วิธีลบแอพพลิเคชั่นซ้ำตอนคลิกขวา Open With ใน Mac

รู้สึกรำคาญไหมครับ ตอนที่จะเปิดไฟล์สักอันในเครื่อง Mac ด้วยการคลิกขวา แล้วใช้ Open With จะมีบางแอพพลิเคชั่นที่มันขึ้นซ้ำๆกันโชว์ขึ้นมา แบบในรูปตัวอย่างครับ

Open With

ลงค้นดูพบว่ามีวิธีแก้ไขด้วยการ reset Launcher ใหม่ เพื่อให้มันสร้าง index ใหม่ มีหลายวิธี ทั้งการแก้ไขผ่านทาง Terminal ดูที่ลิงค์นี้ “How To Remove Duplicate Apps In Mac’s Right Click “Open With” Menu” และแก้ไขผ่านทางโปรแกรม วิธีที่น่าจะง่ายที่สุดสำหรับคนทั่วไป อย่างผม อย่างท่านๆหลายๆคน ก็คือใช้โปรแกรม OnyX ช่วย มีโปรแกรมอื่นด้วยนะแต่บางอันเสียตังค์ ดูขั้นตอนการแก้ไขได้เลย ง่ายมาก

วิธีลบแอพพลิเคชั่นซ้ำตอนคลิกขวา Open With ใน Mac

1. ดาวน์โหลด OnyX (คลิกดาวน์โหลด) ติดตั้งให้เรียบร้อย

2. เปิดโปรแกรมขึ้นมา เข้าไปที่เมนู Maintenance >>Rebuild >>ติ๊ก LaunchService >>คลิก Execute

OnyX

3. เรียบร้อย ลองเปิดดูอีกครั้ง

Open With ที่ไม่มี Duplicate Apps แล้ว

หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะครับ

วิธีสั่งซื้อ iPad mini ออนไลน์ พร้อมสลักชื่อไว้ด้านหลัง

วิธีสั่งซื้อ iPad mini ออนไลน์ พร้อมสลักชื่อไว้ด้านหลัง มีสิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนสั่งซื้อ ได้แก่ บัตรเครดิต และ ที่อยู่ของผู้รับ ส่วนขั้นตอนนั้นไม่ยาก Apple Store ออกแบบขั้นตอนการสั่งซื้อไว้ค่อนข้างง่ายไม่สับสน คลิกไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว รอรับของที่บ้านได้เลย

ขั้นตอนการสั่งซื้อ iPad mini

  1. เข้าไปที่หน้าสั่งซื้อ iPad mini ของ Apple Store ของประเทศไทย https://store.apple.com/th/buy/home/shop_ipad/family/ipad_mini

    iPad mini ใน Online Store ของ Apple

  2. เลือกสี เลือกโมเดล ตามต้องการ (ผมเลือก iPad mini สีขาว รุ่น Wifi ความจุ 16GB ) เลือกแล้วกด Continue ต่อไป

    เลือกสี เลือกความจุ ของ iPad mini ตามความต้องการ

  3. ขั้นตอนนี้จะเป็นการสั่งให้สลักคำไว้ด้านหลังของเครื่อง ใส่ตัวอักษรได้ประมาณ 30 ตัวอักษรต่อแถว มีสองแถวให้ใส่ จะใส่คำอวยพร ใส่ชื่อตัวเอง หรือคำคมอะไรก็ได้ ตามใจเรา จะทำให้ iPad mini เครืองนี้พิเศษมีเครื่องเดียวในโลก! ตรวจสอบคำถูกต้องให้ดีแล้วกด Add engraving (หากไม่อยากใส่สลักคำไว้ด้านหลังก็กด continue ใต้คำว่า Skip engraving ได้เลยเช่นกัน)

    ใส่ชื่อหรือข้อความตามต้องการ

  4. ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการเลือกอุปกรณ์เสริม หากไม่ต้องการ ก็กด Add to Cart ได้เลย (ค่าเริ่มต้นของการซื้ออุปกรณ์เสริมจะเป็น none อยู่แล้ว)

    เลือก Accessary เพิ่มเติมได้

  5. ตรวจสอบการสั่งซื้ออีกครั้ง เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว กด Check Out Now

    ตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

  6. ขั้นตอนต่อไป สังเกตุให้ดีว่าตอนนี้อยู่ในโหมด secure ที่ URL ต้องเป็น https:// ล็อกอิน Apple ID หรือจะเลือกเป็น Guess checkout ก็ได้ ผมมี Apple ID อยู่แล้ว ก็เลยล็อกอินบัญชีของตัวเอง

    ถ้าใครมี Apple ID อยู่แล้วก็ล็อกอินได้เลย

  7. ใส่ที่อยู่ผู้รับ และรายละเอียดส่วนของ Payment (บัตรเครดิต)

    รายละเอียดที่อยู่ของผู้รับ

  8. เสร็จแล้วตรวจสอบ Order รอ iPad mini ที่บ้าน

    เรียบร้อยแล้ว

ในระหว่างรอของเราสามารถเข้าไปแก้ไขรายการได้จนกว่าของจะถูกส่ง เช่น เปลี่ยนคำสลักคำด้านหลัง หรือยกเลิกการสั่งซื้อ และในระหว่างที่ iPad mini ถูกส่งแล้วจะมีอีกอีเมลมาแจ้งเตือน พร้อมทั้งหมายเลข tracking ติดตามดูสถานะได้ตลอด

ตัดข้ามมาอีก 2 สัปดาห์ <–เวลาตรงนี้จะขึ้นอยู่กับสถานะของสิ้นค้าที่เราสั่ง และค่อนข้างตรงเวลาทีเดียว (ของผม 13 วัน) ถ้าของมาส่งแต่ไม่มีผู้รับโดยตรง เขาจะส่งใบแจ้งไว้ให้ ว่าจะให้มาส่งใหม่อีกทีเมื่อไหร่ ภายใน 7 วัน หรือจะไปรับของเองก็ได้ ผมเลือกไปรับของมาเองเพราะไม่ได้ไกลจากที่อยู่มากนัก

กล่องเล็กแต่แข็งแรง

กล่องส่งของมา

แกะดูข้างใน

iPad mini นอนอยู่ในกล่อง
เปิดกล่องออกมา

นี้ไงคำสลักติดอยู่ด้านหลัง ไม่เหมือนใคร

คำสลักติดอยู่ด้านหลัง

เป็นอันจบการรีวิว เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับใครที่อยากซื้อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษครับ

วิธีแก้ไขเมื่อ Find My Mac ขึ้นสถานะ No Location

วิธีแก้ไขง่ายมาก ใครไม่อยากอ่านรายละเอียด เลื่อนลงไปดูด้านล่างเลยครับ

ได้ยินข่าวการจับโจรขโมย iPhone ได้ด้วยการใช้ Find My iPhone/Mac ส่วนใครอยากรู้วิธีการติดตั้ง Find My iPhone/Mac ดูรายละเอียดได้ที่โพสอันเก่า “เปิดการทำงาน Find My Mac และทดลองใช้งาน” จึงทดลองเข้าไปเช็คเครื่องของตัวเองใน iCloud.com ปรากฏว่าที่เครื่อง Macbook ของเราขึ้นเป็น No Location แต่สถานะบอกว่าออนไลน์ สามารถสั่งเตือน สั่งล็อกหรือลบข้อมูลได้ เพียงแต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งบนแผนที่ได้ แสดงผลประมาณดังรูปข้างล่าง (รูปของคนอื่น ลืมจับภาพไว้!)

Find My Mac แสดงผลเป็น No Location

ผมพยามแก้ไขด้วยวิธีต่างๆที่เคยทำในโพสวิธีแก้ไขปัญหาจากโพสเก่าข้างบน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผล เริ่มโทษว่าตัวอัพเดต OSX 10.8.2 ว่ามีบั๊ก ถึงกับวางแผนจะ Reinstall OSX ใหม่อีกรอบแบบ Clean install เลยทีเดียว

แต่ก็พยายามค้นหาข้อมูลของคนอื่นๆที่พบปัญหาเหมือนเรา แล้วก็พบวิธีแก้ไขปัญหาจนได้ ง่ายกว่าที่คิด นั้นคือ

“เปลี่ยนการเชื่อมต่อจาก Ethernet (สายแลน) เป็น Wifi”

แล้วก็ระบุตำแหน่งของเครื่องได้

ปล. แสดงว่าถ้าคนขโมยเครื่องเราไปแล้ว ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านสายแลนตลอดก็ระบุตำแหน่งไม่ได้นะสิ แย่จัง!

รวม Artwork รำลึกถึง สตีฟ จ๊อบส์ จากแฟนๆ

รวม Artwork จากแฟนๆทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็น Advertising Agency ที่ทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงการจากไปของสตีฟ จ๊อบส์ ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2011 ด้วยโรคมะเร็งตับ ซึ่งก็ครบรอบ 1 ปีแล้วในวันนี้ ใครอยากรู้จัก สตีฟ จ๊อบส์ มากขึ้น ลองเข้าไปอ่านที่เขียนไว้ตอนอ่านหนังสือชีวประวัติของเขาได้ที่นี้ครับ หนังสืออัตชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน

วันนี้จึงหยิบเอา Artwork สวยๆ เหล่านั้นมาให้ชมกันอีกครั้งครับ ส่วนใหญ่เน้น เรียบง่าย และใช้สัญลักษณ์แทนคำพูด ที่มาของภาพทั้งหมดมาจากที่นี้นะครับ https://adsoftheworld.com/blog/steve_jobs_homage_ads/

นอกจากนี้ เราก็ได้เห็นการร่วมมือกันทำคลิปโฆษณาชุด “Think Different” จากกลุ่มเซเล็บแฟนของ สตีฟ จ๊อบส์ ในไทย เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ Macthai ครับ ทำได้ซึ้งเลยทีเดียว


Advertising Agency: DDB, Dubai, UAE
Executive Creative Director: Shehzad Yunus
Art Director: Dinesh Gore
Copywriter: Shehzad Yunus


Advertising Agency: Raineri Design, Italy
Art Director: Gigi Pasquinelli


Advertising Agency: Agency4e7, Vienna, Austria
Creative Director: Alex Schönburg
Art Director: André Huber


Advertising Agency: Avrett Free Ginsberg


Advertising Agency: Federico Mauro, Rome, Italy
Creative: Federico Mauro


Creative: Daniel Rehpani


Advertising Agency: Periscope, Minneapolis, Minnesota, USA
Art Director: Brian Boord
Copywriters: Scott Dahl, Rob Peichel
Illustrator: Brian Boord


Creative: Enrique Espinoza


Advertising Agency: Maksim Fulltime, Guayaquil Ecuador
Chief Creative Officers: Jimmy Landaburu, Chuck Vallarino
Art Director: Jimmy Landaburu
Copywriter: Freddy Ordoñez


Advertising Agency: Redlime, Sri Lanka


Advertising Agency: Bang In The Middle, Gurgaon, India
Chief Creative Officer: Prathap Suthan
Art Director / Copywriter: Viral Pandya


Advertising Agency: agenta agenturgruppe, Münster, Hamburg, Berlin
Managing Directors: Oliver Grage, Andre Schmechta, Michael Hartung
Creative Directors: Dominik Heinrich, Christian Broll, Stefan Stumpe
Art Directors: Ulrich Hock, Manfred Teschlade, Bettina Schnake




Advertising Agency: DDB Cairo, Egypt
Creative / Illustrator: Ahmed El Habashy


Advertising Agency: Erwin Penland, USA
Executive Creative Director: Andy Mendelsohn
Associate Creative Directors: Stephen Childress, Rick Bryson


Advertising Agency: The Lab Ideas
Creative Director: Mariano Kalmus


Creative: Odysseas Galinos- Paparounis


Advertising Agency: Euro RSCG 360, Lyon, France
Executive Creative Director: Hugues Pinguet, Stéphane Morel
Art Director: Quentin Delachaux
Copywriter: Stéphane Le Frapper


Creative: Craig Fitzgerald


Eduardo Rodriguez
Copy and Art Director


Advertising Agency: Aayan Communication
Executive Creative Director: Fayyaz
Creative Director: Ali Saeed
Copy Writer: Faiz Ahmed



Advertising Agency: Extra Credit Projects, Grand Rapids, MI USA
Creative Director: Rob Jackson
Art Director: Josh Best
Copywriter: Scott Schermer


Advertising Agency: Mangomedia, Ciudad de Guatemala, Guatemala
Creative Director: Martin Cheren
Art Director: Martin Cheren
Copywriters: Martin Cheren, Massimiliano Ricci


Advertising Agency: San José, Costa Rica
Creative Director: David Carvajal
Art Director / Copywriter: David Carvajal


Advertising Agency: ACTIF Advertising Agency, Costa Rica


Advertising Agency: Publicis, Montreal, Canada
Creative Directors: Nicolas Massey, Carl Robichaud
Art Director: Carl Robichard
Copywriters: Nicolas Massey, Luc Mérineau


Advertising Agency: AUFBRUCH, Düsseldorf, Germany
Art Director: Alexander Gerlings
Junior Art Director: Magnus Siemens
Copywriter: Robert Meißner


Advertising Agency: Evolution Alexandria, Egypt
Art Director: Khaled Soliman


Advertising Agency: vollblutwerber
Creative: Malte C. Bayer


Advertising Agency: Leo Burnett, Sri Lanka


Advertising Agency: dlk estudio, Caracas, Venezuela
Creative: Joel Pallotta


Advertising Agency: Paradigmplus, India, Pune
Creative Director: Nitin Adake
Art Directors: Nitin Adake, Dinesh Sapkale
Copywriter: Nitin Adake
Typography: Nitin Adake, Dinesh Sapkale
Published: Octover 2011


Advertising Agency: Friday Creative
Creative: Milan Vuckovic


Creative: Elmalah Ahmed


Advertising Agency: Leo Burnett Colombia
Copywriter: Marvin Leiva
Art Director: Jorge Valencia


Advertising Agency: DDB, Cairo, Egypt
Creative / Art work : Muhammad Salah


Creative: Ahmed@TheYellowDesigns


Advertising Agency: Bader Rutter, USA
Creative Director: Mike Fredrick
Art Director / Copywriter: James Madsen

 

เปรียบเทียบสเปคและราคา iPhone 5, iPhone 4S, iPhone 4

พอดีว่าอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับสเปคและราคาของ  iPhone 5, iPhone 4S และ iPhone 4 ก็ไปเจอตารางที่ Apple ทำไว้อย่างดี เลยก๊อปมาทั้งดุ้น เผื่อมีคนสนใจ แม้แต่ iPhone 4 ที่เอาไว้ขายในราคาประหยัดเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ ยังราคาตั้ง 14,500 บาท ให้มีตังค์เหลือใช้เยอะๆค่อยว่ากันอีกที

A6 chip

A5 chip

A4 chip

สี

Black and Slate,   White and Silver
Black,   White
Black,  White

ขนาดและน้ำหนัก

  • Height: 123.8 mm (4.87 inches)
  • Width: 58.6 mm (2.31 inches)
  • Depth: 7.6 mm (0.30 inches)
  • Weight: 112 grams (3.95 ounces)
  • Height: 115.2 mm (4.5 inches)
  • Width: 58.6 mm (2.31 inches)
  • Depth: 9.3 mm (0.37 inches)
  • Weight: 140 grams (4.9 ounces)
  • Height: 115.2 mm (4.5 inches)
  • Width: 58.6 mm (2.31 inches)
  • Depth: 9.3 mm (0.37 inches)
  • Weight: 137 grams (4.8 ounces)

จอภาพ

  • 4-inch (diagonal) Retina display
  • 1136×640 resolution
  • 326 ppi
  • 3.5-inch (diagonal) Retina display
  • 960×640 resolution
  • 326 ppi
  • 3.5-inch (diagonal) Retina display
  • 960×640 resolution
  • 326 ppi

3G และ Wireless

  • GSM model: GSM/EDGE
  • UMTS/HSPA+
  • DC-HSDPA
  • CDMA model: CDMA EV-DO Rev. A and Rev. B
  • LTE3
  • Wi-Fi (802.11a/b/g/n; 802.11n on
    2.4GHz and 5GHz)
  • Bluetooth 4.0
  • GPS and GLONASS
  • GSM/EDGE
  • UMTS/HSPA
  • CDMA EV-DO Rev. A2
  • Wi-Fi (802.11b/g/n; 802.11n on
    2.4GHz)
  • Bluetooth 4.0
  • GPS and GLONASS
  • GSM model: GSM/EDGE
  • UMTS/HSDPA
  • CDMA model: CDMA EV-DO Rev. A
  • Wi-Fi 802.11b/g/n (802.11n on
    2.4GHz)
  • Bluetooth 2.1 + EDR
  • GPS

ซิมการ์ด

Nano-SIM
iPhone 5 is not compatible with existing micro-SIM cards.
Micro-SIM Micro-SIM

กล้องหลัง

8 megapixel

  • Autofocus
  • Tap to focus
  • LED flash
  • Backside illumination sensor
  • Five-element lens
  • Face detection
  • Hybrid IR filter
  • ƒ/2.4 aperture
  • Panorama

8 megapixel

  • Autofocus
  • Tap to focus
  • LED flash
  • Backside illumination sensor
  • Five-element lens
  • Face detection
  • Hybrid IR filter
  • ƒ/2.4 aperture
  • Panorama

5 megapixel

  • Autofocus
  • Tap to focus
  • LED flash
  • Backside illumination sensor
  • Four-element lens
  • ƒ/2.8 aperture

กล้องหน้า

1.2MP photos
720p HD video
Backside illumination sensor
VGA-resolution photos
VGA-resolution video
VGA-resolution photos
VGA-resolution video

วีดีโอคอล

FaceTime

  • iPhone 5 to any FaceTime-enabled device over Wi-Fi or 3G
  • Initiate video calls over a mobile network

FaceTime

  • iPhone 4S to any FaceTime-enabled device over Wi-Fi
  • Initiate video calls over a mobile network

FaceTime

  • iPhone 4 to any FaceTime-enabled device over Wi-Fi

บันทึกวีดีโอ

1080p HD video recording

  • 30 fps
  • Tap to focus while recording
  • LED light
  • Improved video stabilisation
  • Take still photos while recording video
  • Face detection

1080p HD video recording

  • 30 fps
  • Tap to focus while recording
  • LED light
  • Video stabilisation

720p HD video recording

  • 30 fps
  • Tap to focus while recording
  • LED light

หูฟัง

Apple EarPods with Remote and MicStorage and travel case Apple Earphones with Remote and Mic Apple Earphones with Remote and Mic

เชื่อมต่อ

Lightning

30-pin

30-pin

แบตเตอรี่

Talk time:
Up to 8 hours on 3GBrowsing time:Up to 8 hours on 3G
Up to 10 hours on Wi-FiStandby time:
Up to 225 hours
Talk time:
Up to 7 hours on 3GBrowsing time:

Up to 6 hours on 3G
Up to 9 hours on Wi-FiStandby time:
Up to 200 hours
Talk time:
Up to 7 hours on 3GBrowsing time:

Up to 6 hours on 3G
Up to 10 hours on Wi-FiStandby time:
Up to 300 hours

ความจุและราคา

16GB ฿ 22,450
32GB ฿ 26,350
64GB ฿ 30,250
16GB ฿ 19,500.00 8GB ฿ 14,500.00

Scrollbar ของ Mac ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

Scroollbar ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ไปเจอรวม Scrollbar ของ Mac OS ตั้งแต่ปี 1981-2012 เรียกได้ว่าตั้งแต่อดีตเริ่มแรก(ต้นแบบ)จนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว เห็นว่าน่าสนใจเลยเอามาฝากครับ แนวโน้มของมันจะเห็นได้ว่าดีไซด์จะไปแนวมีอะไรน้อยลงเรื่อยๆ อันล่าสุด OS X Lion กลายเป็นหายไปเลย จะโผล่มาเฉพาะตอนใช้งานเท่านั้น เรียบง่ายที่สุด ตามแนวของ สตีฟ จ๊อบส์ สไตล์

ที่มา: https://www.cultofmac.com

ไฟล์ที่ Save บน iCould ที่เครื่องเราเก็บไว้ไหน?

เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่ลอง save ไฟล์ Keynote รวมทั้งไฟล์อื่นๆด้วย ไปเก็บไว้บน iCloud ตอนเปิดใช้งาน แก้ไข ก็สะดวกดี แต่กับมีปัญหาตอนเราจะส่งไฟล์นี้ให้คนอื่น เพราะดันหาที่อยู่ของไฟล์ต้นฉบับไม่เจอ(มันเอาไปเก็บไว้ไหนฟะ?) จะ save as ก็ไม่มีเมนูนี้ ตอนนั้นก็ใช้วิธีบ้านๆคือ Duplicate ขึ้นมาอีกอันแล้วค่อยกด save ไว้ข้างนอก iCloud

iCloud

พอมีเวลาค่อยมาหาข้อมูลว่าไฟล์ที่เรา save ไว้บน iCloud ตำแหน่งที่ของไฟล์อยู่ในเครื่องเราอยู่ตรงไหน ก็ไปเจอที่บทความนี้ ใน OSX Daily ง่ายมาก ทำ 2 ขั้นตอน เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง

  1. เปิด Finder ขึ้นมา กด Command+Shift+G หรือคลิกที่ Go>Go to Folder  ก็ได้ พิมพ์ ~/Library/ เข้าไปในช่องค้นหา

    Go to Folder

  2. เลื่อนหาโฟว์เดอร์ที่ชื่อ “Mobile Documents” ไฟล์ทั้งหมดอยู่ในนั้นโดยแยกตามโปรแกรมต่างๆ ถ้าอยากเข้าถึงง่ายๆในครั้งหน้า ก็คลิกขวา Make an alias แล้ว Drag โฟว์เดอร์ไปวางไว้ที่ Favorites Sidebar ได้เลย

    Mobile Documents

น้องจากนี้ พวกโปรแกรมอื่นๆที่เราใช้ใน iOS ที่เลือก Save ขึ้น iCloud ไฟล์ก็ถูก Sync มาที่นี้เหมือนกัน เช่น รูปจากโปรแกรม SketchBook ใน iPod ก็เห็นในนี้เหมือนกัน

ใช้ iPad เพื่อการศึกษา ความรู้อยู่ที่เนื้อหาและสิ่งแวดล้อม

iPad เพื่อการศึกษา

ถ้าจะพูดถึงเครื่องมือหรืออุปกรณ์เพื่อการศึกษาที่จะมาช่วยเสริมสร้าง พัฒนาการเรียนรู้ ของผู้ที่เป็นนักเรียนรู้ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง นักเรียน นักศึกษา อย่างเดียวนะครับ รวมถึงทุกคนที่มีใจไฝ่เรียนรู้ อุปกรณ์ที่จะช่วยให้การเรียนรู้นั้นทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด ณ ตอนนี้ น่าจะเป็น iPad ของ Apple  เพราะถือว่ามีองค์ประกอบที่สมบูรณ์ที่สุด ทั้งหนังสือดิจิตอล(ebook) แอพพลิเคชั่น(Apps Store) คลังความรู้(iTunes U) นอกจากนั้นยังมีตัว Textbook ที่มีชุดโปรแกรมที่จะช่วยให้การสร้างหนังสือแบบที่มีการโต้ตอบกับผู้ใช้ได้อย่างน่าตื่นเต้น นับว่า iPad นำหน้าคู่แข่ง Android, Windows 8 ในเรื่องของการสนับสนุนทางการศึกษาไปหลายช่วงตัว

iPad in Education

Apple ได้วางให้ iPad เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่ผลิตมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาอย่างเต็มที่ เห็นได้จากงาน Education Event เมื่อ 19 มกราคา 2012 ในงานมีการเปิดตัวหนังสือเรียนแบบที่มี interactive โต้ตอบกับผู้อ่านได้อย่างดี พร้อมโปรแกรมสร้างหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สำหรับ iPad โดยเฉพาะ และยังแจกให้ทุกคนใช้โปรแกรมนี้ได้ฟรีอีกด้วย ยิ่งทำให้ iPad เหมาะกับงานทางด้านการศึกษามากขึ้น

ลำดับต่อไปอยากนำส่วนต่างๆที่เป็นองค์ประกอบทำให้ iPad เหมาะกับการศึกษามาแจกแจงทีละข้อ ดังนี้ครับ

1. Textbooks หนังสือที่โต้ตอบกับผู้อ่านได้

หนังสือที่มาพร้อมภาพนิ่ง ภาพ 3 มิติ วีดีโอ เสียง ฯลฯ

คุณสมบัติของตัว Textbook ที่จะทำให้การเรียนรู้นั้นมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

  • Textbooks ของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆอย่าง McGraw-Hill, Person Education, Houghon Mifflin Harcourt ผู้ผลิตหนังสือมีคุณภาพ ทั้งรายวิชา เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา ภูมิศาสตร์ มีให้ดาวน์โหลดแล้ว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • เราสามารถพกหนังสือเล่มใหญ่หลายๆเล่ม ด้วยมือข้างเดียวได้ คงไม่ต้องแบกใส่เป้ให้เมื่อยหลังกันแล้ว โดยเฉพาะหนังสือพวก Textbook ถ้าถือเล่มจริงได้ 2 เล่มก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่เมื่อเป็นแบบดิจิตอลทำให้เราง่ายต่อการพกพา และสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
  • Textbooks ใน iPad เป็นหนังสือแบบมัลติทัช สามารถหมุนมุมมอง ซูมได้ มีภาพ ไดอะแกรม วีดีโอ ภาพสามมิติที่สามารถใช้นิ้วหมุนโมเดลได้รอบด้าน จดบันทึกลงหนังสือ ขีดเขียนลงหนังสือ เขียนโน๊ตสั้นๆ หรือใส่สีให้ตัวอักษรได้
  • ชมวีดีโอแนะนำ iBooks Textbooks

2. iPad Apps เพื่อการศึกษา

แอฟพิเคชั่น ที่เสริมการเรียนรู้มีมากมาย

ตัวแอพพลิเคชั่นของ iPad เฉพาะกลุ่มทางด้านการศึกษามีมากกว่า 20,000 แอพพลิเคชั่น น่าจะถือว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่นๆ อีกทั้งแอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาสำหรับงานทางด้านการศึกษาถูกออกแบบมาอย่างดี แม้จะมีราคาแพงอยู่บ้าง ก็นับว่ามีความคุ้มค่าเมื่อแลกกับการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่าง แอพพลิเคชั่นเพื่อการศึกษาที่น่าสนใจ โดยแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆได้ดังนี้

iWork กลุ่มของแอพพลิเคชั่นที่ช่วยทำงานทางด้านเอกสาร พรีเซนเตชั่น เอกสารตารางคำนวณ

English Language Arts กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยสอนภาษาอังกฤษให้เด็กด้วยภาพศิลปะ

Mathematics กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนคณิตศาสตร์

Science กลุ่มแอพพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์

History and Geography กลุ่มแอพลิเคชั่นช่วยเรียนรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และภูมิประเทศ

Language Development เรียนภาษาอื่นๆ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีทั้งพูด ฟัง อ่าน เขียน หรือท่องคำศัพท์

Art, Music, and Creativity กลุ่มแอพพลิเคชั่นส่งเสริมศิลปะ วาดภาพ ดนตรี และงานสร้างสรรค์

Reference, Productivity, and Collaboration กลุ่มแอพพลิเคชั่น เอกสารอ้างอิง ดิกชั่นนารี จดบันทึก

Accessibility กลุ่มแอพพลิเคชั่นที่ช่วยให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อมูลต่างๆหลากหลายวิธี

นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่นที่เกี่ยวกับการศึกษาอีกมากมาย เข้าไปดูได้ใน Apps Store ในหมวด iPad Education

3. iTunes U เรียนหนังสือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกผ่านทาง iPad

iTunes U for iPad

iTunes U เป็นศูนย์รวมข้อมูลทางด้านการศึกษาแบบออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งในแต่ละหลักสูตรมีทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเรียนในรายวิชานั้นๆ ทั้งวิดีโอบรรยาย เอกสารประกอบการเรียน เสียง พรีเซนเทชั่น ซึ่งมีอยู่มากกว่า 500,000 รายการ หลักสูตรครอบคุมทุกรายวิชา ทั้งวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ ภาษา วัฒนธรรม การแพทย์ ศิลปะ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก เช่น Stanford, Yale, MIT, Oxford, UC Berkeley เป็นต้น มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกเข้ามาเปิดห้องเรียนออนไลน์ให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนได้ฟรี ถือว่าเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่และมีประโยชน์มาก เป็นอีกช่องทางและโอกาสอันดีที่เราสามารถเข้าไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยต่างๆได้อย่างใกล้ชิด เหมือนนั่งอยู่ในห้องเรียนนั้นๆเหมือนนักเรียนคนอื่นๆเลยทีเดียว

4. ใช้ iPad สอนในห้องเรียน

ต่อ iPad ออกจอภาพขนาดใหญ่

เราสามารถที่จะใช้ iPad ประกอบการสอนได้อย่างง่าย ผ่านทางการแสดงผลด้วยจอภาพขนาดใหญ่ เช่น HDTV หรือ จอโปรเจคเตอร์ ช่วยให้นักเรียนได้เห็นสิ่งที่คุณเห็นไปพร้อมๆกัน หรือใช้แสดงสไลด์พรีเซนเตชั่นแทนคอมพิวเตอร์ก็ได้ ทำให้การอธิบายหรือการเรียนรู้ไปพร้อมกันนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ด้วยปัจจัยต่างๆเหล่านี้ช่วยให้ระบบและสภาพแวดล้อม(เนื้อหา) ของ iPad นั้น ถือเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าพร้อมกว่า tablet เพื่อการศึกษาของคู่แข่งรายอื่นๆอย่างมาก อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะนักเรียน นักศึกษา เท่านั้น ผู้ที่ไฝ่เรียนรู้ก็สามารถที่จะใช้ iPad เพื่อเสริมความรู้ให้ตัวเองได้ตลอดเวลาผ่านทางช่องทางอื่นๆได้อีกมากมาย เช่น ข่าวสาร เนื้อหาเว็บไซต์ ฐานข้อมูลทางห้องสมุด หรือสื่อบันเทิงต่างๆ เช่น ภาพยนต์ เพลง เกม ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนมีความรู้แทรกอยู่เสมอๆ เพียงเรามีเครื่องมือที่ดีสนับสนุนการเรียนรู้และความใฝ่รู้ของผู้ใช้งานร่วมกัน

ข้อมูลอ้างอิง: https://www.apple.com/education/ipad/

Wallpaper สำหรับจอแบบละเอียดของ Macbook Pro with Retina display

Macbook Pro with Retina display

Macbook Pro ตัวใหม่ของ Apple ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อ 12 มิ.ย. 2012 ที่ผ่านมา มีหน้าจอเป็น Retina display ขนาด 2880 x 1800 pixels ในจอขนาด 15 นิ้ว ด้วยความละเอียดระดับ 220 ppi ซึ่งจอที่ละเอียดสูงขนาดนี้ เป็นการยากเหมือนกันที่จะหา wallpaper ที่เหมาะกับจอขนาดนี้ได้(แบบสวยๆด้วยนะ) ไปเจอในเว็บ cultofmac ซึ่งเป็นภาพของ NASA ที่นาย Rob Sheridan เอามาปรับให้เหมาะกับ Retina display แล้วแชร์ใน Flickr  เป็นภาพของกลุ่มดวงดาว ดาวเคราะห์ กาแล็กซี่ มาแนวเดียวกับ wallpaper ที่มักมาพร้อมกับ Mac OSX อยู่แล้ว และภาพไม่ได้มีแค่ความละเอียดสำหรับ Macbook Pro with Retina display เท่านั้น หน้าจออื่นๆทั่วไปก็มีให้เลือกโหลดเช่นกัน ภาพสวยๆทั้งนั้นเลย

เลือกดาวน์โหลดได้ตามความพอใจ จากลิงค์ด้านล่างของภาพได้เลยครับ

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

Wallpapers For MacBook Pro with Retina

Download full-size image

หนังสืออัตชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน อ่านแล้วครับ

Steve Jobs by Walter Isaacson

หนังสือ Steve Jobs by Walter Isaacson, สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน
ผู้เขียน: Walter Isaacson
บรรณาธิการ: สุทธิชัย หยุ่น
ผู้แปล: ณงลักษณ์ จารุวัฒน์ และคณะ
720 หน้า ราคา 595 บาท
สำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์

หนังสืออัตชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ โดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน (Steve Jobs by Walter Isaacson) อ่านจบไปแล้วเมื่อสองสามวันก่อน เลยขอเขียนถึงหน่อยครับ นานๆจะได้อ่านหนังสือที่หนาๆขนาดนี้จบสักที ขอขอบคุณพี่มิค ที่ให้ยืมหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนเจ้าตัวจะได้อ่านเสียอีก ใจดีมากๆ เวลาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการอ่านยังคงอยู่บนรถตู้ และ BTS ต้องหิ้วไป-กลับระหว่างหอพักกับที่ทำงานตลอดหนึ่งอาทิตย์หนักพอสมควรเลย

หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องชีวิตของ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple ที่เคยใช้โรงรถในการทำคอมพิวเตอร์ขาย แล้วก็กลายมาเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก(ปี 2011) หนังสือที่เกี่ยวกับสตีฟ จ็อบส์ เราจะพบว่ามีอยู่มากมายหลายเล่ม แต่เล่มนี้ิถือว่าเป็นเล่มแรกและเล่มเดียวที่สตีฟ จ็อบส์ เป็นคนร้องขอ วอลเตอร์ ไอแซคสัน ให้มาเขียนชีวประวัติของตัวเอง โดยได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากสตีฟ จ๊อบส์ ผ่านการสัมภาษณ์กว่า 40 ครั้ง และคนรอบตัวเขากว่า 100 คน คนในครอบครัว เพื่อน คู่แข่ง ซึ่งส่วนใหญ่สตีฟ จ็อบส์ จะเป็นคนยุให้คนเหล่านั้นออกมาพูดเรื่องต่างๆเกี่ยวกับเขาเอง

ในหนังสือ สตีฟ จ็อบส์ ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุผลที่เขาอยากทำหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองนั้น เพราะเขาอยากให้ลูกๆรู้จักตัวเขาให้มากขึ้น ผ่านทางมุมมองของตัวเอง ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้มาเล่าให้ฟัง ซึ่งเขารู้ว่าตัวเองใกล้จะตายแล้ว ความจริงแล้วในตอนที่สตีฟ จ๊อบส์กำลังตามจีบให้ วอลเตอร์ ไอแซคสัน มาเขียนหนังสือให้นั้น ไอแซคสัน ยังไม่อยากเขียนเขาบอกว่า ถ้าจะเขียนจริงๆ เขาคิดว่าคงอีกประมาณสัก 10 ปี ต่อจากนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม (คงประมาณว่าให้คุณเป็นตำนานก่อน) ตอนนั้นไอแซคสันยังไม่รู้ว่าสตีฟป่วยเป็นมะเร็งแล้ว สุดท้ายด้วยหลายๆอย่างทำให้หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้น และพิมพ์ออกมาได้หลังจากสตีฟ จ๊อบส์ เสียชีวติได้ไม่นานหนัก หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์โดยที่สตีฟ จ็อบส์ บอกว่าเขาจะไม่อ่านมันก่อน และเขาคิดว่าเนื้อหาข้างในมันต้องมีหลายอันที่จะทำให้เขาโกรธมากแน่ๆ เพราะเขาอยากให้มันเป็นมุมมองที่คนอื่นๆมองเขา

สตีฟ จ็อบส์ เป็นผู้ชายที่ลึกลับ มีอารมณ์ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด เหี้ยม ดื้อรัน ดุดัน หยาบคาย สบถแรงๆแบบไม่ไว้หน้าใคร บางทีก็อ่อนไหว ร้องไห้ เป็นคนนิยมความสมบูรณ์แบบ มินิมัลลิซั่ม เชื่อว่าอะไรยิ่งน้อยยิ่งดี ในหัวเขาข้างในเหมือนจะแบบไบนารี่คือมีแค่ 1 กับ 0 ทุกๆอย่างในโลกนี้ในสายตาเขามีอยู่แค่สองแบบคือ “ยอดเยี่ยมสุดๆ” กับ “ห่วยสุดๆ” ไม่ว่าอะไรก็ตามจะถูกแบ่งเป็นแค่สองอย่างเท่านั้น เช่น พนักงานก็มีแค่เกรดเอ กับห่วยแตก(มักจะโดนไล่ออก) ถ้าอะไรที่เกิดมีระหว่างกลางขึ้นมาเขาจะทำเป็นไม่สนใจไปเลยเหมือนพยายามจะตัดสิ่งนั้นออกจากชีวิตไปเลย

เกี่ยวกับสตีฟ จ๊อบส์ และคนอื่นๆที่ถูกกล่าวถึง

  • เขาเคยไปแสวงบุญที่อินเดียนานถึง 7 เดือน นับถือพระพุทธศาสนา นิกายเซน
  • เป็นมังสวิรัติผลไม้ ครั้งหนึ่งแม่ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมการกินของเขา แต่สตีฟก็บ่นแม่กลับไปว่า “แม่ ผมเป็นนักมังสวิรัติผลไม้ กินแต่ใบไม้ที่สาวพรหมจรรย์เด็ดจากต้นกลางแสงจันทร์” (ติสต์แตกจริงๆ)
  • สตีฟ วอซเนียก เป็นวิศวกรที่ร่วมก่อตั้งบริษัทมาพร้อมกัน เป็นคนขี้อาย ใจดี สุภาพ เก่งมาก เป็นคนซื่อสัตย์ ที่น่านับถือมาก เป็นคนออกแบบ Apple I,II ที่ทำเงินให้บริษัทมากกว่า 75% ในช่วงเริ่มต้นบริษัทช่วงที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ต่างใช้เงินจากรายได้ของผลิตภัณฑ์ที่สตีฟ วอซเนียก คิดค้นขึ้นมา แต่กลับได้รับความสนใจน้อยมาก (แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่)
  • สตีฟ จ๊อบส์ มีลูกสาวชื่อ ลิซ่า และก็ทิ้งเธอไปตอนที่สตีฟอายุ 23 ปี ซึ่งเป็นอายุที่เท่ากับอายุของแม่ของเขาทิ้งเขาไปพอดี (ตอนหลังก็กลับไปรับผิดชอบ)
  • ดูเหมือนว่าเขาจะรักลูกชายมากกว่าลูกผู้หญิง และค่อนข้างจะฝากความหวังไว้กับลูกชายหลายอย่าง เช่น พาไปประชุมด้วย เคยบอกว่า อยากจะให้ดูแลบริษัท Apple ด้วย
  • หลายคนลงความเห็นว่า สตีฟ จ็อบส์ เป็นคนที่ทำงานด้วยได้ยากลำบากมาก ซึ่งเหมือนเขาจะรู้ตัวนะแต่ก็ยังทำพฤติกรรมเหมือนเดิม สตีฟบอกว่าเขามีหน้าที่บอกคนนั้นว่า “ห่วย” (ด่าแรงๆ) เพราะมันเป็นหน้าที่ของเขา ถ้าไม่ทำก็ไม่มีใครทำ สุดท้ายก็จะได้ผลงานห่วยๆ แต่คนอื่นก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีแบบนี้
  • กรรมการบริษัทชุดที่เคยไล่เขาออก เมื่อเขากับมาอีกครั้ง ถูกเขากดดันให้ลาออกหมดทั้งชุดเลย แล้วก็สรรหาชุดใหม่เข้ามาแทน ซึ่งค่อนข้างสนับสนุนตัวเขาเป็นอย่างดี
  • คนที่อยู่ใกล้เขาจะเหมือนว่าถูกดูดเขาไปอยู่ใน “สนามความจริงที่ถูกบิดเบือน” (Reality distortion field) ว่ากันว่า จะรู้สึกคล้อยตาม เชื่อใจและมีพลัง ลุกขึ้นมาทำอะไรที่ตัวเองไม่คิดว่าจะทำได้ให้สำเร็จลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
  • ในการพรีเซนต์เปิดตัวสิ้นค้าแต่ละครั้งของเขา ที่เราเห็นเรียบง่าย ตื่นเต้นนั้น เบื้องหลังนั้นผ่านการซ้อมมาอย่างดี มีการแก้ไข ให้คนรอบรอบข้างช่วยดู สรุปว่าเขาเตรียมตัวมาอย่างดีมากๆ เหมือนซ้อมละครเวที ยังไงยังงั้นเลย
  • สตีฟ จ๊อบส์ หมดเงินไปกับ Pixar ประมาณ 50 ล้านเหรียญซึ่งเป็นเงินครึ่งหนึ่งของเงินที่ได้มาจากการขายหุ้น Apple ทิ้งตอนที่ถูกไล่ออกจากบริษัท(เหลือไว้ 1 หุ้น) ถือว่าเป็นช่วงที่ยากลำบากของบริษัท Pixar ที่รอเงินสนับสนุนจากนายทุนและรอขายกิจการ
  • สตีฟ จ็อบส์ ปฎิเสธการรักษาตั้งแต่ตอนต้นที่ตรวจพบมะเร็งตับอ่อน คนในครอบครัว และเพื่อนๆคนสนิท ต่างขอร้องให้เขาเข้ารับการรักษาด้วยวิธีการแพทย์สมัยใหม่ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำเป็นไม่สนใจ และปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปกว่า 9 เดือน จนมะเร็งลุกลาม ทำให้ยากต่อการรักษา บางทีถ้าไม่รั้นก็คงอาจจะยังมีชีวิตอยู่
  • ช่วงที่ป่วยหนักมีหลายคนเข้ามาพบเขา เช่น ลาร์รี่ เพจ ผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลเคยเข้ามาขอคำแนะนำจากสตีฟ จ๊อบส์ เขาพูดถึงการจะยึดอำนาจกลับจากเอริก ชมิดต์ ส่วนสตีฟแนะนำให้เขาโฟกัสแค่บางผลิตภัณฑ์ไม่ใช่คุมเป็นร้อยๆตัว ซึ่งผมคิดว่าลาร์รี่ เพจ ก็เอาข้อแนะนำของสตีฟมาทำจริงๆจากที่เราได้เห็นช่วงหลังๆที่ผ่านมา เมื่อลาร์รี่ เพจ ขึ้นเป็นซีอีโอ กูเกิล ไล่ปิดบริการต่างๆเยอะมาก
  • บิล เกตส์ คู่แข่งทางธุรกิจตลอดกาล ก็เข้ามาพบสตีฟ จ๊อบส์ เหมือนกัน โดยเขายอมรับว่าระบบปิดของสตีฟที่คุมทุกอย่างทั้งฮาร์ตแวร์ ซอร์ฟแวร์ก็ได้ผลเหมือนกัน ส่วนระบบเปิด(Windows)ของเขานั้นก็ได้ผลเป็นที่ประจักอยู่แล้ว แต่เขาคิดว่าระบบปิดของสตีฟนั้นจะได้ผลดีก็เฉพาะตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น!

เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์

  • ที่บริษัท Apple พนักงานด้านออกแบบดูเหมือนจะมีอำนาจมากกว่าพวกพนักงานวิศวกร โดยเฉพาะ โจนาธาน ไอฟฟ์ จะรับคำสั่งจากสตีฟ จ๊อบส์โดยตรง ถ้ามีการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายวิศกรกับนักออกแบบ นักออกแบบมักจะชนะเพราะสตีฟถือหางข้างนี้อยู่
  • ที่บริษัท Apple มีรางวัลมอบให้แก่คนที่กล้าเถียงสตีฟ จ๊อบส์ ด้วยนะ ซึ่งสตีฟ จ๊อบส์เองก็ดูเหมือนจะชอบเสียด้วยซ้ำ แต่ใครที่จะเถียงต้องเตรียมตัวมาดีมากๆๆๆ ถ้าเถียงแล้วอาจรุ่งไปเลย หรืออาจจะดับไปเลยก็ได้
  • การสร้างผลิตภัณฑ์ต่างๆมักจะเริ่มต้นด้วยการ ระดมสมองกันว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่มันห่วยแตกยังไง แล้วทุกคนก็จะรุมด่าว่าไม่ดียังไงบ้าง แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้ไข ออกแบบใหม่ ส่วนใหญ่ระดมสมองกันในแคมป์ช่วงพักผ่อน
  • iPad เป็นโครงการที่เกิดมาก่อน iPhone แต่ถูกพักไว้ก่อน แล้วเปลี่ยนมาทำ iPhone ก่อน สุดท้ายหลายๆอย่างที่ได้จาก iPhone ก็นำไปต่อยอดอีกทีกับ iPad
  • เริ่มต้นโครงการ iPhone มีการพัฒนาสองโครงการพร้อมกันคือ แบบที่พัฒนาต่อจาก iPod ที่มี click wheel (หน้าตาคงเท่น่าดู) ซึ่งทำให้ใช้งานยาก กับแบบที่เป็นจอทัชสกินที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน
  • App Store ตอนแรกสตีฟ จ๊อบส์ ไม่เห็นด้วยอย่างมาก เถียงกันหลายรอบมาก เพราะไม่อยากให้คนอื่นเอาโปรแกรมมาใส่ในเครื่องของตัวเอง จนสุดท้ายก็ยอม แต่ยอมแบบมีเงือนไข ต้องให้อยู่ในมาตรฐานที่ Apple กำหนดขึ้น
  • สตีฟ จ็อบส์ อยากปฎิวัติวงการทีวี ซึ่งเขาคิดว่าตัวเองคิดออกแล้ว(คิดว่าตอนนี้ Apple น่าจะเริ่มโครงการไปแล้ว)

ยังมีอีกหลายเรื่องที่อ่านแล้วสนุกมากในหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆที่เราได้เห็นข่าวหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นของโลกไอที เราได้อ่านเบื้องหน้าของสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นผ่านทางสื่อต่างๆ แต่หนังสือเล่มนี้เปิดเผยให้เห็นเบื้องหลังที่เกิดขึ้นของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น

สุดท้ายมานั่งคิดว่า เคยได้ฟังปาฐกถาของสตีฟ จ๊อบส์ ในงานรับปริญญาของแสตนฟอร์ดเมื่อนานมาแล้ว ในหนังสือมีเขียนถึงเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน โดยเผยให้เห็นว่าตอนแรกเขาพยายามจะให้นักเขียนบทมืออาชีพมาช่วยเขียน แต่สุดท้ายก็เขียนขึ้นเองแล้วก็ให้คนรอบข้างช่วยดูอีกที ผมมานั่งดูอีกครั้ง พบว่าสามเรื่องที่เขาพูดถึงในการปาฐกถาครั้งนั้นมันครอบคุมชีวิตของเขาได้อย่างดีอย่างไม่นาเชื่อ กลายเป็นว่าหนังสืออัตชีวประวัติเล่มนี้เป็นส่วนขยายการพูดครั้งนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น หรือเรียกได้ว่า ถ้าจะสรุปหนังสือเล่มหนาขนาด 720 หน้าให้สั้นที่สุด และดีที่สุด ก็คือปาฐกถาอันนี้แหละ ใช่เลย!

สรุปส่งท้าย ถึงจะรวย เก่ง อัจฉริยะ มากแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นความตาย แต่สิ่งที่เหลือไว้ก็คือ ผลงาน และความสร้างสรรค์ ที่ทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง

เป็นหนังสือที่อ่านสนุก และได้แรงบันดาลใจดีเยี่ยมครับ

Exit mobile version