ราคา Archives - Page 2 of 2

เช็คราคา iPhone 4 ของ 5 ประเทศที่ได้ขายก่อนประเทศอื่น

มี 5 ประเทศที่ได้สิทธิขาย iPhone 4 ก่อนประเทศอื่น ได้แก่ อเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และญี่ปุ่น และสิ้นเดือนกรกฏาคมจะเพิ่มอีก 18 ประเทศ ได้ข่าวมาว่าที่มาบุญครองมีขาย iPhone 4 บ้างแล้วแต่ราคาสูงถึง 40,000-60,000 บาท เลยทีเดียว เลยอยากรู้ว่าราคาที่เป็นทางการของ iPhone 4 ใน 5 ประเทศแรกที่มีสิทธิขาย เขาขายกันราคาเท่าไหร่

ประเทศอเมริกา
ราคา iPhone 4 ในอเมริกา

ประเทศอเมริกาขายแบบติดสัญญา 2 ปีกับ AT&T ทำให้ราคาที่ต้องจ่ายครั้งแรกจึงถูกกว่าปกติ มีรายละเอียดดังนี้
– iPhone 3GS 8 GB ราคา $99 ประมาณ 3,200 บาท
– iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคา $199 ประมาณ 6,447 บาท
– iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคา $299 ประมาณ 9,687 บาท
อ้างอิงตาม Apple Store
ประเทศอังกฤษ
ราคา iPhone 4 ในประเทศอังกฤษ

ประเทศอังกฤษขายเครื่องแบบ unlock เป็นเครื่องเปล่าที่เอาไปใช้กับโอเปอเรเตอร์ไหนก็ได้
– iPhone 3GS 8 GB ราคา £419 ประมาณ 20,603 บาท
– iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคา £499 ประมาณ 24,537 บาท
– iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคา £599 ประมาณ 29,455 บาท
อ้างอิงตาม Apple Store
ประเทศฝรั่งเศส
ราคาของ iPhone 4 ในประเทศฝรั่งเศส

ประเทศฝรั่งเศสขายแบบเปล่าแบบ unlock เช่นเดียวกับอังกฤษ
– iPhone 3GS 8 GB ราคา 519 € ประมาณ 21,147 บาท
– iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคา 629 €ประมาณ 25,629 บาท
– iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคา 729 € ประมาณ 29,704 บาท
อ้างอิงตาม Apple Store
ประเทศเยอรมัน
ราคา iPhone 4 ในประเทศเยอรมันนี

ลักษณะการขายที่ประเทศเยอรมันจะเป็นเหมือนบ้านเราอย่างเช่น Dtac หรือ True move คือผ่านทางผู้ให้บริการ และมีเพ็จเก็จต่างๆให้เลือก ที่ประเทศเยอรมันขายผ่าน T-Mobile โดยต้องทำสัญญา 2 ปี ถ้าจ่ายค่าเครื่องครั้งแรกถูก จะต้องจ่ายรายเดือนแพง เช่นจ่ายถูกสุดคือ 1€ (40 บาท) ต้องจ่ายรายเดือน 199.95 € (8,147 บาท)เลยทีเดียว ดูตามรูปด้านบน และยังขาย iPhone 3GS รุ่น 16 GB และ 32 GB ด้วย
– iPhone 3GS 8 GB ราคาสูงสุด 199.95 € ประมาณ 8,147 บาท
– iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคาสูงสุด 299.95 € ประมาณ 12,221 บาท
– iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคาสูงสุด 399.95 € ประมาณ 16,296 บาท
อ้างอิงตาม T-Mobile
ประเทศญี่ปุ่น
ราคา iPhone 4 ในประเทศญี่ปุ่น

ที่ประเทศญี่ปุ่นขายผ่านผู้ให้บริการโทรศัพท์ Softbank ต้องจ่ายค่าเครื่องทันทีหรือผ่อน 0% ก็ได้และต้องทำสัญญาอีก 2 ปี ถ้าใช้งานจนครบ 2 ปี ค่าเครื่องที่จ่ายไปจะได้คืนกลับมา ลองอ่านในลิงค์ที่มา มีเพ็คเก็จ data ให้เลือก Basic ต้องจ่าย 1,029¥ (380 บาท)/เดือน หรือแบบ unlimited จ่าย 4,410¥(1,629 บาท)/เดือน ส่วนค่าโทรศัพท์(เสียง)แยกอีกต่างหาก
– iPhone 4 รุ่น 16 GB ราคา 46,080¥ = 17,023 บาท หรือ 1,920¥ (709 บาท)x 24 เดือน
– iPhone 4 รุ่น 32 GB ราคา 57,600¥ =21,279 บาท หรือ 2,400¥ (886 บาท)x 24 เดือน

อ้างอิงตาม Mobile in Japan

เผยออกมาแล้วราคา iPhone 3GS Unlock

หลังจาก Apple ได้เปิดตัว iPhone 3GS มาตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน ยอดขายก็พุ่งทะลุล้านไปแล้ว แต่ราคาของ iPhone 3GS ที่ประกาศไปเป็นราคาที่ติดสัญญา 2 ปี ราคาอยู่ที่ 199 US(6950 B) ซึ่งเป็นราคาเดียวกับ iPhone 3G รุ่นที่แล้ว ด้วยความสามารถต่างๆที่เพิ่มขึ้นทุกคนก็คิดว่าาราคาเครื่องที่ไม่ผูกติดสัญญาจะราคาเท่าไหร่ ตอนนี้ทาง Apple autralia ได้โพสราคาของ iPhone 3GS ขึ้นเว็บของตัวเองแล้ว ราคาเป็นดังนี้

iPhone 3GS รุ่น 16 GB ขาว/ดำ ราคา 879 A$ ประมาณ 24,036 B
iPhone 3GS รุ่น 32 GB ขาว/ดำ ราคา 1,040 A$ ประมาณ 28,438 B

คิดว่าราคาในไทยที่จะเข้าประมาณเดือนสิงหาคม น่าจะอยู่ประมาณนี้นะ

ข้อมูล
https://www.cnet.com.au
https://store.Apple.com/au

รีวิว Kindle DX เครื่องอ่านอีบุ๊คจอใหญ่

Kindle คือ เครื่องอ่าน e-book ของ Amazon ที่ออกมาขายได้สักพักหนึ่งแล้วตอนแรกดูจะไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่เหมือนการเปิดตัว iPhone ที่ทำให้วงการมือถือทั่วโลกสั่นสะเทือน แต่อย่างไรก็ตาม Kindle กับทำให้ทุกคนประหลาดใจที่มียอดขายสูงมาก ซึ่งมีผู้ประเมินว่าในสิ้นปีนี้ยอดขายอาจถึง 1 ล้านเครื่องอย่างแน่นอนโดยมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัย Kindle ได้ออกสู่ตลาดแล้วสามรุ่นคือ “Kindle 1,2,DX” ความแตกต่างของ 1 , 2 กับรุ่น DX อย่างเห็นได้ชัดคือขนาดที่ใหญ่ขึ้นจาก 6 นิ้ว เป็น 9.7 นิ้ว การอับเกรดเพิ่มเข้ามาคือสามารถอ่านไฟล์ PDF ได้มีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 3.3 GB ทำให้เก็บ e-book ได้มากถึง 3,500 เล่มมากว่ารุ่นที่ 1,2 ที่เก็บได้ประมาณ 1,500 เล่ม Jeff Bezos ผู้เป็นคนเปิดตัวเจ้า Kindle DX ได้บอกว่าเจ้า DX รุ่นใหม่ นี้ยังเหมาะที่จะอ่านหนังสือพิมพ์ ราคา 489$ (17,115฿) รุ่นเก่าราคา 359$ (12,565฿)

สมาชิกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์และวอชิงตันโพสต์ สามารถที่จะซื้อ Kindle DX ได้ในราคาพิเศษอีกด้วยคงจะเริ่มหมดยุคของหนังสือที่กระดาษแล้วจริงๆ
นอกจากนั้นสามารถโหลด e-book ต่างๆใน Kindle store ที่มีกว่า 275,000 เล่มได้ผ่านทางเครือขาย 3G ในราคา 10฿(350฿)หรือน้อยกว่า พิเศษกว่านั้นยังสามารถที่จะอ่าน blog ผ่าน RSS ได้อีกด้วยดูการเทียบขนาดของ Kindle กับ kindle DX

ด้านหลัง

ด้านหน้า

ด้านข้าง

ความสามารถอีกอย่างที่ถูกอับเกรดในรุ่น Kindle DX คือ ความสามารถ auto-rotation อ่านด้านตั้งหรือนอนก็ได้

อ่านในแนวตั้ง

อ่านในแนวนอน

ในรุ่นที่ถัดไปของ kindle อาจจะมีการพัฒนาให้สามารถอ่านไฟล์อื่นๆได้มากขึ้น ราคาควรที่จะถูกกว่านี้นะแพงไปและข้อจำกัดของ Kindle DX คือ “No panning, no zooming, no scrolling” ครับ แต่จะเข้ามาขายในไทยบ้างไหมนะ

ข้อมูลจาก https://gizmodo.com/tag/kindle/

“No panning, no zooming, no scrolling”

เปรียบเทียบ Smartphone ใครคือ The Best of the Best

ผู้เข้าแข่งขันในวันนี้ได้แก่ iPhone 3Gs ,iPhone 3G ,Palm Pre ,Android G2 (HTC Magic) ,BlackBerry Storm งานนี้ไม่มี Windows mobile เข้าร่วมแข่งขันด้วยสาเหตุใดนั้นน่าจะเพราะยังไม่เป็นที่สนใจ ความสามารถที่จะทำการเปรียบเทียบ ได้แก่ Hardware ,Software ,และราคา ในการเข้าประกวดครั้งนี้จะไม่มีผู้ชนะ หรือผู้แพ้ แต่คนที่จะตัดสินคือผู้อ่านทุกท่านที่จะตัดสินใจเลือกตัวไหนครับ

หัวข้อแรกเรื่อง Hardware

เรื่องที่ดูได้แก่ screens, storage, graphics performance และ input
จอของ iPhone กับ Palm Pre เป็นแบบ Multitouch แต่ G2 กับ Storm เขาเรียกว่า pseudo-multitouch คือสั่งงานผ่านหน้าจอได้แต่ทำเหมือนตัวที่เป็น multitouch ไม่ได้ เรื่องความจุของเครื่อง iPhone 3Gs จุได้เยอะสุดคือ 16 GB/32 GB แต่ ตัว G2 กับ Storm สามารถ เพิ่มความจุได้ด้วย microSD แต่ Pre บอกว่าซับพอร์ต USB mass storage เรื่องการทำงานเกี่ยวกับ กราฟิก คงต้องยกให้ iPhone 3Gs ที่มีความสามารถด้านนี้มากกว่า ตัวอื่น เพราะออกแบบให้รองรับการเล่นเกมด้วย ส่วน Pre คงได้เปรียบที่มี QWERTY keyboard เข้ามา ที่เจ้าอื่นไม่มี และมันก็เป็นที่ต้องการของผู้ใช้อยู่มากเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันมากนักส่วนตัวอื่นๆดูในตารางนะครับ

หัวข้อที่สอง Software

แน่นอนเครื่องจะทำงานได้ดีก็ต้องขึ้นอยู่กับ Software ในแต่ละเจ้ามี OS ของตัวเอง และมี Store ไว้ขายโปรแกรมอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบตัวที่เห็นได้ชัดก็คงเป็น จำนวน app ที่ถูกพัฒนา เป้นทางเลือกให้เราเลือกใช้ มีเยอะ มีให้เลือกเยอะย่อมได้เปรียบกว่าเจ้าอื่นแน่นอน

หัวข้อสุดท้ายราคา

แม้ว่าทุกอย่างดีกว่า แล้วราคาสูงกว่าอย่างมากก็ใช่ว่าจะถูกเลือก ต้องดูว่าความสามารถ
นั้นคุ้มราคาด้วยหรือไม่

สุดท้ายการเลือกมือถือที่เหมาะกับคุณ ราคาที่เหมาะสม ความคุ้มค่าของการใช้งาน เป็นสิ่งที่ต้องคำนึง
มากกว่ตามกระแส อย่างแน่นอน

ข้อมูงจาก GIZMODO

เมื่อ Andriod จะลง netbook ก็ถึงเวลาที่ windows xp ลงมือถือบ้าง

จากข่าวที่ HP กำลังมองว่า Andriod มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนในการนำมาติดตั้งในเครื่อง Netbook ของตัวเองซึ่งเป็น OS(Operating System) ที่ฟรี ทำให้ราคาของ Netbook ถูกลงและยังสามารถที่ทำงานร่วมกับบริการต่างๆของ Google ได้ดียิ่งขึ้น สามารถไปอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ “HP สนใจจับ Android ลง Netbook” ที่ blognone เมื่อ HP จะจับ OS ของโทรศัพท์มือถือมาลงคอมพิวเตอร์ แล้วทำไม OS ของคอมพิวเตอร์จะจับมาลงที่มือถือบ้างไม่ได้ จากงาน Computex Taipei หรือ Taipei International Information Technology Show ที่ไต้หวัน เป็นงานแสดงสินค้าไอทีจากบริษัทชั้นนำต่างๆทั่วโลก ระหว่างวันที่ 2-6 มิถุนายน 2009 ที่ผ่านมา ผลงานมือถือที่ใช้ Windows XP ในการทำงานเป็นผลงานของบริษัท Technology Group ประเทศจีน เป็นมือถือระบบ 3G สามารถติดตั้งโปรแกรมที่รันบน Windows XP ได้ ดูสเป็กเครื่อง XPPhone

Specifications:

CPU: AMD Super Mobile CPU

Memory: 512M/1G

SSD: 8G/16G/32G/64G SSD

HDD: 30G/60G/80G/120G

LCD: 4.8” TFT Touch-screen LCD 800*480

Operating System:Microsoft Windows XP Network
GSM/GPRS/EDGE/WCDMA (HSDPA/HSUPA)
CDMA/CDMA2000 1X/CDMA1X EVDO
TD-SCDMA，TD-HSDPA

Wireless:
WiFi 802.11b/g
WiMax(optional)
Buletooth
Stand-alone GPS

Camera Specifications:CMOS, 300k/1.3 Million,
Ports: 1 x earphone jack, 1 x microphone jack
Docking Connector (include VGA output singnal )
1 x USB 2.0, 1 x USB mini-B
SIM Slot

Power Management:

Battery: Removable Lithium-ion

Talk time: about 5 hours

Standby time: about 5 days

Real life: about 7 hours(Standard), about 12 hours(Large)
(Talk time，Standby time，Operation time may vary depending different usage)
Weight: 400g(include battery)
ข้อมูลจาก: umpcportal

น่าจะออกมาวางขายในเร็วนี้ แน่นอน

ผมมองว่าในอนาคตอันใกล้นี้การแข่งขันเรื่อง OS น่าจะดุเดือดมาก และในมุมมองของคนใช้ทางเลือกน่าจะเพิ่มขึ้น และราคาน่าจะถูกลง อุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในชีวิตประจำวัน อาจจะลดลงเหลือแค่หนึ่งชิ้นเท่านั้นสามารถทำงานได้ทุกอย่าง ทั้งโทรศัพท์ ทั้งเล่นเน็ต ทำงาน พิมพ์งานเอกสาร นำเสนอผลงาน ฯลฯ