ่าน หัวข้อก็เกี่ยวกับไอที เช่น การใช้งาน Photoshop, iPad, Facebook, Dropbox, MS Office เป็นต้น ทำขึ้นในแบบสั้นๆประมาณ 30 หน้า เข้าใจง่าย มีภาพประกอบ ให้เราโหลดไปอ่านฟรีๆ ไฟล์เป็น PDF ผมโหลดไว้บ้างบางอันที่สนใจ ตอนนี้น่าจะมีประมาณ 40 กว่าเล่มแล้ว ตัวล่าสุดคือ การทำ Photoblog

ใครสนใจ E-Book Guideจาก MakeUseOf เข้าไปโหลดได้จากหน้าเว็บ หรือ Facebook page ของ MakeUseOf ก็ได้ ลิงค์อยู่ด้านล่างครับ

https://www.makeuseof.com/pages/

https://www.facebook.com/makeuseof?sk=app_112097515539177

อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย เมื่อชีวิตเหลือเวลาเพียง 24 ชั่วโมง

อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย

อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย เป็นการ์ตูนเรื่องล่าสุดที่ได้อ่าน แม้จะมีการพิมพ์มานานแล้ว และเคยทำเป็นภาพยนต์มาแล้ว เมื่อปี 2008 โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้อ่านการ์ตูนมากนัก มีแค่ไม่กี่เรื่องที่ชอบ และซื้อเก็บไว้ คิดว่าเรื่อง อิคิงามิ จะเป็นอีกเรื่องที่จะต้องซื้อเก็บไว้ ความจริงได้ยินคนพูดถึงเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว พอดีว่าที่ใต้ตึกที่พักมีร้านเช่าหนังสือมาเปิดใหม่ เลยลองหยิบมาอ่านดู ตอนที่อ่าน อิคิงามิ มี 7 เล่ม ล่าสุดเล่มที่ 8 จะวางขายในวันที่ 11 เมษายน 2011 ที่จะถึงนี้

เรื่องย่อ

อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย เป็นผลงานของ โมโตโร่ มาเสะ เล่าเรื่องของประเทศหนึ่งที่มีกฎหมายที่เรียกว่า “กฎหมายเพื่อผดุงความรุ่งเรืองแห่งชาติ” โดยประชาชนทุกคนจะถูกฉีดวัคซีนให้ตั้งแต่เด็ก ในวัคซีนบางอันจะมีนาโนเคปซูลที่สามารถกำหนดวันเวลาที่ต้องตายไว้ ในช่วงที่มีอายุ 18-24 ปี ซึ่งโอกาสที่จะโดนแจ๊คพอร์ตนี้ มีเพียงแค่ 1 ใน 1,000 คน เท่านั้น เพื่อให้ประชาชนนั้นตั้งใจใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและตระหนักต่อ “คุณค่าของชีวิต” มากยิ่งขึ้น หรือจะพูดง่ายๆคือ วันนี้ต้องทำให้เต็มที่เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะตายหรือไม่ ทำให้ประเทศลดทั้งอาญากรรม และพัฒนารุ่งเรือง

ฟูจิโมโตะ ตัวเอกของเรื่องคือคนส่ง “อิคิงามิ” หรือ “สาส์นสั่งตาย” ให้ผู้ที่ได้รับเกียรติต้องตายเพื่อผดุงความรุ่งเรืองแห่งชาติ ก่อนถึงเวลาตาย 24 ชั่วโมง คนที่ได้รับอิคิงามิ จะสามารถใช้บัตรนี้แสดงเพื่อขอรับบริการต่างๆจาก ห้างร้าน บริการต่างๆได้ตลอดก่อนถึงเวลาตาย และจะได้รับการสรรเสริญจากคนในสังคมอย่างที่สุด และเมื่อเสียชีวิตครอบครัวจะได้รับเงินตอบแทนจากรัฐบาล แต่ถ้าผู้ที่ได้รับอิคิงามิ เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ก่ออาชญากรรม ครอบครัวจะไม่ได้ค่าตอบแทนใดๆ และต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังถูกประนาฌว่าเป็นครอบครัวที่มีความคิดด้อยพัฒนา สุดท้ายต้องย้ายจะที่อยู่ออกไปจากเมืองนั้น และใครที่คิดต่อต้านกฎหมายนี้ก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงเช่นกัน

แต่ใช่ว่าทุกคนในประเทศจะเห็นด้วยกับกฎหมายนี้ มีการรวมกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้าน และพยายามล่มล้างกฎหมายนี้ หรือแม้แต่ ฟูจิโมโตะ ที่เป็นคนของรัฐบาลทำหน้าที่ส่งสาส์นยังมีความลังเลในใจถึงกฎหมายนี้ ว่ามันดีจริงหรือ

จุดเด่นที่ชอบ

เป็นการ์ตูนที่ดราม่า และสะเทือนอารมณ์สุดๆ ในแต่ละตอนจะเล่าเรื่องการใช้ชีวิตที่เหลือเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง ของผู้ที่ได้รับอิคิงามิ ซึ่งแต่ละตอนคนที่ได้รับ อิคิงามิ จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีบทบาทในสังคมแตกต่างกัน เช่น นักเรียน นักดนตรี หัวขโมย คนไร้บ้าน นักวาดรูป นักถ่ายภาพ นักเต้น ฯลฯ เราจะได้เห็นการใช้ชีวิตของคนในครอบครัวของคนที่รับอิคิงามิด้วย จะได้เห็นว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องทำก่อนตายของแต่ละคนจะเป็นยังไง บางคนเลือกที่จะตามแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายตัวเอง ซึ่งคนที่ทำร้ายเขาบางครั้งก็เป็นคนในครอบครัวเอง บางคนเลือกที่จะช่วยเหลือคนอื่นจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต แต่ทุกคนที่ได้รับอิคิงามิก็จบลงด้วยก ความตาย และความเศร้า ทั้งนั้น

อิคิงามิ สาส์นสั่งตาย เป็นการ์ตูนที่เก็บรายละเอียดของตัวละครแต่ละตัวได้ยอดเยี่ยมมาก และสามารถดึงจุดสำคัญของคนในอาชีพนั้นๆออกมาได้อย่างชัดเจน เมื่อชีวิตถูกบีบให้เหลือเวลาเพียงแค่ 24 ชั่วโมง เขาจะทำอะไรที่เป็นตัวเขามากที่สุด หรือเรียกว่า “ไม่ให้เสียชาติเกิด”

ซาโตริ (ตื่นรู้ในทันที) จะได้เห็นตลอดในการ์ตูนเรื่องนี้ มาจากทั้งคนที่ต้องตาย และคนที่อยู่เบื้องหลัง ที่ต้องใช้ชีวิตต่อไปเพื่อคนที่ตาย

คำถามกับผู้อ่าน

บางครั้งเราคนอ่านก็มองย้อนกลับมาที่ตัวเองว่า ถ้าเป็นตัวเราจะเป็นยังไง ถ้าเป็นตัวคุณเองที่ได้รับ อิคิงามิ คุณจะทำยังไง? จะทำอะไร? ทำเพื่ออะไร? ทำเพื่อใคร? เมื่อลมหายใจสุดท้ายของชีวิตมาถึง อยากไปอยู่ที่ไหน? หรือที่พระท่านบอกว่า สิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุดในชีวิตคือ “ความตาย” ถูกแสดงให้เห็นได้ชัดเจนขึ้น

คำถามที่ได้จากการ์ตูนเรื่องนี้คือ วันนี้ใช้ชีวิตคุ้มแล้วหรือยัง ถ้าพรุ่งนี้ต้องตาย คิดว่าตัวเองจะ “ตายตาหลับหรือไม่”

กฎหมายไทย บริจาคหนังสือเสรี มีดีมากกว่าเสีย

ภาพประกอบ โดย libraryman

ได้อ่าน “บริจาคหนังสือเสรี” ประเทศชาติจะฉิบหายจริงหรือ จากประชาไท กล่าวถึงกฎหมายใหม่ที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และถูกประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว เป็นกฎหมายส่งเสริมให้คนบริจาคหนังสือให้สถานศึกษา ผ่านทางการขอยกเว้นภาษีจากมูลค่าของหนังสือที่บริจาคได้ถึง 200%

มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย อย่างเช่น มกุฎ อรดี ที่ออกมาให้ความเห็นว่า การบริจาคหนังสือเสรีจะนำมาสู่ความเสียหายของชาติอย่างใหญ่หลวง โดยเน้นไปที่ เป็นช่องทางในการคอรัปชั่น ประโยชน์จากการหักภาษี หนังสือบริจาคที่ด้อยคุณภาพ การครอบงำ-โฆษณาตัวเองของนักการเมืองผ่านหนังสือ มีข้อโต้งแย้งของความเห็นนี้ จากหลายส่วนดูจะฟังขึ้น และเห็นว่ากฎหมายนี้มีดีมากกว่าเสีย ยกตัวอย่าง

“คุณมกุฎบอกว่าการบริจาคหนังสือเป็นช่องทางหนึ่งของการคอรัปชั่น เช่น ไปซื้อหนังสือราคาถูกๆ แล้วเอามาหักภาษีเต็มๆ กับราคาปกหนังสือ มันก็เป็นธรรมดาของประเทศไทยอยู่แล้วที่จะมีการคอรัปชั่น”

-ธนาพล อิ๋วสกุล กองบรรณาธิการวารสารฟ้าเดียวกัน (3)

อันนี้ฟังขี้นมาก ใช้แย้งกรณีคอรัปชั่น คนไม่ดี ยังไงก็หาช่องให้ตัวเองได้เสมอ อีกทั้งยังมองแง่ร้ายแต่ทางเดียว

“ปัญหาคือเราเอาอะไรไปวัดว่า ‘ข้อมูล’ หรือ ‘อุดมการณ์ใด’ เป็นอุดมการณ์ที่ ‘ดี’ ที่ ‘ถูก’ และอุดมการณ์หรือข้อมูลใด ‘ผิด’ หรือเป็น ‘อันตรายต่อความมั่นคงของชาติ’ ? ถ้าเราใช้เหตุผลเช่นนั้นในการ ‘เฝ้าระวัง’ หนังสือ เท่ากับเราก็ยอมรับในแนวคิด ‘พี่ใหญ่’ หรือ ‘คุณพ่อรู้ดี’ เราก็จะไม่มีเหตุผลใดที่จะไปเรียกร้องต่อสู้เวลาที่เขาบล็อกเว็บหรือเซนเซอร์หนัง เพราะนั่นเขาก็อ้างว่าทำเพื่อ ‘ความมั่นคง’ ของชาติ (ประกอบศีลธรรมอันดีด้วย) เช่นกัน”

และอีกประโยค “เราเคยเชื่อหนังสือบางเล่มอย่างหัวปักหัวปำ แต่พออ่านหนังสืออีกเล่ม มันล้างความคิดของหนังสือเล่มก่อนหน้านั้นไปเลย ไม่มีหนังสือเล่มใดหรอกที่จะครอบงำเราได้ตลอดไป และมันมีหนังสือใหม่ๆ รอมาครอบงำเราตลบหลังได้เรื่อยๆ”

-นักเขียนหนุ่มผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม (4)

กรณีที่เกรงว่าหนังสือนี้ควรเฝ้าระวัง กลัวเด็กถูกครอบงำ อธิบายได้เห็นภาพ นอกจากนั้น เขายังเสนอการพิมพ์หนังสือออกมาสองเวอร์ชั่นคือราคาถูก กับราคาแพง โดยใช้คุณภาพของกระดาษที่ต่างกัน เพราะหนังสือยังไงมันก็เป็นแค่ตัวหนังสือ มีคุณค่าที่ตัวหนังสือไม่ใช่กระดาษ นี้จะเป็นการเพิ่มเสรีให้ผู้อ่านมากขึ้น นักเขียนท่านนี้เขียนได้ถูกใจมาก อยากรู้จังว่าเป็นใคร

นี้เป็นความเห็นส่วนตัว เมื่อครั้งเราอยู่ชนบทห่างใกล้ ตอนเรียนประถมยังจำได้เลยว่า โรงเรียนเรามีหนังสือในห้องสมุดเพียงไม่กี่เล่ม ตอนมัธยมต้นหนังสือในห้องสมุดถือว่าน้อยมาก ใครยืมไปคนอื่นก็คงไม่ได้อ่าน จนจำกัดการยืมให้แค่ 3 วัน

หนังสือนอกตำราเรียนเรียกว่าน้อยมาก เคยอ่านหนังสือของ ชัยคุปต์ ชื่อเรื่อง มนุษย์และอวกาศ ตอนนั้นบอกได้เลยว่ามันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้มาก และเราตั้งคำถามว่าอยากอ่านชุดอื่นๆอีกทำไมไม่มี พอได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาในเมือง ที่มีหนังสือเยอะกว่ามากเรียกได้ว่าเทียบกันไม่ติด เราก็ตั้งคำถามอีกว่า ทำไมที่โรงเรียนเก่าเราไม่มีแบบนี้บ้าง นี้ต่างหากที่เรียกว่าเสรีในการอ่าน ไม่มีให้อ่านแล้วจะเรียกเสรีได้อย่างไร ถ้ากฎหมายนี้จะกระตุ้นให้ภาคเอกชนได้บริจาคหนังสือมากขึ้น เราก็เห็นแสงสว่างเล็กๆที่จะเกิดขึ้น จะได้เห็นหนังสือในห้องสมุดนอกเมืองมากขึ้น การบริจาคหนังสือเสรี คือบริจาคเสรีในการอ่านด้วย

ส่วนเรื่องของหนังสือที่บริจาคจากคนทั่วไปเห็น ถ้าคนที่ตั้งใจจะบริจาคจริงๆ มันคงเยอะกว่าคนที่ตั้งใจหาผลประโยชน์ ไม่อย่างนั้นสังคมมันคงอยู่ไม่ได้มาถึงขนาดนี้หรอก คนเหล่านี้ย่อมต้องคัดเลือกหนังสือที่ตัวเองเห็นว่ามีประโยชน์ให้ห้องสมุด หรือแม้ว่าจะเป็นหนังสือมือสองถูกๆ แต่หนังสือเล่มนั้นก็เคยเป็นหนังสือมือหนึ่งมาก่อน มีคุณค่าที่ตัวหนังสืออยู่แล้วไม่ใช่กระดาษหรือปก

จึงขอสนับสนุนกฎหมายนี้ ป่วยการที่เราจะมัวคำนึงแต่ผลเสียที่จะเกิดจากคนไม่ดีในสังคม

ข้อมูลเพิ่มเติม-voicetv.co.th

หนังสือที่ได้จาก งานสัปดาห์หนังสือ มีนาคม 2554

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 39

งานสัปดาห์หนังสือ คงเป็นงานที่เดินได้สบายใจกว่า งานแสดงสินค้ามือถือ คอมพิวเตอร์ เป็นไหนๆ คงเพราะมันง่ายกว่าที่จะเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนสนใจ อันที่จริงอยากจะอ่านหนังสือที่เคยซื้อเมื่อครั้งก่อนให้จบหมดก่อน ค่อยไปหยิบเล่มใหม่มา แต่มันก็อดใจไม่ได้ เมื่อไปเจอบล็อกของคนอื่นเขียนถึงหนังสือที่ได้มา หนังสือที่อ่านค้างอยู่คือ “ควอนตัมจักรวาลใหม่” อ่านไปประมาณ 1 ใน 3 ก็หยุดแล้วทิ้งยาวเลย คงต้องหาเวลาว่างๆ เงียบๆอ่านใหม่อีกรอบ

ในช่วงหลังๆมานี้ สำนักพิมพ์ที่ประทับใจผมคือ มติชน ที่มีหนังสือในกลุ่มวิทยาศาสตร์ออกมาให้เลือกอ่านมากขึ้น ซึ่งหนังสือกลุ่มวิทยาศาสตร์ที่ไม่ใช่ตำราเรียน รู้สึกว่ามันน้อยกว่าหนังสือดูดวงซะอีก อยากอ่านหนังสือแนวเรียลวิทยาศาสตร์ที่เล่าเรื่องสนุกๆ อย่างเช่น ผลงานของ ชัยคุปต์, รอฮีม ปรามาท ถ้ามีแนวนี้เยอะกว่านี้ คงสนุกกับการอ่านมากกว่านี้เป็นแน่

จากการสังเกตุหนังสือที่ได้รับความนิยมจากผู้อ่านส่วนใหญ่จะเป็นนิยายแนวหนุ่มสาว ดูจากบูธของสำนักพิมพ์เหล่านี้คนมุงเยอะมาก ใช่ว่าไม่ดีนะ หนังสืออะไรก็มีคุณค่าในตัวทั้งนั้น โดยส่วนตัวก็ชอบเช่นกัน

มาถึงบันทึกรายการหนังสือที่ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ มีนาคม 2554

  • “ประวัติศาสตร์ศิลปะ” -รศ.วุฒิ วัฒนสิน
  • “พยัคฆ์ซ่อนมังกรซุ่ม” -ดวงเดือน ประดับดาว
  • “เดียว” -งามพรรณ เวชชาชีวะ
  • “จักรวาลในหนึ่งอะตอม” -พระนิพนธ์ทะไลลามะ, เพชรรัตน์ พงษ์เจริญสุข แปล
  • “ปลาที่ว่ายนอกสนามฟุตบอล” -วินทร์ เลียววาริณ
  • “บองหลา” -พนม นันทพฤกษ์

ปล.ที่บูธของ Provision ใครซื้อหนังสือแล้ว Check-in และแชร์ขึ้น Facebook จะได้ตุ๊กตาหมีน้อยมาหนึ่งตัวด้วย จัดมาหนึ่งตัว น่ารักมาก (ให้เพื่อนซื้อ เรา Check-in)

หนังสือที่ได้จาก งานสัปดาห์หนังสือ ตุลาคม 2553

งานสัปดาห์หนังสือ 2553 วันที่ 21-31 ต.ค. นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์ ไปมาวันนี้ (พฤหัสบดี ที่ 28 ตุลาคม ) ช่วง 5 โมงเย็น คนไม่เยอะมาก เดินสบายไม่ได้เบียดกันเหมือนทุกครั้งที่เคยไป จะมีเบียดๆบังๆกันบางบูธ ใครที่ไม่มีแนวทางในการเดิน มีหนังสือ Smart Guide แนะนำหนังสือของแต่ละสำนักพิมพ์ให้ เอาได้ที่หน้างาน พอนั่งพักก็หยิบขึ้นมาอ่าน น่าจะช่วยได้ไม่น้อย

หนังสือแนะนำหนังสือของแต่ละสำนักพิมพ์ มีแผนที่ภายในด้วย

อันที่จริง คนที่ไปบ่อย คงไม่ต้องใช้แผนที่แล้วล่ะมั้ง เพราะสำนักพิมพ์ต่างๆ ก็จับจองที่ตรงตำแหน่งเกือบจะเหมือนเดิมทุกครั้ง

รายการหนังสือที่ได้ มีดังนี้

Presentation Zen ฉบับแปลไทย

พรีเซนเทชั่นเซน: การ์ เรย์โนลด์ส เขียน
ดำเกิง ไรวาม, จุไรพร วิสุทธิกุลพาณิชย์ และธงชัย โรจน์กังสดาล แปล
สำนักพิมพ์ขวัญข้าว, 240 หน้า, ราคา 425 บาท (ราคาปก 500 บาท)

หนังสือสอนวิธีการนำเสนอ ตั้งแต่การออกแบบสไลด์ จนถึงวิธีการพูด เคยอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมานิดหน่อย พิมพ์สีทั้งเล่ม ลองเช็คราคาเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษราคาอยู่ที่ $23.09 (691 บาท) เป็นหนังสือเล่มที่ตั้งใจจะไปซื้อมาอ่าน และเก็บเข้าคลัง เปิดดูคร่าวๆมีแปลสไลด์ตัวอย่างบางอันเป็นภาษาไทยด้วย

พุทธทาสภิกขุ กับเซ็น

พุทธทาสภิกขุกับเซ็น : พุทธทาสภิกขุ
สำนักพิมพ์สุขภาพใจ, 224 หน้า, ราคา 160 บาท(ราคาปก 200 บาท)

เคยอ่านนิทานเซ็น เล่าโดย ท่านพุทธทาส เมื่อนานมาแล้ว เล่มเล็กๆ อ่านสนุก (มี CD) เป็นนิทานที่เล่าให้เด็กฟังได้

พุทธทาสภิกขุกับเซ็น หนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก เป็นหนังสือที่รวบรวมภาพปริศนาธรรมเซ็น ภาพที่ในหนังสือถูกคัดมาจากภาพที่มีท่านพุทธทาสอธิบายภาพปริศนาธรรมนั้นๆ และถอดความจากเสียงพุทธทาสมาลงไว้ ที่ท้ายเล่มมี CD เสียงดั้งเดิมของท่านพุทธทาสแถมมาด้วย และตอนท้ายมีเสียงบทอ่านกวีเซ็นจาก อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ในคำนำจากสำนักพิมพ์บอกไว้ว่านี้ เป็นหนังสือภาพเซ็นที่สมบูรณ์ที่สุดในตอนนี้เลยทีเดียว

ความสุขของกระทิ ตอน ในโลกใบเล็ก

ความสุขของกระทิ ตอน ในโลกใบเล็ก : งามพรรณ เวชชาชีวะ
แพรวสำนักพิมพ์, 142 หน้า, ราคา 109 บาท(ราคาปก 129 บาท)

ประทับใจกับ ความสุขของกระทิ ตอนแรกและตอนสอง อ่านสบายๆสนุก ตอนที่ชอบทีสุดคงเป็นตอนแรก ตอน ในโลกใบเล็ก เป็นตอนที่สาม เขียนว่า “ภาคสมบูรณ์” น่าจะหมายถึงภาคจบแล้ว เหมือนหนังไตรภาค มีสามตอน หนังสือก็ดี ทำเป็นหนังก็โอเค เสียดายไม่ทำเงิน เลยอดดูหนังภาคสอง และสาม

a day Legend

a day LEGEND : เรียบเรียงโดยนักเขียนรับเชิญมากมาย เช่น วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์, วินทร์ เลียววาริณ,ภัทระ คำพิทักษ์ (กระบี่ไม้ไผ่), วชิระ บัวสนธ์, บินหลา สันกาลาคีรี, ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย,โตมร ศุขปรีชา, วิภว์ บูรพาเดชะ, สืบสกุล แสงสุวรรณ และ จักรพันธุ์ ขวัญมงคล โดยมี วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ เป็นบรรณาธิการ

สำนักพิมพ์ a book, 240 หน้า , ราคา 260 บาท (ราคาปก 290 บาท) แถมเสื้อกระทิงแดงมาด้วย 1 ตัว

ทำปกแข็งเล่มหนากว่าที่คิดไว้ เป็น a day ฉบับพิเศษในโอกาสที่นิตยสาร a day ครบรอบ 10 ปี ขนาดเท่า a day ปกติ เนื้อหาเป็นเรื่องราวของ 25 คนไทย ที่น่ายกย่อง จนเรียกได้ว่าเป็น “ตำนาน” ของวงการนั้นๆ เช่น พุทธทาสภิกขุ, หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช, จิตร ภูมิศักดิ์, ศิลป์ พีระศรี, เอื้อ สุนทรสนาน, สุวรรณี สุคนธา, แสงอรุณ รัตกสิกร, เทียม โชควัฒนา, ปรีดี พนมยงค์, ป๋วย อึ้งภากรณ์, ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นต้น

น่าอ่าน น่าเก็บสะสมไว้ยิ่งนัก

และอันสุดท้ายที่ได้มา คือ แผนที่ดาว

แผนที่ดาว

แผนที่ดูดาว เป็นของที่อยากได้มานาน แต่ไม่ได้สักที ราคา 50 บาท วิธีใช้ก็ง่ายมากๆ วงด้านนอกเป็นวัน วงด้านในเป็นเวลา หมุนวันกับเวลาให้ตรงกัน แล้วดูได้เลย ยังไม่เคยใช้จริงๆ ไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ดีแค่ไหน กลับบ้านต่างจังหวัดครั้งหน้าจะเอาไปลองดู

สรุปว่า งานสัปดาห์หนังสือ เดือนตุลาคม 2553 หมดเงินไป 1,004 บาท ยังไม่รวมค่ารถอีกนะเนี้ย (อ่านให้คุ้มค่าเงินด้วยนะมึง)

งานสัปดาห์หนังสือ 2553 วันที่ 21-31 ต.ค. นี้ ที่ศูนย์สิริกิติ์

Book Expo 2010
งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 15 (BOOKEXPO THAILAND 2010)
รวมทั้งสิ้น 11 วัน คือ ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 21 – วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม 2553 เวลา 10.00-21.00 น.
พิธีเปิด: วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม 2553 เวลา 9.30 น.
สถานที่จัดงาน: ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

https://thailandbookfair.com/bookexpo2010/

ความจริงแล้ว งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติจะจัดช่วงเดือนเมษายน งานมหกรรมหนังสือระดับชาติจะจัดช่วงเดือนตุลาคม แต่ยังไงเราก็เรียกทั้งสองงานว่า งานสัปดาห์หนังสือ อยู่ดี ที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องแยกหรอก เพราะงานมันเหมือนกัน มีหนังสือเยอะ คนเยอะด้วย เหมือนงานอุปกรณ์ไอทีที่มีหลายเจ้าจัด เราก็เรียกรวมว่า งาน Commart ทุกทีไป

ครั้งที่แล้วได้หนังสือมานิดเดียว เรื่องที่เคยตื่นเต้นกับการขอลายเซ็นต์นักเขียนที่ชื่นชอบ เริ่มจะเฉยๆแล้ว ถ้าเจอก็ขอ ไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่เหมือนครั้งแรกๆที่ต้องไปวันนี้เพื่อจะเจอให้ได้ อะไรประมาณนั้นเลย แต่จริงๆแล้วการขอลายเซ็นต์ มันก็ให้อารมณ์เหมือนเราได้ซื้อหนังสือจากเจ้าของผลงานจริงๆนะ

หนังสือใหม่ของ @finger น่าสนใจมิใช่น้อย

“ไม่มีหญิงสาวในบทกวี” รางวัลซีไรต์ ประจำปี 2553

ไม่มีหญิงสาวในบทกวี ผู้แต่ง : ซะการีย์ยา อมตยา

รางวัลซีไรต์ ประจำปี 2553 : ไม่มีหญิงสาวในบทกวี
ผู้แต่ง/ผู้แปล : ซะการีย์ยา อมตยา
สำนักพิมพ์หนึ่ง
Barcode : 9789742255244
ISBN : 9789742255244
ปีพิมพ์ : 1 / 2553
ขนาด (w x h) : 105 x 180 mm.
ปก / จำนวนหน้า : ปกอ่อน / 92 หน้า
หมวดหนังสือ : กลอน-กวี
ราคาปกติ : 85.00 บาท
รายละเอียดจาก : www.chulabook.com

ยอมรับว่า รางวัลซีไรต์มีอิทธิพลกับการเลือกซื้อหนังสือมาอ่านพอสมควร ค่อนข้างเชื่อถือได้ในระดับหนึ่งว่าซื้อมาแล้วไม่ค่อยผิดหวัง ปีนี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของหนังสือประเภทบทกวี ที่จริงแล้วไม่ค่อยชอบอ่านบทกวี เพราะอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง มีปัญหากับภาษาไทยนิดหน่อยเรื่องของวรรณยุกต์สะกดผิดๆถูกๆ อ่านผิดๆถูกๆเช่นกัน เป็นคนแต่งกลอนไม่ได้ แต่ปีนี้ได้เห็นชื่อเรื่อง “ไม่มีหญิงสาวในบทกวี” แล้วน่าสนใจ ราคาไม่แพง ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ลดแล้วเหลือ 76 บาท ชื่อคนแต่ง ซะการีย์ยา อมตยา ไม่เคยได้ยินมาก่อน แถมดูในเว็บของศูนย์หนังสือมีผลงานแค่เล่มเดียวคือเล่มนี้ ยังไงซะว่างๆจะแวะไปอุดหนุนมาสักเล่ม

รูปมาจาก : สำนักพิมพ์หนึ่ง

ฟรีคู่มือ Windows 7: From Newbies To Pros

ฟรีคู่มือ Windows 7

เอาคู่มือการใช้งาน Windows 7 แบบฟรีๆ มาให้โหลด เป็นคู่มือสั้นๆ 50 หน้า อ่านง่าย มีรูปประกอบ ขนาดไฟล์ 2.9 MB มีอยู่ทั้งหมด 8 Chapter ดังนี้
Windows 7: From Newbies To Pros
Chapter 1: Introduction
Chapter 2 – Are We Compatible?
Chapter 3 – Learning the New Taskbar
Chapter 4 – Using and Customizing Windows Aero
Chapter 5 – Windows 7 Libraries
Chapter 6 – Windows 7 Software
Chapter 7: Windows 7 Networking – Easy As Pie
Chapter 8: Windows 7 and Gaming

DOWNLOAD หรือ อ่านแบบออนไลน์ที่ Scribd

via : https://www.makeuseof.com/tag/windows-7-guide-newbies-pros-free-pdf/

หนังสือบันทึก 380 วงจรไอซี

บันทึก 380 วงจรไอซี

“หนังสือบันทึก 380 วงจรไอซี” หนังสือเล่มนี้อยู่ในห้องแล็ปมานานแค่ไหนแล้วผมไม่รู้ ดูสภาพภายนอกว่าเยินแล้ว ด้านในยิ่งกว่า ผ่านการเปิด การซ่อมนับครั้งไม่ถ้วน ผมเชื่อว่าใครที่เคยทำเล็ปในห้อง BERL (Bioelectronics) ต้องเคยได้ใช้บริการมันแน่นอน เนื้อหาข้างในเพียงพอต่อการเรียนรู้วงจรไอซีสำหรับคนไม่ได้เรียนวิศวกรรมไฟฟ้ามาอย่างผม แม้แต่คนที่จบวิศวะมาก็ต้องเปิดทบทวนบ่อยๆเมื่อจะใช้งานเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้า อีกอย่างที่ผมชอบมากคือมันถูกเขียนขึ้นด้วยลายมือ ให้อารมณ์เหมือนดูหนังสือออกแบบโครงสร้างตึกของสถาปนิก อ่านง่าย ราคาที่ปก 50 บาท(ไม่รู้ราคาขายในปีไหน)

เนื้อหาหนังสือบันทึก 380 วงจรไอซี

ผมพยายามเดินหาในร้านหนังสือว่ายังมีการตีพิมพ์อีกบ้างไหม แต่ไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องเอาไปถ่ายเอกสารเก็บไว้ให้ตัวเองเล่มหนึ่ง ให้ห้องแล็ปอีกเล่ม เผื่อมันจะอยู่คงทนขึ้น จะได้มีตัวสำรองให้คนที่จะเข้ามาทำงานในเล็ปได้ใช้งานมันต่อไป ก่อนตัวจริงจะขาดหายไปเสียก่อน

หนังสือบันทึก 380 วงจรไอซี

หวังว่ากลับมาคราวหน้ามันจะยังอยู่ และยังถูกใช้งาน

(เฉพาะนิสิตจุฬาฯ)ฟรีหนังสือ E-book มากกว่า 7 พันรายการ

CRCnetBASE.com รวมหนังสือออนไลน์มากกว่า 7 พันรายการ

สำหรับนิสิตและบุคลากรในจุฬาฯเท่านั้นครับ รวมหนังสืออีบุ๊ค แบบ PDF ไฟล์ ให้โหลดมากกว่า 7 พันรายการฟรี เท่าที่เข้าไปเช็คดูมีเกือบทุกสาขา ลองก็อปปี้แต่ละหมวดมาให้ดู

All Subjects (7314)

  • Biomedical Science (553)
  • Business & Management (715)
  • Chemical Engineering (163)
  • Chemistry (809)
  • Clean Tech (159)
  • Computer Science & Engineering (302)
  • Economics (769)
  • Engineering – Civil (373)
  • Engineering – Electrical (782)
  • Engineering – General (134)
  • Engineering – Mechanical (380)
  • Engineering – Mining (28)
  • Environmental Science & Engineering (626)
  • Ergonomics & Human Factors (134)
  • Food & Nutrition (587)
  • Forensics & Criminal Justice (288)
  • Geoscience (29)
  • Healthcare (106)
  • Homeland Security (80)
  • Industrial Engineering & Manufacturing (256)
  • Information Technology (419)
  • Life Science (774)
  • Material Science (491)
  • Math (452)
  • Medicine (367)
  • Nanoscience & Technology (117)
  • Occupational Health & Safety (114)
  • Pharmaceutical Science & Regulation (271)
  • Physics (409)
  • Polymer Science (102)
  • Public Administration & Public Policy (71)
  • Social Sciences (543)
  • Statistics (287)
  • Water Science & Engineering (219)

เข้าไปโหลดได้เลยที่  https://www.crcnetbase.com ใครที่ไม่ได้ใช้เน็ตภายในจุฬาฯ ก็ใช้ VPN เข้ามาโหลดได้ครับ

Exit mobile version