ถึงแม้ว่าระบบขนส่งสาธารณะของเยอรมันค่อนข้างดีและทั่วถึง แต่มีใบขับขี่ขับรถยนต์ก็ถือว่ามีความจำเป็นอยู่พอสมควร สามารถใช้ได้ในหลายๆกรณีที่จำเป็น ตอนนี้ได้มาแล้ว แต่กว่าจะได้มาต้องพยายามอยู่พอสมควร เลยอยากบันทึกเก็บไว้ เผื่อเป็นประโยชน์กับตัวเองและคนอื่นต่อไป
ใบขับขี่สากลจากไทยที่เราใช้เช่าและขับรถตอนไปเที่ยวต่างประเทศ อันนั้นใช้ได้ทุกประเทศยกเว้นเยอรมันประเทศที่เราอาศัยอยู่ ส่วนใบขับขี่จากไทยสามารถใช้ได้แค่ 6 เดือน แต่ถ้าอาศัยที่นี้ต้องทำใบขับขี่ของเยอรมัน ดังนั้นต้องทำใหม่
ขั้นตอนนั้นยุ่งยากพอควร ในกรณีที่เรามีใบขับขี่ของไทยอยู่แล้ว จะช่วยให้ง่ายกว่าในกรณีที่เริ่มทำใหม่ตั้งแต่ต้น จะสามารถข้ามบางขั้นตอนไปได้ (อันนี้ไม่ค่อยแน่ใจว่าอะไรบ้าง แต่คิดว่าน่าจะเป็นขั้นตอนพวกอบรมขับขี่รถเบื้องต้น ขับในถนนปิด ที่ยังไม่ขับออกถนนสาธารณะ อื่นๆ) ขั้นตอนทุกอย่างทำผ่านโรงเรียนสอนขับรถ แต่บางอันต้องทำเองพวกยื่นเอกสารในเมือง อีกอย่างตอนที่ไปยื่นเอกสารในเมืองเพื่อขอเปลี่ยนเป็นใบขับขี่ของเยอรมัน เจ้าหน้าที่ยึดใบขับขี่ไทยไปเลย เจ้าหน้าที่บอกกลับไทยก็ใช้ของเยอรมันได้เลย แต่คิดว่าตอนกลับไทยอาจจะไปทำใหม่ดีกว่า เพื่อลดความยุ่งยากหากตำรวจที่ไทยเรียกดู
มาดูว่าเราต้องเรียน ต้องทำและจ่ายอะไรบ้าง
ต้องเปลเอกสาร ใบขับขี่ของไทยเป็นภาษาเยอรมันก่อน มีหน่วยงานเฉพาะที่ทำส่วนนี้ เขาจะจำแนกประเภทของใบขับขี่ให้เรา เพื่อนำไปยื่นให้กับเมืองอีกที
อบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น 8 ชั่วโมง
-การป้องกันตนเองและการประกันอุบัติเหตุ
-การแจ้งเหตุ
-การช่วยเหลือกรณีเกิดอุบัติเหตุ
-การดูแลบาดแผล
-การจัดการกับอาการบาดเจ็บ
-มาตรการช่วยชีวิตเร่งด่วน เช่น การฟื้นฟูและการช่วยชีวิต
เรียนภาคทฤษฏีราว 67 ชั่วโมง (เรียนด้วยตัวเอง)
-ความรู้พื้นฐาน กฎหมาย กฎจราจร ข้อปฎิบัติ อื่นๆ
-มีข้อสอบ 1,200 ข้อ ให้ทำ ข้อสอบจริงจะวนๆ อยู่ในนี้
สอบภาคทฤษฏี 45 นาที
ข้อสอบ 30 ข้อ แบบมีตัวเลือก บางข้ออาจจะถูกหลายข้อ แต่ละข้อมีคะแนนต่างกัน ทำผิดติดลบ 10 คะแนน จะสอบตก หมายความว่าผิด 2 ข้อจาก 30 ข้อก็ตกได้ถ้าข้อนั้น 5 คะแนน
ต้องผ่านภาคทฤษฏีให้ได้ก่อนถึงจะสามารถไปขั้นตอนขับรถลงถนนจริงได้
เรียนขับรถ 18 ชั่วโมง (เรียนกับโรงเรียนสอนขับรถ)
ชั่วโมงเรียนจะขึ้นกับสกิลของคนเรียน ครูจะพิจารณาเองว่าเราพร้อมไปสอบหรือยัง ชั่วโมงเรียนเลยแล้วแต่ละคน หลักๆจะเป็นการฝึกให้ชินกับการจราจรของเยอรมัน การที่เราขับชิดซ้ายที่ไทยแต่ที่นี่ขับชิดขวาทำให้ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมที่คุ้นชินของเราพอสมควร รายละเอียดการขับเบื้องต้นตามข้างล่างเลย
-ควบคุมความเร็ว
-การสื่อสารกับคนอื่นที่ใช้ถนนร่วมกัน
-การอ่านและปฏิบัติตามป้ายและสัญญาณไฟจราจร
-Autobahn (ทางด่วน) การเข้า การแซง การออก ความเร็ว (130 km/h)
-การเบรคฉุกเฉิน
-ทางแยก ให้ทางขวาก่อนซ้าย
-จอดรถ จอดข้างถนน เทียบข้าง จอดแทรก
-one way (ถนนทางเดียว)
-เข้า-ออก วงเวียน
-เขตชุมชน นอกเขตชุมชน
-อื่นๆ
สอบภาคปฎิบัติ 45 นาที
-นั่งในรถ 3 คน เจ้าหน้าที่สอบ ครูสอนขับรถ และคนสอบ
-ตอบคำถามทางเทคนิคเกี่ยวกับรถ 2-3 ข้อ
-จากนั้น ขับรถไปเรื่อยๆตามคำสั่งของผู้สอบ ก็จะให้ขับเข้าเมือง ขี้นทางด่วน จอดรถ ฯลฯ ผู้คุมสอบจะประเมินว่าเรามีความารถเพียงพอที่จะขับรถในถนนสาธารณะได้หรือไม่ หลังขับเสร็จผู้สอบจะแจ้งทันทีว่าผ่านหรือไม่ และแจ้งข้อบกพร่องที่ควรพัฒนาให้เราทราบ หลังจากนั้นจะแจ้งผลประเมินแบบละเอียดเป็นเอกสารตามมาให้ทีหลัง
ใบประเมินจากเจ้าหน้าทีที่ได้จากวันสอบ สามารถนำไปรับใบขับขี่ในเมืองที่เรายื่นขอใบขับขี่ไว้ก่อนหน้านี้ได้เลย
สรุป รวมค่าใช้จ่ายค่าแปลเอกสาร ค่าสมัครสอบ ค่าทำเนียม ค่าเรียน ส่วนใหญ่หมดไปเยอะกับชั่วโมงขับจริงบนถนน รวมเบ็ดเสร็จทั้งสิ้น 2,456 ยูโร (ราว 97,500 บาท) โชคดีที่เราเตรียมตัวได้ค่อนข้างดี เลยสามารถผ่านทุกอย่างในครั้งแรกที่สอบ ทั้งภาคทฤษฏีและปฏิบัติ ไม่งั้นต้องจ่ายมากกว่านี้ ส่วนระยะเวลารวมตั้งแต่เข้าไปสมัครที่โรงเรียนขับรถจนได้ใบขับขี่มา ใช้ไปทั้งหมดราว 5 เดือน
คิดว่า ด้วยเหตุที่กว่าจะได้ใบขับขี่มาค่อนข้างต้องพยายามอยู่พอสมควร คนเยอรมันจึงค่อนข้างเคารพกฎจราจรและขับรถได้ปลอดภัยมาก
ข้อมูลเพิ่มเติม: ใบขับขี่มีอายุ 15 ปี ปัจจุบันไม่ได้ให้ตลอดชีพแล้ว
Leave a Reply