Control Center ใน iOS7 มีให้โหลดแล้วใน Android ???

Control Center

Control Center แอพพลิเคชั่นรวมคำสั่งควบคุมการทำงานของเครื่อง เช่น การเปลี่ยนโหมดการทำงาน เปิด-ปิด Wifi ไฟฉาย เพิ่ม-ลดเสียง แสงสว่างหน้าจอ เป็นต้น วิธีการใช้งานเพียงสไลด์ที่หน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน ศูนย์ควบคุมก็จะถูกเปิดขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ของ iOS 7 แต่ความจริงแล้วใน Android มีมานานแล้วและวิธีเปิดทำได้โดยการสไลด์หน้าจอจากด้านบนลงล่าง รวมอยู่กับ Notification แล้วยังไงต่อ ฟีเจอร์ของ iOS 7 มันมาอยู่ใน Android ได้ยังไง ทั้งๆที่ iOS 7 ยังอยู่ใน beta 4 อยู่เลย และยังไม่ได้ปล่อยอัพเดตให้ลูกค้าทั่วไปได้ใช้กันเลย แล้ว Android เอามาใช้ก่อนซะอย่างงั้น

อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือแม้ว่าใน Android จะมีฟีเจอร์นี้มานานแล้ว แต่ใน iOS 7 กลับทำออกมาดูดีกว่าซะงั้น ซึ่งถ้าดูจากประวัติศาสตร์ที่ผ่านๆมา Apple ก็ทำแบบนี้อยู่เสมอเอาของคนอื่นมาทำต่อ(ลอก,แรงบันดาลใจ)แล้วก็มักจะทำออกมาได้ดีเสียด้วย Control Center น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

เอาเป็นว่ามาพูดถึงแอพพลิเคชั่น Control Center สำหรับ Android ที่ไป Copy&Past หน้าตาของ iOS 7 มาซะทุกอย่าง จน Apple ต้องรองขอให้ Google ถอดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวออกจาก Play Store ซึ่ง Google ก็ทำตามคำร้องขอโดยถอดแอพพลิเคชั่นดังกล่าวออก แต่ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นก็ไม่หมดความพยายามเปลี่ยนชื่อแล้วส่งขึ้น Play Store ใหม่ ตอนนี้ก็ยังสามารถโหลดได้อยู่นะ ว่าแล้วไปโหลดมาลองเล่นดูได้นะครับ

ดาวน์โหลด Control Center สำหรับ Android ได้ที่ https://play.google.com ต้องรีบนะเดี๋ยวอาจจะถูกถอดออกอีกครั้งก็เป็นได้

Evernote Food แอพช่วยบันทึกเมนูและร้านอาหารที่เคยไปกินมาแล้ว

Evernote Food

เวลาไปกินข้าวที่ร้านอาหารร้านใหม่ที่ไม่เคยไปกินมาก่อน ผมมักชอบจะบันทึกรายละเอียดเบื้องต้นของร้านนั้นไว้ มีประโยชน์สำหรับการเอามาอวดเพื่อนหรือเอาไว้แนะนำบอกต่อถ้ามันอร่อย แอพพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับบันทึกนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ Evernote ซึ่งมีชื่อเรียกว่า “Evernot Food” มีให้โหลดทั้ง Android และ iOS

เคยใช้ตั้งแต่ตอนเล่น iPod Touch ตอนนี้ในมือถือ Android ก็ต้องมีแอพนี้อยู่ การใช้งานค่อนข้างไม่ยุ่งยาก ถ่ายรูปอาหารที่เราสั่งมาทาน หรือสถานที่ร้าน บรรยากาศ ใส่รายละเอียดชื่อร้าน ระบุตำแหน่งลงในแผนที่ ซึ่งข้อมูลบางส่วนจะถูกดึงมาจาก Foursquare ทำให้สะดวกมาขึ้นถ้าต่ออินเทอร์เน็ตตอนบันทึก แต่ไม่มีเน็ตก็ยังบันทึกได้ แล้วเมื่อต่อเน็ตโปรแกรมจะ Sync เข้าไปเก็บใน Evernote ให้อัตโนมัติหรืออัตโนมือก็ได้เช่นกัน โดยใช้บัญชีเดียวกันกับ Evernote เลย

เราก็บันทึกเก็บไว้ตั้งแต่ร้านหรูในห้างไปจนถึงร้านตั้งขายข้างถนน หลังจากที่บันทึกมานานพบว่าเป็นคลังร้านอาหารที่เยอะพอสมควรส่วนใหญ่ก็อยู่ใกล้กับที่ทำงาน ที่พัก สะดวกมากขึ้นตอนหยิบขึ้นมาให้เพื่อนได้ดูว่าร้านนี้อยู่ตรงไหน เคยไปทานมาแล้ว รสชาดอาหารเป็นอย่างไรบ้าง บางครั้งเมื่อทานเสร็จอาจต้องเปิดแอพมาลงความเห็นไว้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่อันนี้ไม่ค่อยได้ทำเท่าไหร่นัก ทำแค่ถ่ายรูปร้าน เมนูอาหาร อาหารที่สั่ง กินจนอิ่มแต่มักจะลืมให้ความคะแนนบ่อยๆ แต่เมื่อเปิดมาดูภายหลังก็ยังพอจำได้นะว่าอร่อยหรือไม่อย่างไร

Evernote Food for Android

นอกจากนี้ใน Evernote Food ยังมีฟีเจอร์อื่นอีก เช่น การค้นหาร้านอาหารที่ใกล้กับจุดที่เราอยู่(Restaurants) ข้อมูลการทำอาหารเมนูใหม่ๆ(Explore Recipes) ยอมรับว่าไม่ค่อยได้ใช้งานเลย หลักๆมีเพียงบันทึกเมนูอาหารและร้านอาหารที่ไปทานมา(My Meals) เท่านั้น ซึ่ง Evrnote Food ก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม และแน่นอนว่าเมื่อใช้บัญชีของ Evernote เราก็สามารถเข้าถึงข้อมูลตรงนี้ได้จากหลายๆอุปกรณ์ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ นับว่าสะดวกมากๆเลยทีเดียว

สรุปว่าชอบแอพพลิเคชั่นตัวนี้มากครับ เลยเอามาแนะนำเพื่อนๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปอาหาร แทนที่จะมีแค่รูปอาหาร ก็บันทึกรายละเอียดของร้านไว้ด้วยเลยด้วยก็ดีนะครับ

ดาวน์โหลด Evernote Food ได้ที่ Google Play Store และ App Store 

แอพ Notes ที่เข้าถึงได้ง่าย ได้เร็ว จากทุกอุปกรณ์พกพา

Notes and Google Keep

แต่ก่อน ผมมีสมุดบันทึกเล่มเล็กๆติดตัวเสมอ เอาไว้จดข้อมูลเล็กๆน้อยๆ รหัส ข้อความสั้นๆ พวกข้อมูลส่วนตัว หรืออะไรอื่นๆที่อยากจะจด ต้องมีข้อมูลที่เข้าถึงได้เร็วเมื่อจำเป็น ถ้าสมุดเล่มเล็กๆนั้นเต็มจะมีเล่มใหม่มาแทน แต่ข้อมูลบางอันก็จะถูกย้ายมาด้วยเสมอ

แม้จะเข้ามาถึงยุคที่เรามีอุปกรณ์พกพาที่ทำอะไรได้หลายอย่าง แต่สิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปเลยก็คือ การจดบันทึกสั้นๆ ตอนที่ใช้ iPod Touch ก็จะใช้ Notes จดบันทึก แต่เมื่อย้ายมาใช้ Android ก็เปลี่ยนมาใช้ Google Keep สิ่งหนึ่งที่จำเป็นและไม่เปลี่ยนเลยคือ การจดแบบสั้นๆ กับการเข้าถึงได้ง่ายจากทุกที่ที่ต้องการ ถ้าหากอยากได้ข้อมูลเหล่านั้นต้องสามารถ Copy&Pase ได้ หรือแม้แต่การส่งข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่ง(มือถือ<–>คอมฯ) ตัวแอพนี้ต้องรองรับและทำได้อย่างรวดเร็วทันใจ จึงเป็นสิ่งคัญที่ขาดไม่ได้เสียเลย

สิ่งที่ต้องการจากแอพพลิเคชั่นแบบนี้มีแค่ 2 ข้อ

  1. เน้นเข้าถึงง่าย จดเร็ว จดง่าย Sync ข้อมูลได้เร็ว
  2. เข้าถึงได้จากหลากหลายอุปกรณ์ มือถือ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์

ถ้าเป็น iOS ก็ต้องแอพ “Notes” ที่ติดมาพร้อมกับเครื่องอยู่แล้ว ส่วน Android ก็ต้องเป็น “Google Keep

แอพพลิเคชั่นลักษณะที่กล่าวถึงนี้จะต่างจากแอพพลิเคชั่นจดบันทึกแบบจริงจังอย่าง Evernote ที่เราก็ใช้อยู่เป็นประจำเหมือนกัน ซึ่งแยกกันอย่างชัดเจน หากบันทึกที่มีรายละเอียดเยอะ มีองค์ประกอบหลายอย่าง มีภาพ มีลิงค์ มีวิดีโอ จะใช้ Evernote เป็นหลัก

ก่อนที่ Google Keep จะเปิดตัว ยอมรับว่าการหาแอพพลิเคชั่นแบบนี้ใน Android แบบตามความต้องการแค่ 2 ข้อนั้นยากมาก แต่หลังจากที่ Google Keep เปิดให้ใช้งานจึงค่อนข้างตอบโจทย์ที่เราต้องการมาก ตอนนี้ถ้าคิดจะซื้ออุปกรณ์พกพาอะไรใหม่ รองรับ Notes ที่เข้าถึงได้จากทุกที่ได้หรือไม่ เป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณาร่วมด้วยเสมอไป

ใช้งาน Google Keep ได้ที่ https://drive.google.com/keep

Google Keep (Android)

THShowtime แอพเช็ครอบหนัง ทุกเครือ ทุกโรง

THShowtime เป็นแอพเช็ครอบฉายหนังของโรงหนังทุกเครือ ทุกโรง ที่สำคัญมีของลิโด้กับสกาล่าด้วย โรงหนังในเครือของ SF และ Major ต่างก็มีแอพของตัวเอง แต่บางครั้งอยากจะเช็คจากทั้งสองเครือก็ต้องเปิดสองแอพไม่ค่อยสะดวกนัก อีกอย่างแอพของโรงหนังไม่รู้ใส่อะไรเข้ามาบ้าง เยอะไปหมด จะเช็ครอบหนังแต่ละทีทำได้ยากมาก ใช้แล้วงงสุดๆ แถมโหลดช้าอีกเพราะเนื้อหาเยอะ แต่แอพ THShowtime นั้นมีรายละเอียดของแต่ละโรงค่อนข้างครบถ้วน มีให้เลือกทุกโรง(ในกรุงเทพฯนะ ต่างจังหวัดไม่แน่ใจ) เราสามารถ Bookmark โรงหนังที่เราไปดูเป็นประจำไว้ได้ ง่ายและเร็ว เพิ่มความสะดวกได้อย่างมาก สำหรับใครที่ชอบดูหนังแอพนี้น่าจะมีประโยชน์แน่นอน

เป็นแอพหนึ่งที่ใช้เป็นประจำ ช่วยให้การวางแผนก่อนไปดูหนังสะดวกขึ้นมาก โดยเฉพาะโรงหนังลิโด้และสกาล่าที่ช่วงหลังๆจะชอบไปดูที่นี้ แอพนี้ช่วยได้มากเลย เพราะจะเช็ครอบทีต้องเข้าไปที่เว็บไซต์ Apex ไม่มีแอพของตัวเอง

สรุปว่าเป็นแอพที่ตัวเองใช้เป็นประจำเลยเอามาแนะนำครับ

ดาวน์โหลด THShowtime (Android)

THShowtime
THShowtime ทำ Bookmark โรงที่ไปดูเป็นประจำไว้
THShowtime ตัวอย่างการดูรอบหนังในเครือ APEX

ติดตั้งแอพกล้องของ Android 4.2.2 ลงมือถือของคุณ ไม่ต้อง Root

Google เปิดตัวมือถือที่ใช้ Android รุ่นดั้งเดิมโดยไม่มีการปรับแต่ง หรือที่เรียกกันว่า Stock Android, Google Edition แล้วก็ปล่อยขายผ่านทาง Google Play จะเรียกว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ Nexus ก็พอได้เพราะจะเป็นรุ่นแรกๆที่จะได้อัพเกรด โดยมือถือที่เป็นเหล่านั้นเช่น  Galaxy S4 Google Play Edtion, HTC One  Google Play Edtion พอเหล่า Geek ทั้งหลายได้มือถือไปก็ไม่นิ่งเฉย ปรับโน้น แก้โน้น แก้นี่ แล้วก็เอามาแบ่งปันคนอื่นๆได้ใช้กัน ตัวที่กล่าวถึงคือแอพพลิเคชั่น Camera & Gallery

หน้าตาของมันแตกต่างจากของเดิมนิดหน่อย อาจจะใช้สะดวกมากขึ้น

เปรียบเทียบ 4.1.1 กับ 4.2.2 Camera

มือถือที่จะติดตั้งนั้นไม่ต้อง Root แต่อย่างใด และเมื่อติดตั้งแล้วมันไม่ได้ทับตัวเก่าสามารถเลือกใช้งานได้ แต่ไม่มี Photosheres ให้ใช้นะ แต่ตั้งถ่ายรูปมาก็ไม่เคยใช้เลยเหมือนกัน ใช้แค่ภาพธรรมดา กับ Paranoma ลองโหลดไปติดตั้งดู

ดาวน์โหลด Stock 4.2.2 Camera 

ที่มา: https://hackerspace.lifehacker.com

วิธีติดตั้ง Folcon Pro

Folcon Pro เป็น Twitter Client อีกตัวหนึ่งสำหรับ Android ที่นักพัฒนาทำออกมาได้ดีและได้รับความนิยมอย่างมาก แต่กลับเกิดปัญหาคนใช้เยอะเกินไป(ทั้งที่ยอมจ่ายเงินและโหลดเถื่อน) ทำให้ token ที่ Twitter ตั้งไว้ให้นักพัฒนา 100,000 token ต่อหนึ่ง application เลยเต็ม ทำให้เกิดปัญหาเข้าใช้งานไม่ได้ ทางผู้พัฒนาก็มีการแก้ปัญหาหลายครั้ง ทั้งการให้ลงทะเบียนใหม่ แต่จนแล้วจนรอดก็เต็มทุกครั้ง อีกส่วนหนึ่งต้องเรียกว่าเป็นการกันท่าของ Twitter เองที่ไม่อยากให้มีการพัฒนา Client มาแข่งกับของตัวเอง ล่าสุดผู้พัฒนา Folcon Pro เลยปล่อยให้โหลดฟรีเสียเลย แล้วให้คนใช้ทั่วไปเข้าไปขอ API key เอง หรือ อธิบายง่ายๆคือใครอยากใช้ก็เข้าไปลงทะเบียน application อะไรก็ได้สักตัว แล้วเอา API key ที่เชื่อมต่อกับ Twitter มาใส่ให้ Folcon Pro ปัญหาเรื่อง API token จำกัดจึงหมดไป เรียกได้ว่าของใครของมัน ไม่ใช่มาจากผู้พัฒนาคนเดียวอีกแล้ว เป็นการดัดหลัง Twitter อีกทางหนึ่งเหมือนกัน อาจต้องรอดูว่า Twitter จะแก้ไขปัญหานี้ต่อยังไง หรือจะปล่อยเลยตามเลย

มาถึงวิธีติดตั้งกันครับ เรียกได้ว่าทำได้เท่ และ Geek ดีทีเดียว มีสูตรลับด้วยนะ ขั้นแรกเราต้องเตรียม API Key ก่อน แล้วค่อยเอาไปลงใน Folcon Pro

ขั้นตอนลงทะเบียนรับ API Key

  1. เข้าไปที่ https://dev.twitter.com เพื่อจะขอ API key ล็อกอิน user twitter เข้าไป
  2. กดตรงรูปของเราที่มุมขวา เข้าไปที่ “My applications”

    My application

  3. คลิกเลือก “Create a new application”
  4. ใส่รายละเอียดเข้าไปให้ครบ ที่น่าสนุกคือช่องใส่ชื่อ(Name) ตอนเราทวีตมันแสดง via: ชื่อนี้ครับ เช่น เราทวีตจะมีบอกว่า via: twitter for Mac, twitter for Android, Echofon แล้วแต่เราเลยครับ อยากได้ชื่ออะไรก็ใส่เข้าไปได้เลย ส่วนเว็บไชต์ที่บังคับให้ใส่ ใส่อะไรไปก็ได้ ต้องมี https:// นำหน้าด้วยนะ
  5. คลิกเลือก Yes,I agree ในส่วนของ “Developer Rules Of The Road” ใครอยากอ่านรายละเอียดข้อกำหนดก่อนก็ได้นะครับ
  6. เราสร้าง Application ตัวหนึ่งขึ้นมาแล้ว เข้าไปที่แท็บเมนู “Settings” ด้านบน เปลี่ยน Application Type ให้เป็น “Read, Write and Access direct messages” จากนั้นเลือนลงไปคลิก Update

    Application type

  7. กลับไปที่เท็บเมนู “Details” บันทึก “Consumer key” กับ “Consumer secret” ไว้ ผมเอาลงไว้ที่ Google Keep ตอน copy ไปลงแอฟจะได้ทำได้ง่ายขึ้น

    Consumer key

เราได้ API key มาแล้ว ต่อไปก็วิธีติดตั้ง Folcon Pro ลงมือถือหรือแท็บแล็ต

ขั้นตอนการติดตั้ง Folcon Pro

  1. เข้าไปดาวน์โหลด Falcon Pro ได้ที่ getfalcon.pro ติดตั้งลงเครื่องให้เรียบร้อย (ต้องปรับ setting ของเครื่องให้อนุญาติติดตั้ง apk นอก store ได้ด้วยนะ)
  2. เปิดเข้าไปที่หน้า login
  3. กดที่มุมทั้ง 4 ของหน้าจอให้มี 4 สีโผล่ขึ้นมา (ตามรูป)

    Folcon Pro code

  4. กดตรงมุมสีส้มอีกครั้งให้มันหายไป (ดูตามรูป)

    Folcon Pro code 2

  5. จับเครื่องเขย่าครับ เขย่าครับๆ ไม่ได้เขียนผิด สักพักจะมีข้อความขึ้นมาว่า “Custom login unlocked!” และมีปุ่ม Custom login โผล่ขึ้นมา

    Folcon Pro code 2

  6. กดเข้าไป “Custom login” แล้วใส่ API Key ที่ได้จากขั้นตอนลงทะเบียนเพื่อรับ API Key ลงไป เพื่อความสะดวกผม Sync Google Keep เข้ามือถือให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเข้าไป copy มาวาง ถ้ากดเองโอกาสผิดสูง

    AKI Key

  7. กด save แล้วก็เรียบร้อยแล้วครับ 

หน้าตาของ Folcon Pro ตามรูปครับ ในแต่ละทวีตถ้ามีรูปหรือวิดีโอที่แนบมาด้วยจะแสดงผลให้ดูด้วยเลย

Folcon Pro

ข้อมูลจาก: https://www.androidpolice.com

เล่าเรื่องการใช้ iconia B1 แท็บแล็ตราคาถูก

iconia B1

ไม่อยากเรียกว่ารีวิว เพราะมันไม่ถึงขนาดนั้น เอาเป็นว่าเล่าให้ฟังหลังจากใช้มาได้ราวสองสัปดาห์ก็แล้วกัน ราคาของ iconia B1 ประมาณ 3,750 บาท แต่ตอนเราซื้อได้คูปองลดมาอีกพันบาทตอนตัดสินใจซื้อเลยง่ายขึ้น ซื้อมาแล้วใช้ทำอะไรบ้างนั้น ส่วนใหญ่ก็เหมือนกับสมาร์ทโฟน เล่น facebook, twitter, ดูเว็บ ที่ต่างจากมือถือคือใช้อ่านข่าว อ่านการ์ตูน อ่านหนังสือ

แต่ว่าตัว iconia B1 ไม่มี 3G นะครับใช้เน็ตผ่าน wifi ได้เท่านั้น แต่โดยหลักแล้วเราก็ใช้ตอนที่ยู่ที่บ้านกับที่ทำงานเป็นส่วนใหญ่ อาจมีบ้างที่ไปเล่นที่สวนสาธารณะ ซึ่งที่เหล่านี้มี wifi ให้ใช้อยู่แล้ว มีบ้างที่ต้องเปิด wifi hotspot จากมือถืออีกทีหนึ่ง ถือว่าไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องออนไลน์เท่าไหร่นัก การใช้งานโดยทั่วไปถือว่าราบลื่นดี

แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง เวลาใช้ไปสักพักอาจจะต้องเคลียร์แรมทิ้งบ้างโดยเฉพาะถ้าเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกัน อาจทำให้แรมเหลือไม่พอใช้เครื่องจะทำงานไม่ลื่นไหลเท่าไหร่นัก แม้เครื่องจะมีแรมมาให้ 512 mb แต่ถูกใช้ไปกับ system หลักกับแอพที่รันอยู่หลังบ้านเกือบหมดเหลือให้ใช้แค่ราวร้อยกว่าเม็กเท่านั้น อันนี้ขึ้นอยู่กับแอพที่ติดตั้งลงในเครื่องด้วยนะ

ขอแนะนำแอพที่ใช้บ่อยในเครื่อง iconia B1 ของผม

  1. Pantip อ่านกระทู้ในพันทิพ
  2. Perfect View อ่านการ์ตูน หาโหลดมาลงเองนะ
  3. Clean Master เคลียร์แรม(Task)
  4. feedly อ่าน rss
  5. Flipboard อ่านข่าว
  6. Google play music ฟังเพลง

โดยรวมถือว่าคุ้มค่าสมราคาของมัน ยังไม่ได้ลองเล่นเกม 3D แบบหนักๆไม่รู้ว่าจะรับไหวหรือป่าว แต่ที่อยากบอกคือลองเอาไปเล่น ingress แล้ว ใช้ได้นะแต่แบตหมดเร็วไปหน่อยถ้าเปิดทั้ง wifi และ gps ตอนเล่นเกมช่วงแรกๆจะลื่นไหลดี แต่พอเครื่องร้อนแล้วมีกระตุ๊กนิดหน่อย แต่ก็เล่นได้ล่ะ

สเปคของ iconia B1

  • ขนาดตัวเครื่อง: 197.4 x 128.5 x 11.3 mm (7.77 x 5.06 x 0.44 in)
  • น้ำหนัก: 320 g (11.29 oz)
  • หน้าจอ: TFT capacitive
  • 600 x 1024 pixels, 7.0 inches (~170 ppi pixel density)
  • CPU Dual-core 1.2 GHz
  • Chipset MTK 8317T
  • OS Android OS, v4.1 (Jelly Bean)
  • กล้องหน้า VGA, 640×480 pixels
  • ความจุภายในเครื่อง: 8/16 GB,แรม: 512 MB
  • รองรับเพิ่มความจุด้วย micro-SD สูงสุด 32 GB
  • WLAN Wi-Fi 802.11 b/g/n
  • Bluetooth Yes, v4.0
  • Sensors Accelerometer
  • มี GPS
  • แบตเตอรี่  Li-Po 2710 mAh

แจก invite สำหรับเล่นเกม Ingress

Ingress

วันนี้ทาง Niantic Labs แจก invite มาให้ agent ทุกคน คนละ 5 invite ถ้ารวมกับเพื่อนๆในกลุ่มแล้วน่าจะได้มาเยอะพอสมควรเลย ใครสนใจอยากเล่นเกมนี้ ลงชื่อไว้เลยครับ

ข้อกำหนด

  1. ต้องมีบัญชีของ Gmail 
  2. ต้องมีมือถือหรือแท็บเล็ต Android ที่รองรับการเล่นเกม (GPS, Wifi/3G) 

ถ้าคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วก็เขียนคอมเม้นต์ไว้ข้างล่างว่าใช้มือถือหรือแท็บเล็ตรุ่นอะไร พร้อมกับอีเมล Gmail ของคุณ แล้วรอรับ invite ได้เลย

ปล. ใครอยากรู้ว่า Ingress คือเกมอะไร เล่นยังไง แนะนำให้อ่านได้ที่

มาก่อนได้ก่อนครับ

แจกแอพ WBC Counter for Android ฟรีครับ (แอพเขียนเอง)

แอพพลิเคชั่น WBCCounter

WBCCounter เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับมือถือ Android ครับ ไอเดียง่ายๆครับ นักเทคนิคการแพทย์จะเป็นคนแยกชนิดของเม็ดเลือดขาวจากเลือดตัวอย่างหลังจากย้อมสีแล้วโดยใช้กล้องจุลทรรศน์มองด้วยตาเปล่า อาศัยความเชี่ยวชาญ และทักษะในการคัดแยกชนิด โดยจะรายงานแยกเป็นเปอร์เซนต์ ในโรงพยาบาลทั่วไปในปัจจุบันมือเครื่องอัตโนมัติวิเคราะห์ให้อยู่แล้ว แต่วิธีมาตรฐานที่ต้องย้อมสีและดูโดยผู้เชียวชาญนั้นยังต้องทำควบคู่กันไป

เวลานับแยกชนิดของเม็ดเลือดขวาเราจะเลื่อนสไลด์ไปเรื่อยๆเมื่อเจอเม็ดเลือดขาวเราจะจำแนกชนิด และเลื่อนเพื่อหาตัวถัดไป ทำไปเรื่อยๆจนครบหนึ่งร้อยตัว จึงจะสรุปออกมาว่าในหนึ่งร้อยตัวมีเม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆคิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ ปัญหาคือ อยู่ในแลปจะมีเครื่องกดเหมือนเครื่องคิดเลขให้ครับ ครบร้อยมันก็จะร้องเตือน แต่ที่ทำงานไม่มีครับ จะเอามือขีดนับทีละตัวก็กะไรอยู่ มือถือก็มี แอพก็ไม่น่าจะยาก สรุปเลยเขียนมาเป็นแอพไว้ใช้เองเลยดีกว่า แต่เขียนแล้วก็อยากจะแชร์ด้วย

ขั้นตอนการเขียน

เนื่องจากเป็นแอพไม่ยากนัก ใช้ https://appinventor.mit.edu ช่วยเขียนก็เอาอยู่ เขียนไปเขียนมาเริ่มสนุก เลยเพิ่มฟีเจอร์เล็กๆน้อยๆเข้าไป เพื่อความสนุก เช่น กดแล้วมีเสียง ก็ใช้ iPod Touch อัดเสียงเพื่อนๆที่ทำงานมาใส่ ต้องขอบคุณ พี่ๆน้องๆทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เป็นเสียงดีดนิ้ว ผิวปาก อะไรทำนองนี้ ต้องลองเดาดูว่าเป็นเสียงอะไร เพิ่มกดแล้วสั่น ตอนรายงานผล บอกด้วยว่าค่าที่ได้ปกติหรือผิดปกติหรือไม่ ใช้เวลาเขียนจริงๆไม่นานประมาณ 2-3 ชั่วโมง

วิธีใช้

มันเป็นแอพสำหรับนักเทคนิคการแพทย์ คิดว่าแค่เห็นก็น่าจะใช้เป็นอยู่แล้ว แต่ก็ได้ทำลำดับบังคับอยู่นิดๆว่าต้องทำยังไงก่อน ถ้าไม่กดปุ่มนี้ก่อนก็ทำงานต่อไม่ได้ อะไรประมาณนี้

  1. โหลดโปรแกรมมาติดตั้งก่อน WBCCounter.apk ดาวน์โหลด รับรองความปลอดภัยครับ ไม่มีไวรัส ไม่มีโฆษณา
  2. ติดตั้ง แล้วเปิดแอพขึ้นมา
    แอพพลิเคชั่น WBCCounter

    ใส่ชื่อ subject, reporter อันนี้ไม่ได้บังคับใส่

  3. กด Start ต้องกดก่อน ไม่งั้นปุ่มกดนับจะไม่สามารถกดได้ แล้วเราก็พร้อมนับแล้ว

    WBCCounter เริ่มกดนับได้แล้ว

  4. เมื่อเราดูสไลด์และนับจำแนกไปเรื่อยๆจนครบ 100 ตัว โปรแกรมจะเตือนว่า “ครบแล้วครับ” และไม่สามารถกดปุ่มชนิดของเม็ดเลือดขาวได้อีก จากนั้นกดปุ่ม Report ครับ

    ครบ 100 ตัวแล้ว

  5. หน้าตาของการรายงานผลเป็นแบบนี้ครับ
    รายงานผล

    มีบอกช่วงปกติ ถ้าแสดงสีตัวอักษรเป็นสีแดง แสดงว่ามีค่าที่ผิดปกติไป

  6. กด back กลับไปหน้าที่แล้ว ถ้าจะเริ่มนับใหม่ก็กดปุ่ม Reset และกด Start เพื่อเริ่มนับใหม่อีกครั้ง

พอลองเล่นไปสักพัก ต้องมีเขียนเพิ่มอีกนิดคือ ให้มันมีปุ่มปิดเสียง กับปุ่ม undo ไว้ใช้ตอนกดผิดปุ่ม และชนิดของเม็ดเลือดขาวทั้ง 5  ชนิด จะพบได้ในคนปกติทั่วไป ซึ่งยังมีเม็ดเลือดขาวและเซล์ชนิดอื่นๆที่อาจพบได้ แต่ไม่ได้เอาเข้ามาด้วย ในอนาคตอาจทำปุ่มแยกต่างหากเข้ามาด้วย

หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจนะครับ

QRCode WBCCounter

แกะกล่อง i-mobile IQ6 จอใหญ่ กล้องชัด ราคา 8,490 บาท

ได้มือถือใหม่มาครับ เป็นพวกขี้อวด ก็เลยเอามาแกะกล่องให้ดู มือถือไม่ใช่แบรนด์อินเตอร์อย่างพวก Apple, Samsung, LG, Sony แต่ขอบอกว่าของเขาก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะครับ มือถือที่ว่าคือ i-mobile IQ6 สเปคเด่นๆ ก็จอ 5 นิ้ว ระดับ 720p กล้อง 12 ล้าน ราคา 8,490 บาท เป็นต้น

ตัวเองใช้มาได้สัปดาห์กว่าๆแล้ว เรื่องการใช้งานค่อยว่ากันภายหลัง มาดูแกะกล่องก่อนว่าข้างในมีอะไรบ้าง

กล่องของ i-mobile-IQ6

มีแถม SD card ความจุ 16 GB มาให้พร้อม

SD card ความจุ 16 GB ที่แถมมา
ด้านหลังเป็นสเปคของเครื่อง เรียกว่าราคาคุ้มค่าตัว
ด้านข้าง

ด้านข้างของกล่องจะดึงจุดเด่นของเครื่องออกมาโชว์ คือ มาพร้อม Android 4.1, รองรับ 3G, กล้องหลัง 12 ล้าน กล้องหน้า 2 ล้าน, CPU 1 GHz dual Core, ใช้งาน VDO Call ได้, รองรับ 2 ซิม และ จอ 5 นิ้ว

เปิดดูข้างในดีกว่า

ตัวเครื่อง i-mobile IQ6

เปิดกล่องออกมา เจอเครื่องห่อพลาสติกมาอย่างดี แต่ดูไม่ค่อยเท่เท่าไหร่

ลองจับดูตัวเครื่อง i-mobile IQ6

ลองจับดูเครื่องก็ใหญ่พอสมควรสำหรับคนมือเล็กอย่างเรา มีน้ำหนักนิดหน่อย

สาย USB เชื่อต่อกับคอมพิวเตอร์และเป็นสายชาร์ตในตัว
หูฟังพร้อมกับไมค์ ใช้คุยโทรศัพท์ได้
แบตเตอรี่ 2100 mAh ใช้งานเต็มวันสบายๆ
แถมเคสมาให้ด้วยในกล่อง
เต้าเสียบไฟฟ้าบ้านไว้ต่อชาร์ตแบตเตอรี่
คู่มือการใช้งาน
แถมผ้าเช็ดจอกับฟิล์มกันรอยมาให้ด้วย
แกะออกจากถุง แล้ววางให้ดูว่ามีอะไรในกล่องบ้าง
เอาสติกเกอร์แปะหน้าออก ดูดีขึ้นเยอะเลยนะ
ลองว่างเทียบกับน้อง iPod Touch 4Gen กลายเป็นพี่ตัวใหญ่ไปเลย
ดูข้างหลังกล้อง 12 ล้านพิกเซล มีฟิล์มติดอยู่ จะถ่ายก็เอาออกด้วยนะ
ถือไว้ในมือ ใหญ่ดีนะ
ใส่แบตเตอรีแล้วลองเปิดดูเลย
โลโก้ i-mobile
หน้า lock screen ดูดีเลยทีเดียว
unlock ออกมาเป็นหน้า home มีโปรแกรมติดตั้งมาแล้วบางส่วน

ตอนแรกกะจะลองโทรดู แต่ดันลืมใส่ซิมซะงั้น เลยต้องมาแกะฝาหลังใหม่อีกที พอดีว่ามีซิมอยู่แล้วสองตัวเป็นเบอร์ที่ใช้ประจำอยู่แล้ว กับซิมของแอร์การ์ดสำหรับเล่นเน็ตสะดวกเลยล่ะคราวนี้ จับยัดเข้าไปทั้งสองอันเลย แต่เครื่องสามารถใช้ 3G ได้ทีละซิมนะครับ ผมตั้งให้ซิม true เป็นโทรเข้า-ออก ส่วนซิม dtac ตั้งให้เป็น 3G ไว้เล่นเน็ต

ฝาหลังไม่ถือว่าแกะยากนะ

ก็ประมาณนี้นะครับ ส่วนเรื่องการใช้งานชอบตรงไหนไม่ชอบตรงไหน เดี๋ยวจะมาอัพเดตอีกทีนะครับ

ดูสเปคเครื่อง

  • หน้าจอ : 5 นิ้ว HD(IPS Screen) 720 x 1280 พิกเซล กันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Dragon trail
  • หน่วยประมวลผล : 1.0 GHz Dual Core
  • 3G : แยกออกเป็น 2 รุ่น IQ6 จะรองรับ 3G 850/2100 MHz (Dtac และ True)<<เครื่องผมเป็นรุ่นนี้ กับ IQ6A จะรองรับ 3G 900/2100 MHz(AIS)
  • หน่วยความจำเครื่อง : ROM 4 GB/RAM 1 GB
  • หน่วยความจำภายนอก : เพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 32 GB (เขาแถมมาให้ 16 GB)
  • กล้อง : กล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล (BSI) กล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล (BSI)
  • แบตเตอรี่ : 2100 mAh Li-Polymer
  • ระบบปฎิบัติการ : Android 4.1 Jelly Bean

โฆษณาที่เห็นในทีวีคือตัวนี้ครับ

https://www.youtube.com/watch?v=8d-AbYgzKg0

 

Exit mobile version