ของฝากจากประเทศไทยสำหรับเพื่อนต่างชาติ

ของฝากจากประเทศไทยสำหรับเพื่อนต่างชาติ

ถ้าคิดจะซื้อขนม ของกิน จากไทยไปฝากเพื่อน ๆ ในที่ทำงานที่เป็นเพื่อนต่างชาติ ขอนำเสนอ 3 อย่างนี้ รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง

  1. ชาตรามือ แบบ 3 in 1 ที่ชงง่ายและหวานมันอร่อย เพื่อนต่างชาติส่วนใหญ่จะชอบ และนำเสนอความเป็นไทยได้ดีทีเดียว เวลาเพื่อนถามถึงแต่จำชื่อไม่ได้ก็มักจะยกนิ้วโป้งโชว์กัน มีภาพจำที่ดี
  2. โก๋แก่ รสวาซาบิ อันนี้ค่อนข้างประหลาดใจนิดหน่อย ที่เพื่อนต่างชาติชอบ แต่ แต่ ก่อนจะให้เขาชิมต้องเตือนเรื่องถั่วและความเผ็ด บางคนอาจจะแพ้ได้ด้วย แต่ความสนุกคือมีเรื่องท้าทายให้ได้เล่นกันได้ดีในวงเพื่อน คนที่กินไม่ได้ก็จะกินไม่ได้เลย ส่วนใครที่กินได้คือแบบว่าหลงรักไปเลย
  3. ข้าวแต๋น สำหรับสิ่งนี้ มันคือสิ่งอัศจรรย์สำหรับคนต่างชาติ ร้อยทั้งร้อยเพื่อนต่างชาติรักสิ่งนี้ทุกคน ขนมาได้เท่าไหร่ขนมา ขอเพิ่มกันทุกคน มีเท่าไหร่ก็หมด ความกรุ๊บกรอบผสมรสหวานนิด ๆ มันคือความเข้ากันที่ลงตัวสุด ๆ กินได้ทุกคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

ถือว่ามาแชร์ประสบการณ์กันสำหรับใครคิดหาไอเดียซื้อของฝากให้เพื่อนชาวต่างชาติ

อ้างอิง เพื่อนคนเยอรมัน สเปน ยูเครน จีน ตุรกี

หนังสือ หัวกลวงในหลุมดำ อ่านแล้วครับ

หนังสือ หัวกลวงในหลุมดำ

ชื่อหนังสือ หัวกลวงในหลุมดำ
เขียนโดย วินทร์ เลียววาริณ
288 หน้า พิมพ์ครั้งที่ 1 : 2554
สำนักพิมพ์ 113
ราคา 195 บาท

หนังสือ หัวกลวงในหลุมดำ มีความคล้ายกับ ปลาที่ว่ายนอกสนามฟุตบอล อยู่พอสมควร มีการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างเจ็บแสบ และค่อนข้างโดน! เป็นหนังสือที่น่าจะถูกเขียนขึ้นในช่วงที่ประเทศไทยมีเสื้อเหลือง-เสื้อแดงอยู่เต็มถนน คำว่า “หัวกลวงในหลุมดำ” หมายถึง คนโง่หรือแกล้งโง่ ไปอยู่ใกล้หลุมดำแต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ใกล้ จะถูกดูดลงหลุมอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว (ลงไปแล้วขึ้นไม่ได้นะ แม้แต่แสงยังออกมาไม่ได้เลย ตายลูกเดียว!)

การวิจารณ์ของคุณวินทร์ ที่พยายามมองในแบบสังคมอุดมคติ หรือเรียกว่าพวกโลกสวย อยากเห็นสังคมไปแนวนั้น(เป็นเรื่องดีนะ) มีทั้งชี้ทางและชี้จุดผิด แต่ไม่ได้บอกทางแก้ทั้งหมด หรืออาจจะยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ยังไง ในสังคมสองมาตรฐานของเรา/ไม่ใช่แค่สังคมเราแต่หมายถึงทั่วทั้งโลกนั้น มีแนวคิดสองมาตรฐานอยูู่แล้ว เราควรทำอะไรได้บ้างกับสังคมแบบนี้?

เรื่องการให้การศึกษาของเด็กในประเทศไทยที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้อย่างแท้จริง ตัวผมเองก็เป็นอย่างที่คุณวินทร์ วิจารณ์ไว้ไม่น้อย อย่างเช่นการ กลัวครู ไม่กล้าเถียง คงเพราะเราถูกปลูกฝั่งว่าการเถียงครูเป็นเด็กไม่ดี และนี้อาจทำให้การศึกษาของเราไม่พัฒนาและเชื่อคนง่าย

และมีหลายเรื่องที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะเรื่องของ อ.แสงอรุณ รัตนกสิกร อาจารย์คณะสถาปัต จุฬาฯ ผู้รักธรรมชาติ รักต้นไม้ เป็นอีกบุคคลที่น่านับถือ

เนื้อหาภายในเล่ม 

  • เรากรอกอะไรใส่หัวเด็กในห้องเรียยน ?
  • ใครเป็นผู้ตีกรอบสังคม ?
  • ศาสนากับความเชื่อจะพาเราไปไหน ?
  • มนุษย์มีความสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตหรือไม่ ?
  • เราสามารถก้าวพ้นสังคมหัวกลวงได้หรือไม่ ?
  • อะไรคือความหมายของชีวิต ?

หนังสืออ่านสนุกอีกแล้วครับ ขอแนะนำ

รายการตอบโจทย์ คุยกับนายอานันท์ ปันยารชุน

รายการตอบโจทย์ สถานี Thai PBS

คุยกับนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ย้อนอดีตตั้งแต่เมื่อเข้ามารับหน้าที่ มองเหตุการณ์เทียบกับปัจจุบัน รวมทั้งแนวคิดการปฏิรูปประเทศไทย ใน “อานันท์ : ลึกไม่ลับครั้งเป็นนายกฯ” จากรายการตอบโจทย์เลือกตั้ง 54 ช่วงตอบโจทย์ ทางสถานี Thai PBS

ผมว่าเราควรดูการสัมภาษณ์ในรายการตอบโจทย์ของคุณอนันท์ ปันยารชุน นะครับ ไม่ว่าคุณจะอยู่กลุ่มไหนก็ตาม มีหลายอย่างที่ทำให้เราเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น เข้าใจความซับซ้อนของปัญหาในสังคมไทยมากขึ้น ผมไล่ดูจนจบ ได้อะไรหลายอย่างมากครับ ไม่ใช่เกี่ยวกับบ้านเมืองของเราเองอย่างเดียว รวมถึงวิธีการใช้ชีวิตที่แทรกอยู่ตลอดการสัมภาษณ์ ที่เรานำมาประยุกต์ใช้ได้จริงและน่าจะดีด้วย

ในรายการตอบโจทย์ ผมชอบการตั้งคำถามและการดำเนินรายการของ คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา มากครับ(ดูจากหลายๆตอน) จะเห็นได้ว่าพิธีกรเข้าใจสถานการณ์ และตั้งคำถามได้ตรงประเด็น ตรงใจที่เราอยากรู้ และควรจะต้องรู้ ได้อย่างชัดเจน

อีกอย่างที่น่าประทับใจคือสถานี Thai PBS มีรายการดีๆมากกว่าสถานีอื่นมาก ทั้งสาระและบันเทิง “ดี” ในที่นี้หมายถึง ดีต่อคนดู ไม่มีการโฆษณาสินค้าแอบแฝงให้เรางง? ยกตัวอย่างรายการที่สนุกที่ผมชอบทางสถานี Thai PBS ก็มี ครอบครัวเดียวกัน, ท่าประชา, ภัตตาคารบ้านทุ่ง, นายก(มือใหม่)หัวใจประชาชน (CHANGE), เป็น อยู่ คือ ฯลฯ ความจริงก็ไม่ได้ดูทุกตอน แต่ก็ได้ดูเมื่อมีโอกาส โดยรวมคือเรานึกออกว่ารายการดีๆในสถานีนี้มีอะไรบ้าง สามารถแนะนำเพื่อนๆหรือคนรู้จักได้ว่ารายการต่างๆนี้ดีจริง ผมว่าช่องฟรีทีวีอื่นๆน่าจะยึดแนวทางของ Thai PBS บ้างนะ

นอกเรื่องไปซะยาว กลับมาดูเทปของรายการตอบโจทย์กันครับ

สถิติผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทย พบว่าผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

สถิตินี้ผมเก็บมาจากตัวเลข Estimated Reach ตอนที่เลือกกลุ่มเป้าหมาย(Demographics) ในตอนสร้าง Facebook Ads เก็บข้อมูลในวันที่ 14 สิงหาคม 2010 เวลาประมาณ 22.15 น.  ข้อมูลจาก Facebook น่าจะเป็นการประมาณแบบคร่าวๆ เพราะเวลาเลือกแบบ All(Men+Women) พบว่าข้อมูลไม่ตรงกับที่เราเลือก Men หรือ Women แล้วค่อยเอามารวมกันทีหลัง ในตารางข้างล่างนี้ ข้อมูลในช่อง All จึงเป็นการรวมกันระหว่าง Men กับ Women ในไฟล์ที่ให้โหลดข้างล่างจะมีข้อมูลทั้งสองชุด

ดูข้อมูลดิบที่เก็บมา

ข้อมูลทั้งหมด

ดูในตารางแล้วงง เลยต้องทำเป็นกราฟ จะได้วิเคราะห์ข้อมูลได้ (คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

กราฟ 1 สถิติของคนใช้ Facebook ในประเทศไทย ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2010 (คลิกภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

ตามข้อมูลที่มีให้เลือกมีช่วงของอายุ ตั้งแต่ 13-64 ปี ทำเป็นกราฟแท่งให้ดู แยกตามช่วงอายุ

กราฟ 2 สถิติของคนใช้ Facebook ในประเทศไทย ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2010 (คลิกภาพเพื่อดูขนาดใหญ่)

กราฟแบบเส้นจะได้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นระหว่างหญิงและชาย ตามช่วงอายุ

และแบบดูเทียบเปอร์เซนต์ของชายและหญิง

สัดส่วนผู้ที่ใช้ Facebook ระหว่างผู้ชายและผู้หญิง

สรุปจากข้อมูลที่ได้มีดังนี้

  • ข้อมูลที่มีใน facebook ads มีข้อมูลเฉพาะช่วงอายุ 13-64 ปี ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่มีอายุมากหรือน้อยกว่านี้มีอยู่แล้ว และข้อมูลน่าจะมีความคาดเคลื่อนบ้างแต่คิดว่าไม่น่าจะมาก เพราะบางคนกรอกข้อมูลส่วนตัวไม่ถูกต้อง
  • ในประเทศไทยกลุ่มคนที่มีอายุ 20 ปี ใช้ Facebook เยอะที่สุดในประเทศไทย คือประมาณ 284,400 คน หรือประมาณ 6% ของทั้งหมด
  • ช่วงอายุที่มีคนเล่นมากว่า 2 แสนคนคือ 18-26 ปี
  • จำนวนทั้งหมดของคนไทยที่ใช้ Facebook ณ วันที่ 14 สิงหาคม 2553 เวลาประมาณ 22.20 น. (ตอนผมเก็บข้อมูล) คือ 4,755,980 คน เป็นชาย 2,094,740 คน และเป็นผู้หญิง 2,661,240 คน หรือคิดเป็นเปอร์เซนต์ได้ว่า เป็นผู้หญิง 56% เป็นผู้ชาย 44%
  • ตอนนี้ผู้หญิงเล่น Facebook มากกว่าผู้ชายเกือบ 6 แสนคน ผมสรุปได้ว่าผู้หญิง ชอบการเข้าสังคม อยู่เป็นกลุ่มมากกว่าผู้ชาย ทั้งโลกจริงและโลกเสมือน
  • มีข้อสังเกตอีกนิดคือ ผู้ชายจะมีสัดส่วนผู้ใช้มากกว่าผู้หญิงเมื่ออายุมากขึ้น เริ่มตั้งแต่อายุ 38 ปี ขึ้นไป (ดูกราฟ 2)

ใครอยากได้เป็นตัวเลข เอาไปวิเคราะห์เผื่อมีประโยชน์ในการนำไปใช้งาน ดาวน์โหลดไปได้เลย
Facebook Thailand file

พอทำเสร็จงงกับตัวเอง ลุกขึ้นมา ทำไปเพื่ออะไร?  แว่วคำตอบ “แค่อยากรู้”

สถิติเปรียบเทียบกัน WordPress ในเดือนมิถุนายน แซง Joomla แล้ว

Google trend แสดงกระแสนิยมของ CMS ทั้ง 3 ตัว

การทำเว็บไซต์ยุคใหม่ที่เน้นกันที่เนื้อหามากขึ้น การใช้ CMS(Content Manament System)ในการทำเว็บไซต์จึงเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากงาน BarCampBangkok 3 ที่ ม.ศรีปทุม ที่ผ่านมามีการแข่งขัน showdown CMS ขึ้นตัวที่ได้รับความนิยมในไทยก็ได้แก่ joomla ,WordPress ,drupal ในงานมีการให้ข้อดี-ข้อเสีย ของ CMS ที่ตัวเองใช้อยู่มากมาย เลยอยากรู้ว่าใน Trend ของ CMS ของสามตัวนี้มีมาการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง

หัวข้อแรกที่ดูคือ Trend ของทุกปีที่ผ่านมา มีการเก็บสถิติตั้งแต่ 2004-2009 ดังภาพข้างบน พบว่ากราฟของทุกตัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ความชันของ WordPress ค่อนข้างที่จะชันกว่าตัวอื่นๆอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเทียบ Rank ด้วย WordPress แล้วได้ค่าดังนี้ คือ WordPress = 1, drupal =0.34, joomla =1.18 จะเห็นได้ว่าค่าของ joomla จะมากสุด ตัวที่น้อยสุดคือ drupal

แต่เมื่อดูจากกราฟแล้วดูเหมือนเริ่มจะมีการตัดกันของเส้นกราฟของ WordPress และ joomla แล้ว จึงทำการดูย้อนกับไปดูช่วง 3 เดือนล่าสุด
เดือนเมษายน

Google Trend CMS ของเดือนเมษายน 2009

เดือนพฤษภาคม

Google Trend CMS ของเดือนพฤษภาคม 2009

เดือนมิถุนายน

Google Trend CMS ของเดือนมิถุนายน 2009

เดือนเมษายน 2009         WordPress = 1 ,drupal =0.32 ,joomla =1.04
เดือนพฤษภาคม 2009     WordPress = 1 ,drupal =0.30 ,joomla =1.01
เดือนมิถุนายน 2009     WordPress = 1 ,drupal =0.30 ,joomla =0.98

เดือนมิถุนายน 2009 แม้ว่าข้อมูลของเดือนนี้ยังไม่สมบูรณ์แต่มีความเป็นไปได้สูงมากที่สิ้นเดือนนี้ Rank ของ WordPress ต้องสูงกว่า joomla อย่างแน่นอน

แต่ทั้งหมดนั้นเป็น Trend ของผู้ใช้ทั่วโลก เมื่อมาดู Trend ในประเทศจะเป็นอย่างไรนั้นดูได้ตามตารางข้างล่าง

Google trend แสดงกระแสนิยมของ CMS ทั้ง 3 ตัว ในประเทศไทย

แต่ในไทย CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดยังคงเป็น joomla อยู่ WordPress ยังคงต้องตามหลังต่อไปครับ

ข้อมูลจาก https://www.Google.com/trends

Exit mobile version