โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายคนใหม่ของทักษิณ

Robert Amsterdam

ทนายคนใหม่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คนใหม่ ที่กำลังเป็นที่สนใจของชาวไทยและต่างชาติอย่างมากในสถานการณ์ของการชุมนุมที่วุนวาย เขาคือ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม แท้จริงแล้วหลายสำนักข่าวตั้งข้อสงสัยว่าคือ ทนายที่จะมาแก้ต่างเรื่องคดีต่างๆ หรือเป็นล็อบบี้ยีสต์ในคุณทักษิณกันแน่

มีศัพท์ใหม่ที่ไม่คุ้นหูเอาซะเลย คือ ล็อบบี้ยีสต์ (Lobbyist) พยายามค้นดูพบว่า เราจะเข้าใจคำว่า ล็อบบี้ (lobbying) ค่อนข้างดี มันคือ การความพยายามโน้มน้าวให้ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ หรือเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ทำตามที่ต้องการได้ และ ล็อบบี้ยิสต์ ก็คือกลุ่มคน หรือคนที่ทำหน้าที่วิ่งเต้น ใช้เครื่องมือวิธีการต่างๆ รวมทั้งการใช้สื่อสารมวลชนต่างๆ ประชาสัมพันธ์(สร้างภาพ)ให้ลูกค้า เพื่อให้มีการล็อบบี้เกิดขึ้น

โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม (Robert Amsterdam) ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษากฎหมายระดับสากล Amsterdam & Peroff  ตั้งแต่ปี 1980 เชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายธุรกิจระหว่างประเทศ และคดีความด้านการเมืองที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะคดีที่มีรัฐเป็นคู่ขัดแย้ง หรือถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจโดยไม่เป็นธรรมกับฝ่ายตรงข้าม จุดแข็งของเขาคือการมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับบรรดาสื่อระดับโลกทุกแขนง จึงมีการดึงประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับลูกค้าของเขาได้เป็นอย่างดี

ผลงานเด่นของเขา ทำให้นายมิคาอิล โคดอร์ฟสกี้ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย ที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกง เลี่ยงภาษี แม้ว่าสุดท้ายจะแพ้คดี แต่ทำให้ ชาวโลกมองว่าเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เกี่ยวกับเสรีภาพของประชาชน และโจมตีว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เป็นรัฐที่กดขี่และใช้อำนาจรัฐเอาเปรียบประชาชน

นายอีลิจิโอ เซดิโน นายธนาคารเวเนซุเอลา ที่ถูกจับกุม ด้วยข้อกล่าวหาว่าทำผิดกฏหมายเกี่ยวกับเงินระหว่างประเทศ รัฐมีการสั่งกักขังนานกว่า 34 เดือน นายโรเบิร์ต อัมสเอตร์ดัม หยิบยกเรื่องการกักขังที่ละเมิดหลักเกณฑ์ของสหประชาชาติ(UN) สุดท้ายถูกปล่อยตัวแล้วหนีไปอยู่สหรัฐ

สิ่งที่ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม จะทำคือ มาช่วยเหลือเสื้อแดงในข้อกฎหมายในการชุมนุม และทำในสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ คือบอกชาวโลกผ่านสื่อต่างๆ ทั้ง เว็บไซต์ บล็อก ทีวี นิตยสาร เครื่อข่ายต่างๆ หนังสือพิมพ์ดังๆ เขาจะพยายามทำให้ชาวโลกเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้อำนาจรัฐในการข่มเหง กดขึ่ประชาชาชน จำกัดสิทธิเสรีภาพ ละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างๆ อย่างที่เคยทำในประเทศรัสเซีย เวเนซุเอลา ถ้าทำต่อเนื่องเรื่อยๆ ไม่ช้าทั่วโลกจะคิดว่าไทยเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นการใช้ประชาคมโลกมาบีบประเทศไทยให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง(ล็อบบี้) ไม่เป็นผลดีกับประเทศไทยอย่างแน่นอนทั้งระยะสั้นและในระยะยาว ซึ่งประเทศไทยก็มีจุดให้เขาหยิบขึ้นมาโจมตีได้มากมาย  น่าห่วงและน่ากังวลยิ่งนัก

ซึ่งตอนนี้นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เริ่มจะออกสื่อโจมตีไทยแล้ว ซึ่งสื่อต่างๆก็ให้ความสนใจในตัวเขาด้วย และคิดว่าหลายๆอย่างที่จะโจมตีไทยจะตามมาอีกเพียบแน่นอน ควรรีบทำอะไรสักอย่าง

การให้สัมภาษณ์ของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม โดยสำนักข่าวอัลจาซีรา

ข้อมูลจาก
กรุงเทพธุรกิจ : โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายหรือล็อบบี้ยิสต์ส่วนตัวทักษิณ
คมชัดลึก : “โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม”ทนายหรือล็อบบี้ยิสต์ส่วนตัวทักษิณ?
โลกวันนี้ : Amsterdam & Peroffที่“ทักษิณ”ส่งมาช่วยเสื้อแดง
facebook : ถอดหน้ากาก โรเบิร์ท อัมสเตอร์ดัม
The Daly Dose : ใครคือทนายที่พ.ต.ท.ทักษิณจ้างคนใหม่ ?? Robert Amsterdam

เว็บของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม www.corporateforeignpolicy.com , www.robertamsterdam.com

ความขัดแย้งของสังคมไทย วู้ดดี้ถาม ท่าน ว.วชิรเมธี ตอบ

พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี

รายการวูดดี้ เกิดมาคุย แขกรับเชิญ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553 ในสถานการณ์บ้านเมืองไม่ปรกติ หลายคน วิตกกังวล ผวา กลัว  สับสน สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อได้ฟังคำตอบจากหลายๆคำถามที่คาใจเราอยู่ เหมือนได้ปลดล็อกออกมาได้ ทำให้สบายใจมากขึ้น จึงอยากให้ทุกท่านได้ชม ได้ฟังบ้าง เช่นเดิม ใครอยากอ่านผมนั่งถอดออกมาเป็นข้อๆเลยทีเดียว ไม่มีอะไรมาก อยากบันทึก และจะทำให้ได้ฟัง ได้คิด และได้เขียนละเอียดขึ้น ใครอยากดูโดยตรง สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้

https://www.youtube.com/view_play_list?p=C2D853E113AF22DF

วู้ดดี้ : ตั้งแต่เกิดมา ผมยังไม่เคยเห็น อารมณ์ ความรู้สึกของคนในประเทศ แตกแยกรุนแรงขนาดนี้
ท่าน ว.วชิรเมธี : ประวัติศาสตร์ มันจะซ้ำร้อยเสมอ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในเวลาคือตัวละคร โลกทุกวันนี้ถูกครอบงำด้วยกระแสโลภาภิวัฒน์ คือ โลภ + โลกาภิวัฒน์  โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยความ โลภ เราอยู่ในโลกของการแข่งขันที่มีศัพท์หรูๆว่า ทุนนิยม ทุนนิยมไม่ใช่ว่าไม่ดี ทุนนิยมที่เป็นปัญหาคือทุนนิยมที่หวังแต่ผลกำไรสูงสุด ไม่สนว่าจะเกิดผลกระทบอะไร

วู้ดดี้ : ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น หลักธรรมคำสอนของศาสนาพุทธ หรือศาสนาใดก็ตาม จะใช้ในโลกปัจจุบันได้จริงหรือ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : มันต้องใช้ได้สิ ถ้าใช้ไม่ได้ศาสนาพุทธก็เจ๊งนะสิ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ใช้ได้หรือไม่ได้ แต่ปัญหาอยู่ที่เราไม่หยิบมาใช้

วู้ดดี้ : หลายคนมองว่า ท่าน เลือกฝั่งถ้ามีคนถามท่าน ท่านจะตอบอย่างไร?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ไม่ใช่แค่พระอาจารย์ที่ถูกบอกว่าเลือกข้าง พระในกระแสหลักก็ถูกบอกว่าเลือกข้าง ไม่อยู่ในกระแสก็บอกว่าเลือกข้าง เหลืออยู่องค์เดียวที่ยังไม่มีข้างคือพระประทาน  ตอนนี้ไม่มีใครที่ถูกบายสีว่าเลือกข้าง พอพระอาจารย์ไปออกทีวีของรัฐ ก็บอกว่าเลือกข้างนั้น พอไปออกในรายการเคเบิลทีวีก็บอกว่าเลือกฝ่ายนั้น แต่สิ่งที่อันตรายกว่าการเลือกข้างคือ คนในประเทศไทยตัดสินกันง่ายๆ เพียงเพราะว่าเขาไปออกทีวีบางช่อง หรือสวมเสื้อบางสี อันตรายที่คนไทยเลือกที่จะไม่ใช้ปัญญา

วูดดี้ : มีบางคนบอกว่า พระอาจารย์เลือกสีแล้ว เพราะพระอาจารย์ห่มเหลือง พระอาจารย์รู้สึกอย่างไร กับคำพูดเหล่านั้น?
ท่าน ว.วชิรเมธี : คนที่พูดแบบนี้ค่อนข้างอ่อนปัญญา ไม่ใช่ปัญญาอ่อน ปัญญาออ่อนคือไม่มีปัญญา แต่อ่อนปัญญา คือ มีปัญญาแต่ไม่ใช้ปัญญาเลย ทำไมคุณไปตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ภายนอก  ถ้าคิดอย่างนั้นให้คุณเอาผ้าสีเหลืองอันหนึ่ง กับผ้าแดงอันหนึ่งไปผูกไว้ที่ตอ แล้วบอกว่า ตอนี้เลือกข้างแล้ว

วูดดี้ : เสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ จะเลือกใส่อะไรก็ไม่ได้ กลัวออกไปข้างนอกแล้วคนอื่นจะคิดว่าเราเป็นยังไง ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดอะไรเลย
ท่าน ว.วชิรเมธี : เรื่องนี้สะท้อนว่าถ้าเราเต็มไปด้วยอคติ ถึงมีปัญญาเราก็จะไม่ใช้ เมืองไทยตอนนี้ป่วย คือ มองคนไม่เห็นเป็นคน เพราะสายตาเราเลือกข้างไปแล้ว เราจึงมองคนไทยไม่เห็นเป็นคนไทย มองเห็นแต่เสื้อที่สวมใส่ มองไม่เห็นว่าเป็นคนไทย แม้ตอนนี้ใครจะมาเตือนก็ยากที่เราจะได้เห็นได้ยิน ได้ฟัง

วู้ดดี้ : เวลาที่ผ่านมา คนเลือกข้างเริ่มใช้การโต้ตอบ ว่ากล่าวอีกฝ่ายอย่างรุนแรง อะไรทำให้เขาเปลี่ยนแปลงขาดนั้น ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เลย ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : เราไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ แต่เราอยู่ในบรรยากาศของมัน สภาพแวดล้อมมันเต็มไปด้วยความขัดแย้งรุนแรง ตื่นมาเปิดโทรทัศน์ก็เจอ เปิดหนังสือพิมพ์ก็เจอ  ถ้ามว่าทำไมเราต้องด่าทอด้วยล่ะ ทำไม่เราต้องเลือกข้างด้วยล่ะ ลึกๆเราตกเป็นทาสขออคติ อคติของความลำเอียง ความลำเอียงมี 4 ประการ พระอาจารย์คิดว่าคนไทยตอนนี้มีครบทุกข้อเลย
1) ฉันทาคติ คือ ลำเอียงเพราะรัก ทำให้คนๆหนึ่งเป็นเทวดาได้ โดยไม่สนใจข้อบกพร่องของเขา
2) โทสาคติ คือ ลำเอียงเพราะชัง ทั้งๆที่คนๆหนึ่งมีคุณงามความดี สามารถเสกให้เขาเป็นภูษผีปีศาจได้
3) โมหาคติ คือ ลำเอียงเพราะเขลา เรารับข่าวสารข้อมูลมาไม่ครบ คนไทยมีนิสัยเชื่อมากกว่าที่จะหาความรู้ คนไทยจึงตกเป็นเหยื่อเพราะลำเอียงเพราะเขลาเพราะรับข่าวสารด้านเดียว ได้ข้อมูลมาก็เชื่อไม่มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ในเมืองไทยถ้าต้องการทำร้ายใคร ก็เขียนใส่ร้ายป้ายสี ส่ง forward mail ส่งไปทาง facebook twitter ส่งไปทาง BB คนนั้นก็หมดอนาคตแล้ว เพราะอุปนิสัยคนไทยชอบเชื่อมากกว่าชอบศึกษา คนไทยตกเป็นทาสของอคติตัวนี้มาก วันหนึ่งมีคนป้อนข้อมูลขยะต่างๆให้ คนเชื่อแล้วเสี่ยมให้ฆ่ากันเอง สุดท้ายรู้ว่าโดนหลอก จะเหลือคนไทยให้เสียใจไหม เพราะทุกฝ่ายเข้าสู่สงครามประชาชนไปกันหมดแล้ว ระหว่างประชาชนคนไทยด้วยกันเอง
4) ภยาคติ คือ ลำเอียงเพราะกลัว

วู้ดดี้: งั้นเราควรบล็อก งดรับสื่อเลยไหมครับ?
ท่าน ว.วชีรเมธี : ปัญหาไม่ได้อยู่ที่สื่อ ปัญหาอยู่ที่การใช้สื่อ และการบริโภคสื่อ ถ้าปิดหมดจะยิ่งแย่ไปใหญ่เลยนะ ยิ่งจำกัดเสรีภาพของสื่อ ยิ่งสะท้อนความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะฉนั้นใช้สื่อถูกต้องแล้ว แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาคือ ศักยภาพในการรับสื่อของเรา ต้องใช้ปัญญาให้เป็น คนไทยตอนนี้ใช้อารมณ์มากกว่าการใช้ปัญญา สื่อ ชื่อเต็มคือสื่อสารมวลชน คือสื่อสิ่งที่เป็นแก่นสารไปหามวลชน ตอนนี้มันกลายเป็นสื่อมอมชน คือมอมให้คนมาทะเลาะกัน ถ้าสื่อเลือกข้างไปแล้วก็แสดงว่าประเทศนี้ไม่มีหลักประกันเหมือนกัน  มีผู้กล่าวว่าในสงครามสิ่งที่จะถูกทำลายก่อนคือ ความจริง ตอนนี้ในเมืองไทย ความจริงถูกทำร้ายอย่างน่าเศร้าใจ

วู้ดดี้ : บ้างครั้งเราไม่อยากออกความเห็นเพราะเราอาจมีความกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าเราเข้าข้างฝั่งใดฝั่งหนึ่ง กลุ่มเงียบเหล่านี้ผิดไหม?
ท่าน ว. วชีรเมธี : กลุ่มเงียบ กับกลุ่มเลือกข้าง สุดท้ายคุณได้ผลกระทบไหม ขอตอบผ่านพุทธปรัชญาเรื่อง ตีนกับตา ตีนกับตาอยู่ด้วยมานานวันหนึ่งเกิดความขัดแย้งกัน ตาบอกว่า ตีนไปไหนมาไหนได้เพราะตามองทางให้ แต่ตีนก็บอกว่าที่ตาได้ไปไหนมาไหน ได้มองเห็นสิ่งต่างๆเพราะตีนพาไป สุดท้ายตายื่นคำขาดถ้าคิดว่าตีนดีนักจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของตีน ฉันไม่มอง ตาก็หลับตาลง ตีนก็แน่ฉันเดินเองก็ได้ สุดท้ายเดินตกเหวร่างกายแตกละเอียด แต่ส่วนตัวอยู่เฉยๆไม่เคยทะเลาะก็แหลกละเอียดด้วย ลุกขึ้นมาโอดโอย ฉันเกี่ยวอะไรด้วย! ถ้าบ้านเมืองหายนะ เราได้รับผลกระทบด้วย แทนที่เราจะเป็นพลังเงียบเราควรเป็นพลังชนิดหนึ่งชนิดใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเหลือง เป็นแดง เป็นรัฐ หรือพลังผู้ชุมนุม เรามาร่วมกันเป็นพลังแห่งสติได้ไหม แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยก็ของเราเหมือนกัน และเราไม่อนุญาติให้ใครทำร้ายประเทศ

วู้ดดี้ : ถ้าเรามีความคิดที่อยากจะเห็นประเทศชาติสงบสุข พัฒนาต่อไป เราต้องทำยังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ต้องระวังตัวเองอย่าให้สูญเสียสติ และปัญญา อย่าตกเป็นทาสของการกระตุ้นเร้า โดยสื่อหรือใครก็แล้วแต่ เพราะถ้าเสียสติไปแล้วก็จะใช้อารมณ์ พอใช้อารมณ์ถึงมีปัญญาก็ไม่ใช้แล้ว ต้องใช้ปัญญาอย่าไปใช้ความรุนแรง นี้คือในส่วนตัว ในส่วนสังคมต้องทำอะไรสักอย่างเช่น ลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาคุย เป็นศิลปินแต่งเพลงก็ได้ เป็นนักธุรกิจตั้งวงคุยกันในกลุ่มว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ทุกๆคนทุกๆวงการพร้อมใจกันส่งเสียงสติ เสียงนั้นก็จะดังขึ้นมา บางครั้งเราไม่ยอมส่งเสียงอะไรเลยเพราะเรากลัว ถ้าเรากลัวมากๆสุดท้ายเราจะได้อยู่แต่ในประเทศที่มีแต่ความกล้ว แต่ถ้าเราลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนของเราความกลัวจะมาเพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราวแล้วก็จากไป เราจะเลือกว่าจะอยู่ในประเทศที่มีแต่ความกลัวหรอประเทศที่มีความสุข คนไทยทุกคนเป็นคนออกแบบ

วู้ดดี้ : กลัวแล้ว ผิดตรงไหน?
ท่าน ว.วชิรเมธี : กลัวมันไม่ผิดหรอก แต่มันไม่ควร เพราะถ้าคุณกล้วแสดงว่าคุณยอมให้สิ่งต่างๆที่ไม่ชอบธรรมเกิดขึ้นในบ้านเมืองโดยดุสดี

วู้ดดี้ : หลายคนบอกว่าเราควรใช้สันติวิธี เราเห็นสันติพิธี ไม่เห็นทางออกที่แท้จริง
ท่าน ว.วชิรเมธี : เราต้องช่วยกันให้สันติวิธีนี้เป็นเรื่องจริง สันติวิธี กับสันติพิธี ต่างกันที่ สันติวิธีเริ่มที่ความจริงใจ ส่วนสันติพิธีเริ่มต้นที่ความลวง แต่ละฝ่ายที่อยากเจรจา ถามว่าคุณจริงใจกับประเทศนี้ไหม ทุกกลุ่มทุกฝ่ายอ้าง อหิสา บุคคลหนึ่งที่ถูกอ้างมากคือ มหาตมะ คานธี เวลามีม๊อบที่ไหนถูกอ้างตลอด สันติวิธีของ คานธี มีหลักอยู่ว่า ไม่ว่าจะถูกกระทำแค่ไหน ก็ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง และไม่กล้วที่จะถูกจับ ตานธีเคยพูดไว้ว่า สำหรับ นักสันติวิธีแบบมหาตมะ คานธี การเดินเข้าคุกอย่างมีศักดิ์ศรี นั้นคือเกียรติยศของพวกเรา ถ้าเราอ้างว่าใช้สันติวิธี เราต้องใช้จริงๆ ไม่งั้นมันก็เป็นแค่น้ำยาบ้วนปาก บ้วนแล้วก็ทิ้งไม่มีใครกลืน

วู้ดดี้ : สันติวิธีที่มีอยู่ทั่วโลก ในอินเดีย ในแอฟริกา อีกตัวอย่างเช่น เนลสัน มันเดลลา จะประยุกต์ใช้กับประเทศไทยได้จริงหรอ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์คิดว่าใช้ได้ กรณีของเนลสัน มันเดลลา น่าเรียนรู้มากนะ ในแอฟริกาใต้เขามีปัญหามากนะ รัฐบาลผิวขาวมาปกครองคนผิวดำ และครอบงำเบ็ดเสร็จมายาวนาน มันเดลลาเป็นหนึ่งในกองโจรรักชาติ เรียกว่าเป็นกบฏรักชาติก็ว่าได้ ใช้ยุทธวิธี สั่งอาวุธสงครามเข้ามาเลย เข่นฆ่าคนในชาติ แต่แล้วก็ไม่ยุติ ในที่สุดถูกจับไปขังคุกโดยรัฐบาลผิวขาว 27 ปีเต็ม เนลสัน มันเดลลา ได้บทสรุปจากการถูกจำคุกว่า ความรุนแรงมีแต่จะก่อให้เกิดความรุนแรงไม่จบสิ้น เมื่อควารุนแรงไม่ใช่คำตอบมันต้องใช้สันติวิธี จึงมีการเจรจากับรัฐบาลและได้ข้อสรุปว่า ต้องพบกันครึ่งทาง และจัดให้มีการเลือกตั้ง คนที่ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นประธานาธิปบดีกลับเป็น เนลสัน มันเดลลา ที่เป็นคนผิวดำ ท่ามกลางรัฐบาลผิวขาว ประเทศก็เกิดสันติ และได้รับรางวัลโนเบล แต่สันติภาพในแอฟริกาใต้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากเนลสัน มันเดลลา เพียงคนเดียว แต่เป็นการร่วมมือกันของ อดีตประธานธิบดีคนเก่าด้วย จึงได้รับรางวัลร่วมกัน  จะเห็นได้ว่าสันติภาพเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากใครอีกคนหนึ่ง สันติภาพจะเกิดขึ้นได้โดยทุกฝ่ายมาร่วมกัน

วู้ดดี้ : กิจของสงฆ์ มีสิทธิจะแสดงออกทางการเมืองหรือไหม?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ต้องมานิยามคำว่า กิจของสงฆ์ บ้างแล้วนะ เพราะเวลาเราไม่อยากให้พระงสงฆ์มาย่งเรื่องไหน เราก็จะยกคำนี้มาใช้ กิจของสงฆ์ คือ ศึกษา ปฎิบัติ สัมผัสผล เผยแพร่ แก้ไข การเผยแพร่เป็นกิจของสงฆ์ การออกมาเทศน์มาสั่งสอนเป็นกิจของสงฆ์ หลายคนบอกพระอย่ามายุ่ง อย่ามาเทศน์ในกิจการบ้านเมือง เราแยกกิจการบ้านเมืองไว้ก้อนหนึ่ง เราแยกกิจของสงฆ์ไว้อีกก้อนหนึ่ง พอเราไปแยกพระสงฆ์ออกจากการเมือง ว่าแย่แล้วนะ แต่เราไปแยกธรรมะออกจากนักเมืองแย่ยิ่งกว่า คุณแยกพระสงฆ์ออกจากการเมืองเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ถ้าไปแยกธรรมะออกจากการเมืองหายนะทันที และนี้ต้นต่อของวิกฤตการณ์เมืองของไทยในทุกวันนี้เลย บทบาทของพระสงฆ์นั้นมีหน้าที่ให้ธรรมะแก่นักการเมืองได้ แต่ไม่มีหน้าที่ลงไปเล่นการเมือง ถ้าทำแค่นี้พระยังเกี่ยวข้องกับการเมืองได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ลงไปตะลุมบอนกับเขา อันนี้เลยพระธรรมวินัย ถือว่าไม่ถูกต้องแล้ว แสดงว่าท่านไม่ได้ลงไปสอน แต่ท่ากำลังเล่นการเมือง อันนี้พระวินัยไม่อนุญาติเด็ดขาด

วู้ดดี้ : บางคนบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากกรรมเก่า ชะตาบ้านเมืองไม่ดี  เราจะบอกกับเขาว่ายังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : วิธีอธิบายของคนไทยฟังดูประหลาดนะ ถ้าเป็นเรื่องของกรรมเก่าทำได้อย่างเดียวคือยอมรับ แก้โดยทำบุญประเทศ ปล่อยวัว ปล่อยควาย วัวควาย มันจะรู้อะไร สู้ปล่อยคนที่จะไปปล่อยวัวควายดีกว่านะ เพราะวิธีอธิบายของเราบอกว่าเป็น กรรมเก่า มันไม่ได้ช่วยอะไรนะ เราบอกว่าวิกฤตของบ้านเมืองเป็นเรื่องของกรรมเก่า แสดงว่าเราต้องยอมจำนน แก้ไม่ได้นะ เพราะกรรมเก่ามันชาติที่แล้ว คุณแก้ไม่ได้ คุณต้องรับอย่างเดียว คราวนี้บอกว่าเป็นเคราะห์ แสดงว่าเราต้องสะเดาะห์เคราะห์อย่างเดียวสิ เห็นมาตลอด ยิ่งสะเดาะห์เท่าไหร่ยิ่งแย่ลงไปทุกที ดวงเมืองไทยไม่ดี แล้วถามว่าทำไมดวงไม่ดีต่อเนื่องขนาดนี้ ทำไมมันไม่ดีขึ้น ถ้าบอกว่าดวงเมืองไม่ดี จะเกิดอะไรขึ้น นั้นคือ คนไทยไม่ต้องรับผิดชอบ เป็นความผิดของดวงเมือง พออธิบายอย่างนี้มนุษย์เลยไม่ต้องทำอะไรเพราะปัญหาเป็นเรื่องนอกตัวเราทั้งหมด วิธีคิดแบบนี้ปัญญาชนรับไม่ได้ พุทธศาสนาก็รับไม่ได้  พระอาจารย์ขอบอกว่า กรรมเก่า ไม่ใช่ของชาติที่แล้ว แต่เป็นกรรมเก่าในชาตินี้ ที่เราร่วมกันคิด ร่วมกันพูด ร่วมกันทำ เป็นเหตุปัจจัยของเราสะสมมาเป็นเวลาสามสิบสี่สิบปี ไม่ใช่กรรมเก่าแต่ชาติที่แล้ว ถ้าเรานิยามว่า กรรมเก่า เป็นกรรมในชาตินี้ ทางแก้ก็เป็นไปได้ เรามีค่านิยมวิปริตว่า สองมาตรฐานเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ในเมืองไทย การที่เราเชื่อว่าการโกงก็ได้นะขอให้แบ่งกัน ถ้าโกงแล้วไม่แบ่งไม่ดี ถ้าโกงแล้วแบ่งนะดี เรียกว่า มโนกรรม กรรมเก่าในระดับค่านิยม ถ้าคนไทยมีค่านิยมแบบนี้ฝั่งหัวอยู่ก็จะส่งผลมาในทางด้านพฤติกรรมเช่น ก็จะมีแต่คนที่คอยที่จะละเมิดกฎหมาย ในประเทศที่พัฒนาแล้วใครที่ละเมิดกฏหมายเขาก็มองว่าเป็นคนที่ด้อยการศึกษา แต่ในเมืองไทยใครละเมิดกฎหมายเรามองว่าเท่ เรามองว่าเป็นอภิสิทธิ์ชน มันสะท้อนถึงวิธีคิดของเรา ว่าค่านิยมเราวิปริตพฤติกรรมเราก็จะวิปริตไปด้วย และถ้าเรามีค่านิยมที่บอกว่าโกงก็ได้ขอให้แบ่งกัน การโกงการคอรั่ปชั่นเป็นสิ่งที่อันตราย แต่ที่อันตรายยิ่งกว่าคือการมีทัศนะคติให้มีการโกงได้ โดยมองเห็นว่าไม่มีความผิด สิ่งนี้ต่างหากที่มีการอธิบายให้การโกงมีความชอบธรรม มันอัตรายยิ่งกว่าการโกงโดยตรงเสียอีก นี้คือกรรมเก่าของเรา ถ้าเรามีค่านิยมที่วิปริต ทำไมเมืองไทยมันจะไม่วิปริตล่ะ ฉนั้นกรรมเก่าที่เราสะสมมาเป็นเวลายี่สิบ สามสิบปี ที่เราทะเลาะกันอยู่นี้เป็นแค่ปรากฎการณ์ เพราะไม่ใช่คนกลุ่มเราเท่านั้นที่สะสมกรรมเก่าเช่นนี้  คนไทยสั่งสมมากันหลายชั่วคน แล้วผลมันมาแสดงรุ่นเรา ในเมื่อมันเป็นกรรมเก่าในชาตินี้ เราทุกคนจะต้องแก้ในชาตินี้ ไม่ใช่ในชาติหน้า

วู้ดดี้ : ถ้าสมมุติว่าแกนนำฟังอยู่ตอนนี้ ลึกๆภายในใจอ่อนแอกันหมดแล้ว ไม่รู้จะไปในทางไหน ทั้งๆที่เบื้องหน้ายังแสดงว่ายังมั่นใจอยู่ดี เขาควรตั้งสติอย่างไร เพื่อหาทางออก?
ท่าน ว.วชิรเมธี : การที่เราไม่สามารถใช้ปัญญาอย่างเป็นกลาง และมองไม่เห็นทางออก เพราะเราก้าวไม่ข้ามสามเรื่องต่อไปนี้
1) ไม่สามาถก้าวข้ามเสื้อเหลือง 2) เราไม่สามารถก้าวข้ามเสื้อแดง  3) เราไม่สามารถก้าวข้ามรัฐบาลปัจจุบัน ถ้าเราก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้เราจะเห็นประเทศไทยโดดเด่นอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เรามองไม่เห็นประเทศไทยเลย พอเลือกตั้งใหม่ แดงมาเหลืองก็ค้าน พอเหลืองมาแดงก็ค้าน พอรัฐบาลปัจจุบันมาทั้สองฝ่ายก็ค้าน ประเทศก็ไปไหนไม่ได้หรอก งั้นเรามาก้าวข้ามมันทั้งสามนี้แหละ แล้วเรามาบริหารจัดการประเทศกันใหม่ เราอย่าไปยึดติดสิว่าคนเก่งมีแค่สามกลุ่มนี้ พระอาจารย์คิดว่า วูดดี้ ก็เป็นนายกได้นะ เรามักคิดว่าคนเก่งมักจะเป็นคนอื่น นั้นเป็นเหตุผลที่เรารอ รอให้คนเก่งมาช่วยเรา เราแทบไม่คิดเองแล้วนะ เดี๋ยวเราก็รอฟังคนนั้น เดี๋ยวเราก็รอฟังคนนี้ แต่เราไม่เคยฟังเสียงของหัวใจตัวเองเลย ปัญหามันหมักหม่มไว้ เพราะเรามั่วแต่ไปฝากไว้กับคนนั้น ฝากไว้กับคนนี้ ถ้าเราไม่ลืมประวัติศาสตร์ ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาตัวละครที่ขัดแย้ง เป็นตัวเดิมทั้งหมดเลย ทุกคนเป็นกลุ่มเดิมที่ขัดแย้งกันอยู่แค่นี้ล่ะ ถ้าคนไทยลุกขึ้นมาแล้วเชื่อมั่นในสติปัญญาของตัวเอง ไม่ยอมให้ใครจูงจมูกกันง่ายๆ เมื่องไทยจะเข้มแข็งกว่านี้มาก พระอาจารย์สงสัยว่าคนไทยถูกออกแบบให้อ่อนแอหรือปล่าว เราจึงไม่ได้ดูรายโทรทัศน์ที่เติมรอยยักในสมอง เราจึงไม่มีรายการวิทยุที่เติมรอยยักในสมอง เราจึงไม่ค่อยได้อ่านสื่อดีๆที่มีบทความที่เขียนโดยผู้ปัญญาที่มีอิสระเสรี เพราะแบบนี้หรือป่าวที่ออกแบบทำให้คนไทยมีความอ่อนทางปัญญา ระบอบประชาธิบไตยที่เป็นหลักมั่นคงให้ระบอบนี้ที่สุด คือระดับสติปัญญาของประชาชน ถ้าระดับสติปัญญาของประชาชนไม่เข้มแข็ง ประชาธิปไตยก็จะอ่อนแอมาก ในอนาคตถ้าเราจะมีประชาธิปไตยสิ่งที่เราจะถามหาไม่ใช่การเลือกตั้ง แต่คือ คุณภาพของการเลือกตั้ง ถ้าเราได้การเลือกตั้งที่มีคุณภาพเราจะได้รัฐบาลที่มีคุณภาพ ถ้าการเลือกตั้งไม่มีคุณภาพเราก็จะกลับมาที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่จบไม่สิ้น

วู้ดดี้ : ผมเป็นคนตัวเล็กที่รักประเทศชาตินี้มาก แต่มืดแปดด้านไม่รู้จะช่วยยังไง?
ท่าน ว.วชิรเมธี : ถ้าวู้ดดี้เป็นสื่อนะ อยากช่วยประเทศ พระอาจารย์ขอสองอย่าง 1) ขอให้มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่จะลุกขึ้นมาพูด ลุกขึ้นมาแสดงจุดยืนของสื่อบ้าง ไม่ใช่สื่อเองก็กล้ว แล้วประชาชนจะมีช่องทางไหนล่ะ เราแทบจะไม่เหลือช่องทางแล้ว ช่องทางของสื่อเป็นอีกช่องทางของประชาชนจะได้ใช้เป็นหลักประกันของบ้านเมือง 2) ขอให้สื่อที่นำเสนอเป็นความจริง ไม่ใช่ความจริงที่ฉันอยากให้เป็น ถ้าคุณทำสองอย่างนี้ช่วยชาติได้แล้ว

วู้ดดี้ : เชื่อว่าคนไทยมีปัญญา แต่ขาดสติ เพราะมันอาจจะมืด เพื่อเป็นแนวทาง สำหรับตยที่สั่น ผวา กลัว งง สับสน หลงทางอยู่ขณะนี้ ในพรุ่งนี้ให้เขาตื่นขึ้นมา เขาควรปรับความอย่างไงครับ ชีวิตเขาจะได้เปลี่ยน ?
ท่าน ว.วชิรเมธี : เบื้อต้นเราจะต้องไม่ดูถูกตัวเอง ถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนเล็กๆ แต่โลกไม่เคยเปลี่ยน เพราะคนใหญ่ๆ คนโตๆ พวกนี้เปลี่ยนเพราะคนเล็กๆที่ไม่ดูถูกตัวเองทั้งนั้น ดังนั้นเราอย่าไปดูถูกตัวเองว่าเราจะช่วยอะไรไม่ได้  และประการต่อมาคือ อยากให้มองว่า เราแต่ละคนช่วยกันส่งเสียงว่า เราไม่อยากเห็นเมืองไทย เราสู่กลียุค เราไม่อยากเห็นเมืองไทยมีแต่ควารุนแรง เราไม่อยากเห็นเมืองไทยมีสงครามกลางเมือง ช่วยกันส่งเสียงเสียงเล็กๆของแต่ละคน มันก็เหมือนหิงห้อยที่บินมารวมกันเป็นฝูง ก็มีแสงสว่างไม่น้อยไปกว่าสปอร์ตไลท์ได้เหมือนกัน ฉะนั้นเราในฐานะเจ้าของประเทศ จะทำอาชีพไหนก็ได้ คุณจะอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ แต่นะเวลานี้คุณต้องไม่ลืมว่า คุณเป็นเสื้อเหลือง คุณเป็นเสื้อแดง คุณเป็นเสื้อหลากสี แต่ก่อนหน้านี้คุณเป็นคนไทย และจุดร่วมตรงนี้ล่ะที่เราคนไทย ส่งสัญญาณเพื่อเรียกเอาสติของคนไทยกลับคืนมาว่า เราเป็นคนไทยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ฉะนั้นเราไม่ควรมาทำให้คนไทยต้องบาดเจ็บล่มตายกัน เพราะขัดแย้งทางการเมือง ส่งเสียงแห่งสติ ส่งเสียงแห่งปัญญาแบบนี้ออกไปให้มากที่สุด ใครส่งเสียงทางไหนได้ก็ส่งเสียงทางนั้น ถ้าเราทำได้นี้คือจุดร่วมที่เราจะพบกันได้ ถ้าเราไม่อนุญาติให้ใครมาทำร้ายประเทศชาติบ้านเมืองของเรา ไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามนะ เสียงเล็กจะเป็นเสียงที่มีพลังแน่นอน

ที่มา : รายการวูดดี้ เกิดมาคุย แขกรับเชิญ พระอาจารย์ ว.วชิรเมธี  ช่อง 9 ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2553
อัพโหลดคลิปโดย : thinkjaden

รัฐที่ล้มเหลว ประเทศไทยจะเป็นรัฐล้มเหลวจริงๆหรือ

Failed States Index 2009

สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ได้ฟังจากรายการข่าวสารเพื่อประชาชน ช่อง NBT เมื่อคืนวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 23.20 น. ดำเนินรายการโดยคุณอี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ และมีแขกรับเชิญคือ อ.โสภณ สุภาพงษ์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะ 2541 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา เนื้อหาที่พูดถึงคือ รัฐที่ล้มเหลว ,รัฐพังทลาย หรือ Failed State ใครสนใจอยากฟังโดยตรง ตามไปดูในเว็บดูทีวีย้อนหลัง เลือกวันเวลาดังกล่าว

อ.โสภณ อธิบายเรื่องราวต่างๆ เชื่อมโยงกับรัฐล้มเหลว พบว่ามีความเป็นไปได้สูง มันเกิดขึ้นแล้ว และกำลังดำเนินไป ตามพล็อตที่วางไว้ ผมพยายามสรุปใจความสำคัญ เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาของทุกๆท่านครับ

  • สถานะการณ์ปัจจุบัน ภาพการใช้อาวุธสงคราม การใช้ความรุนแรง การเผาสถานที่ต่างๆ  การยิงสถานที่สำคัญต่อเนื่อง การเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก ตลอดจนการยิง เสธ.แดง ต่อหน้านักข่าวต่างประเทศ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
  • การดำเนินการทั้งหมดนี้ ดำเนินการโดยทหาร มียุทธวิธี ไม่ใช่มือสมัครเล่น เป็นกลุ่มทหารทั้งประจำการและนอกราชการ รวมกับนักวางแผนระดับต่างประเทศ
  • เหตุการณ์เหล่านี้จะบอกได้ว่ามีพล็อต มีการวางแผนอย่างเป็นระบบ มีการฆ่าผู้บริสุทธิ์ การยิง M79 ที่สถานที่สำคัญ ที่เป็นสถาบันต่างๆ ศาล บ้านนายก ที่ๆเป็นสัญลักษณ์ของกฏหมาย บุคคลสำคัญต่างประเทศไปพบผู้ชุมนุม ไปพบพรรคการเมืองที่สนับการชุมนุม ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯไปพบพรรคที่สนับสนุนการชุมนุม และไปพบผู้ชุมนุม ประธานาธิบดีติมอร์อาสาไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง และการยิง เสธ.แดง
  • การยิง เสธ.แดง มีประเด็นที่ต้องคิดหลายอย่าง คือ ถูกยิงโดยพวกเดียวกันที่ไม่พอใจ เสธ.แดง ที่ต้องการนำมวลชนไปในอีกทิศทางใช้ความรุนแรง หรือ การเอาคืนของเพื่อนทหารที่เสียชีวิต แต่จุดสำคัญที่ต้องคิดคือทำไมต้องยิงต่อหน้านักข่าวต่างประเทศ เป็นความบังเอิญจริงหรือ? ทำไมไม่ยิงก่อนหน้านี้ อ.โสภณ มองว่าเรื่องต่างๆเหล่านี้เชื่อมโยงไปหาดัชนีชี้วัด รัฐล้มเหลว รัฐพังทลาย หรือ Failed State
  • ดัชนีชี้วัดว่าเป็น รัฐล้มเหลว วัดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ารัฐใดเป็น รัฐที่ล้มเหลว จะเป็นข้ออ้างให้ประเทศมหาอำนาจสามารถเข้าแทรกแซง จัดการสถาบัน และจบด้วยการเลือกตั้งใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ติมอร์ ประเทศต่างๆเข้าไปจัดการสถาบันใหม่แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ ไทยก็ส่งทหารเข้าไปด้วย ติมอร์ไม่ได้ร้องขอ และอีรัก สหประชาชาติไม่เห็นด้วยสหรัฐฯก็ส่งทหารเข้าไป  อัฟกานิสถาน โซมาเรีย(รัฐพังทลายอันดับ 1 ของโลก) ส่วนใหญ่ประเทศมหาอำนาจจะเข้าไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องของแหล่งพลังงานต้องระวัง ประเทศเหล่านี้อ้างความชอบธรรมในการเข้ามา โดยอาศัยดัชนีชี้วัดว่าเป็นรัฐล้มเหลว และจบด้วยการเลือกตั้งใหม่
  • รัฐ ความหมายคือ ผู้มีอำนาจสิทธิขาดในการใช้ความรุนแรงอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว ไม่ขึ้นกับรัฐอื่นหรืออำนาจอื่นจากภายนอก เพราะประชาชนมอบอำนาจให้รัฐ ตอนแรกฟังมันอาจจะขัดหูบ้าง แต่ยกต้วอย่างนี้ขึ้นมาจะเข้าใจ คือถ้าเราเจอผู้ร้าย เราจะหยิบปืนขึ้นมาไล่ยิงเลยไม่ได้ ต้องให้รัฐ(ผ่านทางตำรวจ)เป็นคนจัดการ
  • รัฐที่ล้มเหลว คือ รัฐ ที่ไม่สามารถบริหารการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายใน มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐบาลและกลไกรัฐขาดความมั่นคงและประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้
  • รัฐล้มเหลว เป็นการวิจัยของวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน ( The London School of Economics and Political Science)
  • ตัวชี้วัดประกอบไปด้วยปัจจัยทางด้านสังคม 4 ตัว ทางด้านเศรษฐกิจ 2 ตัว และทางด้านการเมือง 6 ตัว รวมเป็น 12 ตัว ให้ข้อคะแนน 0-10 คะแนนสูงแสดงถึงความเลวร้ายสูง ดังนั้นช่วงคะแนนคือ 0-120 คะแนน ประเมิณโดยกองทุนเพื่อสันติภาพ และตีพิมพ์ในนิตยสาร Foreign Policy ที่อเมริกา ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี
  • จัดอันดับประเทศที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ 177 ประเทศ ในปี 2009 ประเทศไทยได้คะแนน 79.2 อันดับที่ 79  อยู่ในกลุ่มเตือนภัย (Warning) ถ้าได้เพิ่มอีก 10 คะแนน จะอยู่ในกลุ่มประเทศ รัฐล้มเหลว ปีที่แล้วมีจราจลในช่วงเมษายนแล้วรัฐจัดการได้ยังแสดงให้เห็นว่ารัฐมีอำนาจในการจัดการปัญหา ปีนี้เลวร้ายกว่าปีที่แล้วมาก
  • มาดูแต่ละข้อและดูว่าประเทศไทยตอนนี้ กำลังถูกชักจูงให้เป็น รัฐที่ล้มเหลวหรือไม่ เพื่อดึงต่างประเทศเข้ามาในไทย เพื่อล้มสถาบันในประเทศแล้วเลือกตั้งใหม่ ใช่หรือไม่? ถ้าเทียบกับปีที่แล้ว ไทยได้คะแนนเพิ่มแน่นอน

กลุ่มตัวชี้วัดทางสังคม
1) แรงกัดดันทางประชากรศาสตร์ (Demographic pressures): ในตัวชี้วัดนี้จะรวมถึงปัญหาที่เกิดจากประชากรที่หนาแน่น ซึ่งจะรวมถึงความสัมพันธ์กับปัจจัยที่สำคัญต่างๆ ที่ใช้ในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ยังรวมไปถึงประเด็นปัญหาด้านการควบคุมบังคับในการนับถือศาสนา การพังทลายของสิ่งแวดล้อม ประเด็นปัญหาทางประวัติศาสตร์ แลความขัดแย้งตามแนวชายแดน ปี 2009 ได้คะแนน 6.9

2) การย้ายถิ่นฐานของประชาชนจำนวนมาก (Massive movement of refugees and internally displaced peoples): ในตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาถึง ประเด็นปัญหาของการเคลื่อนย้ายชุมชนขนาดใหญ่ที่มีสาเหตุมาจากการขาดแคลนอาหาร ขาดน้ำสะอาด ภัยธรรมชาติ หรือ การแย่งชิงที่ดิน อันนำไปสู่ผลที่คุกคามต่อประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงมุนษย์และมนุษยธรรม ทั้งที่เป็นปัญหาภายในประเทศและระหว่างประเทศ ปี 2009 ได้ 6.5

3) กรณีความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มชนที่ไม่พอใจเหตุการณ์ในอดีต (Legacy of vengeance-seeking group grievance): คนในประเทศมีความขัดแย้ง แตกแยกกันอย่างชัดเจน มีการทำร้ายแก้แค้นกัน ตัวชี้วัดนี้อยู่บนพื้นฐานของความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นในอดีต แล้วอาจนำมาเป็นเงื่อนไขในปัจจุบัน ปีที่แล้วไทยได้ 8

4) ปัญหาการไหลออกของทุนมนษย์ (Chronic and sustained human fligh): ในตัวชี้วัดนี้จะครอบคลุมทั้ง การไหลออกของผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และผู้ที่ลี้ภัยทางการเมือง ปีที่แล้ว 4.5

• กลุ่มตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ
5) ความไม่ปกติของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Uneven economic development along group lines): ในตัวชี้วัดนี้จะถูกตัดสินใจบนพื้นฐานของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีความแตกต่าง ทั้งทางด้าน การศึกษา หน้าที่การงานสถานะทางเศรษฐกิจ ปีที่แล้ว 7.7

6) ความชัดเจน และ/หรือ ความรุนแรงของการถดถอยทางเศรษฐกิจ (Sharp and/or severe economic decline): ตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาจาก มุมมองในทุกด้านที่ส่งผลให้การขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจชลอตัวลงหรือหยุดชะงักงันในกระทันหัน ปี 2009 ได้คะแนน 3.8

• ตัวชี้วัดทางการเมือง
7) การปกครองของรัฐที่ไร้ความเป็นธรรม (Criminalization and/or delegitimisation of the state): มีมุมมองทั้งการพิจารณาในเรื่องคอร์รัปชันและการกระทำใดๆ ที่อาจนำสู่ความไม่โปร่งใส ปีที่แล้วไทยได้คะแนน 8.2

8 ) ความเสื่อมถอยของการให้บริการสาธารณะ (Progressive deterioration of public services): ในตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาจาก ระดับของความสามารถของรัฐในการจัดการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานและกิจการสาธารณะต่างๆ อ.โสภณ กล่าวรวมถึงผู้ก่อการร้ายเลือกฆ่าผู้บริสุทธิ์ได้ตามชอบใจ โดยรัฐไม่สามารถปกป้องประชาชนของตนเองได้ ปีที่แล้วไทยได้ 5.4

9) การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่แพร่หลาย (Widespread violation of human rights): ในตัวชี้วัดนี้จะให้ความสำคัญกับ ระดับของการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐที่แพร่กระจายอยู่ทั่วไปในรัฐ ปี 2009 ได้คะแนน 6.9

10) การมีรัฐซ้อนในรัฐ (Security apparatus as ‘state within a state’): ตัวนี้สำคัญ รัฐสูญเสียอำนาจในการจัดการบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ ทหาร บางส่วนที่ช่วยผู้ก่อการร้ายแสดงให้เห็นว่ามีรัฐซ้อนรัฐอยู่ อีกอย่างคือมีพื้นที่บางจังหวัดรัฐไม่สามารถควบคุมได้ การเมืองในสภาที่มีการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนุบสนุนอีกฝ่าย ปีที่แล้วได้ไป 7.5 คะแนน ปีนี้คะแนนขึ้นแน่นอน

11) การก่อตัวของกลุ่มผู้มีอิทธิพลทางความคิด (Rise of factionalised elites): ตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาถึงจำนวนและการเพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้นำต่างๆ แกนนำทางความคิดทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ ที่ส่งผลโดยภาพรวมต่อสถาบันหลักของประเทศ ปีที่แล้วได้คะแนน 3.8

12) การแทรกแซงกิจการภายในประเทศจากรัฐอื่น หรือ ปัจจัยภายนอก (Intervention of other states or external factors): ตัวชี้วัดนี้จะพิจารณาจากการเข้าแทรกแซงกิจการภายประเทศ จากรัฐอื่น หรือปัจจัยภายนอก ปี 2009 ไทยได้คะแนน 5.8 ประเทศเวียตนามได้ 6 คะแนน ได้แสดงความเป็นห่วงประเทศไทย ประเทศติมอร์ที่ได้ 9 คะแนน เสนอตัวไกล่เกลี่ยปัญหาให้ คิดว่าปีนี้ไทยจะได้คะแนนเท่าไหร่

Failed state index ของไทยในปี 2009
  • กลุ่มวางแผน ผู้ได้ประโยชน์อยู่ข้างนอกชุมนุมทั้งสิ้น สิ่งที่จะทำคือให้ทำให้คนบาดเจ็บ ล้มตายมากที่สุด ถ้าเป็นดังนั้นเราจะพบว่าผู้ชุมนุมเสื้อแดงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งของผู้บงการภายนอก อาจรวมไปถึง เสธ.แดง ด้วยที่เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง ไม่แน่ว่าแกนนำรู้ หรือไม่ อาจรู้และไม่เอาด้วยแกนนำหลายคนจึงไม่เอาด้วย
  • อ.โสภณ แนะนำให้จับตัวผู้บงการข้างนอกก่อน จึงจะสามารถจัดการกระบวนการนี้ได้
  • ข้อสังเกตุ การชุมนุมต่อสู้ยังไงก็ไม่ชนะทหาร ทางเดียวที่จะชนะได้คือ ให้คนที่ชุมนุมตายมากที่สุดแล้วต่างประเทศจะเข้ามา คนที่อยู่ต่างประเทศไม่อยากป้องกันท่านที่ชุมนุมแต่อยากใช้ประโยชน์ตอนมีคนเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ผู้บงการได้ประโยชน์ทั้งสิ้น เราจะเห็นความโหดร้ายของผู้วางแผน

“รัฐบาลนี้แพ้ ประเทศนี้แพ้ ไม่ใช่เรื่องการเมืองแล้ว เป็นเรื่องของรัฐ มันคือ ขบวนการล้มรัฐ”

ที่มา : รายการข่าวสารเพื่อประชาชน ช่อง NBT เมื่อคืนวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 23.20 น.

https://www.fundforpeace.orghttps://www.tortaharn.net , https://th.wikipedia.org/wiki/รัฐที่ล้มเหลว

อ็อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ในงานประกาศรางวัลนาฏราช

https://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw

คลิปพงษ์พัฒน์ ในงานประกาศรางวัลนาฏราช

อ็อฟ -พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ได้รางวัลจากนาฎราช จากละครพระจันทร์สีรุ้ง ในบทพ่อของบี้ เดอะสตาร์ ตอนขึ้นไปรับรางวัลได้กล่าวขอบคุณสั้นๆ และพูดเรื่อง พ่อ ฟังในคลิปได้ ถ้าใครอยากอ่านผมถอดคำพูดมาให้คำต่อคำ

“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้รางวัลนี้เลยครับ กราบขอบพระคุณสำหรับ สมาพันธ์ สมาคมผู้ประกอบการวิทยุโทรทัศน์ ขอบคุณทุกๆคน พี่ๆในวงการและก็เป็นรางวัล ที่ได้จากบทบาทเกี่ยวกับพ่อ ขออนุญาติพูดเกี่ยวกับ พ่อ นิดหนึ่งก็แล้วกันครับ

พ่อเป็นเสาหลักของบ้านนะครับ บ้านของผมหลังใหญ่ หลังใหญ่มาก เราอยู่กันหลายคน ผมเกิดมาในบ้านหลังนี้ก็สวยงามมากเลย สวยงามและอบอุ่น แต่กว่าจะเป็นแบบนี้ได้ บรรพบุรุษของพ่อ เสียเหงื่อ เสียเลือด เอาชีวิตเข้าแลก กว่าจะได้บ้านหลังนี้ขึ้นมา

พ่อคนนี้ ก็ยังเหนื่อยที่จะดูแลบ้าน และดูแลความสุขของทุกๆ คนในบ้าน ถ้ามีใครสักคน โกรธใครมาก็ไม่รู้ ไม่ได้ดั่งใจเรื่องอะไรมาก็ไม่รู้ และก็พาลมาลงที่พ่อ เกลียดพ่อ ด่าพ่อ คิดจะไล่พ่ออกจากบ้าน ผมจะเดินไปบอกคนๆ นั้นว่า

ถ้าเกลียดพ่อ ไม่รักพ่อแล้ว จงออกไปจากที่นี่ซะ เพราะที่นี่คือบ้านของพ่อ (ทุกคนเริ่มปรบมือ) เพราะที่นี่คือแผ่นดินของพ่อ ผมรักในหลวงครับ และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ในที่นี้รักในหลวงเหมือนกัน พวกเราสีเดียวกันครับ ศีรษะนี้มอบให้พระเจ้าแผ่นดิน ขอบคุณครับ “

ทุกคนยืนปรบมือ เสียงดังยาวนาน….

ขอแถมอีกคลิป ความฝันอันสูงสุด

คลิปอัพโหลดโดย b2v2b และ gnixanon

ทำไมคนอีสานรักทักษิณ ในมุมของคนอีสาน

ทำไมคนอีสานรักทักษิณ? เรื่องนี้ผมเอาประสบการณ์ส่วนตัว ในมุมมองของผมมาแชร์ก็แล้วกันนะครับ ผมคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิดพอจะเข้าใจคนที่บ้านว่าเขาคิดยังไง อาจจะไม่ทั้งหมดแต่คิดว่าเข้าใจในระดับหนึ่ง

คนเสื้อแดง
  • คนอีสานเป็นเสื้อแดงเยอะมาก ดูจากในช่วงสงกรานต์ผมเดินทางกลับบ้าน คนที่เล่นน้ำสงกรานต์แต่ละจุดของหมู่บ้านต่างๆ หลายอำเภอใส่เสื้อสามเกลอมาเล่นน้ำกันเกือบจะทุกหมู่บ้าน ไม่ต้องปฎิเสธว่าเสื้อแดงกับทักษิณไม่เกี่ยวกัน เพราะเสื้อแดงคือคนรักทักษิณ
  • คนอีสานที่อยู่บ้านเดียวกัน หมู่บ้านใกล้เคียงกันรู้จักกันหมด เป็นญาติๆกันด้วยซ้ำไป ถ้าจะบอกว่าทั้งตำบลรู้จักกันหมดก็พูดได้ ไม่เกินจริง ข่าวสารต่างๆใช้ปากต่อปากกระจายได้เร็ว และเชื่ออย่างสนิทใจเพราะฟังจากคนรู้จักจากญาติพี่น้อง ดังนั้นใครก็ตามที่มีกระบอกเสียงดีๆสักคน การชักจูงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ไม่แปลกใจที่ ส.ส. ทำไมต้องมีหัวคะแนนประจำหมู่บ้าน การเชิญชวนด้วยคนที่เป็นที่นับหน้าถือตา อย่างเช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน  อบต. คนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรจะตามเออออตามกลุ่มนี้ทั้งนั้น ถ้าทำให้คนเหล่านี้เพียงไม่กี่คนให้คล้อยตามได้ ทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบลก็เอาด้วย
  • นโยบายของทักษิณ โดนใจเขาสุดๆ นโยบายของรัฐบาลชุดอื่นมีอะไรบ้างรับรองที่บ้านไม่มีใครตอบได้ แต่ถ้าถามว่านโยบายทักษิณมีอะไรบ้าง เด็ก ป.1 ก็ตอบได้ เพราะมันเห็นกันชัดเจน โครงการกองทุนหมู่บ้าน ทุกคนชอบมันมาก แม้จะบอกว่าทำให้เป็นหนี้มากขึ้น แต่เขาไม่สนใจรอก ขอให้มีเงินใช้ไปวันๆ ยืมมาซื้อรถมอเตอร์ไซต์ ซื้อมือถือ ก็เอาคนอื่นเขามีก็อยากมีบ้าง อยากให้ลูกให้หลานได้มีกับเขาบ้าง  แม้เวลาต้องส่งเงินต้นต้องไปยืมนายทุนอีกต่อเพื่อมาจ่ายก่อน แล้วค่อยคืนพร้อมดอกเบี้ยให้นายทุนในอีกสองสามวันก็ทำ  30 บาทรักษาทุกโรค ไม่สนหรอกว่าจะได้ยาไม่ดี ดูแลไม่ดี แต่มันให้หลักประกันว่า เขามีเงิน  30 บาท ไปโรงพยาบาลได้แล้ว ถึงมือหมอเขาไม่ปล่อยให้ตายหรอก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษาด้วย OTOP ที่บ้านผมมีทอผ้า แม้รายได้มันไม่ได้เยอะมากมาย แต่ได้มีอะไรทำตอนว่างจากการทำนา ได้ไปดูงาน ได้ไปเที่ยว ออกร้าน  กองทุน SML ที่แจกกันเป็นหมู่บ้านแล้วแต่บ้านไหนจะเอามาทำอะไร ที่บ้านผมสร้างศาลากลางบ้านแทนอันเก่า มีกิจกรรมอะไรเขาก็ไปทำที่นั้น อีกอัน โคล้านตัว โอ้โห่ ที่บ้านชอบมาก เอาวัวมาให้เลี้ยง เลี้ยงเอาลูกใครจะไม่เอา ช่วงหมดหน้าทำนาจะทำอะไร นอกจากเลี้ยงวัว
  • ถามว่า ทักษิณ โกงกิน ชาวบ้านไม่รู้หรือ? คำตอบคือ รู้ เขาจะถามกลับมาว่า แล้วรัฐบาลไหนไม่กินบ้าง ขึ้นคำนำหน้าว่า ส.ส. เข้าใจเลยว่ามันต้องโกง ซื้อเสียงต้องมี เขาลงทุนแล้วต้องเอาคืน เอามากเอาน้อยแล้วแต่คน ที่น่าเจ็บใจคือมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เป็นมาตลอด สิ่งที่เขาบอกคือ แม้ทักษิณจะโกงมา เราก็ได้กินกับเขา คนอื่นกินคนเดียว ทักษิณ เอามาแจกชาวบ้าน แถมไปปล้นพวกคนรวย มาช่วยคนจนอีก ไม่ให้รักได้ยังไง! โดยเฉพาะพวกที่ออกมาไล่ทักษิณ มันเสียประโยชน์ เลยออกมาไล่
  • ขบวนการล่มเจ้าล่ะ ที่บ้านมีรูปในหลวงทุกหลัง อยู่หิ้งพระด้วย ข่าวพระราชสำนักมานั่งฟังอย่างตั้งใจ คนอีสานรักในหลวงมาก ถ้าบอกว่า เสื้อแดงอีสานมีขบวนการล่มเจ้าผมไม่เชื่อ แต่กลุ่มอื่นไม่แน่ และพวกที่เอาพลังคนอีสานไปใช้ในการทำอะไรที่ไม่ดี ขอบอกว่าเลวมาก
  • พื้นที่อีสานไม่ใช่ของพรรคประธิปัตย์อยู่แล้ว มันเป็นของ พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย พรรคไทยรักไทย ฯลฯ เขามองว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคของคนใต้ได้เป็นก็ดูแลแต่คนใต้ไม่สนใจคนอีสาน และผมก็ไม่เคยจะเห็น ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ไปหาเสียงแถวบ้านนะ ส่วนมากแล้วพื้นที่อีสานแต่ก่อนจะไม่เป็นพรรคใดพรรคหนึ่งจะกระจายแล้วแต่พื้นที่ เพราะเขามองที่ตัวบุคคลมากกว่ามองที่พรรคการเมือง นามสกุลนี้มาทีไรได้ทุกครั้งไป  ส.ส. ต้องพึ่งพาได้ มีงานบุญต้องมา ต้องมีซอง ต้องมีน้ำแข็งมาช่วยงาน ต้องขึ้นพูดบนเวทีหมอลำ ขึ้นป้ายบนหนังกลางแปลง เวลาเลือกตั้งใครให้มากกว่าได้ไปแสดงถึงความใส่ใจมากกว่าเห็นความสำคัญของหนึ่งเสียงของเขามากกว่า อันนี้เป็นค่านิยมมาถึงเลือกสมาชิก อบต. หรือผู้ใหญ่บ้านแล้ว
  • รักใครรักเลย เกลียดแล้วเกลียดเลย แค่เห็นรองนายก หรือนายก ขึ้นจอทีวี ไม่ฟังด้วยซ้ำว่าพูดอะไร เขาด่าก่อนแล้ว ด่าใส่ทีวีก็เอา ถ้าจะให้คนอีสานลืมทักษิณยากพอกับให้เลิกกินปลาร้า เพราะเหมือนจะมีอะไรมากระตุ้นอยู่บ่อยๆให้คิดถึง ข่าวว่าจะกลับมาเนี้ยออกมาประจำ เรื่อยๆ เขามอง ทักษิณ เป็นเอกลักษณ์ของความเจริญ ความมั่งคั่ง ไปแล้ว และตั้งตารอการกลับมาอย่างมีหวัง
  • อีกกระแสหนึ่งที่ได้รับการยอมรับมากที่อีสาน คือการได้เปิดเผยตัวว่าเป็นเสื้อแดง ได้บอกคนอื่นว่าฉันเอาทักษิณ ได้ไปร่วมการชุมนุมมาแล้ว ใส่เสื้อแดง มีโลโก้ มีสโลแกน ผ้าพันคอ และเล่าประสบการณ์ให้คนอื่นฟัง เป็นอะไรที่เท่มาก มีอยู่ทุกวงเหล้า คนที่เล่าเบื้องลึกเบื้องหลังแบบ exclusive ได้ ยิ่งเพิ่มความศรัทธาในกลุ่ม และอย่าลืมว่ามันกระจายได้เร็วและถึงตัว
  • คนอีสานปลูกข้าวทำไม ไม่รวยสักที คนรวยทำไมเป็นเจ้าของโรงสี พ่อค้าขายข้าว คนผลิตทำไมมีแต่หนี้ ใครบอกว่าขี้เกียจทำงานเลยจน อันนี้ผมเถียงหัวชนฝาเลย ตีห้าเขาอยู่ที่นาแล้วกินข้าวเช้าเก้าโมง ข้าวเที่ยงบ่าย 3 ขึ้นจากนาตอนฟ้ามึด ทำนาได้แค่ปีละครั้ง หมดหน้านาจะทำอะไร จะเลิกก็ไม่ได้เพราะทำมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ส่งลูกหลานเข้ามาเมืองกรุงก็เป็นลูกจ้างคนรวย ไม่มีทางให้เดิน ทักษิณบอกจะทำให้เลิกจน แล้วมันทำให้เขาเห็นเป็นตัวเป็นตนตามที่พูดได้ ทำให้มีความหวังมากว่าจะแก้จนได้ ภาพทักษิณกดปุ่มปล่อยเงินล้านเป็นภาพติดตาสุดๆ
  • การมาเยือนร้อยเอ็ดของ ทักษิณ หลายคนมองว่ามันคือ Reality show แต่ได้คะแนนเต็มจากคนร้อยเอ็ด เพราะไม่เคยเห็นนายกคนไหนมาเยือนที่อีสาน สร้างภาพแต่ครองใจไปเต็มๆ

คิดว่าจะเขียนนิดเดียว ออกมาซะยาวเลย สิ่งที่ผมเขียน ผมอยากจะลดความเกลียดชังในสังคม อยากให้คนทั่วไปมองกันอย่างเห็นใจ เมื่อมีเหตุมาแบบนี้ มันจึงเป็นผลแบบนี้ ผมไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ส่งผลกระทบกับส่วนร่วม ไม่เห็นด้วยกับการเอาพลังของมวลชนมาใช้ในทางที่ไม่ดี เอามาเป็นเครื่องมือ เอามาเป็นกำบัง เอามาหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง (ขอประณามคนพวกนี้) การทำแบบนั้นทำให้คนส่วนใหญ่เหมารวมคนอื่นๆในแง่ไม่ดีไปหมด อยากให้คนกรุงหรือคนเสื้อสีไหนก็ตามมองคนอีสานเป็นคนที่จริงใจ ซื่อๆ รักสนุก ฟ้อนหมอลำ เป่าแคน ตำส้มตำ กินข้าวเหนียว กินไข่มดแดง นึกถึงหนูหิ่น หัวเราะเสียงดัง เหมือนครั้งอดีตที่เคยมอง อยากให้มองอย่างเห็นใจ

ปล.คนที่เขียนคอมเม้นท์แล้วยังไม่ขึ้นไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะผมต้องกรองก่อนนิดหน่อย บางคนหยาบคายเกินไป(รับไม่ได้) แต่ส่วนใหญ่ก็ให้ขึ้นหมดนะครับ มีบางคอมเม้นท์ที่ให้ขึ้นไม่ได้จริงๆ

dipity.com เว็บนี้บอกว่า คุณทำอะไรเมื่อไหร่!

การแสดงผลของ dipity.com

เจอบล็อกของ @iannnnn “พลังไพร่ใน Social Network” เห็นเว็บหนึ่งในพรีเซ็นต์มันช่างน่าสนใจเหลือเกิน (ตามไปดูเอง) มีบางอย่างผุดขึ้นมาในหัวว่า ถ้าอยากรู้ว่าวันนี้ของปีที่แล้ว เราทำอะไรอยู่ ก็เลือนไปดูเลยน่าจะดี เว็บที่ว่าคือ dipity.com สมัครง่าย แล้วก็ import ข้อมูล Timeline ของเราเข้าไป รองรับ Twitter, Flickr, Picasa, Youtube, WordPress, Blogger, Delicious, RSS บล็อกของเรา อื่นๆดูในรูป แต่แปลกตรงที่ ไม่มี Facebook ไม่รู้ทำไม?
หน้าเลือก source เข้ามาแสดงใน dipity

เมื่อเราใส่เนื้อหาเข้าไป ทุกอย่างจะถูกแสดงผลตามเวลาที่เราเผยแพร่เนื้อหานั้นสู่สาธารณะ การซูมเข้า-ออกที่อยู่ด้านซ้ายของมันคือ การขยายย่อเวลาให้แสดงเป็น ชั่วโมง วัน สัปดาห์ เดือน ปี หรือร้อยปี อีกอย่างที่ชอบมากเลยคือ Embed มาโชว์ในบล็อกได้ด้วย (ดูด้านล่าง)
ประโยชน์ของมันผมเห็นหลายอย่าง เอาไว้บันทึกเหตุการณ์ต่างๆได้ ง่ายต่อการย้อนมาดูในภายหลัง ติด geotagging ก็จะสามารถแสดงในแผนที่ได้ด้วย เราเล่น social network หลายที่ก็สามารถดึงมันมารวมกันแล้วแบ่งตามช่วงของเวลา สรุปว่าลองไปเล่นดูแล้วกัน

Pongsak S. on Dipity.

ขอบคุณ @iannnnn ที่ทำให้รู้จัก dipity
อันนี้ของผม https://www.dipity.com/sarapuk/

คำสอนจากแกนดัล์ฟ (The Lord of the Rings)

แกนดัล์ฟ
ฉากหนึ่งใน The Lord of the Rings :The Fellowship of the Ring (2001) ผุดขึ้นมาในหัว จากการกระตุ้นด้วยคำพูดของคนรอบข้างคุยกันถึงปัญหา สถานการณ์บ้านเมืองเราในตอนนี้ ประโยคที่กระตุ้นผมคือ “ฆ่ามันก็จบเรื่อง” ทำให้ผมต้องไปค้น Box set ของผมออกมาเปิดดู แล้วแกะประโยคนั้นออกมาเลย
ฉากที่ว่านั้นคือ ตอนที่พันธมิตรแห่งแหวน เดินทางเข้าไปในเหมืองมอเรีย อาณาจักรของคนแคระ โฟรโดเห็นกอลลัมแอบสะกดรอย จึงเข้าไปบอกกับแกนดัล์ฟ และคุยกันเรื่องของกอลลัม
… 
โฟรโด : น่าสมเพชที่บิลโบไม่ได้ฆ่าเขา เมื่อมีโอกาส!
แกนดัล์ฟ : สมเพชหรอ! บิลโบต่างหากที่น่าสมเพช  หลายชีวิตสมควรตาย และหลายชีวิตที่ตายสมควรอยู่ เจ้าคืนชีวิตให้พวกเขาได้ไหมล่ะ
จงอย่าคิดตัดสินชะตาชีวิตใครต่อใครดีกว่า แม้แต่ผู้รอบรู้ก็ยังไม่อาจหยั่งรู้อนาคต ใจข้าบอกว่ากอลลัมยังมีบทบาทที่ต้องเล่น ไม่ว่าจะดีหรือเลวก็ตาม ก่อนที่เรื่องนี้จะยุติ
ฉากนี้ทำให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่แตกต่างกันมากระหว่างแกนดัล์ฟกับโฟรโดที่พูดไปตามอารมณ์ของตัวเอง แกนดัล์ฟสอนให้รู้ว่าก่อนจะตัดสินอะไร เราควรที่จะมีข้อมูลรอบด้าน มากพอ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง และต้องคิดถึงผลที่จะตามมาด้วยว่าถ้าทำไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น ผลกระทบเกิดในวงกว้างแค่ไหน  ยิ่งถ้าการตัดสินใจนั้น เกี่ยวกับชีวิตของคนอื่นแล้วยิ่งต้องเพิ่มความรอบคอบขึ้นอีกเท่าตัว

IgniteBKK จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ วันที่สอง

Ignite Bangkok

วันที่สองของงาน Ignite bangkok จัดที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) วันแรกตามไปอ่านได้ที่  IgniteBKK จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ วันแรก วันนี้ผมมาเร็วหน่อย เลยไม่พลาดที่จะได้ฟังตั้งแต่ Igniter ท่านแรกนำเสนอ เจอ @kaninnit ด้วย คนยังเยอะเหมือนวันแรก ระหว่างรอเวลามีการเปิดวีดีโอให้ชมกันไปพลางๆ เกี่ยวกับธุรกิจสร้างสรรค์ โดย TCDC

วีดีโอ ธุรกิจสร้างสรรค์ ที่เปิดให้ก่อนเริ่มงาน

งานเริ่มด้วยการเปิดงานโดย @iwhale

@iwhale เปิดงาน

เริ่มการบันทึก Ignite Bangkok เลยนะครับ ผมสรุปตามความเข้าใจของผมนะครับ

igniter : พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์

igniter : พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ @nuishow หัวข้อ : แรงขับเคลื่อนในชีวิต ที่ผมได้จาก ไมเคิล แจ็คสัน
มาในรูปแบบวีดีโอที่ใช้ iPhone ของ @ripmilla บันทึก เล่าประวัติของไมเคิล แจ็คสัน และความประทับใจ แนวคิดที่ได้คือจะทำอะไร ทำให้จริงจัง ซ้อมให้หนักเพื่อผลงานที่ดี ตามไปดูวีดีโอที่ลิงค์ แรงขับเคลื่อนในชีวิต ที่ผมได้จาก ไมเคิล แจ็คสัน

igniter : ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์

igniter : ดร.มงคล เอกปัญญาพงศ์ หัวข้อ : มาพัฒนาระบบ สมองกลฝังตัวกันเถอะ
Embebded System คือระบบสองกลที่ถูกนำมาใช้งานในเครื่องมือต่างๆมากมาย อุปกรณ์ต่างๆที่มีราคาถูกแต่เมื่อเพิ่มสมองกลเข้าไปจะทำให้มันราคาสูงขึ้นอีกมาก เช่น iPhone ในสไลด์ตัวอย่างมี Hand-held Ultrasound ที่ผมเคยถึงใน Biomed.in.th ด้วย สุดท้ายอาจารย์ได้แนะนำหลักสูตรการพัฒนา Embebded system ของ AIT เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่ https://www.ait.ac.th

igniter : อารันดร์ อาชาพิลาส

igniter : อารันดร์ อาชาพิลาส  หัวข้อ : Be Magazine: The first social magazine business in Thailand
เป็นนิตยสารที่พยายามจะเอาคำว่าการกุศลกับธุรกิจมารวมกัน สิ่งที่ทำคือ ทำนิตยสารขึ้นมาแล้วดึงคนที่ตกงาน นักเรียน คนไร้บ้าน มาช่วยกันขายเมื่อขายได้ก็มีส่วนแบ่งรายได้ให้คนขาย ใครที่ตกงานหรืออยากจะช่วยคนที่ไม่มีงานทำติดต่อไปที่ Be Magazine ได้เลยครับ

Igniter : ณัฐชนน เวชสิทธิ์

igniter : ณัฐชนน เวชสิทธิ์ หัวข้อ : ภาพจราจรตามสั่ง
น้องจากสวนกุหลาบ พูดถึงว่า ป้ายการจราจรอัจฉริยะที่ติดตามถนน เมื่อคุณไปถึงที่นั้นแล้วมันจะประโยชน์อะไรที่จะบอกว่ารถติดหรือไม่ติดเพราะคุณอยู่ตรงนั้นแล้ว และถ้าติดจะหลีกเลี่ยงได้ยังไง เขาจึงสร้างโปรแกรมตัวหนึ่งขึ้นมา รันด้วย java ดึงเอาสภาพการจราจรของกรุงเทพมาแสดงในมือถือ  เก่งมากครับ ดูในสไลด์ได้รางวัลมาด้วยนะ

igniter : เอด้า จิรไพศาลกุล

igniter : เอด้า จิรไพศาลกุล หัวข้อ : ขับเคลื่อนเครือข่ายผู้ก่อการดี ผ่าน social network
TYPN (Thai Young Philanthropist Network)เป็นกลุ่มเพื่อนๆที่รู้จักกันใน Facebook แล้วชวนกันออกมาทำกิจกรรม Offline ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เสร็จแล้วก็เอาข้อมูลมาแชร์กันในโลกออนไลน์อีกที ทำให้มีคนสนใจเข้าร่วมกลุ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไปดูได้ที่ https://www.fbook.me/TYPN

igniter : วาที วิเชียรนิตย์

igniter : วาที วิเชียรนิตย์ (เวย์) @watee  หัวข้อ : Start Open Web Now Or 100 Yrs Later
เสนอแนวคิด Open Web คือการเข้าถึงเว็บไซต์ได้ทุกคน(รวมถึงผู้พิการด้วย) ทุกส่วน ทุกองค์ประกอบ ทุกคนอยากปรับแต่งรูปแบบส่วนไหนก็สามารถทำได้ เข้าถึงโค้ดทุกตัวเพื่อการเรียนรู้  ใช้ล็อกอินเดียวเข้าใช้งานได้ทุกเว็บ (Open ID) เป็นแนวคิดที่นักพัฒนาหลายๆคนพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น ขอสนับสนุนครับ

igniter : ธัญ รัษฎานุกูล

igniter : ธัญ รัษฎานุกูล @thanr หัวข้อ : การนำเสนอโดยไม่ใช้สไลด์
แนะนำวิธีการทำสไลด์ที่ไม่ต้องใช้ Power Point ,Keynote,Impress แต่ใช้การทำผ่านทางหน้าเว็บในรูปแบบสไตล์ Zooming Presentation แนะนำสองเว็บคือ ahead.com กับ Prezi.com ผมลองเข้าไปใช้ Prezi.com แล้วใช้ง่ายอย่างที่บอกไว้ ใส่รูปง่าย embed video ได้ ฟรีพื้นที่ 100 MB มีลายน้ำ ถ้าจ่ายเงินสามารถ edit แบบ Offline ได้ มีตัวอย่างให้ดูเยอะด้วย

igniter : เคววิน หว่อง

igniter : เคววิน หว่อง หัวข้อ : what i had learnt at doi tung
ชาวต่าชาติทำงานที่ดอยตุง มาเล่าถึงวิธีการทำงานด้านออกแบบของเขา ก่อนที่จะออกแบบต้องมีการเรียนรู้  ทำเข้าใจกับผู้จ้าง แล้วอย่าทำตาม! อันนี้ไม่แน่ใจว่าเป็นมุก หรือเขาพูดผิด แต่ถ้าดูตามสไลด์ น่าจะหมายถึงทำตามความต้องการของผู้จ้างมากกว่า การทำงานต้องมีแผนสองรองรับ ที่ดอยตุงการเดินทางต้องใช้รถสองคันเสมอเพราะถ้าคันหนึ่งเสียระหว่างทางยังมีอีกคันที่จะช่วยกันได้ ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รู้ว่าใครจะเป็นผู้ใช้งาน ทิ้งท้ายด้วยคำสอนของสมเด็จย่า “จะทำอะไรต้องทำให้ดีที่สุด หรือไม่ก็อย่าทำมันเลย” เพราะเวลามันมีค่าเหลือเกิน

igniter : อรรถพงศ์ ลิมศุภนาค

igniter : อรรถพงศ์ ลิมศุภนาค @imbeam หัวข้อ : Inspired quotation from famous people
เวลาเราเจอกับปัญหาต่างๆในชีวิตเราเห็นว่าปัญหานั้นมันใหญ่เหลือเกิน แต่พอเราไปอ่านเจอคำคมดีๆสักอัน ทำให้เราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า(ซาโตริ) ปัญหาที่เราเผชิญนั้นมันดูเล็ก ง่ายเหลือเกินที่ก้าวข้ามมันไป ผมยกมาอันหนึ่งที่ผมชอบ “It’s not failure if you have learn something from it.” -warrapat

igniter : ณัฐยา บุญภักดี

igniter : ณัฐยา บุญภักดี @ntybpd หัวข้อ : Jump out of the boxes!
กรอบความคิดของคนไทยสอนให้ผู้หญิงต้องเรียบร้อย เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องของผู้ชายที่ต้องเป็นผู้นำ กรอบเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาต่างๆมากมาย เหมือนกับว่าผู้หญิงต้องฝากชีวิต ความปลอดภัยไว้ที่ผู้ชาย แทนที่เราจะทำอย่างนั้นผู้หญิงเราต้องพร้อมที่จะกระโดดออกจากกรอบใบนั้น ถ้าทำได้ ปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับเพศ โรคติดต่อ ปัญหาสังคมจะลดลงแน่นอน ไม่ใช่แค่ก้าวออกต้องกระโดดออกมา

igniter : อ.ธงชัย โรจน์กังสดาล

igniter : อ.ธงชัย โรจน์กังสดาล @thongnet หัวข้อ : สอนนิสิตให้มีความคิดสร้างสรรค์
อ.ธงชัย สอนวิชา innovative thinking ที่จุฬาฯ  รูปแบบการสอนนั้น หลากหลายมาก มีการจดบันทึกด้วย Mind Map ให้นิสิตเขียนบล็อกของตัวเองเพื่อแชร์ความคิด มีสื่อการสอนเป็นเกมการ์ด สอนการโยนลูกจั๊กกลิ้ง 3 ลูก ที่หลายคนคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ เมื่อมีการฝึกเพียงแค่ 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถโยนได้เป็นกุศโลบายในการขจัดคำว่าฉันทำไม่ได้ออกจากใจ หนังเรื่อง Dead poets society(เรื่องนี้ชอบมาก) เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการคิดออกนอกกรอบความคิด กล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ทิ้งท้ายด้วยให้ทุกคน เอาจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองแล้วพูดดังๆออกมาว่า
“ฉันมีความคิดสร้างสรรค์ยอดเยี่ยม”

igniter : กระทิง พูนผล

igniter : กระทิง พูนผล @krating หัวข้อ : Societal transformation via entrepreneurship, technology, and innovation
ได้มีโอกาสอ่านหนังสือของคุณกระทิงทั้งสองเล่ม เป็นอีกแรงบันดาลใจที่บอกว่า คนไทยก็ทำงานที่กูเกิลได้ จุดสำคัญของการนำเสนออยู่ที่ Stanford Thai Exchange Program การนำเด็กไทยไปเรียนรู้การทำงานที่สถานที่ที่เป็นแหล่งรวมนวัฒนกรรมด้านไอทีของโลก มีการเรียนรู้ตั้งแต่การออกแบบ วางแผน การทำชิ้นงาน จนเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งาน เป็นอีกหนึ่งการขจัดความกลัวของเด็กไทยว่า เราสามารถทำได้

igniter : ลัดดาวัลย์ ชูช่วย

igniter : ลัดดาวัลย์ ชูช่วย หัวข้อ : จำเก่งเรื่องกล้วย ๆ
ความจำเป็นเรื่องของการฝึกฝน ถ้าหากขาดการฝึกฝน ไม่นำไปใช้ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับผู้สูงอายุที่ขี้ลืม ต้องใส่สายกับขาแว่นตาคล้องคอไว้เพื่อกันลืม การแข่งขันการจำมีการจัดขึ้นทั่วโลกที่ไทยก็มีการจัดการแข่งขัน มีทั้งการจำไผ่ การจำคำแบบเร็ว การจำตัวเลข ฯลฯ มาฝึกการจำกันเถอะ เขาบอกว่ามีคนจำค่าไพร์ ได้ถึง 4 พันกว่าตัว เก่งมาก

igniter : ไพฑูรย์ ยอดรัก

igniter : ไพฑูรย์ ยอดรัก @paitooon หัวข้อ : ความฝันบนความจริง
ครั้งหนึ่งนิตยาสารยอดฮิตอย่าง a day เกิดขึ้นจากการลงขันกันออกทุนจากผู้อ่านคนละหนึ่งพันบาท เขาชวนทุกคนมาเป็นเจ้าของหนังเรื่อง a day story THE MOVIE ด้วยกัน เพียงแค่เงินทุนคนละหนึ่งพันบาท แล้วเราจะได้เป็นเจ้าของหนัง ใครสนใจอยากลงขันติดต่อเจ้าตัวโดยตรงเลยครับ

igniter : รณพงศ์ คำนวณทิพย์

igniter : รณพงศ์ คำนวณทิพย์ @rockdaworld หัวข้อ : Music Ignition
ดนตรี นั้นอยู่ทุกที่ ทุกแห่ง ทุกโอกาส ในภาคธุรกิจเพลงทำให้แอปเปิลรวยจากการขายผ่าน iTune  ตอนนี้อยู่ในช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลกเพลงประจำการแข่งขันก็มีอิทธิพลกับคนดูทั่วโลก เกิดภัยพิบัติที่เฮติดารานักร้องร่วมกันร้องเพลงเพื่อการกุศล หารายได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ บ้านโฮมฮัก คือบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าของแม่ติ๋วซึ่งตอนนี้เป็นมะเร็งอยู่ กลุ่มนักร้องนักดนตรีจึงจัดคอนเสิร์ตขึ้นเพื่อหารายได้ช่วยเหลือบ้านโฮมฮัก ใครสนใจชมคอนเสิร์ต และยังได้ทำบุญด้วย ดูรายละเอียดที่ลิงค์ https://www.totalreservation.com/main.aspx

igniter : วิทย์ สุขศิลป์ชัย

igniter : วิทย์ สุขศิลป์ชัย @simplywit  หัวข้อ : ความสนุกของงานออกแบบเสียง (sound design)
เสียงที่คุณได้ยินจากทั้งในเกม หรือในหนัง  มันมีความแตกต่างของเสียงในหนังกับเสียงในเกมอยู่นิดหน่อย เกมไม่รู้ว่าเสียงนั้นจะมาเมื่อไหร่ขึ้นกับคนเล่นเกม แต่หนังจะมาตามเวลาของการเดินเรื่อง การได้มาของเสียงนั้นบ้างครั้งมันไม่ได้มาง่ายๆ รู้ไหมว่าเสียงของดาบเจได ใน star wars อันโด่งดังนั้นมาจากเสียงเปิดทีวีรุ่นเก่าๆ (ทุกคนหัวเราะชอบใจ) หนังเรื่อง Lord of the ring คนเล่นต้องมาอัดเสียงตัวเองใหม่หมด เสียงรถแข่งในเกมคือเสียงจากเครื่องยนต์จริงที่ใช้ไมค์กลองชุดไปอัดเพื่อให้ได้เสียงต่ำและทุ้ม เสียงของการเปิดประตูรถยนต์ เสียงของการเปิดฝาน้ำหอมมีการออกแบบมาก่อนแล้วว่ามีผลกับคนใช้ ทิ้งท้ายด้วย เมื่อเรารู้ว่าเสียงต่างๆที่อยู่ในหนังมีการออกแบบ และได้มาอย่างยากลำบาก จะทำให้เรารู้สึกว่าการเสียเงินเข้าไปดูหนังในโรงมันคุ้มค่ามากขึ้นครับ

igniter : ดร.เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง

igniter : ดร.เขียนศักดิ์ แสงเกลี้ยง หัวข้อ : Art in A(i)rchitecture
อาจารย์สอนที่ธรรมศาสตร์ เล่าถึงประสบการณ์การทำงานด้านสถาปัตยกรรม ที่ทำให้ทุกคนในห้องต้องอ้างปากค้างด้วยความทึ่งในแนวคิดที่แตกต่างและสวยงาม ในสไลด์เป็นรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่เจ้าของอยากให้มีเจดีย์ใหญ่ๆอยู่ภายในรีสอร์ท อาจารย์บอกว่าจะสร้างทำไม ในแบบเดิมๆ สร้างเจดีย์แบบที่เดินทะลุได้ดีกว่า(ทุกคนอ้างปากค้าง!) มหาวิทยาลัยให้สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ อาจารย์ใหญ่บอกทำไปทำไม สร้างแบบเล็กๆแต่สูงๆดีกว่า เพิ่มลายฉลุล้อมรอบเข้าไปด้วยสวยกว่า นอกจากนั้นก็มีวัดที่มีองค์ประทานอยู่ผนังและให้ปิดทองที่ผ้าที่ห้อยลงมา เป็นตัวอย่างคิดนอกกรอบที่สร้างสรรค์และเห็นเป็นรูปธรรมมาก ทิ้งท้ายด้วยบ้านเหนือน้ำที่สวยงามในราคา 2 ล้านบาท ในความคิดสร้างบ้านไม่บาน(งบ)

igniter : อนุรัฐ เอี่ยมโภคลาภ

igniter : อนุรัฐ เอี่ยมโภคลาภ @iampz  หัวข้อ : “ตามฝัน”
ต้องเรียกว่านักตามล่าหาฝันเลย ไม่ได้เรียนจบสูง แต่เขาได้ลอง ได้ทำแทบทุกอย่าง graphic designer ,การตลาด,โปรแกรมเมอร์,ทำสวนยางพารา ปัจจุบันทำงานที่ code gent เชื่อว่าตัวเองทำได้ มันจะต้องทำได้

igniter : ชิตพงษ์ วุทธานันท์

igniter : ชิตพงษ์ วุทธานันท์ @ifew หัวข้อ : ตามหาแชงกรีลา
เขาเดินทางไป เมืองแชงกรีลา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน ด้วยเงินในกระเป๋า 17,000 บาท ใช้เวลา 11 วันในการเดินทาง ไม่ได้ขึ้นเครื่องบิน  เพื่อนร่วมทาง 5 คน กับระยะทางกว่า 5,000 กิโลเมตร ผ่าน 3 ประเทศ ลาว เวียดนาม จีน กับการที่ไม่รู้ภาษาจีนเลย ที่จีนไม่พูดภาษาอื่นนอกจากจีนต้องมีดิกชั่นนารีไปด้วย ห้องน้ำจีนไม่มีประตูปิดถ้าอายหันตูดออก เป็นความกล้าหาญที่น่าชื่นชมมาก

igniter : พลอย มัลลิกะมาส

igniter : พลอย มัลลิกะมาส หัวข้อ : “มนุษย์..เดินทางไปไหน”
เขาเดินทางไปประเทศต่างๆทั่วโลก เขากลับดูรูปภาพถึงได้รู้ว่าตัวเองชอบถ่ายรูปเท้าของตัวเองตอนอยู่ในประเทศต่างๆที่ตัวเองไป ในคำถามที่ถามมนุษย์เดินทางไหน เดินทางทำไม คำตอบคือมนุษย์เป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่เดินทางเพื่อหาความรื่นรมให้กับชีวิต ต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นที่เดินทางเผื่อความอยู่รอดของชีวิตอพยพหนีความหนาวเย็น  การเดินทางไปไหนไม่อุ่นใจเท่าตอนเดินทางกลับบ้าน เดินทางไปไหนไม่สำคัญเท่าเดินทางเข้าไปในจิตใจของตนเองเพื่อรู้จักตัวตนของตัวเองให้มากที่สุด

หัวข้อ : Travel is poetry

igniter : สุภาภรณ์ ผดุงสวัสดิ์ @bowrainbow หัวข้อ : Travel is poetry
เธอเป็นผู้หญิงเกร่ง และกล้าหาญ เดินทางไปพม่าเพียงคนเดียว ซึ่งเป็นเหมือน ignite ที่ทำให้เธอไม่กลัวที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปอย่างมีความสุข การเดินทางที่ไม่ได้ไปกับคณะทัวร์จะทำให้ได้เห็นสิ่งต่างๆที่สวยงามมากมาย เปลกตา แตกต่าง การเดินทางไปในแต่ละที่ต้องอิงกับฤดูกาลของดอกไม้ เธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้ออกเดินทาง มีความสุขขณะเดินทาง และมีความสุขตอนเดินทางกลับ สุดท้ายเธออ่านบทกวีให้ทุกคนในห้องได้ฟัง เป็นการจบ Ignite bangkok ที่ลงตัว

บล็อกนี้เป็นบล็อกที่ใช้เวลาเขียนนานมาก แต่ผมอยากบันทึกความฝัน แรงบันดาลใจของ igniter ทุกคนไว้ เมื่อคราวที่ต้องการกำลังใจ ผมว่าทั้งสองตอนที่ผมเขียนขึ้นนี้จะช่วยเตือนใจผมได้อย่างแน่นอน และคิดว่าสักวันมันจะต้องมีวันนั้นวันที่กำลังใจหดหาย ทางไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป และอีกความตั้งใจ อยากให้คนที่ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน หรือคนที่กำลังเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจ กำลังใจ ทั้งสองตอนนี้อาจจะช่วยเขาเหล่านั้นได้ ขอขอบคุณ igniter ทุกๆท่าน ที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ความฝันของใครหลายคนที่ยังไม่เกิด หรือกำลังจะเกิดให้สว่างยิ่งขึ้น ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://ignite.kapook.com/

IgniteBKK จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ วันแรก

Ignite-bangkok

ผมได้มีโอกาสได้เข้าร่วมงาน Ignite bangkok ในวันที่ 3-4 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา จัดที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC)  Ignite เป็นงานสัมมนาในรูปแบบเดียวกับ Pecha Kucha Nights คือ นำเสนอ  20 สไลด์ สไลด์ละ 15 วินาที รวมต้องนำเสนอภายใน 5 นาที ดังนั้นคนที่นำเสนอหรือที่เรียกกันว่า Igniter จะต้องมีการกลั่นกรองความคิดของตัวเองมานำเสนอในเวลาที่จำกัด ให้ผู้ฟังได้เข้าใจและซึมซับกับการจุดประกายไอเดียนั้นให้ได้ ข้อดีของมันคือเราจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่เยอะมากในเวลาอันสั้น ข้อเสียของมันคือบางครั้งมันรวบรัดมากไปข้อมูลที่ได้อาจจะไม่เพียงพอ ซึ่ง Igniter เกือบทุกคนจะทิ้งช่องทางการติดต่อหรือที่ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมไว้ให้สำหรับใครที่ต้องการข้อมูลมากกว่าที่นำเสนอไป

Ignite ในช่วงของเดือนมีนาคมนี้จะมีการจัดงานกันทั่วโลก https://igniteshow.com งานนี้ต้องขอบคุณ @iwhale ที่เป็นพ่องานจัดขึ้นในไทย ตามไปดูรายละเอียดงานเพิ่มเติมได้ที่ https://ignite.kapook.com

บรรยากาศดู Live กันข้างนอก เจอคนคุ้นหน้าคุนตาเยอะเลย

งานจัดขึ้นสองวัน วันแรก วันที่ 3 มีนาคม 2553 ผมเดินทางไปถึงที่จัดงานคือ TCDC เกือบจะหนึ่งทุ่มเมื่อลงทะเบียนเสร็จ เจ้าหน้าที่บอกว่าภายในห้องข้างในคนเต็มแล้วไม่มีที่ยืนแล้วด้วยให้ดูที่จอถ่ายทอดสดด้านนอกไปก่อน ช่วงแรกผมจึงนั่งดูด้านนอก เลยไม่มีภาพของ Igniter มากนัก

ต้องขออภัย igniter 5 ท่านแรกที่ผมมาไม่ทัน เลยไม่ได้พูดถึง
igniter : ปกรณ์ สันติสุนทรกุล @ponddekd หัวข้อ : ตามติดภาพถ่าย 6 เดือน ชีวิตประจำวันบนทวิตเตอร์ ผ่านหน้าเลส์บีบีของผม
igniter : วศิน เพิ่มทรัพย์  @vasinp หัวข้อ : E-book จริงหรือที่ว่า มันคืออนาคตของการอ่าน?
igniter : วิลาส ฉ่ำเลิศวัฒน์ @theink  หัวข้อ : เมื่อเธอมาทำให้ชีวิตผม ไม่เหมือนเดิม
igniter : อรพินท์ สินอมรเวช หัวข้อ : โคโคบอร์ด ความหลากหลายทางชีวภาพ ความหลากหลายของวัสดุ”
igniter : พงศกร สุตันตยาวลี @nidarmba65 หัวข้อ : การพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืน

ท่านแรกที่ผมได้ฟัง igniter : ทองดี ศรีกุลศศิธร  หัวข้อ : มาแล้วครับ หมึกไร้พิษที่แสนเป็นมิตรกับผู้บริโภค
เล่าถึงเส้นทางของการทำหมึกไร้พิษ  วัสถุดิบมาจากเม็ดทานตะวันของไทย ส่งออกขายทั่วโลก มีโรงงานที่เกาหลี เพราะประหยัดค่าส่ง พัฒนาวิธีบรรจุจากกระป๋องมาเป็นกล่องกระดาษ ให้แรงบรรดาลใจในการทำธุรกิจต้องมีแบบแผน สร้างสรรค์

igniter : วิลาศินี เขื่อนแก้ว จาก Live ด้านนอก

igniter : วิลาศินี เขื่อนแก้ว @wilasineek หัวข้อ : Finding the meaning of buddha sculpture, it’s more than miracle
ท่านนี้มาในภาคภาษาอังกฤษ เล่าเรื่องว่าพระพุทธรูปแต่ละปรางค์ต่างๆที่เราเห็นอยู่นั้นมีเบื้องหลังความเป็นมาทุกปรางค์ เราควรที่จะทำความเข้าใจและเรียนรู้จากปรางค์ต่างๆ เมื่อรู้ถึงความหมายแล้ว เวลากราบไว้ในครั้งต่อไปเราจะเห็นความมหัศจรรย์ขององค์พระพุทธรูปองค์นั้นมากขึ้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา

igniter : ทวิร พานิชสมบัติ @roofimon หัวข้อ : Creative Hacker
เรื่องปัญหาต่างๆของโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานไม่ตรงเวลา ไม่มีแฟน อยู่กับโค้ดทั้งวัน ร่างกายอ่อนแอ igniter มีความคิดที่จะสร้างกลุ่มของโปรแกรมเมอร์ที่จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน มีการร่วมกันคิดวิธีการเขียนโปรแกรมอย่างไรให้รวดเร็ว แชร์ประสบการณ์ มีกิจจกรรมกลางแจ้งออกกำลังเพื่อสุขภาพมากขึ้น ผลสุดท้ายแล้ว สาวๆจะได้พูดได้ว่า ฉันอยากมีแฟนเป็นโปรแกรมเมอร์

igniter : ศุภเดช สุทธิพงศ์คณาสัย @ripmilla หัวข้อ : ไม่ใช้โปรแกรมเถื่อนจะได้ไหม
อ.ศุภเดช มาจุดประกายว่าถ้าเราจะไม่ใช้โปรแกรมผิดลิขสิทธ์จะได้ไหม โดยแบ่งกลุ่มของคนที่ใช้โปรแกรมผิดลิขสิทธิ์ออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่รู้ว่าผิด และกลุ่มที่ไม่รู้ว่าผิด เข้าพันทิพแล้วได้มา วิธีแก้คือคนที่รู้ต้องให้ความรู้กับคนไม่รู้ ขั้นแรกต้องลิสท์ออกมาก่อนว่างานไหนที่จำเป็นต้องทำและต้องใช้ จากนั้นหาโปรแกรมฟรีที่ทำงานได้ในลักษณะนั้นมาแทน แต่อย่างไรก็ตามถ้าจำเป็นต้องใช้ ควรใช้ของจริงดีกว่า เข้าไปดูโปรแกรมฟรีได้ที่ https://www.freeware.in.th

igniter : วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ

igniter : วรัทธน์ วงศ์มณีกิจ @thangman22  หัวข้อ : เด็กดื้อเอ๋ยจงแหกกรอบ
การดื้อในที่นี้หมายถึงการออกนอกกรอบ แต่ต้องมีข้อแม้อยู่ด้วยว่าการออกนอกกรอบนั้นไม่ทำให้ทั้งตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน ทิ้งท้ายด้วย “คนทำเว็บ ก็เป็นเกียรติต่อวงตระกูลได้ ”

igniter : สุทธี ยอดแก้ว

igniter : สุทธี ยอดแก้ว @boymbk หัวข้อ : เสน่ห์ของการ์ดเกม และการ์ดสะสมที่มีอิทธิพลต่อผู้คน
ความรู้ใหม่การ์ดในไทยมีตั้งแต่ราชการที่ 4 แล้ว  มันมีการแข่งขัน มีเงินรางวัลเป็นล้านเหรียญ มีมูลค่ามหาศาลใน ebay มันสามารถทำให้คุณได้ออกรอบกับไทเกอร์ วู้ด ได้ ทุกอย่างที่หลายคนคิดว่าไร้สาระหากทำอย่างตั้งใจจริงจังมันจะมีคุณค่าเสมอ

igniter : ณัฐ ประกอบสันติสุข

igniter : ณัฐ ประกอบสันติสุข  หัวข้อ : ARE WE MACHINES?
ช่างถ่ายภาพแฟชั่นมืออาชีพ การถ่ายภาพที่สำคัญคือการเล่าเรื่อง เราต้องคิดว่าเราจะบอกเล่าเรื่องราวให้คนดูอย่างไรให้เข้าใจในสิ่งที่เราจะสื่อสารออกไป กล้องธรรมดาก็สามารถถ่ายภาพสวยๆ ได้เช่นกัน

igniter : ศิวัตร เชาวรียวงษ์

igniter : ศิวัตร เชาวรียวงษ์ @siwat หัวข้อ : เปลี่ยนตัวคุณให้ทำงาน อย่างนักบอลอาชีพ 
เปรียบเทียบการทำงานกับการเล่นฟุตบอลได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ การทำงานต้องรู้ว่าหน้าที่ของเราคืออะไรและต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่ถ้าคุณอยากเป็นคนเก่ง มีค่าตัวสูง คุณต้องทำได้หลายหน้าที่และแทนตำแหน่งของเพื่อนได้ดีด้วย อีกอย่างที่สำคัญคือการทำงานเป็นทีม มีการให้กำลังใจ ช่วยเหลือเพื่อนในทีม แต่ถ้าทำงานไปแล้วผลมันจะออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็ให้พยายามต่อไปสักวันต้องเป็นของเรา ลงท้ายด้วย “You will never walk alone”

igniter : เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์

igniter : เจริญชัย ไชยไพบูลย์วงศ์ @charoenchai หัวข้อ : Art for All 
ศิลปะอยู่ทุกที่ ทุกแห่ง มันมีทั้งคุณค่าและมูลค่า ชอบตรงที่พูดว่า ดนตรีประกอบไปด้วย เสียงของตัวโน๊ตและความเงียบ ศิลปินที่ยอดเยี่ยมจะสร้างสมดุลของสองสิ่งได้อย่างลงตัว แล้วก็บอกให้ทุกคนเงียบ ในห้องเงียบจนได้ยินเสียคนข้างนอกคุยกัน

igniter : ธีรเศรษฐ์ จิรภัทร์ชาญเดช

igniter : ธีรเศรษฐ์ จิรภัทร์ชาญเดช @teerasej หัวข้อ : Kid’s experience
ทุกคนจะมีความเป็นเด็กติดตัวกับเราไปตลอด เราสามารถที่จะดึงวิธีคิดหรือประสบการณ์ในวัยเด็กของเรา ออกมาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ สตีเว่น สปีลเบิร์ก สร้างหนังเรื่อง jurassic park จากประสบการณ์วัยเด็กของเขาที่คิดว่าหลังพุ่มไม้นั้นมีสัตว์ประหลาดอยู่

igniter : พัชร เกิดศิริ

igniter : พัชร เกิดศิริ @ipattt หัวข้อ : Open Source Music Band
เล่าความเป็นมาของวง iHear ที่ชาว social media รู้จักกันดี เป็นวงดนตรีที่เริ่มจากการรวมตัวกันของคนชอบดนตรี แล้วสร้างแฟนๆด้วย social media พัฒนาจากการเล่นที่ร้านกาแฟ #wawee เล็กๆ จนโด่งดังเป็นที่รู้จัก ต้องสร้างวงเสริมอย่าง eHear rHear เพื่อช่วยกันรับงาน

igniter : พีรวิชญ์ แก้วเมือง

igniter : พีรวิชญ์ แก้วเมือง @aircoolsa หัวข้อ : Openhat Plus
Openhat เคยฟังแล้วจากงาน ThinkCamp 2 แนวคิดคือสร้างเว็บเพื่อให้วงต่างๆได้มีที่ให้แสดงความสามรถและมีสถานที่จริงให้แสดงเป็นถนนดนตรี

igniter : กติกา สายเสนีย์

igniter : กติกา สายเสนีย์ @kengdotcom หัวข้อ : Cheating for a Successful Living
เรียนรู้จากประสบการณ์ลอกข้อสอบให้วัยเรียน วิธีการลอกข้อสอบต้องมีการวางกลยุทธ มีแบบแผน มีการเตรียมตัว มีแผนสำรองที่ต้องนำมาใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีทางหนีไฟเตรียมทิ้งหลักฐาน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์เล่านั้นได้ นำมาใช้ในชีวิตการทำงานได้ (ไม่ใช่เรียนรู้เรื่องการโกง แต่เรียนรู้เรื่องกลยุทธและการวางแผน)

igniter : ไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล

igniter : ไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล @phongleehae หัวข้อ : ยุคหน้า ยุคที่เล็กสั้น จะชนะ ใหญ่ยาว
การทำการตลาด เครื่องมือต่างๆมันอยู่ใกล้ตัวเราอยู่แล้ว เรียนรู้ที่จะใช้มันให้เกิดประโยชน์ facebook ,twitter,blog,email ฯลฯ

igniter : กิตติพงษ์ ทีฆพุฒิ

igniter : กิตติพงษ์ ทีฆพุฒิ @tongkatsu หัวข้อ : Live Review : tonkatsu by @tongkatsu
เล่าเรื่องการตามไปกิน Tonkatsu (ทงคัดสึ) ข้าวหน้าหมูทอด ทั่วทั้งกรุงเทพ แล้วก็มารีวิวให้คะแนน วิจารณ์อย่างผู้เชียวชาญ ทำเอาอยากตามไปกินบ้าง

วันแรกจบลงด้วยดี เวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ งานสนุกมาก เชื่อเลยว่าการพูดในเวลา 5 นาทีมันกดดันกว่าพูดเป็นชั่วโมง แม้แต่คนดูยังกดดันตาม  บางครั้งที่คนพูดเกิดอาการหยุดชะงักพูดอะไรไม่ออก คนดูก็มีการตบมือให้กำลังใจ ช่วยในใก้คนพูดได้ผ่อนคลาย บรรยากาศแบบนี้คงได้เจอเฉพาะงานสไตล์แบบนี้เท่านั้น มีเสน่ห์มาก ถ้ามีโอกาสผมก็อยากลองบ้างเหมือนกัน

วันที่สองติดตามในตอนต่อไปครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://ignite.kapook.com/

เว็บตรวจสอบการคัดลอกงานวิจัย Plagiarism detection Tool

Free Online Plagiarism Detection Tool

Plagiarism หรือ การคัดลอกผลงาน ในการเขียนบทความวิชาการถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ถ้าหากถูกตรวจพบว่างานเขียนนั้นมีการคัดลอกมาจากผลงานของผู้อื่น หรือมีการนำข้อมูลมาแสดงโดยไม่มีการอ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง จะถือว่าผู้เขียนงานชิ้นนั้นมีความผิดทันที นักวิชาการหรือนักวิจัยที่ต้องเขียนบทความทางวิชาการจึงให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก แต่บางครั้งการเขียนบทความวิชาการ ผู้เขียนไม่ได้ตั้งใจให้มี plagiarism ในงานเขียนของตัวเอง แต่อาจเกิดจากการเผลอเลอ อย่างไม่ได้ตั้งใจ การตรวจสอบ plagiarism ในงานเขียนจึงเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญอย่างมาก เครื่องมือที่ใช้ในการตรวจสอบมีหลายอย่าง ส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่าย และนี้คืออีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยในการตรวจสอบ Plagiarism ซึ่งสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งาน นั้นคือ Dupli Checker Free Online Plagiarism Detection Tool

วิธีการใช้งานสะดวก และรวดเร็ว

  1. เข้าไปที่เว็บ https://www.duplichecker.com/
  2. Copy ข้อความที่เขียนขึ้นใส่ลงในช่องใส่ข้อความ หรืออับโหลดไฟล์เอกสารเข้าไปก็ได้
  3. คลิกเลือก search engine ในการค้นหา แนะนำ Google
  4. คลิก search
  5. ดูการแสดงผล สีแดงคือมี Plagiarism สีเขียวคือผ่าน
ตัวอย่างผลของการตรวจสอบ

ด้านบนเป็นผลของการค้นหา ที่ลองคัดลอกบทความจาก journal แห่งหนึ่งมา พบว่าระบบสามารถตรวจเจอและสามารถแสดงลิงค์ที่อยู่ของบทความนั้นได้

เครื่องมือนี้เหมาะกับอาจารย์ที่จะใช้ตรวจงานของนิสิตได้ หรือสำหรับนักวิจัยที่ต้องเขียนงานวิจัยส่งตีพิมพ์  journal ต่างประเทศ อย่างไรก็ตามการตรวจสอบด้วยวิธีนี้ ตรวจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน เครื่องมือนี้จะเป็นเพียงตัวช่วยตัวหนึ่งเท่านั้นในการตรวจสอบ จำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตัวเองอีกครั้ง เพื่อความถูกต้อง

เข้าไปใช้งานได้ที่ : https://www.duplichecker.com/
ขอบคุณความรู้จาก @ac_nim

Exit mobile version