ซื้อ Nintendo Switch ตอนนี้คุ้มไหม? (เมษา 67)

ซื้อ Nintendo Switch OLED ตอนนี้ คุ้มไหม?
ถ้าใครขี้เกียจอ่านยาว ๆ ก็ตอบตอนนี้ให้เลยว่า “คุ้ม” และเราเพิ่งจะซื้อมาด้วย

ปกติแล้วเล่นเกมผ่านทาง Xbox Serie S หลายคนถามว่าทำไมไม่ซื้อ Play Station คำตอบคือ เกมใน Xbox ถูกกว่า ความจริง PS5 ก็อยากได้นะ เพราะเกมที่เป็น Exclusive ของเขาดี ๆ น่าเล่นทั้งนั้น แต่แพงและเกมที่มีอยู่ตอนนี้ใน Xbox ก็ไม่รู้จะเล่นยังไงหมด ใน Xbox เกมดี ๆ ก็มีเยอะเหมือน

มีความคิดอยากได้เครื่องเกมแบบพกพา ความจริงไม่ได้จะหิ้วออกไปเล่นข้างนอก แค่ระหว่างห้องนั่งเล่นกับเตียงนอนแค่นั้นเอง แต่ขอตัดพวก PC gaming hanheld พวก Steam Deck, ROG Ally, etc. ออกไปก่อน เพราะหลาย ๆ เกมสามารถเล่นได้ใน Xbox และแบตเตอรี่ถือว่าเล่นได้น้อยไปหน่อย เลยมาจบที่ Nintendo Switch และการเปลี่ยนจากเล่นกับจอทีวีมาเล่นแบบจอเล็กทำได้ smooth สุด ๆ ไปเลย

Nintendo switch OLED

Nintendo Switch ออกมาตั้งแต่ปี 2017 (7 ปีได้แล้ว) มีอัพเดตเล็กน้อย(model OLED)เมื่อปี 2021 แสดงว่ารอบของการออกเครื่องรุ่นใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว และเท่าที่ตามอ่านข่าวมีการคาดเดากันว่าน่าจะเปิดตัวรุ่นใหม่ในเร็ว ๆ นี้ อาจจะปลายปีนี้หรือไม่ก็ปีหน้า แล้วทำไมถึงคิดจะซื้อ Nintendo Switch ตอนนี้ แล้วยังคุ้มค่าอยู่มั้ย ส่วนตัวมีเหตุผล ดังนี้ครับ

  1. เกมระดับ AAA อย่างเช่น The Legend of Zelda: Breath of the Wild(2017) และ Tears of the Kingdom(2023) ยังคงเล่นได้ดีใน Nintendo Switch แค่สองเกมนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
  2. ราคาตอนนี้ถือว่าถูกลงมานิดหน่อย(310€) เมื่อเทียบกับตอนเปิดตัว(350€) รุ่นใหม่คาดว่าราคาอาจจะเริ่มต้นที่ 400€
  3. ปกติเมื่อเครื่องคอนโซลรุ่นใหม่เปิดตัว เกมที่รองรับเฉพาะเครื่องใหม่มักจะออกตามมาทีหลังราว 1-2 ปี ถ้านับเวลารวมกันซื้อตอนนี้น่าจะยังไม่ตกรุ่นไปอีก 2-3 ปี เกมที่เล่นได้ ณ ตอนนี้ยังมีเยอะมากอยู่แล้ว ก็อุ่นใจไปได้สักพัก
  4. อุปกรณ์เสริมที่มีในตลาดตอนนี้มีให้เลือกเยอะมาก ถึงแม้ว่าเครื่องรุ่นใหม่จะออกในอีกไม่กี่ปี อุปกรณ์เสริมน่าจะใช้เวลาอีกพอสมควร

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เลยสรุปว่าซื้อตอนนี้ก็ยังคุ้มค่าอยู่ และยืนยันด้วยการซื้อมาแล้ว

ปล. เล่นจบไปแล้วหนึ่งเกมนั้นคือ Mario Odyssey เกมสนุกมาก Gameplay ก็ดีมาก ๆ เล่นไม่เบื่อเลย

How to use Latexdiff to mark changes to Tex documents.

Latexdiff is a tool for highlighting changes between two latex documents. So, I remind myself how to use it.

  1. install Perl click
  2. download latexdiff and unzip it into the Perl > bin folder
  3. Optional: installing the latexdiff package in MiKTek appears to work as well.

How to use it:

  1. cmd
  2. cd to file folder
  3. latexdiff oldfile.tex newfile.tex > diff.tex

Enjoy!

Ref: https://www.overleaf.com/learn/latex/Articles/Using_Latexdiff_For_Marking_Changes_To_Tex_Documents

All New Toyota Yaris Ativ อีโคคาร์แบบซีดาน 4 ประตู

All New Toyota Yaris Ativ อีโคคาร์แบบซีดาน 4 ประตู ตัวล่าสุดของทางโตโยต้า

ใครที่อยากมีรถสักคันที่ราคาไม่แพงมากและรถเป็นรถตลาดเมื่อไม่อยากใช้ หรือว่าขายต่อราคาไม่ตก หลายๆคนก็คงไม่ลืมที่จะนึกถึง ค่ายรถดังอย่าง Toyota รถตลาดที่เบื่อเมื่อไหร่ก็ขายได้ ราคาไม่ตกมาก และซื้อใหม่ก็ง่ายเหมือนกัน วันนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ “All New Yaris Ativ 2022 ” ที่ได้เปิดตัวให้ราคาน่ารัก และโปรโมชั่นจัดเต็มมากกว่า ว่าแต่ Toyota Yaris Ativ จะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันว่าตัวนี้มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

ข้อมูลพื้นฐานของ All New Toyota Yaris Ativ 2022

ตัวถังเป็นแบบ Fastback style ถือว่าเป็นขุมพลังเครื่องยนต์ Dual VVT-iE ขนาด 2 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว โดยจะให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร แถมรถรุ่นนี้ต้องบอกเลยว่าช่างประหยัดน้ำมันแบบสุดๆเพราะว่าประหยัดได้สูงสุดถึง 23.3 กิโลเมตร/ ลิตร กันเลยทีเดียว
ระบบช่วงล่างด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง สวิตซ์ปรับโหมดการขับขี่บนพวงมาลัยได้ถึง 3 แบบ ECO, NORMAL, SPORT และการทำงานของพวงมาลัย Toyota Yaris Ativ 2022 เป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS ดิสก์เบรก 4 ล้อ ที่ต้องบอกเลยว่าเขานั้นได้ให้มาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED ล้ออัลลอยด์ Two tone ขนาด 16 นิ้ว

รีวิว All New Toyota Yaris Ativ รุ่น PREMIUM ตัวล่าสุดของทางโตโยต้า

All New Toyota Yaris Ativ รุ่น PREMIUM หรือรุ่นรองท็อป จุดเด่นที่มีเพิ่มเติมจากรุ่นย่อยอื่นๆคือระบบไฟส่องสว่างหลังจากดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ที่ได้มีการปรับแต่งไฟท้ายแบบ Full LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential และมาที่ภายในก็ได้มีการตกแต่งด้วย Ambient light ปรับได้ 64 เฉดสี ส่วนที่ด้านของบริเวณคอนโซลกลาง มีระบบกรองฝุ่น PM 2.5 พร้อมยังมีจอแสดงสถานะ และภายในห้องโดยสารด้านของคนขับก็มี ระบบเบรคมือไฟฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรคอัตโนมัติ ABH

ความปลอดภัยครบครันจากรุ่น SMART ด้วยกล้องมองรอบคัน

All New Toyota Yaris Ativ รุ่น PREMIUM  มีสัญญาณเตือนกะระยะรอบคัน 6 ตำแหน่ง และยังมีระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกข้าง Blind Spot Monitor และทางค่ายก็ได้มีระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Alert และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ และยังมีในส่วนของดิสก์เบรก 4 ล้อที่ช่วยให้เบรกได้อย่างนุ่มนวล มั่นใจระยะเบรคสั้น ซึ่งระบบต่างๆที่เข้ามานั้นช่วยให้คนขับ ขับง่ายขึ้นใครที่เป็นคนขับผู้หญิงส่วนนี้บอกเลยว่าโดนใจสุดๆ

รีวิว ดีไซน์ All New Toyota Yaris Ativ

ต้องบอกเลยว่าค่ายนี้ถือว่าทำรถออกมาได้น่าใช้มากๆ ใช้ได้ทั้งชายและหญิง เพราะว่าเขาได้ออกแบบและดีไซน์ภายในเรียบหรูและมีหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมทั้งยังรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และได้ออกแบบระบบการทำงานของเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ และยังแถมช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V บริเวณคอนโซลด้านหน้า ที่มีทั้งช่องต่อ USB 4 ช่อง และที่บริเวณคอนโซลด้านหน้าและด้านหลังคอนโซลกลางและรถคันนี้ยังมีระบบกรองฝุ่น PM 2.5 บอกเลยว่าขับขี่ปลอดภับสุขภายหายห่วงแบบสุดๆ และยังมีการแจ้งสถานะแจ้งเตือนระดับฝุ่นภายในห้องโดยสารอีกด้วย

รถสวย พวงมาลัย น่าสัมผัส

All New Toyota Yaris Ativ  นอกจากรถจะสวยแล้วนั้น เขายังมีการออกแบบพวงมาลัยที่มีการหุ้มหนังนุ่มพิเศษตกแต่งด้วยด้ายสีเทาและแถบสีเงินเมทัลลิก และเรื่องการขับขี่อย่างเอาใจใส่ เพราะว่ารถคันนี้นั้นเขามีระบบเบรกมือแบบไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบ Push Start
และการให้ความเย็นภายในห้องโดยสาร ที่มีช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง และยังมีมาตรวัดแบบ Digital ที่มาพร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว และยังเอาใจสายขนของและสัมภาระเยอะ เพราะรถคันนี้นั้นได้มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายพร้อมแผ่นกั้นห้องและช่องเก็บของอเนกประสงค์ บอกเลยครบครันจริงๆรถคันนี้

All New Toyota Yaris Ativ  ผ่อนยาวๆ พิเศษ 96 งวด

All New Toyota Yaris Ativ นอกจากจะเอาใจสายผ่อนถูกสบายกระเป๋า ไม่ติดขัดเรื่องการเงิน ทาง All New Toyota Yaris Ativ ยังมีของแถมแบบจัดหนักจัดเต็มที่มีการแถมในเรื่องของชุดอุปกรณ์แต่งที่มีให้เลือกหลากหลายตามสไตล์ความชอบของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ชุดอุปกรณ์ตกแต่ง LUSSO CHIARO และ PRESTO รวมถึง Package  หรืออยากได้แบบผ่อนยาวเป็นพิเศษ 96 งวด โดยราคาผ่อนต่องวดจะอยู่เพียงแค่ 6,900 บาท/เดือน เท่านั้น บอกเลยว่ามีรถขับสบายๆ เดินทางสะดวกแล้วเรื่องเงินยังสบายกระเป๋า เพราะว่าผ่อนเท่าที่ไหว ไม่หนักไปใช้งานรถได้ยาวๆ หรือจะเป็นการผ่อน  Sabuy:D แบบ 7 ปี ให้ลูกค้าผ่อนสบายพร้อมทางเลือกในงวดที่ 84 ราคาผ่อนต่องวด 5,900 บาท/เดือน และทางค่ายรถก็ยังมีการแถมในเรื่องของประกันภัยแบบ PHYD ที่ทำให้เบี้ยประกันถูกลงกว่าประกันภัยชั้น 1 ทั่วไป 10% กันไปเลย และเรื่องของการบริการหลังการขายต้องบอกเลยว่าที่นี่นั้นได้ทำการการตลาดได้มาอย่างดีเยี่ยมเพราะว่าดูแลลูกค้าดีแบบใส่ใจสุดๆ

ใครที่สนใจรถรรุ่นนี้สามารถเข้าไปดูข้อมูลรถได้ที่ https://www.autofun.co.th/cars/toyota/yaris-ativ/specs

รีวิว What if? 2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

what if2 จะเกิดอะไรขึ้นถ้า…เล่ม 2

หนังสือ what If? 2 ถ้าชอบเล่มหนึ่งแล้ว คิดว่าจะชอบเล่มสองด้วยแน่นอน Randall Monroe ตอบปัญหาที่กวนส้นได้สนุกและบันเทิงสุดๆ ความแตกต่างที่เรียกว่าเป็นสิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเล่มแรกมีหลายอย่าง เช่น นอกจากจะมีการตอบคำถามหลักที่ยาวและละเอียดแบบเล่มแรก ยังมีแทรกการตอบคำถามแบบสั้นๆไว้ด้วย เหมือนให้เราได้พักเบรคจากคำถามหลัก แต่คำถามก็น่าสนใจและบ้าบอเหมือนกัน

อีกอย่างใน what if? 2 เล่มนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะใส่ใจและจริงจังกับการหาคำตอบให้กับคำถามกวนๆมากขึ้น เราจะได้เห็นการใส่อ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากหลายแหล่งมากขึ้น รวมทั้งการได้ไปคุยกับผู้เชียวชาญเฉพาะในเรื่องนั้นๆโดยตรง แทนที่จะพยายามจะตอบคำถามด้วยตัวเองคนเดียว เราจึงได้เห็นการตอบคำถามที่หลากหลายมากกว่าแค่แนวฟิสิกส์ที่เขาเชี่ยวชาญ

หนังสือ What if? 1-2 ของ Randall Monroe เป็นหนังสือที่ตอบโจทย์อ่านเอาสนุก เอาฮา หรืออ่านเอาวิธีคิดในการหาคำตอบที่มีชั้นเชิงโดยอิงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็ได้ แต่ข้อควรระวังคือเราจะเอาความจริงจังและความถูกต้องมากไปไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นคำตอบแค่ในเชิงสมมุติฐาน ไม่มีการทดลองจริง (ก็แน่สิ คำถามบ้าบอสุดๆ) แต่ก็ไม่ใช่การตอบแบบมั่วๆเพราะยังอิงกับความรู้และข้อมูลที่มีในปัจจุบันอยู่ด้วย มันจึงเป็นหนังสือที่อ่านสนุกแบบไม่ไร้สาระและก็ไม่จริงจังเกินไป รวมทั้งมีการ์ตูนประกอบยิ่งทำให้อ่านเข้าใจง่ายและสนุกเพิ่มขึ้นอีก

เยี่ยมชมห้องคลีนรูม สำหรับทำงานวิจัยที่ Forschungszentrum Jülich (FZJ) เยอรมนี อย่างอลังการ

สัปดาห์ก่อนได้ไปที่ Forschungszentrum Jülich (FZJ) ข้อมูลเบื้องต้นคือ เป็นสถาบันวิจัยระดับชาติของเยอรมันที่ทำวิจัยหลายด้านมาก มีพนักงานประมาณ 6,800 คน มีสถาบัน 10 แห่งและสถาบันย่อย 80 แห่ง ถือเป็นหนึ่งในสถาบันวิจัยที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ข้างในเปรียบเหมือนเป็นเมืองอีกหนึ่งเลยทีเดียว มีโรงพยาบาล มีสถานีดับเพลิง และสิ่งจำเป็นอื่นๆอยู่ภายใน

เราไปทำธุระอย่างอื่น แต่เนื่องจากว่าเพื่อนร่วมงานเคยทำงานที่นั้นและคุ้นเคยกับคนที่นั้นอย่างดี เขารู้ว่าเราสนใจงานทางด้าน Miro and Nanofabrication เลยอาสาพาทัวร์ตึกคลีนรูมของที่นั้น

Helmholtz Nano Facility (HNF) คือห้องคลีนรูมขนาด 1200 ตร.ม. ตามมาตรฐาน ISO 1-3 ทำงานตามมาตรฐาน VDI DIN 2083 และ DIN EN ISO 14644 ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 ที่ศูนย์รับทั้งงานร่วมวิจัยภายในองค์กร และรับบริการภายนอกด้วย มีบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งเคยเข้ามาทำงานในนี้และบางบริษัทก็ยังเช่าห้องอยู่เพื่อทำงานวิจัยโดยใช้ Facility ของศูนย์ในการทำงาน หลายๆกลุ่มวิจัยก็ใช้ที่นี้สร้างชิพสำหรับควอนตัมคอมพิวเตอร์

ห้องคลีนรูมอธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือห้องที่ควบคุมให้ห้องมีฝุ่นน้อยที่สุด การสร้างชิพหรือวงจรที่มีความละเอียดในระดับนาโน อนุภาคที่ปนเปื้อนเพียงเล็กน้อยก็ทำให้อุปกรณ์ที่สร้างอยู่เสียหายได้ จึงจำเป็นต้องสร้างห้องที่มีฝุ่นปนเปื้อนในอากาศให้น้อยที่สุด (ความจริงควบคุมหมดทั้ง อนุภาค ความชื่น อุณหภูมิ แรงดัน ทิศทางและการไหลของอากาศ)

คลีนรูมของที่นี้ต้องเรียกว่าอลังการมาก อาจเรียกได้ว่าทั้งตึกเป็นส่วนหนึ่งของคลีนรูม โดยสร้างตึกขึ้นมาครอบตึกอีกทีเพื่อให้สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมภายในได้ดียิ่งขึ้น เราจึงสามารถเดินชมห้องได้โดยรอบผ่านตรงจุดเชื่อมตึกที่ครอบและตึกด้านใน ด้านบนเป็นระบบควบคุมอากาศและอุณหภูมิ ชั้นกลางคือส่วนของห้องคลีนรูม ที่แบ่งย่อยเป็นห้องตามจุดประสงค์ในการทำงาน ด้านล่างเป็นส่วนของซัพพลาย เช่น ไฟฟ้า น้ำ แก๊ส ปั๊ม ฯลฯ เป็นระบบที่ออกแบบมาได้ดีมากๆ ลิสต์เครื่องมือมีพร้อมทุกอย่าง ตามไปดูในลิงค์ ภายในนี้สามารถออกแบบ ผลิตชิพ และร่วมทั้งทดสอบ งานจบได้ในที่นี่ เครื่องมือค่อนข้างใหม่มาก จนหลายคนที่นี้เรียกกันขำๆว่า โชว์รูมของ Oxford Instructions (บริษัทที่ออกแบบและผลิตอุปกรณ์งานทางด้านซิมคอนดักเตอร์) การได้เดินทัวร์ดูอุปกรณ์และระบบที่ออกแบบมาอย่างดีถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว คาดว่าน่าจะได้มีโอกาสเข้าไปใช้ Facility ของที่นี่ในอีกไม่นาน

เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังประมาณนี้แล้วกันครับ

ปล. อยากเห็นศูนย์วิจัยของ TSMC จริงๆว่าจะอลังการขนาดไหนนะ

ข้อมูลเบื้องต้น
Wet bench
E-Beam Lithography
Surface characteristic
Air flow and temperature control center
ICP RIE, PECVD, SPUTTER
ปั๊มและเครื่องทำความเย็นแยกออกมาอยู่ด้านล่างของห้อง

หุ่นยนต์อัตโนมัติ ต้นแบบของ Automaton ในหนัง Hugo(2012)

Artificial Intelligence: An Illustrated History

ได้อ่านอ่านหนังสือ Artificial Intelligence: An Illustrated History: From Medieval Robots to Neural Networks by Clifford A. Pickover เป็นหนังสือที่เล่าถึงการพัฒนาหุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ จนถึงปัญญาประดิษฐ์ โดยเล่าย้อนตั้งแต่รากฐานของนวัตกรรมในอดีตผ่านสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ เกือบ 100 รายการที่พัฒนาต่อยอดขึ้นมากเรื่อย ๆ ตลอดช่วงเวลาระหว่าง 1300 ก่อนคริสตศักราชจนถึงยุคปัจจุบัน

Jaquet-Droz automata

สิ่งที่สะดุดตามากจนต้องหยิบมาเขียนเก็บไว้ คือ สิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า Jaquet-Droz automata ที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างทำนาฬิกาชาวสวิซต์ชื่อ Pierre Jaquet-Droz และลูกของเขา โดยถูกสร้างในช่วงปี 1768-1774 โดยประกอบด้วย automata ทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ หุ่นนักเขียน หุ่นนักดนตรี และหุ่นร่างแบบ หุ่นแต่ละตัวมีความซับซ้อนสูงมาก มีชิ้นส่วนประกอบตั้งแต่ 2,000-6,000 ชิ้นต่อตัว

ภาพวาดจากหุ่นร่างแบบ

พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อใช้โฆษณาสำหรับขายนาฬิกาและสร้างความบันเทิงให้หมู่ชนชั้นสูงที่เป็นลูกค้า ปัจจุบันนาฬิกาแบรนด์ Jaquet-Droz ก็ยังมีอยู่นะ และที่พิเศษกว่านั้น automata ทุกตัวปัจจุบันยังทำงานได้ดี ถูกเก็บรักษาอย่างดีและเปิดให้เข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ Musée d’Art et d’Histoire of Neuchâtel ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

Hugo (2011)

เหตุที่ตัวเองสนใจ Jaquet-Droz automata เป็นพิเศษ ทั้ง ๆ ที่ในหนังสือกล่าวถึงระบบหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติอีกหลายอย่าง เพราะว่าหุ่น Jaquet-Droz ทำให้นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก ๆ นั้นคือ Hugo (2011) ของมาร์ติน สกอร์เซซี เป็นเรื่องของเด็กกำพร้าฮิวโก้ที่อาศัยอยู่บนหอนาฬิกาของสถานีรถไฟ และพยายามหาชิ้นส่วนเพื่อซ่อม automaton หุ่นที่เป็นเหมือนตัวแทนสิ่งที่เหลือไว้ของพ่อผู้จากไป ในท้ายที่สุดตัวหุ่นก็ถูกซ่อมให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง และมันก็วาดภาพฉากหนึ่งของหนังอันโด่งดัง A Trip to the Moon ของ Georges Méliès เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่องเลยทีเดียว

ภาพที่ Automaton วาดออกมา

เกร็ดหลังจากได้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ automaton ในหนัง Hugo ก็ไม่แปลกใจเลย ที่หนังเรื่องนี้ก็ได้รับแรงบรรดาลใจมาจากหุ่น Jaquet-Droz automata และหุ่นกลไกตัวนั้นถูกสร้างโดยนักสร้างพร๊อพ Dick George และมันสามารถทำงานได้จริง ตัวหุ่นถูกควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์ที่อยู่ใต้โต๊ะ มือของหุ่นถูกเชื่อมต่อกับกลไกผ่านชุดแม่เหล็ก มันสามารถวาดภาพทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบได้ แต่ใช้เวลานานถึง 46-47 นาที

อยากรู้ว่ามีใครชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกันไหมนะ

สิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์ นวัตกรรมของโรงงานอุตสาหกรรม

ปัจจุบันอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เป็นโรงงานผลิตสินค้า มีการแข่งขันที่ดุเดือดและเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยุทธวิธีอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการ สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดโลกได้ เทียบเท่ากับต่างประเทศ คือ การใช้เทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการผลิตสินค้าและบริการ หรือที่เรียกว่า การใช้งานเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมสนับสนุน โดยเฉพาะด้านการออกแบบและจัดสร้างระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม 

แต่ต้องยอมรับว่า ประเทศยังกำลังพัฒนา เทคโนโลยีนี้ เพื่อให้เข้าสู่ตลาดโลกให้ได้ ยังคงใช้งานเทคโนโลยีที่รับมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีต้นทุนและค่าซ่อมบำรุงที่สูง ยังไม่มีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเอง ในประเทศไทย ถึงแม้ปี 2018 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้ทำการก่อตั้งแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของเทคโนโลยีแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ประกอบการ มีความเข้าใจและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลมากขึ้น เพื่อเปิดโลกอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมการผลิต ซึ่งกำลังพัฒนาต่อไปให้ดีขึ้น

นวัตกรรมของโรงงานอุตสาหกรรม มีผลต่อการดำรงชีวิตอย่างไร

ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา มีอุตสาหกรรม ผลิตเครื่องจักรกล เครื่องยานยนต์  รวมถึงเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เป็นหนึ่งในการส่งออกที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าว ต้องผลิตเครื่องมือเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้แรงงานคนเป็นจำนวนมากเช่นกัน

แต่ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงานก็เป็นปัญหาอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีโรคระบาด โควิด 19 ที่คนงานทั้งหลาย ต้องพักกักตัวอยู่ที่บ้าน เพื่อระงับการแพร่กระจายของเชื้อ อีกทั้งงานบางประเภทก็มีการทำงานซ้ำซ้อน หรือเป็นงานที่เสี่ยงและอันตราย จึงมีผู้ที่เห็นปัญหาเช่นนี้ แล้วผลิตนวัตกรรมขึ้นมาชนิดหนึ่ง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น เรียกว่า หุ่นยนต์ อุตสาหกรรม

ถือเป็นนวัตกรรมหุ่นยนต์ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร หุ่นยนต์นี้ก็สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เจ็บไม่ป่วยง่ายเหมือนมนุษย์ แถมยังทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์อีกด้วย แถมยังมีอดทนต่อสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะร้อน หรือหนาว เจ้าหุ่นยนต์นี้ก็ไม่บ่น  และยังคงทำงานต่อไป  ถ้าเทียบอัตราการทำงานแล้ว หุ่นยนต์หนึ่งตัวเทียบเท่าการทำงานของคนถึง 10 คน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของหุ่นยนต์นั้นๆด้วย ด้วยเหตุนี้ หุ่นยนต์จึงถูกนำมาใช้แทนที่มนุษย์ และให้มนุษย์เป็นผู้ควบคุมแทน

แต่อย่างไรก็ดี จำนวนเงินลงทุนเกี่ยวกับหุ่นยนต์ที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น การสั่งซื้อหุ่นยนต์และการจัดจ้างบุคลากร ก็ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ความต้องการของท้องตลาดที่ต้องการเพิ่มกำลังการผลิตจึงมีการแย่งกันซื้อหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมไหนมีงบมากก็จะได้เปรียบในส่วนนี้ นอกจากนี้ยังมีค่าบำรุงรักษาหุ่นยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมออีกด้วย ว่าการสั่งซื้อมากยากแล้ว ต้องมีค่าบำรุงรักษาอีกด้วย เช่นนี้อุตสาหกรรมต่างๆต้องมีการบริหารจัดสรรงบของตัวเองให้ดี เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาภายหลัง

โดยปัจจุบันนี้นวัตกรรมหุ่นยนต์ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จากระบบที่ทันสมัยมากขึ้น ทั้งระบบอัตโนมัติต่างๆ หรือระบบการทำงานได้หลายอย่าง เกิดเป็นหุ่นยนต์ใหม่ๆ ที่ผลิตออกมามากขึ้น และยิ่งมีหุ่นยนต์ที่ดีมากเท่าไร ก็เป็นการเปิดโอกาสให้โรงงานอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ผลิตชิ้นงานได้อย่างหลากหลายตอบสองต่อความต้องการของท้องตลาด รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งวันนี้ จะขอแนะนำให้รู้จักกับนวัตกรรมต่างๆที่มีใช้ในอุตสาหกรรม ดังนี้

4 นวัตกรรมหุ่นยนต์ ที่ช่วยเพิ่มผลผลิตในอุตสาหกรรม

เชื่อว่าโรงงานหลายๆโรงงาน ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สิ่งที่โรงงานต้องการมากที่สุดคือ การผลิตสินค้าให้ได้จำนวนมากที่สุด หรือจำนวนที่สอดคล้องกับความต้องการของท้องตลาด ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตนั้น แน่นอนว่าอาจจะต้องเพิ่มต้นทุนในการผลิต แต่การเพิ่มต้นทุนที่คุ้มค่า ในระยะยาว คงหนีไม่พ้น การใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผลิต ซึ่งหุ่นยนต์ที่ใช้ในโรงงาน มีดังนี้

1. หุ่นยนต์อเนกประสงค์

โดยส่วนมาก หุ่นยนต์ชนิดนี้ จะถูกพัฒนามาเป็น แขนหุ่นยนต์ เพื่อใช้ในการหยิบจับสิ่งของ และใช้ขนส่ง ช่วยส่งต่องานให้งานไหลลื่น นอกจากนี้สามารถติดตั้งอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อให้หุ่นยนต์ชนิดนี้ทำงานอย่างอื่นนอกจากการหยิบจับหรือส่งต่องานได้ด้วย เช่น งานตรวจสอบต่างๆ  

หุ่นยนต์อเนกประสงค์นี้ เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัด มีพื้นที่ใช้สอยที่แคบ ตัวหุ่นยนต์มีน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และทนต่อสภาพแวดล้อม เช่น Nachi MZ07 ที่ใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อยในการติดตั้ง ตัวเครื่องมีระบบป้องกันฝุ่นและหยดน้ำ เหมาะสำหรับการติดตั้งที่ง่าย ไม่ต้องจัดสรรหาพื้นที่มากมาย ทำงานได้รวดเร็ว แถมยังรองรับการทำงานระบบ ออโตเมชั่น ที่ง่ายต่อการออกคำสั่งของผู้ใช้งาน

2. หุ่นยนต์เชื่อม

นับเป็นหุ่นยนต์สำคัญ ที่มีส่วนช่วยในอุตสาหกรรมการผลิตเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะโรงงานส่วนใหญ่ต้องใช้หุ่นยนต์ประเภทนี้ ช่วยในการผลิตยานยนต์ต่างๆให้สอดคล้องกับความต้องการของท้องตลาด  

ซึ่งมีลักษณะเป็นแขนหุ่นแบบตั้งโต๊ะ มีส่วยปลายแหลมเป็นหัวเชื่อมเหล็ก โดยส่วนมากจะทำงานร่วมกับระบบสายพานที่จะทำหน้าที่ส่งสิ่งของที่จะเชื่อมมายังระยะที่เหมาะสมกับแขนหุ่น และทำการเชื่อมแบบอัตโนมัติ ตามจุดที่ต้องการ และแน่นอนว่า หุ่นยนต์นี้ทำได้แม่นยำและรวดเร็วกว่ามนุษย์  เช่น Fanuc ARC Welding Robot หุ่นยนต์เชื่อมไฟฟ้า ซึ่งรับน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม สามารถยื่นได้ยาวถึง 2 เมตร เชื่อมได้ทั้งไฟฟ้า เลเซอร์ หรือจะใช้เป็นงานตัดประเภทต่างๆได้

3. หุ่นยนต์จัดเรียงสินค้าและวัสดุ

เป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการใช้งานทั้งในโรงงานและโกดังต่างๆ เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกพัฒนามาขึ้น เพื่อจัดเรียงสินค้าในโรงงาน โดยเฉพาะในโรงงานใหญ่ๆที่มีผลผลิตมาก มีการพัฒนาหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาใช้เอง ก็ได้แทนการใช้แรงงานมนุษย์ในการทำงาน

หน้าที่และบทบาทของหุ่นยนต์ชนิดนี้ สามารถทำให้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับการใช้งานในแต่ละโรงงาน และโดยทั่วไปแล้วจะมีหน้าที่หลักๆ ดังนี้  ทำหน้าที่จัดเรียงสินค้าลงกล่อง  ทำการแพ็จเกจหรือห่อสินค้า  ทำการจัดเรียงกล่องสินค้าลงบนพาเลท  หรือทำการยกและเคลื่อนย้ายพาเลทไปยังจุดต่างๆ  และขนส่งวัสดุต่างๆในโรงงาน  ด้วยลักษณะการทำงานจะเห็นว่า หุ่นยนต์ชนิดนี้หลายรุ่น สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ ในวงกว้างหรือพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำการขนส่งชิ้นงานให้ดำเนินการขั้นตอนการผลิตต่อไป และนอกจากนี้ยังมีความคิดที่จะพัฒนาหุ่นยนต์ในรูปแบบโดรน ขึ้นเพื่อทำการขนส่งสินค้าในโรงงานด้วยการบินอีกด้วย

4. หุ่นยนต์ตรวจสอบความปลอดภัย

ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมมากมาย ดังนั้น ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมหลายที่ งานบางงานที่ต้องทำ อาจเสี่ยงหรืออันตรายมากเกินไป หากให้มนุษย์เป็นผู้ดำเนินการด้วยตัวเอง หรือเป็นจุดที่มนุษย์ทั่วไปเข้าถึงได้ยาก ทำให้เกิดความยากลำบากในการทำงาน ด้วยเหตุผลนี้ หุ่นยนต์ชนิดนี้ จึงถูกออกแบบและพัฒนามาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานภายในโรงงาน ซึ่งบทบาททั่วไปของหุ่นยนต์ชนิดนี้ คือ ตรวจสอบ ซึ่งการตรวจสอบในที่นี้ จะเป็นการตรวจสอบที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ เช่น การตรวจสอบสารพิษที่รั่วไหลในโรงงาน ตรวจสอบระบบไฟฟ้าว่ามีความปลอดภัย ไม่มีไฟฟ้ารั่วไหล ด้วยอินฟาเรดหรืออุปกรณ์อื่นๆ ตรวจสอบปล่องควันหรือจุดที่อยู่สูง ตรวจสอบวัสดุในโรงงานหรือความพร้อมของวัสดุต่างๆ ที่ต้องใช้ในโรงงาน ซึ่งหุ่นยนต์ชนิดนี้ มีทั้งทำงานได้ด้วยตัวเอง และทำงานด้วยระบบที่มีมนุษย์ควบคุม

เมื่อเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น ความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันก็มากขึ้น โดยเฉพาะในโรงงานที่ต้องทำการผลิตให้มากขึ้น ที่มากเกินความสามารถของมนุษย์ทั่วไปที่จะทำให้ แต่มนุษย์สามารถพัฒนาและสร้างสิ่งที่ปฏิบัติแทนตัวเองได้ขึ้นมา ให้ในโรงงานเพื่อช่วยในการผลิต และแน่นอนว่า สิงที่พัฒนาและสร้างขึ้นมานั้น ทำหน้าที่แทนมนุษย์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และอดทนต่อสภาพต่างๆได้กว่ามนุษย์อีกด้วย

วีธีตรวจสอบอายุของมือถือ Android แอนดรอยด์

ถ้าอยากรู้ว่ามือถือ Android แอนดรอยด์ที่ตัวเองใช้งานอยู่นั้นมีอายุเท่าไหร่แล้ว สามารถตรวจสอบวันที่เปิดใช้งานครั้งแรกได้ 2 วิธีดังนี้

วิธีที่ 1 เช็ควันที่ลงทะเบียนเข้าใช้งานผ่านทาง Google dashboard

  1. เข้าไปที่ Google dashboard เพื่อเข้าไปดูรายละเอียด ผ่านมือถือหรือเปิดผ่านเว็บก็ได้
  2. อาจจะต้องล็อกอินด้วยบัญชีของ Google
  3. เลื่อนลงไป จนเจอหัวข้อ Android (ไอคอนหุ่นกระป๋องสีเขียว)คลิกเข้าไปดู จะมีรายการอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานอยู่ ณ ตอนนี้ รวมถึงพวกแทบเล็ตด้วยเช่นกัน (ดูที่ภาพประกอบ)
รายละเอียดของมือถือที่เปิดใช้งาน

ในตัวอย่างตรงรายละเอียดของ Registered: July 27, 2016 คือวันที่เปิดใช้งานครั้งแรก (ใกล้จะ 5 ปีแล้ว)

วิธีที่ 2 เข้าไปดูรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ลงทะเบียนไว้ที่ Google play store

เปิดลิงค์ Google play store เพื่อดูรายละเอียด จะเจอส่วนของรายละเอียดอุปกรณ์ แสดงเป็นรายการ และวันที่เปิดใช้งานครั้งแรกจะแสดงที่ช่องสุดท้ายสุด ดูภาพประกอบ

แสดงรายละเอียดอุปกรณ์ที่ใช้ Google play

ทั้งสองวิธีตรวจสอบผ่านการใช้งานครั้งแรกในระบบแอนดรอยด์เท่านั้น ซึ่งก็เพียงพอที่จะตรวจสอบได้ว่ามือถือที่ใช้อยู่อายุกี่ปีแล้ว ยังมีอีกหลายวิธี เช่น ตรวจสอบผ่านทางเลข IMEI ซึ่งมันดูยุงยากเกิน

ถ้าอยากรู้วันที่ซื้อมาจริงๆ คงต้องไปค้นหาบิลที่จ่ายตอนซื้อ หรือดูในออเดอร์ที่สั่งซื้อในเว็บไซต์ ถ้าซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ หรือไม่ถ้าใครถ่าย unbox มือถือไว้น่าจะได้รู้วันที่เปิดกล่องจริงๆ แต่ปกติได้มือถือใหม่มาส่วนใหญ่ก็ลงทะเบียนใช้งานเลย ซึ่งก็เพียงพอสำหรับตรวจสอบอายุการใช้งานของมือถือแอนดรอยด์ที่ใช้อยู่แล้วครับ

การตรวจดูว่ามือถือของเราว่าอายุเท่าไหร่แล้ว? ยังพอใช้งานได้ไหม? ถึงเวลาจะซื้อเครื่องใหม่แล้วหรือยัง? การที่มือถือยังคงใช้งานได้ดีก็คงไม่มีเหตุผลที่จะซื้อเครื่องใหม่ แต่ในยุคที่เราทำแทบทุกอย่างผ่านมือถือ เช่น ธุรกรรมทางการเงิน อีเมล์ ข้อความ โซเชียลมีเดีย และอื่น ๆ

มือถือที่เก่าจะขาดการอัพเดทระบบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการพิจารณาว่าต้องซื้อมือถือเครื่องใหม่หรือยัง โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะเวลาในการซัพพอร์ตของ iPhone อายุประมาณ 4-5 ปี ส่วนมือแอนดรอยด์จะเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2-3 ปีเท่านั้นขึ้นกับแบนด์และรุ่นด้วย

ถ้าสนใจเรื่องเกี่ยวกับ Android คลิกลิงค์ดูเพิ่มเติมได้ครับ

AMP ช่วยให้ผู้ใช้มาจากมือถือแซงเดสก์ท็อปแล้ว

อะไรคือ AMP? เกี่ยวข้องยังไงกับบล็อกนี้?

เรื่องเล่าวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับบล็อกของตัวเองที่เขียนๆ หยุด ๆ มานานพอสมควร ถ้านับเวลาน่าจะเกิน 10 ปีได้แล้ว โพสแรก ตัวบล็อกมันอยู่ได้ด้วยตัวของมันเองโดยมีค่าโฆษณาจาก Google Ads ที่ติดไว้คอยเลี้ยงดู ไม่ได้เยอะ แต่เพียงพอที่จะจ่ายค่าโฮสและค่าโดเมนรายปีได้ ทั้ง ๆ ที่บางปีเขียนเรื่องใหม่ไปแค่ 1-2 เรื่องเท่านั้น ต้องขอบคุณคนคลิกเข้ามาดู ที่สำคัญตลอดเวลาที่ผ่านมารายได้มาจากผู้ใช้งานเดสก์ท็อปเป็นหลัก


ในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ไปอยู่ในแพลตฟอร์มโซลเชียลกันหมดแล้ว แต่แนวบล็อกหรือเว็บไซต์ก็ยังให้ความรู้สึกว่าชอบมากกว่า นั่งกดอ่าน feed ผ่าน RSS ก็ยังเป็นกิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม คิดว่ายังคงต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ

เข้าเรื่องหลักเลยแล้วกัน เมื่อราวสองเดือนก่อนตอนที่เข้าไปดูรายงานของ Google Adsense มีข้อความแนะนำจากระบบประมาณว่า
เฮ้ย…ไม่ปรับปรุงเว็บของแกให้แสดงผลให้เป็นมิตรกับคนใช้มือถือหน่อยหรอ คนใช้เยอะนะ
เอารายละเอียดของ AMP (Accelerated Mobile Pages )ไปอ่าน แล้วลองทำดูซ่ะนะ เลยลองทำตามคำแนะนำ

ซึ่งโดยปรกติแล้วอะไรที่เขานิยม ใน WordPress ก็จะมีปลั๊กอินรองรับอยู่แล้ว
จากนั้นแค่เข้าไปโหลด ปลั๊กอิน มาติดตั้ง คลิก 2-3 ที ก็เสร็จ
ง่ายเช่นกันในการเอา Google Ads ฝั่งลงไปในระบบ เข้าไปด้วย

สิ่งที่ได้หลังจากนั้นในช่วงที่ผ่านมา รายได้ใน Google Ads ผ่านมือถือแซงรายได้จากเดสก์ท็อปไปแล้ว ความจริงแล้วพอลองเข้าไปดูใน Google Analytic ดี ๆ จะพบว่าอุปกรณ์ที่เข้ามาในบล็อกนี้ก็เป็นโทรศัพท์มือถือระดับไฮเอนด์อยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่เพิ่งจะมาแซงตอนปรับให้มีเพจสำหรับมือถือ

ดังนั้นในเดือนนี้ต้องขอบันทึกไว้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา 10 กว่าปี ตอนนี้รายได้จากคนใช้มือถือได้แซงฝั่งเดสก์ท็อปไปแล้ว คนอื่นอาจปรับตัวไปนานแล้ว แต่พวกไม่สนใจอะไรเพิ่งจะปรับตัวตาม (หมายถึงตัวเอง) เลยเพิ่งจะเห็นผล

แหล่งรายได้ของบล็อกนี้ จากโทรศัพท์มือถือมากกว่าเดสก์ท็อปแล้วในช่วงที่ผ่านมา

แต่ถ้าไปดูรายงานของทั่วโลกมือถือแซงเดสก์ท็อปไปตั้งแต่ปี 2016 แล้ว ลิงค์ข่าว

ปล. ในปีที่ผ่านมาเราได้เห็นแล้วว่าในอุตสาหกรรมเกม มือถือก็กำลังจะแซงเกมบนเดสก์ท็อปแล้วเช่นกัน

“ย้ำอีกที มือถือคืออุปกรณ์หลักของคนใช้อินเทอร์เน็ตนานแล้ว” ปรับตัวซะ

Google Photos จะไม่ฟรีแล้ว ทำยังไงดี?

จากกรณีที่ Google Photo จะเลิกให้ backup ภาพฟรีแล้ว ตามนโยบายใหม่ ที่จะเริ่มใช้งานในกลางปีหน้า https://blog.google/products/photos/storage-changes/

ความจริงแล้วรูปที่จะอัพโหลดขึ้น Google Photos ได้ฟรีนั้นจะต้องเป็นภาพที่ขนาดไม่เกิน 16 MP ถ้าเกินกว่านั้นก็จะนับรวมกับ Google Storage ที่เรามี ถึงจะอัพโหลดภาพที่ใหญ่กว่านั้นขึ้นไป ก็ยังมี tool ที่สามารถย่อให้กลับให้มาอยู่ในขนาดที่กำหนดได้ แต่หลังจาก 1 มิถุนายน 2021 ปีหน้า บริการที่ว่านี้จะหมดลง ทำให้รูปที่อัพโหลดขึ้นไปหลังจากนั้นจะถูกคิดพื้นที่ทั้งหมด และจะให้พื้นที่ฟรีเริ่มต้น 15 GB

Google Photos จะไม่สามารถ backup ภาพได้ฟรีแล้ว


ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรงคือ Google Photos ที่ใช้อยู่ปัจจุบันถูกใช้เป็นคลังเก็บรูปทั้งหมด แม้ว่ารูปที่อยู่ในคลัง ณ ตอนนี้จะยังอยู่ อันนี้ถือว่าโอเคมากๆ แต่ต้องมาคิดว่าในอนาคตจะทำยังไงต่อไป

จำนวนภาพที่เก็บไว้ใน Google Photos

ต้องคำนวณดูก่อนว่าที่ผ่านมาตลอด 5 ปีใช้พื้นที่ในการเก็บรูปไปประมาณเท่าไหร่ จะได้คำนวณพื้นที่เก็บในอนาคต ได้ถูกต้อง ณ ปัจจุบันคำนวณโดยคร่าวๆ จากปริมาณรูปและขนาด พบว่าใช้พื้นที่เก็บรูปไปประมาณ 380 GB โดยเฉลี่ยภาพ 3 ปีหลังจะต้องใช้พื้นที่ในการเก็บเพิ่มขึ้นประมาณ 100 GB ต่อปี

พอได้ความต้องการโดยคร่าวๆแล้วมาดูว่าจะจัดการกับภาพในอนาคตอย่างไรดี

ตัวเลือกที่ 1 ซื้อพื้นที่เพิ่มจาก google ซึ่งจะใช้รวมกับ Gmail, Drive, Photos ราคาดังนี้
-100 GB ราคา 70 บาทต่อเดือน (700 บาทต่อปี)
-200 GB ราคา 99 บาทต่อเดือน (990 บาทต่อปี)
-2 TB ราคา 350 บาทต่อเดือน (3500 บาทต่อปี)
ถ้าจะซื้อเป็นรายปีก็จ่ายในราคา 10 เดือน
ถ้าเลือกตัวเลือกนี้ ตัวเลือก 100 GB น่าจะพอในปีแรก แล้วค่อยอัพเกรดในปีต่อๆไป

ตัวเลือกที่ 2 ตอนนี้เป็นสมาชิก Amazon Prime ยังใช้งานได้
สามารถใช้พื้นที่ได้แบบไม่จำกัด โดยจ่ายค่าสมาชิกรายปี 69 Euro (2,500 บาท) ตอนนี้ถูกใช้เป็นพื้นที่เก็บภาพไฟล์ RAW เป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะย้ายการเก็บภาพทั้งหมดมาไว้ที่นี้ แต่ความสะดวกก็จะลดลงนิดหน่อย เมื่อเทียบ Google photos
และอีกอย่างการเป็นสมาชิก Amazon Prime แต่ไม่ได้ใช้สิทธิการส่งของฟรี รู้สึกเหมือนว่าความคุ้มค่าจะลดลง ถึงจะยังได้ Free Video, E-book, Photos อยู่ก็ตาม

สรุป จ่าย 700 บาทต่อปีสำหรับ 100GB และยกเลิก Amazon Prime น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งๆที่เงินก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่พอต้องจ่ายในสิ่งที่ไม่เคยจ่ายดันรู้สึกแพงขึ้นมาซะงั้น แต่รอดูสถาการณ์เมื่อใกล้ถึงกำหนดอีกว่า จะเปลี่ยนใจหรือไม่

ปล. ใครมีบริการอื่นๆ อยากแนะนำ บอกกันมาได้นะครับ

Exit mobile version